สถิติเข้า wap ของผมเดือนธันวาคม52

สถิติทำให้เห็นรายการที่ผู้ใช้เข้าถึงระบบ wap

4 ก.พ.53 สถิติการเข้าเว็บไซต์มีอยู่หลายระบบ แต่ที่บริการโดยผู้ให้บริการเช่าเครื่องมีความละเอียดสูงมาก จากการตรวจสอบในปลายเดือนธันวาคม52 พบว่า thaiall.com/wap มี hits ของเว็บเพจสอบศัพท์อย่างง่ายสูงมาก เป็นศัพท์ 4 คำถึง 2หมื่นกว่า และศัพท์ 3 คำอีกหมื่นกว่าจาก 9383 แฟ้ม วันนี้จึงเข้าไปปรับให้ศัพท์ 4 คำมีความถูกต้อง และเพิ่มศัพท์อีกร้อยหนึ่ง รวมเป็นศัพท์ในข้อสอบสุ่มชุดนี้ประมาณสามร้อยกว่าคำ แต่ผมไม่ได้ใส่ adsense หรือ truehits เพราะต้องการให้ load ได้เร็วแม้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่และ code ถูกออกแบบให้เปิดได้ทั้ง web browser และ wap browser
+ http://tagtag.com wap browser simulator

ติดตั้งสาย fiber optic จากหอพักไปสระว่ายน้ำและสนามกอล์ฟ

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทีมผู้เชี่ยวชาญการติดตั้ง fiber optic

3 ก.พ.53 นายอนุชิต ยอดใจยา ให้ความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่บริษัท Com-Link ในการติดตั้งสาย Fiber Optic โดยลากสายจากหอพักหญิงไปตามเสาไฟฟ้าในมหาวิทยาลัยจนถึงสระว่ายน้ำ และสนามกอล์ฟ โดยเป็นทีมที่ประจำอยู่ จังหวัดลำปางและพิษณุโลก รวมทั้งหมด 5 คนมาติดตั้งรวม 2 วันระหว่าง 3-4 ก.พ.53 โดยมีนายธรณินทร์ สุรินทร์ปันยศ และนายวศิลป์ สินพูลทรัพย์ เข้าร่วมเรียนรู้ แลกเปลี่ยนกับช่างมืออาชีพ และเก็บภาพประทับใจบริเวณไซท์งานร่วมกัน กิจกรรมต่อไปคือการติดตั้งอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point) ที่สระว่ายน้ำ และสนามกอล์ฟ ส่วนอาคารนิเทศจะติดตั้งเพิ่ม 1 จุด เพื่อให้บริการคลุมพื้นที่สนามฟุตบอล โดยมีพี่สมศักดิ์ นำทีมจากกรุงเทพฯ มาติดตั้งในวันจันทร์ที่ 8 ก.พ.53 ซึ่งมีนายอนุชิต ยอดใจยาให้การต้อนรับและประสานงานเช่นเดิม
+ http://thaiabc.hi5.com
+ http://www.thaiall.com/mis/mis05.htm

พระปลัดบรรยายธรรมวันแห่งความรัก

วันวาเลนไทน์

3 ก.พ.53 อ.อ้อม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับทุกคณะวิชา อาทิ อ.บอย คณะบริหารเป็นพิธีกร อ.น้ำผึ้ง คณะนิเทศรับลงทะเบียน อ.แต คณะวิทย์เก็บแบบสอบถาม จัดโครงการธรรมะเพื่อชีวิต นิมนต์พระครูปลัดอนันต์ ญาณสํวโร มาเทศให้ข้อคิดเตือนสติเตือนใจหลายเรื่อง อาทิ ไม่โหดร้าย ไม่มือไว ไม่ใจเร็ว ไม่พูดปด ไม่หมดสติ หรือ วัยพึ่ง วัยพบ วัยเพียร วัยพัก และวัยพราก ก่อนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อปรามมนุษย์เยาวชนให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มีนักศึกษาจากทุกคณะ ผู้บริหาร อาจารย์และเจ้าหน้าที่ สนใจเข้าฟังพร้อมเพียงกัน และมีประเด็นเล่าให้ฟังมากมาย เรื่องหนึ่งคือประวัติวันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) ซึ่งพอสรุปได้ว่า เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีถูกจัดให้เป็นวันหยุด เพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นวันเริ่มต้น เทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย
     ในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอโหดร้าย นิยมการทำสงคราม ทรงตระหนักว่าชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมกองทัพ เนื่องจากไม่อยากพรากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงมีพระราชโองการห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นหรือแต่งงานในโรม ทำให้ประชาชนทุกข์ใจยิ่งและขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์หรือวาเลนตินัส ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ ทำให้วาเลนไทน์ถูกจับ ระหว่างเป็นนักโทษเชื่อกันว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกตัดศีรษะ เขาส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลียโดยลงท้ายว่า “From Your Valentine” และวาเลนไทน์ก็ถูกประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270
     หลังจากนั้นศพของเขาถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพูไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัส โดยต้นอามันต์สีชมพูเป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกเลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนพอใจในวันวาเลนไทน์จนถึงทุกวันนี้

+ กุหลาบแดง (Red Rose) : แทนประโยคว่า “ฉันรักเธอ”
+ กุหลาบขาว (White Rose) : แทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์
+ กุหลาบชมพู (Pink Rose) : แทนความรักแบบโรแมนติก
+ กุหลาบเหลือง (Yellow Rose) : แทนความรักแบบเพื่อน เป็นสีแห่งความสดใส

เพื่อนบ่นเชิงสร้างสรรค์ จึงเล่าสู่กันฟัง

2 ก.พ.53 มีประเด็นที่อาจารย์หลายท่านบ่นที่เชื่อมโยงกับบริการในเว็บไซต์ ดังนี้ 1)อีเมลของมหาวิทยาลัยหายไปแล้วเหรอ 2)เว็บบอร์ดปิด 3)ระบบห้องภาพของประชาสัมพันธ์หายไป 4)ระบบสืบค้นงานวิจัย 5)ระบบสืบค้นหนังสือในห้องสมุด และ 6)อินทราเน็ตเข้าไม่ได้ 7)ระบบฐานข้อมูลประเมินตนเอง 8)แผนที่ไซต์หายไป คุณธรณินทร์ สุรินทร์ปันยศ ผู้พัฒนาระบบต่าง ๆ แจ้งให้ผมทราบว่าอาจารย์หลายท่านเข้าไม่ได้จริง เพราะพฤติกรรมเดิมคือเปิดหน้าแรกของเว็บไซต์แล้วก็คลิ๊กตามลิงค์ที่มีอยู่
     ผมก็แปลกใจที่เพื่อน ๆ เข้ากับไม่ได้ อาจเป็นเพราะโดยปกติผมจะเข้าตรงไม่เปิดผ่านหน้าเว็บไซต์หลัก เมื่อมีเหตุการณ์อะไรจะไปเขียนเล่าใน http://blog.yonok.ac.th หรือเว็บบอร์ด หรือไม่ก็สืบค้นผ่าน google.com ก็จะพบข้อมูลของมหาวิทยาลัยโดยง่าย  ประกอบกับเว็บไซต์อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับนโยบาย Creative Campus หากอะไรไม่ตรงกับนโยบาย ก็จะลดระดับความสำคัญในการพัฒนาออกไปก่อน

     ก็ถือเป็นโอกาสที่จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ที่จะส่งเสริมให้เรียนรู้และจดจำ Website Address ดังนี้
+ http://www.yonok.ac.th/mail
+ http://www.yonok.ac.th/webboard
+ http://www.yonok.ac.th/yonokroom
+ http://www.yonok.ac.th/wallpic
+ http://www.yonok.ac.th/nresearch
+ http://it.yonok.ac.th/doc/library/library.php
+ http://www.yonok.ac.th/intranet
+ http://www.yonok.ac.th/sar
+ http://www.yonok.ac.th/sitemap

ภาพชุมนุมศิษย์เก่า เก็บภาพโดยธรณินทร์ (ต่อ)

รวมภาพศิษย์เก่า

1 ก.พ.53 ในวันงานชุมนุมศิษย์เก่า ทุกคนมีเป้าหมายการร่วมงานครั้งนี้ชัดเจนคือ การไปพบเพื่อนเก่า ไปพูดคุยสังสรรค์เฮฮา ตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานาน มีเรื่องคุยกันมากมาย มีภาพในอดีตให้รำลึกตามประสาผู้สูงอายุ (หรือใครจะปฏิเสธ) มีหลายคนพลาดการชมสไลด์วีดีโอศิษย์เก่าที่ อ.มงคล ใจสุข จัดทำไปฉาย ผมดูแล้วก็อึ้งเพราะเป็นเรื่องสมัยเป็นเยาวชนอยู่เลย ซึ่งเป็นโชคที่ได้คัดลอกสไลด์ชุดนี้ไว้ขณะล่องลงกรุงเทพฯบนรถบัสเข้า SD Memory กลับมาที่ลำปาง คิดว่าเพื่อนและรุ่นน้องอาจสนใจ จึงส่งเข้าเผยแพร่ใน youtube.com และ multiply.com ความยาววีดีโอยาว 7 นาทีไม่มีเสียงพูดมีแต่เสียงเพลงสุดซึ้งประกอบภาพ
     ตกเย็นวันที่ 1 กพ.53 ก็ได้ภาพจากมุมกล้องที่ถ่ายโดยคุณธรณินทร์ สุรินทร์ปันยศ อีกกว่า 54 ภาพ และมีถึงร้อยละยี่สิบที่เป็นภาพสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมชัดเจน เป็นภาพอีกมุมหนึ่งของแต่ละบุคคลที่เด่นชัดมากผ่านกล้องคุณภาพ ที่แน่นอนคือมีภาพ close up อ.นงลักษณ์ นักแสดงฟ้อนรำของศิษย์ เชียร์รีดเดอร์ นักศึกษาจีน การยืนบนแคร่ของช่างฟ้อน เป็นต้น ที่ปฏิเสธไม่ได้คือมีคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลืองในภาพชุดนี้อยู่ในงานชุมนุม ทีมจัดงานก็คงพยายามแล้วที่จะสนับสนุนให้ทุกคนสวมเสื้อสีขาว และมีสุราที่ทำให้พฤติกรรมของหลายคนถูกละลายจนเชื่อมกันติด สรุปว่าส่งไปเผยแพร่ใน myspace.com และ multiply.com ดังนี้
+ http://viewmorepics.myspace.com
+ http://thaiabc.multiply.com 
+ http://vids.myspace.com
+ http://www.youtube.com/watch?v=DJEBiZ1szSc
+ http://www.yonokcom11.com โดยน้ำหนึ่ง

งานสังสรรค์ศิษย์เก่าที่ไอทาวเวอร์

 

ภาพจาก gallery

30 ม.ค.53 ร่วมพบปะสังสรรค์กับเพื่อนและศิษย์เก่า มีผู้ร่วมงานกว่า 600 คน ก็สารภาพว่าศิษย์เก่า 18 รุ่นนั้น ผมจำไม่ได้หมดทุกคน หลายคนเปลี่ยนไปทั้งรูปร่างหน้าตาและเพศ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่าทำงานที่ไหน อยู่ที่ไหน เปลี่ยนไปอย่างไร ถามไถ่ที่มาที่ไป พาลูกจูงหลานมาร่วมกิจกรรมเพียบ อาจารย์ก็มาร่วมพบปะลูกศิษย์ก็ไม่น้อย เดินครั้งใดก็ต้องใช้เวลาหยุดกล่าวทักทาย เพราะศิษย์เก่าจะเข้ามาห้อมล้อม แวดหัวแวดหางขอเก็บภาพ ขอแลกเปลี่ยน ขอชนแก้ว บางก็ทักว่าอาจารย์แก่ขึ้นนะ อายุทุกคนก็ไม่ใช่น้อยอย่างผมก็ 40 อัพแล้ว จะอยู่ในโลกนี้อีกกี่ปีก็ไม่รู้ ก็ตอบคนที่ถามไปว่าเป็นเรื่องของสังขารต้องปล่อยวางซะบ้าง แต่ศิษย์กว่าครึ่งน้ำหนักมากกว่าผมแน่ คำถามยอดฮิตคือทำไมผมผอม ก็ตอบอย่างสั้นว่าไม่กินข้าวเที่ยง เพราะถ้าตอบความจริงว่าผมลดรับสารปนเปื้อน ไม่ใช่จำเป็นต้องรับสามมื้อ หรือยึดหลักพอเพียงก็จะตอบกันยาวและมีข้อโต้แย้งกันนาน ยิ่งลูกศิษย์คอมพิวเตอร์เข้ามาคุยก็จะยิงคำถามที่ผมตอบไม่ได้หลายคำถาม เพราะข้อจำกัดเรื่องเวลา ความเข้าใจพื้นฐาน และความเชื่อของแต่ละคนไม่เท่ากัน
     ที่น่าแปลก คือทุกคนตอบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกสุด ๆ คงเป็นเพราะมีความคาดหวังและได้รับสิ่งที่คาดหวัง คือความเป็นมิตรจากเพื่อนเก่า การได้สังสรรค์เฮฮากันอีกครั้งหลังไม่พบกันนับสิบปี การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ ประสบการณ์ ความจริงใจจากความเป็นเพื่อน และความไว้วางใจจากเพื่อนที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝง ซึ่งไม่เหมือนการต่อสู้ในโลกธุรกิจที่พวกเขาต้องเผชิญ ส่วนผมก็จะง่วนอยู่แต่การถ่ายภาพศิษย์เก่าเป็นที่รำลึก ไว้ดูตอนแก่ว่าคนนั้นอยู่ไหนคนนี้ทำอะไรอยู่นะ(ถ้าผมมีวันนั้นนะครับ)  การถ่ายภาพกลุ่มคนในงานเลี้ยงโต๊ะจีนที่มีกิจกรรมรอบงานมีปัญหา 2 เรื่องคือ แสง และจำนวนคน ทั้งหมดคือการอธิบายภาพรวมเชิงกว้างของงาน YONOK Forever ในคืนวันที่ 30 มกราคม 2553 จัด ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารไอทาวเวอร์ โดย ดร.ศิริธัช โรจนพฤกษ์ เป็นผู้สนับสนุนอาหารโต๊ะจีน และมี ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร เป็นแกนนำศิษย์เก่าประสานการจัดงานครั้งนี้ อ.ธวัชชัย แสนชมพู นายกสมาคมศิษย์เก่าสนับสนุนรถบัส54ที่นั่ง นำศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าภายเหนือไปร่วมงาน เริ่มงาน 18.00น. และปิดงานประมาณ 22.30น. ซึ่งผมมีภาพถ่ายและวีดีโอเผยแพร่ในเบื้องต้นดังนี้
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=144185
+ http://thaiabc.hi5.com
+ http://viewmorepics.myspace.com
+ http://www.youtube.com/watch?v=Rpov5xhOm9c  บูมโยนกน่าเกรงขาม
+ http://www.youtube.com/watch?v=f5tv9HsKwGg  รอบงานกลางดึก

เชียร์ลีดเดอร์ นำประกวดกองเชียร์

เชียร์ลีดเดอร์โดย นิสิต นักศึกษา

29 ม.ค.53 ก่อนไปร่วมประชุมศิษย์เก่าครั้งประวัติศาสตร์ที่กรุงเทพฯ จัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ที่ตึกไอทาวเวอร์ ซึ่งนางสาวเรณูฝากเอกสารการประชุมสภา ส่วนพี่กาณต์ฝากเอกสารการเงิน ไปให้ผู้เกี่ยวข้องที่กรุงเทพฯ มีกำหนดเดินทาง 24.00น. ที่ป้ำคุณประยูรณ์ ผมได้ไปเก็บภาพและคลิ๊ปวีดีโอของนิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เป็นส่วนใหญ่ ในงานกีฬา 9 สถาบันระดับอุดมศึกษา จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ และประกวดกองเชียร์ ก่อนจะมีพิธีปิดกีฬาเย็นนี้ เด็กสาวมากมายร้องเพลง เต้นเชียร์กันอย่างมีความสุข อาจารย์หลายสิบท่านก็ไปร่วมเป็นกำลังใจ อาทิ อ.อติชาต อ.ธวัชชัย อ.ศิรดา อ.ปวิณรัตน์ อ.เหมี่ยว อ.เอ อ.สุริยพันธ์ อ.เกศินีย์ อ.วันชาติ อ.มงคล เจ้าหน้าที่ก็มีหลายท่าน อาทิ นายธรณินทร์ นางวราลักษณ์ ผมได้ถ่ายวีดีโอและอัพโหลดไว้ใน youtube.com ให้ได้ชมกัน เป็นความประทับใจของผู้ร่วมกิจกรรมโดยแท้ .. วีดีโอเรื่องนี้เกือบ 10 นาที ดูกันเต็มอิ่มแน่นอนครับ ..

เชียร์ลีดเดอร์ และกองเชียร์ของเรา

+ http://www.youtube.com/watch?v=-bu34waZZsI
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=143777

ลุแก่อำนาจ ภาคต่อ

29 ม.ค.53 ที่มา คือ ผมไปเซ็นชื่อรับเงินรัฐบาลที่สนับสนุนผู้ปกครองที่โรงเรียนของลูก ไปก่อนเคารพธงชาติ ไปเซ็นชื่อเสร็จก็เดินลงมา ผมขึ้นตึกเห็นทุกคนถอดรองเท้า ก็ถอดตาม ตอนลงมาผมก็ถอด แต่ระหว่างลงบรรได มีเสียงว่า “เธอสวมรองเท้าขึ้นมาได้อย่างไร อยู่ห้องไหน ครูชื่ออะไร” เป็นน้ำเสียงของคุณครูพูดกับนักเรียนอย่างแท้จริง ก็ไม่น่าแปลกอะไรที่ครูจะให้คำแนะนำแก่ศิษย์
     ช้าก่อนเรื่องยังไม่จบ สิ่งที่ผมเหลือบไปเห็นแล้วก็ต้องตกใจ คือ ครูทั้ง 2 ท่านที่ถามเด็กกลางบรรได โดยมีผมเดินอยู่ข้างหลัง ทีแรกว่าจะแซงไปแล้ว เพราะท่านชะลอความเร็ว และมีคนเดินขึ้นลงขวักไขว่ สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ครูทั้งสองท่านสวมรองเท้าเดินลงตึก ในใจก็คิดทันทีว่าผมเจอกับแม่ปูอีกแล้ว ก็ไม่ทราบว่าคุณครูท่านขึ้นตึกได้ถอดแล้วหิ้วขึ้นไปหรือไม่ ก็แปลกว่าทำไมต้องให้ศิษย์ถอดรองเท้า แล้วตนเองสวมรองเท้า ถ้าในตึกมี 30 ห้องเรียนก็จะมีครู 30 คนเดินสวมรองเท้าขึ้นตึก ข้อสงสัยคือ ทำไมนักเรียนไม่มีสิทธิสวมรองเท้าขึ้นตึก เด็กบางคนแบกสัมภาระตั้งเยอะ ยังต้องก้ม ๆ เงย ๆ หิ้วรองเท้าเป็นอีกหนึ่งภาระขึ้นอาคารชั้นสาม แต่แม่ปูไม่ต้องกระทำ
     ประเด็น คือ ทำไมครูไม่พูดกับลูกศิษย์อย่างเอื้ออาทรอย่างกัลยาณมิตร มีสิทธิใดใช้อำนาจเจืออารมณ์ เป็นสิ่งที่ผมเห็นอย่างคนนอก แล้วขัดใจในความไม่สมเหตุสมผล เพราะมนุษย์เราน่าจะมีสิทธิโดยเท่าเทียมกัน และลูกศิษย์ก็คือผู้มีอุปการะคุณ ที่ทำให้คุณครูมีข้าวมีน้ำกินทุกวัน ผมก็เป็นครูยังอยากจะแสดงความเคารพลูกศิษย์เช้าเย็น เพราะพวกเขาทำให้คุณครูมีอยู่มีกิน .. สำหรับตัวผมจะคิดว่าลูกศิษย์ทุกคนคือลูกศิษย์ที่มีพระคุณเสมอ แต่ถ้าลูกศิษย์จะเคารพครูก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างชื่นชม มิใช่ไหว้คุณครูเพราะเกรงกลัวหรือทำไปเพราะหน้าที่

กรมคำสั่ง application.openforms

mdiparent กับ 2 form

28 ม.ค.53 ปกติผมไม่เขียนเรื่องเทคนิคการโปรแกรมใน blog เพราะมีรายละเอียดมาก และเขียนไว้ในเว็บเพจอยู่แล้ว แต่หัวหน้าแนะว่าอยากให้ เขียนเรื่อง application.openforms ซึ่งเป็นวิธีการส่งค่าระหว่างฟอร์มลูกใน mdiparent ซึ่งผมเคยเขียนไว้ในเว็บเพจว่าใช้วิธีอ้างผ่าน mdiparent แต่ทั้ง 2 วิธีที่จะนำเสนอนี้มีความแต่ต่างกันชัดเจน ซึ่งผมจะเขียนเรื่องนี้ไว้ใน
+ http://www.thaiall.com/vbnet/testtoolbox.htm
ขั้นตอนที่ 1 การสร้างคอนโทล เพื่อเตรียมความพร้อม
    
สร้าง mdi parent form และ windows form ขึ้น 2 form เมื่อเปิด solution ให้เรียกทั้ง 2 ฟอร์มมาแสดงใน mdi parent form ทันที โดยใส่คำสั่งในโหลดของเอ็มดีไอ คือ dim f1 = new form1 : f1.mdiparent = me : f1.show() : dim f2 = new form2 : f2.mdiparent = me : f2.show() แล้วในฟอร์มทั้งสองมี ปุ่มและเท็คบ็อกอย่างละหนึ่ง
ขั้นตอนที่ 2 ทดสอบคำสั่งที่ใช้ส่งค่าเมื่อกดปุ่ม
    กรณีที่ 1 กรอกข้อมูลและสั่งจากฟอร์มหนึ่งแต่มีผลในฟอร์มสอง ใส่คำสั่งในปุ่มของฟอร์มหนึ่งว่า For Each f As Object In MDIParent1.MdiChildren : If UCase(f.name) = “FORM2” Then : Dim f2 As Form2 = f : f2.TextBox1.Text = Me.TextBox1.Text : MsgBox(“wait”) : f2.Close() : End If : Next
    กรณีที่ 2 ทดสอบตามที่หัวหน้าแนะนำให้ใช้ application.openforms โดยสั่งจากฟอร์มสองแต่มีผลในฟอร์มหนึ่ง โดยใส่คำสั่งในปุ่มของฟอร์มสองว่า Dim f As Form : f = Application.OpenForms.Item(“form1”) : For Each i As Object In f.Controls : If UCase(i.name) = “TEXTBOX1” Then : i.text = “abc” : End If : Next : MsgBox(“wait”) : f.Close()
ขั้นตอนที่ 3 อธิบายความแตกต่าง
     ทั้ง 2 กรณีต่างกันที่ กรณีที่ 1 อ้างอิงฟอร์มเป้าหมายผ่าน mdiparent1 แล้ววนลูปตาม object ทั้งหมดในนั้น โดยมองหาวัตถุที่ชื่อ FORM2 เมื่อพบก็จะส่งเข้าวัตถุชิ้นใหม่ให้อ้างอิง แล้วจึงเรียกใช้ textbox1 ตามวัตถุประสงค์ แต่กรณีที่ 2 อ้างอิงฟอร์มเป้าหมายผ่าน Application.Openforms ซึ่งเรารู้ว่า Form1 เปิดอยู่ แล้วก็วนลูปเข้าไปใน controls ทั้งหมด เมื่อพบ textbox1 ก็ดำเนินการทันที

ลุแก่อำนาจ

ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นการแย่งชิงอำนาจในครอบครัว

28 ม.ค.53 ลุแก่อำนาจเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วไป เป็นรูปแบบชีวิตที่พบเห็นได้บ่อยในตำรวจยศสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้อำนวยการ ผู้มีฐานะดีมาก มักเป็นผู้ใช้อำนาจเกินบทบาทที่ควรเป็น เป็นพฤติกรรมที่ขาดความสมเหตุสมผล
เช่น ไม่รู้จักประมาณตน ไม่เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ชอบการถูกยกยอปอปั้น พอใจที่มีคนหมอบคลานเข้าไปเยี่ยงทาส ขึ้นเสียงต่อเพื่อนมนุษย์อย่างเคยชิน ชักสีหน้าไม่เลือกที่เลือกเวลา ใช้อำนาจที่มีโดยมิชอบ เป็นรูปแบบชีวิตที่พบเห็นได้บ่อยในภาพยนตร์อาจมีมากกว่า 80% และ มากกว่า 90% ที่คนกลุ่มนี้จะล้มเหลวตามบทบาท ที่ได้รับในภาพยนตร์ แต่ในชีวิตจริงคนเหล่านี้คิดว่าตนทำถูกต้องเหมือนในภาพยนตร์เปี๊ยบ .. แบบดื้อตาใส
    
ในชีวิตจริงเราจะพบเห็นพฤติกรรมแบบนี้ได้ไม่บ่อยนัก อาจเป็นเพราะมนุษย์เคยชินกับรูปแบบชีวิตของคนที่ลุแก่อำนาจ หรือมีพฤติกรรมไม่สมเหตุสมผลในภาพยนตร์หลายพันเรื่องหรือละครทีวี หากมีใครไปพบว่าใครสักคนทำตัวเป็นแม่ปูจนลูกปูไม่อยากอยู่ใกล้ เป็นแม่ปูที่ไม่มีความสมเหตุสมผลแล้วมาเล่าให้ผมฟัง ผมก็มองเป็นเรื่องปกติ แต่คนทั่วไปที่คาดหวังความสมเหตุสมผลจากแม่ปูก็จะเป็นเดือนเป็นร้อน .. ผมก็อุทานในใจว่า คนเคยกินข้าวก็ต้องกินข้าววันยันค่ำ หรือ คนเคยกินขนมปังก็ต้องกินขนมปัง หรือ คนเคยกินข้างเที่ยงก็ต้องกินข้างเที่ยงไปชั่วชีวิต .. แพ้ภัยตนเองเป็นคำกล่าวที่พบได้บ่อยในชีวิตจริง แบบไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า เช่น กินเหล้าเมาแฟนก็ทิ้ง ซื้อหวยไม่ถูกก็ต้องเสียเงิน กินหมูกะทะก็จะเป็นมะเร็ง เป็นต้น ถ้ามีแม่ปูลุแก่อำนาจก็จะไม่มีลูกปูตัวใดเดินตามยกเว้นอยู่ในภาวะจำยอมเหมือนกบในกระทะ พอไม่มีหนักเข้าก็จะลือหึ่งกันไปทั้งชายหาด .. ก็เป็นนิทานสอนเด็กเรื่องลูกปูกับแม่ปูในชายหาดบางแสน .. ที่ผมจะเอาไปเล่าให้เพื่อนอาจารย์ฟัง แลกกับนิทานเรื่องตัดต้นไม้เพราะหวังเบียดบังชีวิตนกบนต้นไม้ของท่าน