ปลายเดือนพฤศจิกายน 2559 มีข่าวว่า ส.ต.ต. ดีเด่นคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในทีมวางแผนปล้นรถขนเงินของธนาคารกรุงไทย และทำงานกันเป็นทีมได้เงินไปห้าล้านเศษ สื่อทุกค่ายให้ความสนใจ นำเสนออย่างต่อเนื่อง เล่าถึงขั้นตอนการวางแผนอย่างละเอียดอย่างมืออาชีพ และนำไปสู่การจับกุมได้ในที่สุด ผู้เกี่ยวข้องกับทีมปล้นเป็นถึงตำรวจดีเด่น แต่เรื่องเงินก็เป็นประเด็นที่ทำให้คนเราเปลี่ยนจากคนดีเป็นคนร้ายได้ การวางแผนที่รัดกุม และเตรียมความพร้อมดี ทำให้ทีมสืบสวนมีข้อสงสัยว่าคนร้ายต้องมีความรู้ ทักษะ และเตรียมการมาอย่างดี จนพบเบาะแสที่คนร้ายทิ้งไว้จนทำให้สามารถจับกุมได้ในที่สุด
ผู้ร้ายทิ้งโทรศัพท์ไว้ในที่เกิดเหตุ หวังจะให้ตำรวจพบเป็นเบาะแสปลอม และหลงทาง แต่เบาะแสนั้นชี้กลับไปหาตำรวจผู้ก่อเหตุได้ เพราะการซื้อโทรศัพท์และเปิดเบอร์จะต้องใช้เอกสารของบุคคล แต่ข้อมูลของบุคคลที่ซื้อโทรศัพท์นั้นถูกตำรวจนายหนึ่งทำสำเนาข้อมูลออกไปจากระบบฐานข้อมูลของตำรวจ แล้วนำไปใช้ซื้อโทรศัพท์ การใช้งานระบบฐานข้อมูลมักต้องมีการแสดงตัวตน (Authentication) ด้วยการกรอกรหัสผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเข้าไปทำรายการอะไร เมื่อใด จนต้องสารภาพในที่สุด
ระบบฐานข้อมูลในองค์กรใดก็ตาม มักต้องมีรหัสผู้ใช้ และระดับสิทธิ์ (Level) ซึ่งผู้บริหารจะเข้าถึงข้อมูลใด พนักงานทั่วไปเข้าถึงข้อมูลใด ระบบสามารถจำกัด และกำหนดได้ชัดเจน ว่าจะเข้าไปทำรายการอะไรได้บ้าง อาทิ เพิ่ม ลบ แก้ไข หรือดึงข้อมูล (Data Retrieval) ออกมาใช้ มักต้องถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เหมือนกับระบบของธนาคาร ที่ต้องบันทึกเสมอว่าพนักงานคนใดทำรายการอะไร กับเครื่องใด เพื่อใช้ตรวจสอบ ติดตาม ย้อนกลับว่าเกิดอะไร เมื่อมีข้อสงสัยเกิดขึ้น หากตำรวจท่านที่ตกเป็นข่าวเข้าใจเรื่องระบบ Log ที่ใช้บันทึกการเข้าใช้งานระบบ ก็คงจะใช้ความรู้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และอาจหลบหนี้ลอยนวลไปได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอาชีพใดก็ย่อมมีผู้ดีและผู้ร้ายปะปนกันไปเสมอ ผู้ร้ายอาจกลับใจเป็นผู้ดี ผู้ดีอาจเปลี่ยนไปเป็นผู้ร้าย เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน จึงมีคำโบราณที่ว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_114945
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_116180
http://www.dailynews.co.th/crime/538693