11 มี.ค.53 วันนี้เพื่อนชื่อ A ได้รับจดหมายจากธนาคาร B ว่าหนี้สินของเพื่อนชื่อ C ที่กู้ยืมไป 40,000 บาทนั้น จ่ายแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ค้างจ่ายมาตั้งแต่ปี 2547 ทำให้ปัจจุบันค้างมา 5 ปีแล้ว จึงมียอดรวมดอกเบี้ยรวมเป็น 45,000 บาท โดยธนาคารไม่อาจติดตามผู้กู้ยืมเงินได้ จึงทวงถามจากผู้ค้ำประกัน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานเดิม ต่อมาธนาคารตรวจสอบว่าเพื่อนชื่อ A เปิดบัญชีเงินฝากไว้และมีเงินฝากจำนวนหนึ่ง จึงทำหนังสือแจ้งให้ทราบว่าใน 15 วันถ้าผู้ค้ำไม่อาจติดตามเพื่อนชื่อ C มาชำระได้ จะดำเนินการหักกลบลบหนี้อัตโนมัติ ผู้ค้ำจึงตรวจสอบในรายละเอียดพบว่า เพื่อนชื่อ C เดินทางไปต่างประเทศแล้ว และเคยมาทำเรื่องชำระเงินให้กับเจ้าหนี้หลายราย ทั้งกับองค์การ และร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเพื่อนชื่อ A ไม่พบตัวเพื่อนชื่อ C แต่ก็เข้าใจว่าคงไปจ่ายชำระที่ธนาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มาทราบภายหลังว่าเพื่อนชื่อ C จะเดินทางไปต่างประเทศ แต่มีการลงบันทึกประจำวันไว้ ต้องมาล้างหนี้ให้หมดจึงจะเดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศได้ มาทราบว่าธนาคาร B ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเพื่อนชื่อ C เพราะธนาคารไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากเงิน 40,000 บาท น้อยเกินไปที่จะดำเนินการ จึงเป็นหน้าที่ของเพื่อนชื่อ A ในการติดตามเพื่อนชื่อ C มาชำระหนี้ตามระเบียบ มิเช่นนั้นเงินในบัญชีของเพื่อนชื่อ A ก็จะหายไปอัตโนมัติ จากสิ่งที่เรียกว่าการหักลบหนี้ในบัญชีผู้ค้ำประกันอัตโนมัติ
จากการสืบค้นข้อมูลของเพื่อนชื่อ C ในอินเทอร์เน็ต ทำให้ทราบว่าญาติพี่น้องอยู่ที่จังหวัดใด ทำงานในหน่วยงานใด เมื่อโทรศัพท์ไปติดตาม และขอเบอร์ของผู้เป็นหนี้ก็ได้ข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์มากนัก คงต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง .. เรื่องนี้เป็นบทเรียนว่าการค้ำประกันให้กับเพื่อนสนิทนั้นมีผลเป็นอย่างไร ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ