6 มี.ค.56 นายอำเภอคลองหลวง พร้อม ผอ.สสน.นำ อส.กว่า 50 บุกจับบ่อนไฮโล หน้า หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง 3 จุด ได้เซียนพนัน 118 คน เงินสด 1.5 แสนบาท ขณะที่ ผบช.ภ.1 เต้น สั่งตรวจสอบด่วน ก่อนพิจารณาความผิดท้องที่อีกครั้ง
นายสุวิทย์ คำดี นายอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ทาง อ.คลองหลวง และ นายมานะ สิมมา ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมการปกครอง นำกำลัง อส.ของจังหวัด กว่า 55 นาย บุกจับกุมบ่อนไฮโล 3 จุด ที่อยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ภายในซอยพรธิสาร หมู่ที่ 1 ต.คลองหก ซึ่งบ่อนทั้งหมดเปิดเป็นร้านเกมและร้านคาราโอเกะบังหน้า โดยสามารถจับกุมเซียนพนันได้ทั้งหมด 118 ราย และมี น.ศ.สถาบันดังกล่าวรวมอยู่ด้วยจำนวนมาก และเงินสดของกลางอีก 150,000 บาท นอกนั้นก็มีอุปกรณ์ในการเล่นไฮโลครบเซ็ท ซึ่งขณะนี้ นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดลงบันทึกประจำวันไว้ที่ อบต.คลองหก โดยการจับกุทมครั้งนี้ ได้รายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี รับทราบทุกขั้นตอน
ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ ไม่มีตำรวจท้องที่ คือ สภ.คลองห้า เข้าร่วมในบันทึกจับกุมด้วยแต่อย่างใด ซึ่งทาง สภ.คลองห้า นั้นจะมี พ.ต.อ.มนตรี เจียมบุรเศรษฐ์ เป็น ผกก.หัวหน้าสถานี อยู่
ผบช.ภ.1 เต้นสั่งตรวจสอบ นอภ.คลองหลวง จับบ่อนไฮโลแล้ว
พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กรณีที่ นายอำเภอคลองหลวง และ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมการปกครอง นำกำลัง อส. กว่า 50 นาย บุกจับกุมบ่อนไฮโลขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในท้องที่รับผิดชอบของ สภ.คลองห้า และจับกุมนักพนันได้มากถึง 118 ราย เมื่อเย็นวันนี้นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งจะตรวจสอบรายละเอียดอย่างเร่งด่วนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่จะพิจารณาโทษทางวินัยท้องที่อีกครั้ง
ผบช.ภ.1 สั่งผู้การฯ ปทุมธานี รายงานด่วน
พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงความคืบหน้ากรณี นอภ.คลองหลวง นำกำลัง อส. 50 นาย บุกทลายบ่อนไฮโล ในท้องที่ สภ.คลองห้า ว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ทำรายงานด่วนถึงกรณีดังกล่าวให้ตนเองรับทราบโดยด่วนที่สุดแล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางผู้การได้รายงานว่า การจับกุมครั้งนี้ ทาง สภ.คลองห้า ยืนยันว่าได้มีบันทึกการจับกุมร่วมกับทีมเฉพาะกิจของนายอำเภอคลองหลวงด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาจากเหตุผลและข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไรกันแน่อีกครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน
นอภ.คลองหลวงชี้จับบ่อนแจ้งตร.แล้วแต่เงียบ
นายสุวิทย์ คำดี นายอำเภอคลองหลวง กล่าวถึงกรณีบุกไปจับบ่อนการพนันในหมู่บ้านพรธิสาร 3 ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยไม่มีกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า การจับกุมครั้งนี้ ทางฝ่ายปกครองไม่ได้เชิญตำรวจท้องที่เข้าร่วมจับกุม เนื่องจากที่ผ่านมา เคยแจ้งเตือนไปยัง สภ. แล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จนทำให้ฝ่ายปกครอง ได้รับการร้องเรียนมาหลายครั้งจนทนไม่ได้ จึงนำไปการบุกจับบ่อน 3 แห่ง พร้อมกันในครั้งนี้
http://news.sanook.com/1190055/%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A0.%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1.%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/
—
6 มิ.ย.56 นายอำเภอคลองหลวงนำอาสาฝ่ายปกครองปทุมธานีบุกจับ 3 บ่อนไฮโลใกล้สถานศึกษา ห่างป้อมตำรวจแค่ 200 เมตร พบนักพนันกว่า 100 คนเป็นนักศึกษาอื้อ
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 6 มิ.ย.2556 นายสุวิทย์ คำดี นายอำเภอคลองหลวง พร้อมกำลังอาสาฝ่ายปกครอง บุกจับ 3 บ่อน ใกล้กับ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่าน คลองหก ภายในหมู่บ้านพรพิสาร 3 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่บ่อนน้องเล็ก ,บ่อนอีเกิ้ล ,และบ่อนตาเขียว สามารถจับกุมนักพนันได้จำนวน 110 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นเสื่อแทงไฮโล ,อุปกรณ์การเล่นพนันไพ่ ,โพยบอล และเงินสดกว่า 200,000 บาท
จากการตรวจสอบพบว่านักพนันส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา และพ่อค้าแม่ค้าอาชีพค้าขายในย่านใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมควบคุมตัวนักพนันส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้บ่อนภายในหมู่บ้านดังกล่าวอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยและมีกลุ่มนักศึกษาที่พักอาศัยอยู่ตามหอพักเอกชน และภายในหมู่บ้านหมุนเวียนมาเล่นพนันกันจำนวนมาก ขณะเข้าจับกุมมีนักศึกษาบางรายใส่ชุดนักศึกษามาเล่นพนัน และพบว่าบ่อนดังกล่าวอยู่ห่างจากป้อมตำรวจ หมู่บ้านพรพิสาร 3 ไม่ถึง 200 เมตร
http://www.posttoday.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/226765/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A3%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000068335
—
สังคมออนไลน์ดันยอดพนันพุ่ง
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2556 เวลา 16:56 น.
http://www.dailynews.co.th/businesss/207953
นักวิชาการเผยผีพนันเข้าสิงคนไทย เงินสะพัดบ่อนออนไลน์เพิ่ม 32,481 ล้านบาท หวยใต้ดินครองแชมป์สุดฮิต ตะลึงบ่อนพนันเถื่อนเงินหมุนเวียน 800,000 ล้าน ห่วงเยาวชนหมกมุ่นพนันฟุตบอล เร่งรัฐหามาตรการแก้ไขด่วน
นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยในงามสัมมนาเหลียวหลัง แลหน้าการพนันไทย 10 ปีการพนันไทยกับธุรกิจการเสี่ยงโชคในสังคมไทย ว่า ผลการวิจัยพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือปี 53 มีวงเงินที่เล่นการพนันในประเทศเพิ่มขึ้น จาก 324,795 ล้านบาท เป็น 357,276 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานของสังคม ทำให้คนไทยสามารถเล่นการพนันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือได้ง่ายกว่า
ทั้งนี้ แม้ว่าการพนันผิดกฎหมายที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมเล่นมากที่สุด จะเป็นหวยใต้ดิน สลากกินแบ่งรัฐบาล และไพ่ แต่ปัจจุบันที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสังคมไทยมากที่สุด คือการพนันฟุตบอล เนื่องจากผู้เล่นมีอายุน้อยที่เป็นเด็กนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งไม่สามารถพึ่งพาตัวเองทางเศรษฐกิจได้ โดยพบว่ามีวงเงินในการพนันดังกล่าวไม่น้อยกว่าปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและต้องรีบหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ขณะเดียวกัน ทัศนคติคนไทยต่อการพนันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านเกือบทุกประเทศ ทั้ง พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ต่างมีนโยบายการทำคาสิโนที่ถูกกฎหมาย จึงทำให้คนไทยจำนวนมากเดินทางไปเล่นการพนันในสถานที่แห่งนี้อยู่เป็นประจำ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในวันหยุดยาว รวมทั้ง มีการบริการจากคาสิโนบางแห่งที่อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทำให้เชื่อว่าในอนาคตจะมีผู้ที่สนใจเดินทางเข้าไปเล่นกาสิโนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผลการสำรวจพบว่าประเทศไทยยังมีบ่อนการพนันเถื่อนทั่วประเทศกว่า 1,500 แห่ง มีผู้เล่นประมาณปีละ 4-5 ล้านราย โดยมีขนาดเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจการพนันกว่าปีละ600,000-800,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ่อนการพนันในพื้นที่ กทม.ประมาณ 15-20 แห่ง มีขนาดเงินหมุนเวียนปีละ 180,000-200,000 ล้านบาท ที่ลักลอบเล่นการพนัน ทำให้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐขาดคความสามารถในการบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกกฎหมายอย่างแท้จริงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
“รัฐบาลและคนไทยบางส่วนมีความเชื่อว่าการพนันเป็นปัญหาที่ต้องควบคุม และไม่ควรให้ประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ในโลกความเป็นจริงแล้ว มีคนไทยที่อายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพนันในปัจจุบันกว่า 30 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยมีการพนันที่ผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหลายช่องทาง ทั้ง หวยใต้ดิน พนันฟุตบอล และการพนันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งสร้างรายได้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากในแต่ละปี เช่น พ่อค้า นักธุรกิจ ตำรวจ และนักการเมือง”
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ที่ใช้ควบคุมการเล่นพนันให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะกฎหมายที่ใช้อยู่ได้นับรวมกิจกรรมการเล่นเกมเกือบทุกเงื่อนไขที่เกี่ยวกับผลได้และเสีย ไม่ว่าจะเล่นสนุกหรือผ่อนคลาย มีประโยชน์เป็นเงินมากหรือน้อย ถือเป็นการพนันในกฎหมายดังกล่าวทั้งสิ้น โดยไม่มีการจำแนกแยกแยะกิจกรรมที่มีประโยชน์หรือโทษออกจากกันให้ชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนในสังคมไทยถูกครอบงำความคิด และอาจเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐจากการบังคับใช้กฎหมาย
นายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า การพนันในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการพนันออนไลน์ การพนันฟุตบอลเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐควรจะแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้ง ควรแยกแยะระหว่างการพนันกับการเล่นเพื่อความบันเทิงให้ชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันให้ประชาชนไม่เข้าไปหมกหมุนกับการพนันเพิ่มขึ้น