ข้อมูลโรงเรียนทั่วประเทศที่ได้จาก Open Government Data ของรัฐบาลไทย

ข้อมูลโรงเรียนในประเทศไทยมีอีเมลไม่ถึงครึ่ง
ข้อมูลโรงเรียนในประเทศไทยมีอีเมลไม่ถึงครึ่ง

อ่านพบจาก techtalkthai.com ว่าเว็บไซต์ Data.go.th
ที่เป็นเว็บไซต์ให้บริการข้อมูล Open Government Data ของรัฐบาลไทย
มีข้อมูลมากมายที่มีการเผยแพร่
ทำให้เราได้อันดับที่ 42 ในปี 2015 Opden Data Index
จากที่เคยอยู่ในอันดับที่ 59 ในปี 2014
หนึ่งในข้อมูลที่เผยแพร่ พบว่ามีข้อมูลของโรงเรียนทั่วประเทศไทย
กว่า 46,259 แห่งโดยกระทรวงศึกษาธิการ
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคธุรกิจได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้สร้างสรรค์ให้เกิดการพัฒนา
ลองอ่านข้อมูลจาก excel พบ field น่าสนใจเยอะเลย
14 fields ได้แก่

1. SchoolID
2. SchoolName
3. SubDistrict
4. District
5. Province
6. PostCode
7. SchoolType
8. Department
9. Telephone
10. Fax
11. Website
12. Email
เห็น อ.ทรงเกียรติ นำ excel มาประมวลผล ในส่วนของ email
พบว่าโรงเรียนมากกว่า 10000 โรงเรียนใช้บริการของ hotmail.com
แต่มีเพียง 22223 จาก 46259 เท่านั้นที่มีอีเมลติดต่อโรงเรียน
หรือคิดเป็นร้อยละ 48.04 เท่านั้นที่มีอีเมล
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1192138350810557&set=a.111585805532489.13446.100000432096291
13. Latitude
14. Longitude

ในแฟ้ม excel ชื่อ ExportSchoolClickEdu_2.xlsx
ไม่มีการอธิบายข้อมูลมากนัก แต่คำอธิบายไปอยู่ใน json ที่ให้ download
เมื่อดาวน์โหลดออกมาผ่าน json_decode พบว่ามีข้อมูล 23 รายการดังภาพ
รอบต่อไปก็จะได้ใช้ข้อมูลจาก json ได้เลย รายละเอียดใน json มีดังนี้

AccessLevel = Public
AverageScore = 0
Category = การศึกษา
ContactEmail = in@ega.or.th
ContactName = สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
CreateDate = 2559-05-23T00:00:00.000+07:00
DataDictionary =
DataSetItems = Array
Description = ข้อมูลพื้นฐานสถานศึกษา ปีการศึกษา 2558
Frequency = Quarterly
GeoCoverage = Thailand
Id = 8548e3ab-00bf-4eae-b29a-156a4aa52c0d
IsNationalStat =
Name = ข้อมูลพื้นฐานสถานศึกษา ปี 2558
OpennessScore = 2
PublishedDate = 2559-05-23T00:00:00.000+07:00
PublisherOrg = กระทรวงศึกษาธิการ
Status = Published
TempEndDate = 2558-12-31T00:00:00.000+07:00
TempStartDate = 2558-01-01T00:00:00.000+07:00
URL = https://data.go.th/DatasetDetail.aspx?id=8548e3ab-00bf-4eae-b29a-156a4aa52c0d
UpdateDate = 2559-05-23T13:52:15.297+07:00
VoteCount = 0

10 ประเด็นความปลอดภัยไซเบอร์ที่ถูกคาดหวังปี 2559 ในมุมมองด้านอุตสาหกรรม

cybersecurity : whoami
cybersecurity : whoami

10 ประเด็นความปลอดภัยไซเบอร์ที่ถูกคาดหวังปี 2559 ในมุมมองด้านอุตสาหกรรม
1. ผู้นำด้านความปลอดภัยเริ่มยอมรับว่าวิธีรักษาความปลอดภัยแบบเดิมมีจุดบกพร่อง ต้องมองหากลยุทธ์ และวิธีการใหม่ ที่ทำได้ดีกว่าเดิม
2. ปีนี้จะเป็นปีของการแบ่งส่วนย่อย เราจะได้เห็น การแบ่งงานเป็นส่วนย่อย การจำลองเป็นส่วนย่อย การให้สิทธิเป็นส่วนย่อย
ที่จะร่วมกันเปลี่ยนแนวทางการทำงาน
3. เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มภัยคุกคามที่สำคัญ เมื่อพวกเขาเข้ามาสอดส่องข้อมูล เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ของภาครัฐ
ปล. Thai Netizen Network คุยกันเรื่องนี้ด้วย
4. ผู้บริหารระดับสูงจะเข้ามามีบทบาทและร่วมกำหนดทิศทางเชิงรุกในประเด็นความปลอดภัยให้กับองค์กร
ปล. มีตัวอย่างเป็น single gateway น่าจะพอไหว
5. XP ได้ประกาศยุติการพัฒนาไปแล้ว แต่ยังเหลือคนใช้อยู่ไม่น้อย และจะกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการเข้าโจมตีได้โดยง่าย
6. โลกไซเบอร์ได้พบกับความวุ่นวายของสังคม และจะเป็นภัยร้ายแรงได้
7. โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตี
ปล. นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง DieHard 4 ที่แฮกเกอร์ยึดสาธาณูปโภคได้
8. ไวรัสเรียกค่าไถ่จะเข้าถึงองค์กรทางธุรกิจมากขึ้น
9. บริษัทที่เคยทำธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยจะเริ่มเข้ามาแสดงตัวในตลาดให้เห็นเด่นชัดขึ้น
10. ปีนี้จะมีการพัฒนาความเร็วในการสื่อสารที่พุ่งขึ้น พร้อมกับการเข้ารหัสแบบควอนตั้มที่พัฒนาขึ้น

โดย Tom Patterson
Vice president of Global Security Solutions for Unisys

http://www.govtech.com/opinion/10-Cybersecurity-Issues-to-Expect-in-2016.html?platform=hootsuite

8 เหตุผล ทำไมเด็กประสบความสำเร็จหลังเรียนจบ

ระหว่างเด็กหน้าห้อง กับเด็กหลังห้องที่ประสบความสำเร็จ
ระหว่างเด็กหน้าห้อง กับเด็กหลังห้องที่ประสบความสำเร็จ
เด็กหลังห้อง
1. พวกเขาตั้งคำถามเกี่ยวกับระบบการศึกษา
2. พวกเขาไม่ยอมเป็นผู้ติดตามใคร
3. พวกเขามักไม่ประจบประแจง
4. พวกเขามักมีเรื่องใหญ่กว่าที่ต้องกังวล
5. พวกเขามีคำจำกัดความของคำว่า “ความสำเร็จ” เป็นของตัวเอง
6. พวกเขารู้วิธีจะยกระดับความสามารถของผู้อื่น
7. พวกเขามักจะเรียนรู้โดยตรงมากกว่า
8. พวกเขามักเป็นคนช่างฝัน
เด็กหน้าห้อง (เสนอเพิ่มเติม)
1. พวกเขาปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา
2. พวกเรารู้ว่าใครเป็นคนที่ควรติดตาม
3. พวกเขารู้จักวางตัวในสังคม
4. พวกเขารู้จัดจัดลำดับเรื่องที่ต้องกังวล
5. พวกเขารู้ความหมายของ “ความสำเร็จ” ที่สังคมยอมรับ
6. พวกเขารู้วิธีจะยกระดับความสามารถของตนเอง
7. พวกเขามักจะเรียนรู้ทฤษฏีก่อนปฏิบัติ
8. พวกเขามักอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

https://www.facebook.com/thaiall/photos/a.423083752271.195205.350024507271/10153871078767272/

เฝ้าประตูเมืองตามหัวหน้าสั่ง ไม่ใช่เรื่องสามก๊ก แต่เป็นหยางกุ้ยเฟย

คนเฝ้าประตูเมืองมีความสำคัญมากในอดีต
ปัจจุบันเราเรียกว่า รปภ.
ทำให้นึกถึง พระยาจักรี ที่เปิดประตูให้พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา

beautiful girl
beautiful girl

ใน หยางกุ้ยเฟย
เมื่อหัวหน้ามีคำสั่งว่า ถ้าเห็นใครถืออาวุธเข้าเมือง
ยิงเกาทัณฑ์ได้เลย อย่าให้เข้าเมืองมาได้
เป็นคำสั่งที่หัวหน้าสั่งไว้
ถ้าอนุญาตให้เข้ามา คนเฝ้าประตูเมืองเองนั่นหละ ที่จะถูกลงทัณฑ์

เมื่อหัวหน้าสั่งไว้ว่า
หากมีใครแอบอ้างว่าเป็นหัวหน้าคนใหม่
อย่าปล่อยให้เข้าเมือง ก็เป็นหน้าที่ที่ถูกกำชับมา
ในภายภาคหน้า ถ้าหัวหน้าคนใหม่เข้ามายึดเมืองได้
ผู้ที่เคยภักดีต่อหัวหน้าคนเก่า คงอยู่ไม่เป็นสุขเป็นแน่
ดังนั้น “เมื่อมีกลุ่มคนถืออาวุธบุกเข้าเมืองยามวิกาล
ยามเฝ้าประตูก็ต้องยิงเกาทัณฑ์ใส่ผู้ที่น่าจะมาก่อกบฎ
และไม่ฟัง แม้เขาจะบอกว่าเป็นราชบุตรของฮ่องเต้ก็ตาม
ที่ไม่ฟังก็คงเพราะเกรงว่าจะเป็นกลลวง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451300070

เห็นคุณค่าของการมีชีวิต จากกรณีของ ฌอง-โดมินิค โบบี

The Diving Bell and the Butterfly (2007)
The Diving Bell and the Butterfly (2007)

ภาพยนตร์เรื่อง ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ
The Diving Bell and the Butterfly (2007)
เป็น ชีวิตที่ไม่เคยยอมแพ้ ของ ฌอง-โดมินิค โบบี กับ การกะพริบตาเขียนหนังสือ
“ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ”
โดยอาการเส้นเลือดในสมองแตก จนก้านสมองเสียหายอยู่ในภาวะ Locked-In Syndrome
เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 8 ธันวาคม 1995 ด้วยวัย 43 ปี
ขณะที่  ฌอง-โดมินิค โบบี ลองขับรถคันใหม่กับลูกชาย
ซึ่งเขาเป็นอดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร ELLE แห่งฝรั่งเศส
หลังหนังสือ Le Scaphandre et Le Papillon
หรือ The Diving Bell and the Butterfly ออกวางบนแผงหนังสือ
และเขาเสียชีวิตด้วยอาการปอดบวมหลังจากหนังสือวางแผงได้เพียง 3 วัน
ในวันที่ 9 มีนาคม 1997
ที่ https://www.gotoknow.org/posts/251988

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เข้าชิง OSCARS ถึง 4 รางวัล
ซึ่งปกติผมก็ไม่ค่อยได้ดูหนังชีวิต หรือหนังที่เครียดแบบนี้
แต่เรื่องนี้ เป็นชีวิตของคนที่ใช้ตาข้างเดียวเขียนหนังสือ
ได้ซีดีมาจาก B2S ซื้อแบบโปร 3 แผ่นร้อย
บางแผ่นก็มีหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้อยู่ใน DVD แผ่นเดียว
ดูแล้วทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของการมีชีวิต
https://www.youtube.com/watch?v=G69Zh7YIg8c

พูดคุยกับทีมงาน
https://www.youtube.com/watch?v=eUCe0wHZrTY

โครงสร้างของสมอง (Brain Structure) 3 ชั้น หรือสมองสามระบบ (Triune brain)

โครงสร้างของสมอง (Brain Structure) ถูกแบ่งพิจารณาสมองออกเป็น 3 ชั้น
หรือสมองสามระบบ (Triune brain) ตาม นายแพทย์พอลแมคลีน (Paul Maclean)
โดยแบ่งตามการวิวัฒนาการและการเจริญเติบโต
1. สมองส่วนแรก คือ สมองของสัตว์เลื้อยคลาน (Reptilian brain)
เป็นส่วนที่เรียกว่า ก้านสมอง (Brain stem)
สมองส่วนนี้เป็นส่วนของสมองมนุษย์ที่ได้รับตกทอดมรดกมาจากสัตว์เลื้อยคลานยุคดึกดำบรรพ์
สมองในส่วนนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากพันธุกรรม และจะเจริญเติบโตเต็มที่ในครรภ์มารดาประมาณ 90-95%
2. สมองส่วนที่สอง หรือ สมองชั้นกลาง คือ สมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมยุคโบราณ (Old mammalian brain)
หรือ ลิมบิคซิสเต็ม (Limbic system)  หรือ ลิมบิคเบรน (Limbic brain)
เนื่องจากสมองส่วนนี้มีรูปร่างดูแล้ว
คล้ายหัวเสือดาวจึงมีผู้เรียกสมองชั้นกลางนี้ว่า สมองเสือดาว (Leopard brain)
เป็นสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก เป็นสมองส่วนที่ ดูคล้ายวงแหวนที่หุ้มรอบ ๆ สมองส่วนแรก
สมองส่วนนี้ได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อม ประสบการณ์ และการเรียนรู้ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 0-8 ปี
3. สมองส่วนที่สาม หรือ สมองชั้นนอก คือ สมองเลี้ยงลูกด้วยนํ้านมยุคใหม่ (Neomammalian brain)
หรือ คอร์เท็กซ์เบรน (Cortex brain) เป็นสมองที่พบในสัตว์ชั้นสูงเท่านั้น
เช่น มนุษย์ ปลาโลมา และลิงวานร
สมองส่วนนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนาครรภ์ แต่จะพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ปีแรก
เมื่ออายุครบ 3-6 ขวบ สมองส่วนนี้จะได้รับพัฒนาประมาณ 80%
แต่พออายุ 9 ขวบก็จะได้ 90% และสามารถเติบโตไป จนกระทั่งอายุ 25 ปี
สมองในส่วนนี้ได้รับอิทธิพลน้อยมากจากพันธุกรรม (10-20%) เพราะ มาเติบโตภายหลังคลอด
http://www.wfc.kmutt.ac.th/public/th/downloadHeader/15
http://thainame.net/edu/?p=3899
http://www.thaiall.com/hci/
http://e-ducation.datapeak.net/brain.htm

พระคณาจารย์จีนธรรม ปัญญาจริยาภรณ์ มรณภาพลงด้วยอาการสงบ

พระคณาจารย์จีนธรรม ปัญญาจริยาภรณ์ มรณภาพลงด้วยอาการสงบ
พระคณาจารย์จีนธรรม ปัญญาจริยาภรณ์ มรณภาพลงด้วยอาการสงบ
สาธุ สาธุ สาธุ
25 ต.ค.58 มีการยืนยันข่าวว่า พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (เย็นเชี้ยว) เจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่
รองเจ้าคณะใหญ่คณะสงฆ์จีนนิกาย ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ในเวลา 02.07 น. ของวันที่ 25 ต.ค.2558 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
สิริอายุ 76 ปี พรรษา 56 ในการนี้จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพแด่ พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาภรณ์ ในเวลา 17.00 น. ที่วัดมังกรกมลาวาส
นายพิสิทธิ์ชนนท์ นิวัฒนากุล เลขานุการพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ และกรรมการวัดมังกรกมลาวาส
กล่าวว่า สมัยก่อนหลวงพ่อมีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารมาโดยตลอด
กระทั่งได้รับการผ่าตัด แต่อาการมาเกิดขึ้นอีกช่วงตรุษจีน หลวงพ่อได้เข้ารับการรักษาอาการอาพาธ
ตั้งแต่ช่วงหลังตรุษจีนเป็นต้นมาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จากนั้นหลวงพ่อก็ได้มรณภาพลงก็ลงด้วยอาการสงบ
โดยคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ จะเคลื่อนศพของหลวงพ่อไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดมังกรกมลาวาส
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/regional/356497
บัณฑิต และมหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเนชั่น มีโอกาสได้ฟังท่านบรรยายธรรม
ใน พิธีประสาทปริญญาบัตรครั้งที่ 21 ของมหาวิทยาลัยเนชั่น
มีความตอนหนึ่งในคลิ๊ป ของพระคณาจารย์จีนธรรม ช่วงเวลา 0:25 – 0.49
ชีวิตที่จบแล้วเนี่ย เราจะดำรงชีวิตของเราอย่างไร
เราจะใช้ชีวิตของเราที่เรียนมา 4 ปี ที่เรียนมาในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างไร
ข้อนี้น่ะที่เป็นปัญหาที่มหาบัณฑิต และบัณฑิตทุกคน
—-
พระคณาจารย์จีนธรรม ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ช่วงเวลาที่ 3:12 – 3:20
—-
มหาวิทยาลัยเนชั่น จัดพิธีประสาทปริญญาบัตรครั้งที่ 21
ประจำปีการศึกษา 2557 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558 ณ เวทีกลางแจ้งริมอ่างตระพังดาว
มีบัณฑิต-มหาบัณฑิต 463 คน จากผู้สำเร็จการศึกษา 540 คน
ในพิธีการมีการบรรยายธรรมะ โดยพระคณาจารย์จีนธรรม ปัญญาจริยาภรณ์
เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส(เล่งเน่ยยี่)
คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ให้โอวาท ช่วงเวลาที่ 0:52 – 1:12
เพราะการที่เราคิดว่าเราสำเร็จ
จะเป็นเครื่องขัดขวางการพัฒนาต่อไปในอนาคต ทั้งตัวเอง การงาน และอาชีพ
ควรคิดว่า เรามีสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เพื่อให้เราพัฒนาต่อไป
และคอยสังเกตุความเจริญก้าวหน้าของตนทั้งทางโลก และทางธรรม
รวมคลิ๊ปพิธีประสาทปริญญาบัตรครั้งที่ 21
พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ ผู้สถาปนาโรงเรียนมังกรกมลาวาสวิทยาลัย
พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ ผู้สถาปนาโรงเรียนมังกรกมลาวาสวิทยาลัย
พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ ผู้สถาปนาโรงเรียนมังกรกมลาวาสวิทยาลัย บรรยายแสดงมุฑิตาจิตแก่บัณฑิตและมหาบัณฑิต ในวันพิธีประสาทปริญญาบัตร บัณฑิตและมหาบัณฑิต ครั้งที่ 21 ณ อัฒจันทร์เวทีกลางแจ้ง มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธีประสาทปริญญาบัตร ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติเมฆไม้และขุนเขา และเป็นพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติ แห่งเดียวในประเทศไทย เมื่อ วันจันทร์ ที่ 26 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (เจ้าคุณเย็นเชี้ยว)
พูดเรื่องการศึกษาใน Now/26 ที่มหาวิทยาลัยเนชั่น
ช่วงเวลา 2.40 – 4.21

ผลงานภาพวาด น้องถงถง ณภัทร นานาชิน

ถงถง
ถงถง

https://www.igspin.com/post/1096690563671826855_178987983

อ่านมาจากเว็บไซต์ดาวคณะ (Daokana)
ว่า น้องถงถง ณภัทร นานาชิน
คณะนิเทศศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยเนชั่น
มีความสามารถด้านการวาด สร้างรายได้ถึงหลักแสนต่อเดือน
http://daokana.com/433
เคยเห็นผลงานของน้องถงถงใน line ที่
https://www.igspin.com/post/977168390519956302_178987983

tongtong napat
tongtong napat

การประเมินเจ้านาย ด้วย 20 คำถาม

ถ้าเป็นนายก ก็คงประเมินอย่างหนึ่ง
ถ้าเป็นเจ้าของบริษัท ก็คงประเมินอย่างหนึ่ง
ถ้าเป็นผู้ว่า ก็คงประเมินอย่างหนึ่ง
ถ้าเป็นผบ. ก็คงประเมินอย่างหนึ่ง
ผู้เข้าประเมิน ก็มีทั้งภายใน และภายนอก ก็จะประเมินกันไปคนละอย่าง
การประเมินเจ้านาย ก็เพื่อพัฒนาองค์กรนั้น มักทำโดยลูกน้องสุดที่รัก
เพราะคนนอกที่ไหนเขาจะมาทำ มาสนใจองค์กรที่เราทำงานอยู่
ถ้าคนนอกเข้ามา ก็มาแป๊ป ๆ แล้วเดี๋ยวก็ไป .. คือ คนที่หายไป

blame
blame

http://kidsermons.com/2012/06/the-blame-game/

มีตัวอย่างคำถามที่น่าสนใจ รวบรวมมาจากที่ต่าง ๆ  มาแบ่งปัน
หากท่านใดจะไปประเมินเจ้านาย ก็ลองเก็บ 20 คำถามไปคิดดู

1. เจ้านาย ทำให้องค์กรมีความโดดเด่น แตกต่างจากองค์กรอื่นชัดเจนไหม
2. เจ้านาย ทำแผนกลยุทธ์ขึ้นมา ดูแล้วจะนำพาองค์กรให้ก้าวหน้าได้ไหม
3. เจ้านาย แปลงแผนกลยุทธ์เป็นแผนปฏิบัติการ ได้ไหม
4. เจ้านาย ทำแผนขึ้นมาคนเดียว มีคนอื่นรู้เห็นเป็นใจด้วยรึเปล่า หรือ copy เจ้านายคนก่อนมา
5. เจ้านาย ทำตามแผน หรือแผนเขียนตามที่ทำ เพราะถ้าไม่มีแผน ก็จะทำ ๆ ไป แล้วมาสร้างแผนทีหลังก็มี
6. เจ้านาย ประเมินลูกน้อง แล้วใช้ผลประเมินไหม มีประสิทธิภาพไหม นึกถึงโรงเรียน กับสมศ.เลย
7. เจ้านาย ให้ใช้ทรัพยากรที่ระบุในแผนไหม หรือให้ทำตามแผน แต่ไม่ให้ทรัพยากร
8. เจ้านาย เชื่อในแผนผังองค์กรไหม หรือใช้บัญชีทำตลาด ใช้ฝ่ายผลิตไปเป็นเลขาฯ
9. เจ้านาย รู้ไหมใครถนัดอะไร ชอบอะไร มีความรู้ด้านใด แล้วใช้คนให้ถูกกับงานหรือไม่
10. เจ้านาย เขียนระบบ และเดินตามระบบหรือไม่ ระบบที่มีดีพอรึยัง
11. เจ้านาย เอาแต่ใจ เปลี่ยนระบบตามใจปรารถนารึเปล่า
12. เจ้านาย มองเห็นไหมว่าลูกน้องแต่ละคน มีวิสัยทัศน์เดียวกับเจ้านายรึเปล่า
13. เจ้านาย สอนงานลูกน้องไหม หรือตำหนิเสมอ หรือคอยซ้ำเติมเวลาลูกน้องพลาด
14. เจ้านาย ติดตามงานจากลูกน้องไหม แต่ถ้าตามแล้วโดนลูกน้องตะหวาดจะทำอย่างไร
15. เจ้านาย ส่งลูกน้องไปอบรมพัฒนาบ้างไหม
16. เจ้านาย หาคนเก่งมาทำงานด้วยได้ไหม หรือปล่อยให้คนเก่งหลุดมือประจำ
17. เจ้านาย เคยสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไหม
18. เจ้านาย ทำให้ทุกคนเห็นความก้าวหน้าในอาชีพของตนไหม หรือต้องลุ่นการเมืองไปแบบวันต่อวัน
19. เจ้านาย เคยถามไหมว่า ถ้าคู่แข่งขององค์กรที่น่าสนใจมาชวนไปทำงานด้วย จะไปไหม
20. เจ้านาย มีความสามารถในการจัดการไหม รู้จักวางแผน จัดองค์กร บังคับบัญชา ประสานงาน และควบคุมไหม

กฎมีอยู่ไม่กี่ข้อในโลก แต่คนให้เหตุผลมีมากมาย
กฎของเจ้านาย บางคน
กฎข้อ 1 เจ้านายถูกเสมอ
กฎข้อ 2 ถ้าเจ้านายผิด (แสดงว่าลูกน้องต้องเรียนรู้เพิ่มเติม) ให้ย้อนกลับไปดูข้อ 1

กฎของลูกน้อง บางคน
กฎข้อ 1 ลูกน้องถูกเสมอ เจ้านายอาจถูกบ้างเป็นบางครั้ง
กฎข้อ 2 ถ้าลูกน้องผิด เจ้านายต้องรับผิดชอบ และย้อนกลับไปดูข้อ 1
กฎข้อ 3 ถ้าเจ้านายผิด ต้องเปลี่ยนเจ้านาย

ปาร์ตี้กาแฟ ปาร์ตี้น้ำชา ปาร์ตี้ขนม หรือปาร์ตี้บลา ๆๆๆ

3d people holding pieces of a jigsaw puzzle with the word teamwork.
3d people holding pieces of a jigsaw puzzle with the word teamwork.

1. กาลครั้งหนึ่ง ราว 7 ปีล่วงมาแล้ว
มีกิจกรรมเกี่ยวกับการประชุมที่เลี้ยงกาแฟ
ตอนนั้นผมยังไม่เรียกว่า KM (การจัดการความรู้)
เห็นทำกันทั้งภายในองค์กร และนอกองค์กร
หัวหน้าจะชวนลูกน้อง มาดื่มกาแฟกับปลาท่องโก๋ช่วงเช้า ๆ
มากันก่อน 8.00น. เลยหละครับ
ทุกครั้ง เพราะนัดหมายคือก่อนเข้าทำงาน มีขนม นมเนยเลี้ยง
ทำให้นึกถึงสภากาแฟของจังหวัด ที่จัดกันเป็นประเพณีก็ว่าได้
ที่จะเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่าง ๆ ออกมาพูดคุยแลกเปลี่ยน
หัวหน้าท่านบอกว่า informal meeting
2. ก่อนหน้านี้
หน่วยเหนือ ก็จะส่ง ผบ. มาชวนกันพูดคุยแลกเปลี่ยน
แบ่งเป็นกลุ่ม white collar และ blue collar
จัดให้มีการเปิดอกเปิดใจ ถึงขนาดน้องบางท่านระบายความในใจทั้งน้ำตา
แบ่งปันทุกข์ที่อัดอั้นอยู่ แบ่งปันสุขก็มีบ้าง การได้ระบายก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้
เป็นเทคนิคที่ทำกันในหลายองค์กร (เคยเรียนมาว่าที่ญี่ปุ่นเขาทำกัน)
แล้วเราก็มีมาตรการหลายอย่างออกมาทำร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
สืบเนื่องจากการหนุนใจของ ผบ. และเปิดทางของทุกฝ่าย
https://www.pinterest.com/pin/430304939367070195/
3. กรณีศึกษา (อ่านยากหน่อยครับ)
การทำ KM เป็นเรื่องปกติ และควรต้องปกติ เพราะเป็นกิจกรรมหนึ่ง
ในการประกันคุณภาพการศึกษา คือ องค์ประกอบหนึ่งของคณะและสถาบัน
เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างไม่เป็นทางการ
อาจมีชื่อ เช่น ปาร์ตี้กาแฟ ปาร์ตี้น้ำชา ปาร์ตี้ขนม ก็แล้วแต่จะเรียก
แล้วผู้ที่เชี่ยวชาญชีวิต หรือ ชช. เพราะเดี๋ยวนี้ สว. ดูจะไม่น่ารักอีกแล้ว
ท่าน ๆ ก็จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน และแบ่งปันประสบการณ์มากมาย
1) งานแบบนี้ สาว ๆ ชช. มักใช้เป็นเวทีเปิดใจ (local share)
แล้วออกมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้านี้
หวังว่าเด็ก ๆ ในเวทีจะได้เรียนรู้ และเตือนสติ
ว่า “ทำให้ ไม่ได้ทำเอา” อย่ายึดติด “ทำเอา ไม่ได้ทำให้”
บางท่านก็เรียกร้องระบบ
บางท่านก็ไม่ชอบระบบที่ยืดหยุ่น เปลี่ยนเร็ว
บางกรณีก็เปลี่ยนเร็วดุจพลิกฝ่ามือ นั่นก็เร็วไป
2) ชช. บางท่าน อาจมาจากองค์กรระดับชาติ (inter. share)
อาจให้ข้อคิดดี ๆ เช่นหลัก  4 M
ว่าประกอบด้วยผู้ชาย ทรัพยากร จัดการและตัง
เห็นการเชื่อมโยง M&M ได้ชัดเจน
3) หลังจาก ชช. แบ่งปันแล้ว (response)
ดด. (เด็ก ๆ) ก็แลกเปลี่ยนด้วยว่า ระบบ ระเบียบต้องรักษา
กฎเกณฑ์ ข้อบังคับนั้น ยืดหยุ่นได้เสมอ อย่างห่วงเรื่องกฏ
ถ้าจริงใจ ขึ้นกับเหตุผล ทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี
4) ทุกเวที มีทั้งบวก และลบคละเคล้า (positive & negative)
เวลาทำงาน บางท่านก็ทำด้วยความภาคภูมิใจ
ชวนกันภูมิใจในงานที่ทำ หนุนใจ ฟังแล้วก็ชื่นใจ
งานมากมายอาศัยทั้งกำลังภายใน และกำลังภายนอก
อาศัยเครือข่าย อาศัยจิตสาธารณะ และบูรณาการ
แล้วเราก็ชื่นชมความสำเร็จร่วมกัน
5) กฎกติกามีเสมอในทุกเวที (rule)
ผู้ใหญ่ใจดีท่านมักจะสร้างความมั่นใจได้ชัดเจน
ฉายภาพให้เห็นความก้าวหน้า ความมั่นคง แสงที่ปลายอุโมง
ระบบและกลไกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จก็ชัดเจน
ทำให้เกิดความเชื่อมั่นที่มากอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้น
6) มีคำถามที่ท้าทายคนทำงานอยู่เสมอ ๆ (challenge question)
ถ้ามีโอกาสได้งานใหม่ที่น่าสนใจ และถูกชักชวนไป จะไปไหม
ก็เชื่อได้ว่า จะมีอะไรอะไรคอยฉุดรั้งไว้ไม่ให้เลือกงานใหม่ที่น่าสนใจได้
เช่น เพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ลักษณะงานที่เห็นความก้าวหน้า
ทำงานใกล้บ้าน รายได้ที่เลี้ยงตัวเองได้ เจ้านายที่รัก
หรือสวย สนุก อบอุ่น สำเร็จ ก้าวหน้า อะไรทำนองนี้