คลิ๊ปคนกรุงโชว์รักแร้ อีกหน่อยวัฒนธรรมนี้ก็คงไหลเข้าทุ่ง

11 ต.ค.55 ผมเป็นคนต่างจังหวัด เห็นโฆษณาโชว์รักแร้ แล้วก็หันต้องไปดูให้รู้เรื่อง .. น่าแปลกใจว่าคนทันสมัย คนในเมืองหลวงยุคนี้ เขาเอารักแร้มาโชว์กันแล้วหรือ คงเพราะผมไม่ค่อยได้โหนรถเมย์ติดแอร์ แล้วที่ทำงานก็อยู่ติดทุ่ง นั่งสองแถว จึงไม่เคยเห็นรักแร้ขาว ๆ นี่ถ้าเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยเดินโชว์รักแร้มาแต่ไกล ผมจะต้องชมให้สักหน่อยว่า “ขาวเกินหน้า” ถ้าเพื่อนคนไหนโชว์รักแร้ ผมจะชมให้ครับ (สัญญาใจเลย) .. แต่สงวนสิทธ์เฉพาะผู้หญิงนะครับ เพราะรู้สึกว่าโฆษณาในประเทศไทยจะนิยมโชว์รักแร้เฉพาะผู้หญิง อันที่จริงรักแร้ผมก็ขาวไม่แพ้หญิงเชียวนะ เพราะไม่รู้ว่าสมัยนี้เขาต้องโชว์รักแร้กันแล้ว ผมก็เลยไม่ได้ยกโชว์ใคร .. ต้องอินเทรนกันหน่อย

นิยามศัพท์ คำว่า รักแร้ (armpit) คนภาคกลางเรียกว่า ใต้วงแขน

white armpit
white armpit

คอร์ปอเรท ยูนิเวอร์ซิตี้ ทางออกการศึกษาไทย

ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์
ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์

โดย กมลทิพย์ ใบเงิน

คนคุณภาพ” กำลังกลายเป็น “วิกฤติ” ในภาคการผลิตแทบทุกองค์กร รวมถึงภาคราชการ แน่นอนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) หนีไม่พ้นข้อครหาเหล่านี้ ในฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐรับผิดชอบการจัดการศึกษาภาพใหญ่ของประเทศถึงร้อยละ 90 นับเป็น “ตัวป้อนคน” เข้าสู่ภาคแรงงานทั้งรัฐและเอกชนมากที่สุด แต่ “ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) นักคิด นักเขียน นักบริหารมือทองระดับมันสมองของไทย ชี้ทางออกของการศึกษาไทยที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว
เผอิญเราเป็นเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่สัมผัสกับคนเยอะมาก ในหนึ่งวันเรามีลูกค้าเข้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น 8 ล้านคน ตกเดือนละ 20 ล้านคน บางคนไม่ซ้ำหน้า เราเลยสัมผัสกับคนเยอะของสังคมไทย ผมค่อนข้างจะใกล้ชิดกับการมองภาพรวมของสังคมไทย มองสังคมและมองประเทศไทย ในอีก 10-20 ปีข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ผมห่วงสังคม ห่วงประเทศ ห่วงคุณภาพของเด็กไทย เราก็ห่วงของเราไปอย่างนี้มาตลอดคงไม่ได้แล้ว ต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้สังคมไทยดีขึ้นในรุ่นลูกรุ่นหลานก่อศักดิ์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในโลกอนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้า พลังหนุ่มสาวจะกลายเป็นเจ้าของประเทศไทย แต่ถามว่าวันนี้ “ผู้ใหญ่” ในบ้านเมืองเราได้เตรียมคนหนุ่มสาวให้พร้อมเพื่อจะมารับ “ไม้ผลัด” ในการดูแลบ้านเมืองจากรุ่นพ่อแม่กันหรือยัง
ด้วยสภาพความเป็นจริงการจัดการศึกษาในปัจจุบัน ไม่สามารถฝากอนาคตประเทศเอาไว้ได้ ด้วยระบบการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา เต็มไปด้วยปัญหาด้าน “คุณภาพการศึกษา” ที่ด้อยลงทุกวัน ไม่ว่าจะวัดคุณภาพในรูปแบบใดก็ตาม ทั้งที่ในสถาบันการศึกษามีจำนวน “ศาสตราจารย์” และ “ดอกเตอร์”  มากกว่าในอดีต
“ปัจจุบันภาคธุรกิจบ่นคุณภาพปริญญาตรีไม่น่าพอใจ  ส่วนสถาบันอุดมศึกษาก็แก้ตัวว่าเมื่อรับขยะเข้ามาเรียน จบออกไปก็ยังเป็นขยะ ตรงนี้เป็นปัญหา แต่จะให้เรามาแก้การจัดการศึกษาตลอด 16 ปีนั้นคงไม่ไหว เอาแค่ 4 ปีที่ทุกวันนี้ ภาพรวมเด็กจบ ม.ปลายก็มาเดินเล่นในรั้วมหาวิทยาลัย เดินจากตึกโน้นไปตึกนี้ เพื่อเรียนสะสมหน่วยกิต ขณะเดียวกันก็ทำกิจกรรมแบบเด็กๆ ไปด้วย
ดังนั้นเวลา 4 ปีในสถาบันอุดมศึกษา เด็กของเราไม่ได้ถูกฝึกให้เรียนจบแล้วเพื่อมาทำงานได้  มีแต่เรียนๆ เล่นๆ จ่ายเงินครบก็จบแล้ว แต่จบมาแล้วตกงาน แม้จะมีสหกิจศึกษาซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่เด็กได้ฝึกปฏิบัติแค่เทอมเดียวย่อมไม่เพียงพอ ต่อการเข้าสู่โลกของการทำงานจริงเมื่อสำเร็จการศึกษา”
ก่อศักดิ์” ฟันธงว่าการจัดการศึกษาที่สูญเปล่าแบบนี้ ย่อมไม่เกิดผลดีต่อเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง และประเทศชาติอย่างแน่นอนในอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการ “อาสา” รับใช้บ้านเมืองด้วยการจัดตั้ง “สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (Panyapiwat Institute of Management) หรือ PIM เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนทุนในการจัดตั้งจาก “บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)” นับเป็นสถาบันอุดมศึกษาแรกๆ ในประเทศไทยที่เป็น Corporate University หรือสถาบันการศึกษาที่เชื่อมโยงกับธุรกิจ
“วันนี้เราได้เปิดหลายสาขาวิชาแล้ว ที่ไม่ได้มุ่งเน้นการสร้างคนเพื่อเรา เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ไม่จำเป็นต้องทำงานที่เราอย่างเดียว ไปทำที่ไหนก็ได้ สาขาการจัดการอาคารและทรัพยากรกายภาพ (Building and Facilities Management) จบแล้วก็สามารถไปทำงานในวงการอสังหาริมทรัพย์ ดูแลอาคารสูง และต้องไปฝึกงานกับสถานประกอบการจริง และถูกจองตัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบอยู่ อย่างนี้ก็ไม่ได้ผลิตเพื่อเรา และที่เพิ่งเปิดตัวไปคือ Luxury Product Management ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้มีสินค้าลักชัวรี่เลย คนที่จบมาเราก็ให้วงการลักชัวรี่ไป สาขาภาษาจีนธุรกิจก็ได้ไปฝึกงานกับองค์กรจีน เช่น ทีซีแอล, คิงเพาเวอร์, พารากอน ซึ่งสามารถได้เรียนและฝึกภาษากับเจ้าของภาษาหลายสำเนียง ไม่ได้เรียนรู้จากซาวนด์แล็บเพียงอย่างเดียว ที่น่ายินดีปีนี้เด็กมาสมัครเข้าเรียนจำนวนถึง 2,300 คน แต่เรารับได้เพียง 1,900 คน”
ก้าวย่างที่สำคัญของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ “ก่อศักดิ์”  กล่าวว่า พีไอเอ็มมีโครงการจัดตั้ง “คณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร” (Innovative Agricultural Management) เป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จะมีพิธีลงนามความร่วมมือในวันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2555 โดยจะร่วมมือกันพัฒนาวิชาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรทั้งหมด ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อพี่น้องเกษตรกรไทยโดยเฉพาะชาวนา
“อาจจะเกิดการรวมพื้นที่ทำนาข้าวจากคนในชุมชน ชุมชนละ 20 ไร่ รวมเป็น 2,000 ไร่ นำระบบการบริหารจัดการ เทคนิคพิเศษต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันก็ลดจำนวนชาวนาลงเพื่อยกระดับให้มาทำอาชีพอย่างอื่น อย่างจีนพลเมืองที่ทำนามีร้อยละ 60 ขณะที่สหรัฐอเมริกามีร้อยละ 6 ของประชากรในประเทศ แต่ปัจจุบันชาวนาสหรัฐอเมริกาลดเหลือเพียงร้อยละ 1 แต่สามารถทำนาเลี้ยงคนทั้งประเทศได้”
โครงการจัดตั้ง “คณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร” เริ่มจากการที่พีไอเอ็มส่งนักศึกษาไปเรียนร่วมกับนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในบางรายวิชา  ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีความเชี่ยวชาญสูง รวมถึงการใช้ห้องปฏิบัติการด้วย ส่วนวิชาที่เกี่ยวกับศาสตร์การบริหารจัดการ ทางพีไอเอ็มจะเป็นผู้สอนเอง ในอนาคตมีโครงการขยายกรอบความร่วมมือไปถึงขั้นการร่างหลักสูตรใหม่ร่วมกัน รวมถึงการให้ปริญญาร่วม 2 สถาบัน (Double Degree) คุณลักษณะของบัณฑิตที่จบจากพีไอเอ็มจะเป็นคน “เรียนเป็น คิดเป็น ทำงานเป็น เข้าใจวัฒนธรรม รักความถูกต้อง”
“ผมเชื่อมั่นว่าการจัดการศึกษาแบบ คอร์ปอเรท ยูนิเวอร์ซิตี้ (Corporate University) จะเป็นทางออกของการศึกษาไทย และผมอยากเชิญชวนให้ภาคธุรกิจเครือข่ายใหญ่ของไทย 30-40 บริษัทมาช่วยกันเปิดมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง เรียนจริงปฏิบัติจริง จบแล้วมีสัดส่วนของการได้ทำงานจริง เพราะการให้ทุนการศึกษาจำนวน 1 หมื่นทุน แม้ช่วยการศึกษาชาติได้ก็จริง แต่ไม่ใช่การช่วยจัดการศึกษาชาติได้แบบยั่งยืนครับ”
“ก่อศักดิ์” กล่าวอีกว่า อุปสรรคสำคัญอีกอย่างหนึ่งของคนไทยในการจัดการศึกษา มาจากค่านิยมของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่คลั่งใบปริญญา ไม่คำนึงถึงการเรียนจบแล้วทำงานได้จริง แตกต่างจากประเทศเยอรมนีที่ถือการทำงาน หรือความสำเร็จในการทำงานเป็นหลัก ใบปริญญาเป็นรอง คอร์ปอเรท ยูนิเวอร์ซิตี้ คือทางออกของการศึกษาไทยอย่างที่ซีพีทำอยู่แล้ว เราอยากให้เครืออื่นทำตาม แม้ปัจจุบันมีสหกิจศึกษาซึ่งเป็นความคิดที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอต่อการฝึกงานเพียงแค่เทอมเดียว

http://www.komchadluek.net/detail/20120926/140877/ชูคอร์ปอเรทยูนิเวอร์ซิตี้.html
โดย…กมลทิพย์  ใบเงิน

หวยตู้ เทียบเท่าเปิดเสรีพนัน

หวยตู้ (lotto)
หวยตู้ (lotto)

ต่างมุมก็ต่างมอง .. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกิเลสของมนุษย์

ข่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการ manager.co.th

10 ต.ค.55 รุมอัดคลัง! เปิดหวยตู้เป็นของขวัญรับปีใหม่ เท่ากับเปิดเสรีการพนัน สูบเลือดคนไทย หาเงินเข้ากระเป๋า พร้อมกระตุกต่อม “นายก” ตระหนักความเป็นแม่ อย่าปล่อยอบายมุขพ่นพิษสังคม มอมเมาเด็กเยาวชน ส่งผลคุณภาพชีวิตต่ำ ด้าน“สภาเด็กฯ” ซัดปีใหม่คนไทยอยากได้ของขวัญพัฒนาชีวิต ไม่ใช่อบายมุข ดักคอเบี่ยงประเด็นอ้างโกยเงินคนต่างชาติ
นายมณเฑียร บุญตัน กรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลัง เตรียมเดินหน้าจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ (หวยตู้ )ในช่วงปีใหม่นี้ว่า นโยบายที่อ้างว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาสลากแพงเกินราคานั้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาจุดเดียว แต่สร้างปัญหาบานปลายตามมา เนื่องจากรัฐเป็นผู้ผลิตจำหน่ายขายขาด โยนภาระให้กับผู้แทนจำหน่าย ซึ่งนี่คือต้นตอของปัญหา แล้วจะมาเพิ่มสลากอีกรูปแบบหนึ่ง มันไม่ใช่การแก้ปัญหา ตรงกันข้าม มันจะเป็นการเพิ่มพื้นที่การพนัน เพราะยังไม่มีมาตรการชัดเจนควบคุมการขยายผล
ผมคิดว่ามันเข้าข่าย ลักษณะการพนันเสรีเข้าไปทุกที มันจะต่างอะไรกับที่เด็กเยาวชน ผู้มีรายได้น้อย เจอตู้หวย แล้วก็เดินเข้าไปซื้อได้เลย เพราะมันไม่ได้มีข้อจำกัด อีกทั้งระบบก็ไม่ได้มีการจำกัดเลขด้วย หากมีเลขเด็ดๆ มาคนก็รุมซื้อกันไม่ยั้ง และรางวัลก็ผันแปรตามจำนวนคนถูก เท่ากับรัฐดูดเงินจากประชาชน ผู้บริโภคก็รับกรรมไป รัฐได้ทั้งขึ้น ทั้งล่อง แทนที่รัฐจะปราบปรามการเล่นพนันทุกชนิดในสังคมนายมณเฑียร กล่าว
นายมณเฑียร กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นวิกฤตกับสังคมไทยในระยะยาว ทำให้สังคมอ่อนแอ พัฒนาความเชื่อชาวบ้านไปเชื่อเรื่องดวง เสี่ยงโชค มากกว่าทำเพื่อให้เกิดผล และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้ ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลควรกำหนดมาตรการให้ชัดเจน คือ

1. ป้องกันไม่ให้เด็ก เยาวชน ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการพนันทุกรูปแบบ

2. การเยียวยาผู้ค้ารายย่อย ผู้พิการ ที่ขายสลากเดิม

3. จำกัดพื้นที่การพนัน ไม่ใช่เอาสลากมาเป็นตัวส่งเสริมหารายได้เข้ารัฐ

นางสาวฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า การออกนโยบายนี้ในช่วงปีใหม่ เพื่อให้เป็นของขวัญประชาชน ถือว่าเสี่ยงในด้านการทำลายคุณภาพชีวิตคนไทยให้ต่ำลง เพราะจะเป็นการส่งเสริม ขยายผลเพิ่มความถี่ในการเล่นการพนัน ซึ่งสิ่งที่ต้องทำคือ ศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ไม่มุ่งแต่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว และขอถามนายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของประเทศว่า มีนโยบายในการดูแลเด็ก เยาวชน และครอบครัวอย่างไรบ้าง เพิ่มพื้นที่สาธารณเพื่อครอบครัวอย่างไร ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาครอบครัวและสังคม คุณภาพชีวิต
ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี มีภาพลักษณ์ความเป็นแม่ มีลูกที่ต้องดูแล ท่านห่วงเรื่องนี้ และจะดูแลเรื่องนี้อย่างไร ถ้าในสังคมมีเรื่องอบายมุขเต็มไปหมด มีหวยตู้ ท่านจะรู้สึกอย่างไร และในฐานนะของคนเป็นแม่ จะเลี้ยงลูกท่ามกลางสังคมที่โหมมอมเมาอบายมุขอย่างนั้นหรือ ต่อไปคนไทยคงมีหนี้สินมากขึ้น เศรษฐกิจดี แต่คนมีคุณภาพชีวิตต่ำ ขอให้ท่านพิจารณาทั้งในฐานะแม่ และผู้บริหารประเทศด้วย นางสาวฐานิชา กล่าว
ด้านนางสาวพรเพ็ญ เธียรไพศาล ตัวแทนสภาเด็กจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ที่ควรจะมอบให้คนไทย ไม่ใช่เรื่องอบายมุข แต่ควรเป็นเรื่องที่ส่งเสริมปรับปรุงคุณภาพชีวิตคนไทย ไม่ใช่ส่งเสริมการเล่นการพนันให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะนโยบายหวยตู้ จะสร้างกระแส การเล่นพนันให้เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน เห็นการเล่นหวยเป็นเรื่องปกติ จะทำให้เยาวชนที่ไม่เคยเล่นการพนัน เริ่มกลายเป็นนักพนันหน้าใหม่มากขึ้นๆ และเป็นต้นทางการพนันอื่นๆ ต่อไป จะไม่มีใจจดจ่อกับการเรียน และมีปัญหาอื่นตามมาอีกมากมาย เช่น อาชญากรรม ทำอาชีพไม่เหมาะสม เป็นต้น การบอกว่าควบคุมดูแล ไม่ขายใกล้วัด โรงเรียน มันไม่เป็นความจริง เพราะคุมไม่ได้ ทุกวันนี้สิ่งผิดกฎหมาย ยังไม่มีปัญญาคุมได้เลย แค่ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ยังจัดการไม่ได้เลย.
http://www.manager.co.th/daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000120029

อาตี๋สักมังกร

7 ต.ค.55 อ.ศักดิ์ รัตนชัย พูดถึงเขี้ยวในกลไก และ อ.วฯ ก็พูดถึงเขี้ยว ทำให้ผมนึกถึงเพลงอาตี๋สักมังกร  ที่มีเขี้ยว.. เพื่อนที่อายุเกินผู้ใหญ่ คงเคยฟังเพลงนี้กันทุกคน ถ้าให้นักศึกษาเรียนรู้เพลงนี้ ก็จะเป็นบทเรียนเรื่อง “ความอดทน” ได้ดีครับ

http://www.youtube.com/watch?v=3Sevs7YvrmA

อาตี๋สักมังกร  ของ เพลิน พรหมแดน

(อาจารย์) ผมอาจารย์เพลิน เชิญครับเชิญ เชิญมารู้จัก วิชาอาคมผมเก่งยิ่งนัก เป็นอาจารย์สักชื่อเสียงโด่งดัง รูปอะไรสักได้ทุกอย่าง หมีม้าลาช้างค่างลิงสิงโต
(อาตี๋) ขอโทษครับ ท่านคืออาจารย์เพลิน พรหมแดน ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทางสักเสกเลขยันต์ใช่ไหมครับ (อาจารย์) ใช่แล้วมีธุระอะไรเรอะอาตี๋ ฮื้อ
(อาตี๋) คือผมต้องการสักมังกือ
(อาจารย์) อื้อ มีแต่มังกร
(อาตี๋) ครับมังกรเจ็ดหัว มีตัวใหญ่ๆหางยาวๆ มีหนวดมีเขามีเท้ามีนิ้วมีเล็บ และคาบแก้วด้วย ท่านอาจารย์สักได้หรือเปล่าครับ
(อาจารย์) จะให้เอาทั้งหมดเลยเหรอะ
(อาตี๋) ครับๆ อาจารย์
(อาจารย์) ได้ซิ เอ้า นอนลง อั้วจะทำพิธีสักให้เดี๋ยวนี้แหละ ตั้งนะโมแล้วเสกมนต์ขลัง วะตะมะขังปะกาเสนโต อันตัวกูคือมังกะราโย นั่งยองโย่แล้วลงเข็มมนต์ เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
(อาตี๋) ไอ้หย๋า อาจารย์ครับ
(อาจารย์) ฮือ
(อาตี๋) ผมว่าเอาหัวเดียวดีกว่าครับอาจารย์
(อาจารย์) อ้าวก็ตะกี๊นี้ลื้อบอก เจ็ดหัวไม่ใชรึ
(อาตี๋) คือผมเพิ่งคิดได้ว่าหัวเดียวปากเดียวว่องไวไม่เกะกะเหมือนเจ็ดหัว เวลาจะกินก็ไม่ต้องแย่งกันกินด้วย หัวเดียวดีกว่าครับ
(อาจารย์) หัวเดียวเรอะครับ เอ้าหัวเดียวก็หัวเดียว นะโมนะโมผีกลัวไม่กล้า จะโตนะถาหนังเหนียวเข้มข้น ฝ่าดงแข้งคนยี่สิบคน ไม่ยับไม่ย่นแค่เจ็บๆ คันๆ เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
(อาตี๋) อุ๊ยหย่าอาจารย์ครับ
(อาจารย์) อะไรอีกหล่ะ
(อาตี๋) ไม่ต้องคาบแก้วดีกว่าครับอาจารย์
(อาจารย์) บ๊ะ ก็ตะกี้ลื้อบอกคาบแก้วด้วยนี่
(อาตี๋) คือผมเพิ่งคิดได้ว่า มังกรถ้าคาบแก้วคาปากอยู่
(อาจารย์) มันเป็นยังไง
(อาตี๋) มันก็กินอะไรไม่ได้ ปุเดี๋ยวมันก็หิวตายซิครับ ไม่คาบดีกว่าเนาะอาจารย์
(อาจารย์) ไม่คาบเรอะ
(อาตี๋) ครับ
(อาจารย์) เอ้าไม่คาบก็ไม่คาบ มหาอุตหยุดปืนใหญ่ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่พลั่น เขี้ยวงาทุกสิ่งเข้ามายิงฟัน ยิงได้ทั้งวันไม่หวั่นจริงๆ เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
(อาตี๋) โอ๊ยหย๋า อุ๊ยช้ำ อะอาจารย์ครับ ปุเดี๋ยวก่อนครับอาจารย์
(อาจารย์) อะไรอีกเล่า เอ๊ลื้อนี่รบกวนสมาธิจริงจริงเลยนะ
(อาตี๋) คือผมคิดว่าไม่ต้องมีเท้ามีนิ้วมีเล็บก็ได้ครับ
(อาจารย์) มังกรมันก็ต้องมีเท้ามีนิ้วมีเล็บ ถ้าไม่มีจะเป็นมังกรได้ยังไงฮึ
(อาตี๋) เป็นได้ซิครับ อาจารย์อย่าเถียง ผมอยู่เมืองจีนมาก่อน ดูแต่พญานาคซิยังไม่มีเลย
(อาจารย์) ไม่มีเร๊อะ เอ้า ไม่มีก็ไม่มี รำคาญจริงจริง โอมมาหาระรวย ใครเห็นงงงวยผูกใจชายหญิง ปัญญาจ้าแจ่มหัวแหลมเหมือนลิง ถึงคราวต้องวิ่งใครไล่ไม่ทัน เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
(อาตี๋) ไอ้หย่าซี้เลี้ยวอ๋า ตายแน่ตายจริงจริง อาจารย์ครับหยุดก่อนฮะ ไม่หยุดต้องมีเรื่องแน่
(อาจารย์) เรื่องอะไรอาตี๋ฮื๊อ
(อาตี๋) มังกรไม่ต้องมีเกร็ดก็ได้ครับ
(อาจารย์) ปัดโธ่อาตี๋เอ้ยพอพอเลิกเลิก อั้วไม่สักไม่เสิกให้ลื้ออีกแล้ว ลงอีแบบนี้ต่อไปลื้อก็คงไม่เอาหนวดไม่เอาเขา ไม่เอาเขี้ยว มังกรถ้าไม่กลายเป็นงูเขียว อย่างดีมันก็เป็นแค่งูดิน หรือไม่ก็ปลาไหล เท่านั้นแหละว๊ะ ไปไปให้พ้น
(อาตี๋) ดีดีครับอาจารย์ ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว เข็ดจนตายไม่เอาอีกแล้ว แฮ่ แฮ่ แฮ่

http://writer.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=179136&chapter=170

เนื้อเพลงที่มีการปรับปรุง และร้องใหม่

[เพลิน] : ผมอาจารย์เพลิน เชิญครับเชิญ เชิญมารู้จัก วิชาอาคมผมเก่งยิ่งนัก เป็นอาจารย์สักชื่อเสียงโด่งดัง รูปอะไรสักได้ทุกอย่าง หมีม้าลาช้างค่างลิงสิงโต
[ตี๋] :  ขอโทษครับ ท่านคืออาจารย์เพลิน พรหมแดน ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทางสักเสกเลขยันต์ บ้านเดิมอยู่อารัญ ติดกับแดนกัมพูชา ใกล้กับตาพญา และวัฒนานคร จังหวัดพึ่งตั้งใหม่สดๆร้อนๆ สระแก้ว ใช่ไหมครับ
[เพลิน] : หือ ทักทายร่ายยาวเป็นกิโลเชียวนะ ใช่แล้ว มีธุระอะไรเรอะอาตี๋ ฮื้อ
[ตี๋] : ผมกลัวพลาดจะผิดตัวเลยร่ายยาวไว้ก่อน กันพลาด
[เพลิน] : อืมม พล่ามอยู่นั่นแหละ มีอะไรก็ว่ามา
[ตี๋] : คือผมอยากให้อาจารย์สักมังกือ
[เพลิน] : มังกร
[ตี๋] : เอ่อ มังกร
[เพลิน] : ลื้อจะสักไปทำไม
[ตี๋] : คือผมอยากอยู่ยงคงกระพันสรพงศ์ชาตรี
[เพลิน] : หือ คงกระพันชาตรี
[ตี๋] : เออ คงกระพันซาตรี ถูกตีก็ไม่วิ่ง ถูกยิงก็ไม่หวั่น ถูกฟันก็ไม่ตาย ต่อไปเผื่อผมจะได้เป็นเจ้าพ่อกับเขาบ้าง
[เพลิน] : อ่อ อย่างงั้นเองเรอะ เอามังกรแบบไหนล่ะอาตี๋
[ตี๋] : เอามังกรเจ็ดหัว ตัวใหญ่ๆหางยาวๆ มีเขาเหมือนวัวกระทิง หนวดชี้ดิ่งขึ้นฟ้า เท้าแข็งแรงเหมือนแรดป่า เล็บเหมือนกับพญาครุตคาบแก้ว เป็นมหาอุต เกล็ดทุกอันฝังมุก เขี้ยวงอเหมือนทศกัณฑ์ นิ้วแต่ละอันแข็งโล่เหมือนโซ่สแตนเลส
[เพลิน] : เหอะๆๆ กว่าจะเสร็จมันเจ็บมากนะอาตี๋นา
[ตี๋] : ไม่เป็นหน่ออาจารย์ สำหรับผมนะ เรื่องอยู่ยงคงกระพันเป็นเรื่องใหญ่ ตายเป็นเรื่องเล็ก เจ็บเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย รับรองไม่มีถอยแม้แต่คืบเดียว

[เพลิน] : อืม เอางั้นนอนลง อั๊วจะสักให้ลื้อเดี๋ยวนี้แหละ เฮ้ย ลูกศิษย์ทั้งขวาทั้งซ้าย จับไอ้ตี๋เอาไว้อย่าให้มันดิ๊นนะ!
[ศิษย์] : ครับ อาจารย์[เพลง] : ตั้งนะโมแล้วเสกมนต์ขลัง วะตะมะขังปะกาเสนโต อันตัวกูคือมังกะราโย นั่งยองโย่แล้วลงเข็มมนต์ เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
[ตี๋] : ไอ้หย๋า อาจารย์ครับ
[เพลิน] : ฮือ
[ตี๋] : ผมว่านะ มังกรเนี่ย ให้มีแค่หัวเดียวดีกว่าครับอาจารย์
[เพลิน] : อ่า ไหนบอกแกต้องการตั้งเจ็ดหัวไม่ใชรึ
[ตี๋] : ใช่ครับ แต่ผมเพิ่งมาคิดได้ว่า ถ้ามังกรเนี่ยมีหัวเดียวปากเดียวว่องไว ไม่เกะกะวุ่นวายลำบากใจเหมือนเจ็ดหัว เวลาคิดก็ไม่ต้องแย่งกันคิด กินก็ไม่ต้องแย่งกันกิน เวลาต้องการจะอยู่นิ่งๆ ก็ไม่มีหัวไหนหัวไหนคอยส่ายไปส่ายมา ทำให้ปวดอุราเหมือนรัฐบาลผสม อาจารย์ต้องเชื่อผมหัวเดียวดีกว่าเจ็ดหัวแน่นอน
[เพลิน] : แต่เขาว่าหัวเดียวกระเทียมลีบนะ
[ตี๋] : นั่นมันให้น้ำไม่พอ กระเทียมเลยลีบเลยเหี่ยว ไม่เกี่ยวกับหัวมังกร
[เพลิน] : จะเอาหัวเดียวว่างั้นเถอะ
[ตี๋] : ครับ
[เพลิน] : เอ่า ตามใจ หัวเดียวก็หัวเดียววะ เฮ้ย ช่วยจับที
[เพลง] : นะโมนะโมผีกลัวไม่กล้า จะโตนะถาหนังเหนียวเข้มข้น ฝ่าดงแข้งคนยี่สิบคน ไม่ยับไม่ย่นแค่เจ็บๆ คันๆ เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
[ตี๋] : อุ๊ย ไอ่หย๋า อาจารย์ครับ
[เพลิน] : อะไรอีกหล่ะไอ้ตี๋
[ตี๋] : คือผมว่ามังกร ไม่ต้องคาบแก้วดีกว่าครับอาจารย์
[เพลิน] : บ๊ะ ก็ลื้อบอกว่าเอาคาบแก้วเป็นมหาอุตไม่ใช่เหรอ
[ตี๋] : คือผมเพิ่งคิดได้ว่า มังกรถ้าคาบแก้วคาปากอยู่
[เพลิน] : แล้วมันเป็นยังไง
[ตี๋] : มันก็จะกินจะดื่มจะเขมือบอะไรก็ไม่ไล่ เดี๋ยวมันก็หิวตายผมตาย แล้วอีกอย่างนา ไม่คาบดีกว่าเนาะอาจารย์
[เพลิน] : อะไรอีกล่ะ
[ตี๋] : ถ้าขืนให้มันอ้าปากอยู่ทั้งคืนทั้งวัน ดีไม่ดี แมลงหวี่แมลงวันก็จะพากันบินนำเชื้อโรคมาหย่อนใส่ปาก ทีนี้มันก็จะกลายเป็นมังกรขี้โรค ต้องซบเซ้าเศร้าโศกสิ้นสุดสดใสเหี่ยวแห้งแรงกายไร้สมองอ่อนปัญญา
[เพลิน] : โธ่เอ้ย จะไม่เอามังกรคาบแก้วว่างั้นเถอะ
[ตี๋] : ครับ อาจารย์
[เพลิน] : เอ้า ไม่คาบก็ไม่คาบสิวะ เอ้า พวกเราจับอีกที
[ศิษย์] : ครับ อาจารย์
[เพลง] : มหาอุตหยุดปืนใหญ่ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่พลั่น เขี้ยวงาทุกสิ่งเข้ามายิงฟัน ยิงได้ทั้งวันไม่หวั่นจริงๆ เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
[ตี๋] : โอ๊ยหย๋า อุ๊ยช้ำ อาจารย์ครับ
[เพลิน] : หือ
[ตี๋] : หยุดฟังคำเจียระไนอีกนิดเถอะครับ
[เพลิน] : เฮ้อ อะไรอีกเล่า เอ๊ ไอ้นี่ชอบทำให้เสียเวลาเสียสมาธิจริงๆ เอ้า มีอะไรก็ว่าไป
[ตี๋] : คือ สมองปัญญาผม ไม่รู้มันมาจากไหน ทำให้ผมคิดได้ แล้วก็อยากจะแนะนำอาจารย์ว่า มังกรอะไม่ต้องมีเท้ามีนิ้วมีเล็บก็ได้ครับ
[เพลิน] : เพราะอะไร
[ตี๋] : เพราะถ้ามังกรมีเท้ามีนิ้วมีเล็บ เวลามันแผงฤทธิ์ขึ้นมา มันก็จะตะกุยตะกาย ทำให้เนื้อหนังร่างกายของผมกระจุยกระจายแน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการตัดลมแต่หัววัน
[เพลิน] : ตัดไฟแต่ต้นลม
[ตี๋] : เออ ตัดไฟแต่ต้นลม ผมคิดว่า ไม่ต้องให้มันมีดีกว่าครับอาจารย์
[เพลิน] : เฮ้ย มังกรมันก็ต้องมีเท้ามีนิ้วมีเล็บ ถ้าไม่มีจะเป็นมังกรได้ยังไงล่ะไอตี๋
[ตี๋] : เป็นได้ซิครับ อาจารย์อย่าเถียง
[เพลิน] : จะเป็นได้ยังไง แล้วจะเรียกมันว่ายังไง
[ตี๋] : เราก็เรียกมันว่ามังกรโปลิโอหน้าโง่ปัญญาอ่อน เพราะพ่อมันมั่วสำส่อนมันเลยคลอดก่อนกำหนดไงอาจารย์
[เพลิน] : โธ่ ทุเรศจริงๆไอ้ตี๋เอ๊ย มังกรเป็นโปลิโอ ไม่เคยพบเคยเห็นซะที รำคาญสิ้นดี เอ้า ไม่มีก็ไม่มีมันสิวะ ฮุ้ย รำคาญเหลือทนไอ้นี่
[เพลง] : โอมมาหาระรวย ใครเห็นงงงวยผูกใจชายหญิง ปัญญาจ้าแจ่มหัวแหลมเหมือนลิง ถึงคราวต้องวิ่งใครไล่ไม่ทัน เพี้ยง จึก จึก จึก จึก จึก
[ตี๋] : ไอ้หย่า ซี้เลี้ยวอ๋า ตายแน่ ตายจริงๆ อาจารย์ หยุดก่อน ไม่หยุดต้องมีเรื่องแน่เลย
[เพลิน] : ไอ้ตี๋นี่เอ็งเจ็บหรือเอ็งเสียว
[ตี๋] : ถามทุเรศ เสียวไปได้ยังไง เจ็บจะตายโหง
[เพลิน] : แล้วให้หยุดทำไมอีกล่ะ
[ตี๋] : ก็หยุดเพื่อจะบอกอาจารย์ว่ามังกรไม่ต้องมีเกล็ดก็ได้ครับ
[เพลิน] : ปัดโธ่อาตี๋เอ้ย พอๆๆ เลิกๆๆ อั้วไม่สักไม่เสิกให้ลื้ออีกแล้ว ลงอีแบบนี้ต่อไปลื้อก็คงไม่เอาเขี้ยวเอาแข้งเอาขาเอาหูเอาตา มังกรถ้าไม่กลายเป็นหมามันก็ต้องกลับมาเป็นมังคุดหรือดีที่สุดก็เป็นได้แค่ตุ๊กแกหัวหลุดอุดเป็นไส้เลื่อนไส้เดือนถูกอีเฒ่าเห็นแหละว๊ะ ไป๊!! ไปให้พ้น ขืนอยู่เดี๋ยวโดน M-16
[ตี๋] : แหะๆๆ ขอเป็นสาวสิบหกซบอกเพื่อแก้เจ็บได้ไหมอาจารย์
[เพลิน] : ยังจะมาทะลึ่ง ไป๊!!
[ตี๋] : ดีๆครับอาจารย์ ผมขอสาบแล้วไม่ขอพบพาน ทนทุกข์ทรมาณปวดร้าวซมซานทั่วทั้งกายา จมน้ำตาไหลและเจ็บแทบชีวีวาย เข็ดจนวันตาย ไม่ขอกร่ำกรายมาใกล้อีกแล้ว แฮ่ แฮ่ แฮ่ ๆ ๆ ๆ

http://writer.dek-d.com/Lonelyboy0/writer/viewlongc.php?id=342133&chapter=23

ครบหนึ่งปีการจากไปของสตีฟ จ็อบส์ (itinlife 363)

steve jobs : passionate pitch man
steve jobs : passionate pitch man

5 ต.ค.55 จากบทความเชิงข่าวของ CNN โดย Brandon Griggs ที่ระลึกการจากไปของสตีเวน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) หรือสตีฟ จ็อบส์ ในวาระครบรอบ 1 ปีการเสียชีวิตด้วยโรงมะเร็งตับอ่อนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 เขามอบของขวัญให้กับชาวโลก ได้สร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ทุกคนรู้จักทั้ง macintosh, imac, ipod, itunes, iphone และ ipad เป็นต้น ภายหลังการเสียชีวิตมีการเปรียบเทียบว่าเขาเป็นนักประดิษฐ์ระดับโลกที่จะถูกจดจำไปตลอดกาลเช่นเดียวกับ Thomas Edison และ Henry Ford

เพียง 19 วันหลังสตีฟ จ็อบส์เสียชีวิต ก็มีการจำหน่ายหนังสือชีวประวัติที่เขียนโดย Walter Isaacson ที่เป็นความต้องการของสตีฟเองในการจัดทำหนังสือ โดยมีลอรีน ผู้เป็นภรรยาทำหน้าที่ประสานงานอำนวยความสะดวกจนหนังสือเล่มนี้เสร็จได้ในเวลาที่เหมาะสม มีการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกว่า 100 คน เฉพาะตัวสตีฟสัมภาษณ์ไปกว่า 40 ครั้ง เป็นการเล่าเรื่องได้ทุกรสเกี่ยวกับชีวิตของคนหนึ่งคน ทั้งการกำเนิด ครอบครัว ประวัติส่วนตัว ผลงาน ความเจ็บป่วย ความคิดเห็นของผู้คนรอบข้าง ญาติ คู่แข่งทางธุรกิจ ศัตรู และเพื่อน

สตีฟจากไปหลังเปิดตัว iPhone 4s ได้เพียงวันเดียว และหลังจากนั้นหนึ่งปีก็มีการเปิดตัว iPhone 5 หากวัดความสำเร็จจากยอดขายรุ่นแรก พบว่า จำหน่ายได้ 270,000 เครื่อง ในช่วง 30 ชั่วโมงแรกที่เปิดจำหน่าย สำหรับ iPhone 5 ที่มาพร้อม iOS6 เปิดจำหน่ายกลุ่มแรกใน 9 ประเทศ ช่วง ระหว่าง 21 – 23 ก.ย.2555 พบว่ายอดขายมากกว่า 5 ล้านเครื่องไปแล้ว ถ้าสตีฟยังอยู่แล้วทราบข่าวนี้ก็คงนอนยิ้มไปอีกหลายสัปดาห์ ส่วน iOS6 ก็มียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 100 ล้านครั้ง ส่วนคู่แข่งอย่าง Android ซึ่งเป็นคู่แข่งของระบบปฏิบัติการก็เปิดใช้งานบนอุปกรณ์หลายประเภทก็เปิดให้อัพเกรดระบบปฏิบัติการเป็น ICS 4.0.4 จาก samfirmware.com ราวเดือนสิงหาคม 2555 แต่ก็ไม่น่ากระทบความแรงของ iPhone ซึ่งผมก็เป็นสาวกของแอปเปิลเหมือนกันตอนนี้ใช้ i-Mobile ถ้าอุปกรณ์หมดอายุเมื่อใดก็คงพิจารณาให้ iPhone มาอยู่ในรายการที่ถูกเลือกแน่นอน แต่ก็ต้องทำตารางการตัดสินใจคิดสะระตะก่อนควักกระเป๋าจ่ายไปและรับของมาเป็นขั้นตอนเช่นนั้นเอง

——————–

http://takato.exteen.com/20120801/android-ics-4-0-4-official-firmware-galaxy-tab-10-1-p7500-do

http://edition.cnn.com/2012/10/04/tech/innovation/steve-jobs-quotes/index.html

http://edition.cnn.com/2012/10/05/tech/innovation/steve-jobs-legacy/index.html?hpt=hp_bn5

ภาพประกอบในหนังสือ Operating System Concepts 62 ภาพ

ภาพประกอบในหนังสือ Operating System Concepts, Sixth editon เขียนโดย
Abraham Silberschatz, Bell Laboratories
Peter Baer Galvin, Corproate Technologies, Inc.
Greg Gagne, Westminster College

เลือกนำเสนอเพียง 62 ภาพ

1 figure 1.1 Abstract view of the components of a computer system
2 figure 1.2 Memory layout for a simple batch system
3 figure 1.3 Memory layout for a multiprogramming system
4 figure 1.4 symmetric multiprocessing architecture
5 figure 1.5 General structure of a client-server system
6 figure 2.1 A modern computer system
7 figure 2.3 Two I/O methods: (a) synchronous, and (b) asynchronous
8 figure 2.6 Storage-device hierachy
9 figure 2.7 migration of integer A from disk to register
10 figure 2.9 A base and a limit register define a logical address space
11 figure 2.10 Hardware address protection with base and limit registers
12 figure 3.3 MS-DOS execution. (a) At system startup. (b) Running a program
13 figure 3.4 UNIX running multiple programs
14 figure 3.5 Communications models. (a) Msg passing. (b) Shared memory.
15 figure 3.6 MS-DOS layer structure
16 figure 3.7 UNIX system structure
17 figure 3.11 System models. (a) Nonvirtual machine. (b) Virtual machine.
18 figure 3.12 The Java virtual machine
19 figure 4.1 Diagram of process state
20 figure 4.2 Process control block (PCB)
21 figure 4.5 Queueing-diagram representation of process scheduling
22 figure 4.12 Execution of a remote procedure call (RPC)
23 figure 5.1 Single and multithreaded processes
24 figure 5.2 Many-to-one model
25 p 157 First-Come, First-Served Scheduling
26 p 158 Shortest-Job-First Scheduling
27 p 162 Priority Scheduling
28 p 164 Round-Robin Scheduling
29 p 166 Multilevel Queue Scheduling
30 p 168 Multilevel Feedback Queue Scheduling
31 figure 7.16 The situation of the dining philosophers
32 figure 7.25 Schedule 2: A concurent Serializable schedule
33 figure 8.8 Traffic deadlock for Exercise 8.4
34 figure 9.1 Multistep processing of a user program
35 figure 9.4 Swapping of two processes using a disk as a backing store
36 figure 9.7 Paging model of logical and physical memory
37 figure 9.19 Example of segmentation
38 figure 10.1 Diagram showing virtual memory that is larger than physical memory
39 figure 10.9 FIFO page-replacement algorithm
40 figure 10.11 Optimal page-replacement algorithm
41 figure 10.12 LRU page-replacement algorithm
42 figure 10.14 Second-change (clock) page-replacement algorithm
43 figure 11.4 Example of index and relative files
44 figure 11.5 A typical file-system organization
45 figure 12.1 Layered file system
46 figure 12.5 Contiguous allocation of disk space
47 figure 12.6 Linked allocation of disk space
48 figure 13.1 A typical PC bus structure
49 figure 14.1 FCFS disk scheduling
50 figure 14.2 SSTF disk scheduling
51 figure 14.3 SCAN disk scheduling
52 figure 14.4 C-SCAN disk scheduling
53 figure 14.5 C-LOOK disk scheduling
54 figure 14.9 RAID levels
55 figure 15.1 A distributed system
56 figure 15.2 Network topology
57 figure 15.5 Two computers communicating via the ISO network model
58 figure 15.8 The TCP/IP protocol layers
59 figure 18.1 System with three protection domains
60 figure 18.4 Access matrix of figure 18.3 with domains as objects
61 figure 19.1 The Morris Internet worm
62 figure 21.1 Windows 2000 block diagram

เสื้อสตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน

เสื้อสตีฟ จ็อบส์
เสื้อสตีฟ จ็อบส์

30 ก.ย.55 ได้เสื้อยืดคอกลม (T-Shirt) จากกิจการน.ศ.เป็นของกำนันการเป็นวิทยากรอบรมเรื่อง office 2010  ที่เสื้อมี tag ที่มีชื่อบริษัท Nine กับ Nation Books ซึ่งจัดทำประกอบหนังสือ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน ก่อนผมเก็บเข้าตู้ ก็ลองนำมาทำภาพซ้อนสักใบ แต่เพราะกล้อง lock แสงไม่ได้ ก็เลยได้ภาพที่แสดงไม่เท่ากัน ส่วนภาพสุดท้ายมีการขยับขากล้อง ทำให้ตำแหน่งของภาพไม่เท่ากับภาพอื่น ๆ .. ปีหน้าฟ้าใหม่ ถ้ามีโอกาสคงได้ถ่ายภาพแบบนี้อีก
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=526840820663387&set=a.526840783996724.132279.506818005999002

สร้างอีบุ๊คด้วย Flipalbum (362)

ebook by flipalbum for mcu students
ebook by flipalbum for mcu students

29 ก.ย. 2555 มีการอบรมการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) แก่พระนิสิต คณะครุศาสตร์สาขาวิชาการสอนพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ ห้องเรียนวัดบุญวาทย์ ซึ่งเนื้อหาหลักสูตรเสริมบทบาทของพระสงฆ์ในการเป็นผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปสู่นักเรียน เพื่อนพุทธศาสนิกชน และผู้สนใจทั่วไปได้อย่างน่าสนใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยใดมาก่อน

กลุ่มอาชีพครูพระ คือ กลุ่มอริยบุคคลที่มีโอกาสสร้างอีบุ๊คได้มากกว่าหลายอาชีพ เพราะมีเนื้อหามากมาย ลักษณะของเนื้อหาเป็นได้ทั้งภาพ เสียง หรือคลิ๊ปวีดีโอ ผู้เรียนที่เข้าถึงสื่อมีได้ทุกกลุ่มอายุทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ไปถึงคนชรา เนื้อหาที่นำเสนอจะไม่หมดอายุเหมือนศาสตร์ด้านอื่น อาทิ คอมพิวเตอร์ก็จะเปลี่ยนไปตามพัฒนา การแพทย์ที่เคยใช้ยาต้มก็เปลี่ยนเป็นยาเม็ดหรือยาฉีด แต่คำสอนทางศาสนาเป็นเรื่องที่เป็นอมตะ และเป็นจริงเช่นนั้นมาแต่พุทธกาล โดยมีการสนับสนุนจากหน่วยงานทุกสาย ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นตำบล อำเภอ จังหวัดหรือประเทศ รวมถึงภาครัฐ และเอกชนก็เข้าไปมีส่วนร่วมชัดเจน เดิมนั้นบทบาทของการศึกษามีอยู่แต่ในโรงเรียนแต่ปัจจุบันมีการบูรณาการที่เรียกว่า “บวร” ซึ่งประกอบด้วย บ้าน วัด และโรงเรียน ต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนของชาติ ตามเงื่อนไขของหลักสูตรที่พัฒนาตลอดเวลาโดยกระทรวงศึกษาธิการ

การจัดทำอีบุ๊คมีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และอุปกรณ์ที่จะใช้เปิดอ่าน ซึ่งผู้จัดทำสามารถสร้างต้นฉบับในสื่อหนึ่ง แล้วเผยแพร่ในสื่ออื่นได้อีกหลายประเภท อาทิ PDF, Flash View, Video หรือแบบที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะของบริษัท อาทิ Flip Album, Desktop Author, Plakat e-book, Diji Album ซึ่งแสดงผลแบบภาพสามมิติ ทำให้น่าอ่านกว่าสื่อดั้งเดิม ทำสำเนาได้ง่าย สามารถแสดงผลผ่านสื่อมัลติมีเดีย และเชื่อมโยงไปยังสื่ออื่นผ่านการคลิ๊กได้อย่างยืดหยุ่น ดังนั้นเนื้อหาก็จะไม่หยุดอยู่บนหนังสือเพียงเล่มเดียวเหมือนในอดีตอีกต่อไป


http://www.youtube.com/watch?v=eB85vHyRi_U

http://www.thaiall.com/flip/indexo.html

http://www.facebook.com/groups/thaiebook/

iphone5 คาดว่าออกตัวแรงตามเคย

iphone5 ขำขำ
iphone5 ขำขำ

21 ก.ย.55 เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทแอปเปิล ที่เคยมีบุรุษในตำนานที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนวัตกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา Steve Jobs เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และพลิกสถานการณ์จากบริษัทที่กำลังมีปัญหาสู่บริษัทเข้มแข็งที่สุดบริษัทหนึ่งของโลกในต้นศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันโทรศัพท์เป็นมากกว่าใช้รับสายและโทรออก ถูกเรียกใหม่ว่าสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ในปีนี้ได้ออกสมาร์ทโฟน iPhone 5 สู่ตลาด เปิดตัวในสหรัฐ 4 ตุลาคม 2555 หลังจากนั้นก็จะมีสถิติมาให้เราได้เรียนรู้กันต่อไป

ในอดีตโทรศัพท์รุ่นพี่อย่าง iPhone4 ประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานด้วยยอดขาย 3 วันแรกได้มากกว่า 1.7 ล้านเครื่อง กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รางวัลมือถือยอดเยี่ยมจาก Global Mobile Awards ในงาน Mobile World Congress 2011 ที่ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ปัจจุบัน iPhone ครองส่วนแบ่งตลาด 5% จากตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก หากรวมทั้ง iPhone, iPod และ iPad ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ได้ขายไปแล้วมากกว่า 250 ล้านเครื่อง

สมาร์ทโฟนและ Social Media ต่างสนับสนุนกันและกัน เพราะผู้ใช้ที่มีเครื่องมือ และเว็บไซต์เครือข่ายสังคมต่างเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ผู้คนเชื่อมต่อเข้าสู่โลกเสมือนจริงได้ง่าย จากทุกที่ทุกเวลา และทุกวัย แต่ที่น่าเป็นห่วง คือความสัมพันธ์ในครอบครัวจะหลวมไปกว่าเดิม จากโฆษณาของ DTAC  เรื่อง Disconnect to connect ที่แสดงความห่วงใยต่อการใช้อุปกรณ์เหล่านี้จนเกินพอดี ซึ่งสื่อว่าความสัมพันธ์กับคนรอบตัวอาจบกพร่องได้ อาทิ การชมนกชมไม้ร่วมกัน การประชุม การร่วมกันทำอาหาร การเล่นกับสัตว์เลี้ยง การทำงานศิลปะ หรือการพูดคุยหยอกล้อในครอบครัวหายไป แต่การทัดทานกระแสของเทคโนโลยีที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อก็คงเป็นไปได้ยาก การทำความเข้าใจ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตระหนักว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรในโลกมนุษย์และโลกเสมือนจริงให้สมดุล

คำสอนของขงจื้อ

คำสอนของขงจื้อ
คำสอนของขงจื้อ

20 ก.ย.55 มีผู้ใหญ่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง 2 รอบ มารอบหลัง จึงมีโอกาสค้นจากเน็ต และได้รายละเอียดมาชวนแลกเปลี่ยนดังนี้

คำสอนของขงจื๊อ (confucius) สะท้อนให้เห็นถึง อุดมคติของปัญญาชน เช่นเขาเอง
คือ คำสอนที่ว่าด้วย ความประพฤติของชาว “หยู” (ผู้ที่เชื่อในวิถีของวิญญูชน)
ซึ่งไม่ล้าสมัยเลย แม้มองจากมุมของคนในยุคปัจจุบัน ขงจื๊อกล่าวว่า ชาวหยูที่แท้
จะต้องแสวงหา ความรู้ สร้างเสริม คุณธรรม ความสามารถอย่างไม่เหนื่อยหน่ายท้อแท้
เขาจะต้องพยายามทำสิ่งที่ตนศึกษาเล่าเรียนมาให้ปรากฏเป็นจริง และพร้อมที่จะรับใช้บ้านเมืองเมื่อมีโอกาส

ในเส้นทางการพัฒนาตัวเองตามทัศนะของขงจื๊อ

จำแนกคนออกเป็น 5 ระดับ คือ สามัญชน บัณฑิต ปราชญ์ วิญญูชน และอริยบุคคล โดยเรียงลำดับจากขั้นต่ำไปขั้นสูง

ระดับที่ 1 สามัญชน คือ บุคคลที่ไม่ค่อยเคารพปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่สามารถกล่าวเขียนวาจาที่สะท้อนความมีสติปัญญา ไม่เคยคิดที่จะคบนักปราชญ์ ชีวิตไม่มีเป้าหมาย รู้แต่เรื่องเฉพาะหน้า ไม่มีอุดมคติที่ลึกซึ้งกว้างไกล ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองในเชิงปณิธาน ชอบเปลี่ยนความคิดไปตามกระแส ที่เข้ามากระทบ และไม่ยืนหยัดในหลักการ
ระดับที่ 2 บัณฑิต คือ บุคคลที่แม้ไม่เข้าใจเหตุผลที่ลึกซึ้ง ไม่สามารถบำเพ็ญคุณธรรมอย่างหมดจด แต่ก็มีความรู้และความเชื่อบางอย่าง ทำงานและประพฤติตัวตามหลักการบางอย่าง เพราะฉะนั้น ถึงระดับความรู้ความเข้าใจจะมีข้อจำกัดก็ยึดกุมความรู้ความเข้าใจได้ในระดับจำกัดนั้นอย่างแม่นยำ ถึงระดับความสามารถในการพูดจะมีข้อจำกัด ก็เข้าใจเหตุผลที่กำลังพูดอย่างแท้จริง ถึงระดับความสามารถในการสื่อด้วยความประพฤติจะมีจำกัด ก็ระมัดระวังความประพฤติของตัวเองเสมอ พวกเขาจึงสามารถเผชิญความจริงภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง
ระดับที่ 3 ปราชญ์ คือ บุคคลที่ประพฤติตัวอยู่ในทำนองคลองธรรมมีวาจาเที่ยงแท้เป็นที่น่าเชื่อถือ มีความรู้และคุณธรรมมากพอที่จะเป็นแบบอย่างแก่ราษฎรทั่วแผ่นดินได้
ระดับที่ 4 วิญญูชน คือ บุคคลที่ศึกษาความรู้บ่มเพาะคุณธรรมอย่างทุ่มเท พูดจริงทำจริง ไม่บ่นโทษ ไม่นินทา ไม่พยาบาท มีคุณธรรมสูงส่ง แต่ไม่เย่อหยิ่งทะนงตน มีสติปัญญาเลิศล้ำ แต่กลับมีท่าทีอบอุ่น นอบน้อม จนดูคล้ายไร้สติปัญญา ทั้งที่แท้ที่จริงแล้วมีความสามารถอันลึกล้ำหาผู้ใดเสมอยาก
ระดับที่ 5 อริยบุคคล คือ บุคคลที่มีจิตใจสูงส่งน่าบูชาดุจฟ้าดิน แต่สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม มีสติปัญญาแจ่มจ้าดุจแสงแห่งสุริยันจันทรา สามารถหยั่งรู้รากเหง้าของสรรพสิ่ง ยามดำเนินมรรคธรรมจะประหนึ่งฟ้าดินหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตโดยไม่ลำเลิก และเหล่าราษฎรทั้งปวงก็หารู้ไม่ว่ารับบุญคุณท่านแล้ว คนทั่วไปจึงไม่ทราบว่า ท่านได้ทำอะไรบ้าง ไม่ทราบว่าท่านมีคุณธรรมสูงส่งเพียงใด ดุจเดียวกับที่ไม่เข้าใจความลับของฟ้าดิน

http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=13083