4 ธ.ค.52 ภาพยนต์เรื่อง 2 คน 2 คม ที่มีตัวตนจริงในสังคมใดย่อมหมายถึงความเสื่อมที่ซ่อนบ่มใน สังคมนั้น 1)คมหนึ่งที่ดูภายนอกเป็นคนดี แต่อันที่จริงเป็นคนร้าย คอยทำลายสังคมที่สงบให้ปั่นป่วน 2)คมที่สองที่ดูภายนอกเป็นคนร้าย แต่ก็พยายามทำสิ่งดีเพื่อสังคม หวังว่าสังคมจะสงบสุขและน่าอยู่ อันที่จริงคนทั้งสองต่างมีอัตตา มีความมุ่งมั่นในวิถีการดำรงชีวิตของตน เป็นธรรมดาของโลกและของทุกสังคมที่มีคนหลายประเภท ดังนั้นทุกประเทศต้องมีตำรวจ และทหาร เพื่อรักษาความสงบไม่ให้คมที่อยู่ในตัวคนออกมาแสดงบทบาทเชือดเฉือนคนรอบตัวจนเกินพอดี วันใดคนมีคมสองคนที่มีความเห็นไม่ลงรอยกัน ขัดผลประโยชน์ ขัดหูขัดตา ย่อมเกิดโทสะทำให้สังคมลุกเป็นไฟ และคนในสังคมนั้นก็จะไม่สงบสุขอย่างเช่น เสื้อเหลือง เสื้อแดง
ผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวม กลายเป็นเรื่องรอง ถ้าคนสองคมมาเผชิญหน้ากัน ถ้าคมหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจในบางเรื่อง แต่ไม่ใช้เหตุผลเป็นฐานคิด อาจเลือกปฏิบัติไปในทางที่ทำให้สังคมเสื่อมเสีย เพราะมองเห็นอีกคมหนึ่งเป็นศัตรู ไม่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ต้องการเสวนาด้วย เหมือนทหารที่พยายามดับเพลิงด้วยปาก โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากพนักงานดับเพลิงที่มีน้ำอยู่เต็มคันรถ แล้วทุกคนก็ยืนดูเพลิงเผาผลาญทุกอย่างให้วอดวายไปอย่างน่าเสียดาย ตามประสา “คนเชียร์มวย” ที่มีความสุขที่เห็นผู้ประทะกันอย่างมีความสุข
ถ้าอีกคมหนึ่งมีทรัพยากรที่สังคมต้องการไว้ในครอบครอง แต่ไม่ถูกร้องขอจาก ผู้ควบคุม อย่างเช่นพนักงานดับเพลิงที่ไม่อาจเข้าไปดับเพลิงในค่ายทหาร เพราะไม่ได้รับอนุญาตไม่ว่ากรณีใด ถ้าเข้าไปเป็นเจอคุก นายทหารอาจยึดกฎ ยึดหลักการของตนอย่างไม่สมเหตุสมผล ก็เป็นอภิสิทธิ์ที่พวกเขากระทำได้ แต่ผลสุดท้ายค่ายทหาร และชุมชนรอบค่าย ครอบครัวทหาร ก็จะได้รับผลกระทบกันไปหมด และในจำนวนนั้นก็อาจมีญาติพี่น้องของพนักงานดับเพลิงรวมอยู่ ปัญหาทั้งหมดเกิดเพียงเพราะผู้บังคับบัญชาค่ายทหารมีอัตตาไม่ลงรอยกับผู้อำนวยการสำนักดับเพลิง และพนักงานดับเพลิงก็กลัวคุก ถ้าทุกคนยึดมั่นในประโยชน์สูงสุดของสังคมแล้ว สังคมที่เราอยู่ก็คงจะเป็นสุข .. นี่คือเรื่องเล่าที่เรียนรู้มาจากภาพยนต์