ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดลำปาง

private university
private university

การวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกสถานศึกษาที่ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ในอำเภอเมืองลำปาง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดลำปางแยกเป็น โรงเรียนเอกชน จำนวน 1 โรงเรียน ได้แก่โรงเรียนมัธยมวิทยา และโรงเรียนรัฐบาล จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย โรงเรียนปงแสนทองวิทยา และโรงเรียนกิ่วลมวิทยา จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 287 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม วิธีดำเนินการ ประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าสถิติร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ในการอธิบายข้อมูล โดยสรุปผลการวิจัยพบปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกสถานศึกษาที่ถูกเลือกเป็นอันดับแรกใน แต่ละด้าน ประกอบด้วย ความรู้พื้นฐานที่มีของนักเรียน สาขาวิชาที่เปิดสอนที่ตรงกับความต้องการ คำแนะนำของอาจารย์แนะแนวการหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะสถาบันหรือวิชาที่เปิดสอนจากอินเทอร์เน็ต การสอบเข้าศึกษาต่อโดยวิธีการสอบตรงหรือสอบโควตา ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ความพร้อมและความทันสมัยของอุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอน ค่าเล่าเรียนในการศึกษาต่อ

This was the research project on “Factors influencing in the choosing private higher-education institution of matayom 6 students in Muang Lampang district, Lampang province”. It was the quantitative research. The objective was to study personal factors and marketing factors that have influence to choose higher-education institution. Data sampling had 287 students of matayom 6in schools of downtown district, Lampang province that had Bunyawat school, Pongsantong school, Matayom school, and Kewlom school. Research tool is questionnaire.
Methodologist composed of the collection of information and data analysis. The statistic using in conclusion was percentage, mean and standard deviation. The research conclusion founded that the factors to choose higher-education institution was the basic skill and knowledge, the requirement curriculum, the suggestion of advisor, the searching of institution information from internet, the examination and quota, the reputation of the university, the preparation and modernization for learning and teaching, the fee for education.

http://it.nation.ac.th/studentresearch/search.php?id=74

#research #kounchanok

หา driver ให้กับอุปกรณ์เก่าไม่พบ มีทั้งผิดหวัง และสมหวัง

Wireless USB Adapter
Wireless USB Adapter

มีเครื่อง PC ที่ไม่ได้เชื่อม Internet ผ่านสาย LAN
แต่มี Wireless USB Adapter ตัวเก่าตัวหนึ่ง
เอามาใช้ก็พยายามติดตั้งไปตามปกติ แบบ Off-line
พบว่า Driver ไม่ตรง หรือไม่พบที่ใช้งานได้
เล่าถึงขั้นตอน ดังนี้
1. เอายี่ห้อ และรุ่น
ไปค้นจาก website เจ้าของอุปกรณ์
ก็ไม่มี driver ให้ download เพราะอุปกรณ์เก่ามาก
เลิกดูแลลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์เก่า
2. หาจาก google.com หลายตัว
*เริ่มมีหวัง
ลอง download ที่น่าจะใช้
ก็ไม่มีตัวไหนใช้งานได้
* ผิดหวังหลายรอบ เพราะน่าจะได้สักตัว ก็ไม่ใช่สักตัว
3. สงสัยว่าอุปกรณ์จะเสีย * เริ่มสิ้นหวัง
เปลี่ยนไปยังเครื่องที่ online
แล้วใช้ search driver แบบ online
พบว่า install hardware ได้ปกติ และใช้งานได้
* สมหวังครับ ยิ้มแป้นเลย แต่ไม่ใช่เครื่องนี้
4. เอาชื่ออุปกรณ์ที่ install hardware ได้แล้ว
ไปค้นหาจาก website ของ microsoft.com
แล้วพบแฟ้ม .cab หลายแฟ้ม ก็ download ที่น่าจะใช้มา 3 ตัว
* ก็มั่นใจว่าชื่อตรงแล้ว มาเลยหลายตัว กันพลาด
5. ใช้ winrar ทำ extract driver ที่เป็น .cab ทุกแฟ้ม
เป็น folder ที่น่าจะใช่ทุกตัว
ลุ้นไปทีละตัว สุดท้ายก็ install สำเร็จ จากที่ได้มา 1 ตัว

ภาคผนวก ก. เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
* มีผิดหวัง ย่อมมีสมหวัง และมีผิดหวังครั้งใหม่ วน ๆ กันไป
เมื่อมาทำงานสายไอที

ภาคผนวก ข. ที่มา
ผมถอน Fiber optic ออก ประหยัดเดือนละหลายร้อย
ต่อไปใช้ Net ความเร็ว 256 Kbps จาก 3G
ที่แชร์ Hotspot จาก Smartphone ก็พอแล้ว
ทำให้เครื่อง PC ที่เคยต่อสาย Lan เข้า Switch
เกิดต่อ Net ไม่ได้ขึ้นมากระทันหัน
http://www.thaiall.com/mis/mis05.htm

กว่าเด็กบ่อแฮ้ว ลำปาง ที่จบการตลาด จะสอบติดทหารอากาศ

นายฐิตินันท์ ดำรงสิทธิ์ หรือพี่ฟลุค ของน้องนักศึกษาเนชั่น
บอกเล่าเรื่องราว 9 ข้อ กว่าจะสอบติดทหารอากาศ ไว้ในเฟสบุ๊ค
เค้าเล่าเฉพาะเส้นทางการสอบจนถึงที่หมาย ไม่ได้พูดถึงการเป็นนายกฯ
งานพิธีกรที่มูลนิธิโยนกและมหาวิทยาลัย หรือเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น
เรามาติดตามเส้นทางการสอบเป็นทหารอากาศดีกว่า
ว่า ถึงไหม ท้อไหม ถึงปลายทางฝันตรงไหน มาติดตามกันครับ
พบว่า บรรทัดสุดท้ายของบทความที่ฟลุคเขียนฝากไว้
คือ “อนาคตที่ดี มาจากการกระทำในปัจจุบันที่ดี

เรื่อง “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
1 .เริ่มต้น
จากการตัดสินใจสมัครสอบแข่งขัน เพื่อเป็นทหารอากาศผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ช่วงนั้นมีเวลาเตรียมตัวก่อนสอบ 1 เดือน
ผมซื้อหนังสือเตรียมสอบมาอ่าน และฝึกทำแบบฝึกหัดเป็นประจำทุกวัน
จนผมอ่าน และทำจนครบทุกหน้าภายในเวลา 1 สัปดาห์
หลังจากนั้นผมก็คิดว่าหนังสือที่อ่านเล่มเดียวนั้นคงยังไม่เพียงพอ
ผมจึงสั่งหนังสือแบบไฟล์ PDF มาอ่านผ่านมือถือ
ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์
ผมก็อ่านจบ และทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด
ตลอดระยะเวลาที่อ่านหนังสือ
ผมก็รู้สึกท้อและขี้เกียจมาก
แต่ก็คิดว่า ถ้าเราไม่อ่านแล้วจะสมัครสอบเพื่ออะไร
อย่าเสียเวลาไปสอบเลย แล้วบอกกับตัวเองว่า “อย่ายอมแพ้”

2. ถึงวันสอบ
ผมเดินทางไปสอบที่ธรรมศาสตร์ รังสิตด้วยตัวเอง
ผมเดินทางจากลำปางถึงกรุงเทพ เวลา 6.30น.
ผมไปนั่งรอที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5 ชั่วโมง
เพราะผมสอบตอนเที่ยง
ระหว่างรอทุกคนที่มาสอบล้วนมีความหวัง และมีความมุ่งมั่น
ว่าตัวเองจะสอบผ่าน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ระหว่างรอผมก็เอาไฟล์หนังสือมาอ่าน
เพื่อไม่ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
วันนั้นคนสอบเยอะมาก เยอะมากจนเราคิดว่าเราจะสอบผ่านรอบแรกมั้ย
ซึ่งเวลานั้น ผมก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด โดยจะไม่เสียใจ
เพราะผมตั้งใจทำมันดีที่สุดแล้ว

3. วันประกาศผลสอบรอบแรก
ผมสอบติด 1 ใน 18 คน จากตำแหน่งที่ผมสมัครสอบ
มีผู้เข้าสอบประมาณ 40,000 กว่าคน ผ่านรอบแรก3,000 กว่าคน
ซึ่งผมผ่านรอบแรกมาได้ก็รู้สึกภูมิใจ และตั้งเป้าหมายครั้งต่อไป
ว่าเราจะต้องสอบผ่านการทดสอบร่างกาย และการสัมภาษณ์

4. ก่อนการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
ผมมีเวลาเตรียมตัว 2 – 3 อาทิตย์ ผมซ้อมวิ่งระยะทาง 2.5 กม.
ดันพื้น ซิทอัพ เป็นประจำจนถึงทุกวันนี้
พอถึงวันสอบผมเดินทางไปสอบที่ สนามกีฬาจันทรุเบกษา กองทัพอากาศ
ผมไปรอตั้งแต่ตี 4 ได้คิวสอบที่ 43 ตอน 7 โมงเช้า
วันนั้นรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจสู้ในตอนนั้นก็คือ พ่อแม่
และได้กำลังใจที่ดีจากคนที่ผมรักนั่นก็คือ “ออม”
สุดท้ายผลการทดสอบก็น่าพึงพอใจในระดับหนึ่ง
ผมจะต้องสามารถผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายได้
ผมเชื่อมั่นแบบนั้น
ผลการทดสอบ การวิ่ง 2.5 กม. เวลา 10.35 นาที
ดันพื้น 49 ครั้งต่อนาที ซิทอัพ 39 ครั้งต่อนาที
ผมทำดีที่สุดแล้ว ณ เวลานั้น

5. วันสัมภาษณ์
ผมเดินทางไปที่โรงเรียนนายทหารชั้นประทวน กองทัพอากาศ
เวลา 8.00 น. ผมเป็นคนสุดท้ายที่ได้สัมภาษณ์เวลา 16.00 น.
ในวันนั้นผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนายทหารที่เคยสอบผ่านเมื่อปีที่แล้ว
นายทหารคนนั้นแนะนำ และชี้แนวทางการตอบคำถามสำหรับผม
ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก และทำให้ผมอาจจะได้เปรียบกว่าคนอื่น
แต่สุดท้ายแล้ว คำแนะนำก็เป็นเพียงแค่คำแนะนำ
ไม่ได้ใช้ในห้องสัมภาษณ์เลย ผมต้องมีสติแล้วตอบคำถามอย่างชัดเจน
ตอบได้ คือ ได้ ตอบไม่ได้ คือ ไม่ได้
ในห้องมีกรรมการทั้งหมด 3 ท่าน คำถามมีดังนี้

5.1 แนะนำตัวเอง
5.2 แนะนำเป็นภาษาอังกฤษ
5.3 คุณมีความสามารถพิเศษอะไร
5.4 โปรไฟล์ดีมาก เรายอมรับว่าคุณเก่งเกินไปสำหรับตำแหน่งที่คุณสมัคร
5.5 คุณจะอยู่อย่างไรคนเดียวในช่วงแรกที่ประจำการ
5.6 ทำไมคุณไม่สมัครตำแหน่งอื่น
5.7 ทำไมคุณถึงเลือกจังหวัดบรรจุ
ถ้าไปสามจังหวัดชายแดนใต้คุณจะทำอย่างไร
5.8 เงินเดือนน้อยทำอย่างไร
5.9 คุณจะใช้ความรู้ของคุณกับตำแหน่งอย่างไร
5.10 ข้อมูลของกองทัพอากาศ
5.11 คุณมีอะไรจะพูดใน 30 วินาทีสุดท้ายไหม
5.12 ครอบครัวของคุณทำงานอะไร
5.13 ทำไมคุณไม่ช่วยครอบครัวสานต่อธุรกิจ
5.14 ถ้าคุณสอบไม่ติดปีนี้คุณจะผิดหวังหรือไม่ แล้วจะทำอย่างไร
5.15 ถ้าคุณมีโอกาสสอบอีก คุณยังจะเลือกสอบตำแหน่งเดิมหรือไม่
5.16 ถ้าผู้บังคับบัญชา การศึกษาน้อยกว่าคุณ คุณจะยอมรับหรือไม่
5.17 ถ้าเพื่อนร่วมงานชวนคุณดื่ม จะทำอย่างไร
5.18 คุณเรียน รด มาไหม เป็นอย่างไรบ้าง มีผลงานมั้ย
5.18 คุณมีเชื้อสายจีนใช่มั้ย
คุณเดินทางมายังไง
5.19 ทำตามคำสั่ง ดันพื้น ยกเก้าอี้ลุกนั่ง ระเบียบแถว
เสียงดังฟังชัด การทวนคำสั่ง ถอดเสื้อ หันหน้า หันหลัง

*คนเก่งแบบคุณ เข้ามาทำงานตำแหน่งนี้แค่แปปเดียว
ก็ย้ายไปทำงานตำแหน่งที่อื่นที่ดีกว่า
นั่นก็หมายความว่ากองทัพจะต้องเปิดรับสมัครตำแหน่งนี้ เพื่อมาแทนที่คุณ
ซึ่งมันเสียงบประมาณ คุณจะทำให้เรามั่นใจได้อย่างไร
ว่าคุณจะไม่เป็นเช่นนั้น
พวกเรายอมรับความเก่งของคุณนะ แต่ทุกอย่างก็ต้องรวบรวมจากผลคะแนนทั้งหมด

6. การประกาศผลสอบรอบสอง
ประกาศผมการสอบสมรรถภาพร่างกายและการสัมภาษณ์
ปรากฎว่าผมสอบผ่าน ติด 1 ใน 4 คนสุดท้าย
และเป็น 1 ใน 665 คน ที่ทางกองทัพอากาศเปิดรับ ผมดีใจมาก
แต่ก็ยังไม่ดีใจถึงที่สุด เพราะเรายังต้องไปทดสอบความถนัดบุคคล และตรวจร่างกาย

7. วันทดสอบความถนัดบุคคลและวิภาววิสัย
ผมเดินทางจากลำปางไปกรุงเทพ สอบที่ มธ. รังสิต สอบ 7.30 น.
การสอบประเภทนี้ไม่ต้องอ่านหนังสือ
เพราะเป็นการสอบประเภทความจำ การรับรู้ เชิงเหตุผล การใช้ภาษา
และพฤติกรรม วันนั้นการสอบก็ผ่านไปด้วยดี

8. การตรวจร่างกาย
ผมได้ตรวจร่างกายที่กองเวชศาสตร์ป้องกัน
กรมแพทย์ทหารอากาศ ผมเดินทางถึงกรุงเทพตี 4
วันนั้นเกิดเหตุสุดวิสัยผมเกือบไปตรวจร่างกายไม่ทันเวลา
ผมนั่งแท็กซี่จากดอนเมืองไปกรมแพทย์ทหารอากาศ 7.00 น.
แต่เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน
ทำให้ผมต้องลงจากรถแท็กซี่
แล้ววิ่งจากบริเวณหอประชุมกานตรัตน์ไปยังกรมแพทย์ทหารอากาศ
สุดท้ายผมก็วิ่งไปทันการตรวจร่างกายในวันนั้น
ผมได้คิวตรวจที่ 119 จากการตรวจทั้งหมด 123
ระยะทางที่วิ่งก็ประมาณเกือบ 1 กม.

9. วันประกาศผมสอบรอบสุดท้าย
ผมสอบติดเป็นทหารอากาศอย่างเป็นทางการ

ตลอดระยะเวลาที่ผมสอบนั้น
ผ่านเรื่องราวหลายอย่าง ทั้งเจออุปสรรคมากมาย ต้องมีความตรงต่อเวลา
ต้องมีความอดทน ต้องมีความพยายาม
แต่อย่างไรแล้วเราก็ต้องสู้จนถึงที่สุด “อย่ายอมแพ้”
และที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ พ่อแม่ ที่คอยสนับสนุนผม
และคือคนที่ผมกลัวทำให้ผิดหวังที่สุด
คนที่คอยเคียงข้างและให้กำลังใจผมตลอดในเวลาที่ผมท้อนั่นก็คือ ออม
ครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัยเนชั่นทุกท่านที่ให้วิชาความรู้
ประสบการณ์หลาย ๆ อย่าง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมได้เอาไปใช้ได้จริง และทำให้ผมประสบความสำเร็จ
เพื่อน ๆ ที่คอยช่วยเหลืออย่างที่พักอาศัย
ช่วยในการเดินทางและให้กำลังใจผม

สุดท้ายนี้
ไม่มีอะไรได้มาอย่างงายดาย ทุกอย่างต้องแลกมาด้วยแรงกายแรงใจ
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นการเข้ารับราชการทหารอากาศ
ผมจะไม่มีวันยอมแพ้อีกต่อไป
อนาคตที่ดี มาจากการกระทำในปัจจุบันที่ดี

หนังสือ สตีฟ จ๊อบ ในมือ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ

ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ
ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ

หนังสือที่ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ ถืออยู่นั้น
ชื่อหนังสือ Steve jobs by Walter Isaacson
ท่านโพสต์ข้อความในภาพ (5 มี.ค.61) ว่า
ชีวิตผมขาดหนังสือไม่ได้ I cannot live without books
เป็นภาพปกในกลุ่มเฟส สังคมคนรักอ่าน

ที่ชอบมาก คือ ท่านประธานมูลนิธิโยนก
อยู่ในชุดออกกำลัง เป็นชุดวอร์มโยนก
กำลังจะออกไปวิ่ง หรือข้างนอกอากาศเย็น
ท่านก็อดไม่ได้ที่จะหยิบหนังสือมาอ่าน
ก่อนไปวิ่ง วิ่งไปก็คิดไป เดินไปก็คิดไป
ท่านใช้คำว่า “สมองซุกซน” บ่อย ๆ
คิดถึงเรื่องราวของ Steve Jobs
บุรุษที่เป็นนักนวัตกรรมแห่งศตวรรษ

#bookreview
ผมเคยสรุปประเด็นตามหน้าที่อ่านแล้วชื่นชอบ
ไว้เมื่อ 5พ.ค.2555 มีหลายหน้าที่สนใจ อาทิ
p.11 Moore’s law กฎนี้ได้รับการยืนยันในปี 1971 เป็นกราฟแสดงความเร็วในการเติบโตของวงจรรวม (Integrated Circuit : IC) เป็นทฤษฎีที่กอร์ดอนมัวร์ค้นพบในปี 1965 ที่แสดงอัตราการเติบโตแบบทวีคูณของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
p.16 Jobs ประกาศว่าเขาไม่บูชาศาสนาตามพ่อแม่ แต่หันมาสนใจศาสนาพุทธจนกระทั่งเสียชีวิต
p.25 ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ดิจิทอลอิเล็กทรอนิกส์อเนกประสงค์เครื่องแรกของโลก พัฒนาโดยกองทัพบกสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้คำนวณวิธีการโจมตีของอาวุธแบบต่าง ๆ เป็นต้น

short topics from Steve Jobs book

ปีใหม่ไทย หรือสงกรานต์ นึกถึงอะไรกันนะ

สงกรานต์ในมุมมองของข้าพเจ้า

เทศกาลมหาสงกรานต์มาบรรจบ
ทำให้มีเรื่องราวมากมาย ให้คำนึง
หรือที่เราเรียกว่าส่งท้ายปีเก่าไทย ต้อนรับปีใหม่ไทย

Nomination file No. 01719
Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival

#unesco
Inscribed in 2023 on the Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity

เรื่องหนึ่งที่นึกถึง คือ วันหยุดยาว เป็นอันดับแรก
การไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ พูดคุยสังสรร ในหมู่ญาติ
กลับไปเยี่ยมบ้าน รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และอีกมากมาย
ก่อนหยุดสงกรานต์ หรือหลังกับจากสงกรานต์
ที่องค์กรก็มีกิจกรรม ตอบรับเทศกาลที่น่าสนใจมากมาย

1. ผู้น้อยรวมตัวกันจัดกิจกรรม
เชิญผู้เฒ่าผู้แก่มารวมกัน และรดน้ำดำหัว
หรือพากันไปหาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ
เพื่อขอสุมาลาโทษ ขอศีลขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล

2. ทำบุญใส่บาตร หรือไปสรงน้ำพระ
ขอพรพระ เพื่อความเป็นสิริมงคล

3. ชมการแสดง มหรสพ งานรื่นเริงบันเทิงใจ
ร้องรำทำเพลง ร้องเล่นเต้นรำ

4. นั่งล้อมวง พูดคุย นาน ๆ พบพร้อมหน้าพร้อมตา
เล่าความหลังสู่กันฟัง ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ทำวีรกรรมอะไรตามประสาคนมีอายุ

5. ทำกิจกรรมกีฬา เชื่อมความสัมพันธ์
กีฬามหาสนุก เตะบอล แกว่งมะเขือ ชักกระเย่อยิ่งสนุก

สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ไทย 2559
https://www.facebook.com/ajburin/media_set?set=a.10154059445893895.1073741896.814248894

สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ไทย 2558
https://www.facebook.com/ajburin/media_set?set=a.10153180081213895.1073741855.814248894

สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ไทย 2554 – 2557
https://www.facebook.com/ajburin/media_set?set=a.489851243894.268727.814248894

ฝ่ายหนึ่งที่ได้ 100 เต็ม แต่อีกฝ่ายก็ทิ้งดิ่ง ก็คงจะมีฐานคิดกันคนละขั้วเป็นธรรมดา

คำถาม
คำถาม

หลังสอบทุกครั้งจะมี 2 ขั้ว
ที่แตกต่างกัน เค้ามีคำถาม คำพูด และความคิด
สอดคล้องกับคะแนน หรือความเชื่อพื้นฐานอยู่แล้ว

กรณีแรก – ขั้ว 100
ไม่มีข้อสงสัยต่อคำถาม ไม่ตั้งแง่ให้เป็นอุปสรรคกับการเรียนรู้
ปัจจุบันมีเด็ก ๆ มากมาย ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ
หาความรู้ หาคำถาม และหาคำตอบ
ทั้งจากโรงเรียนกวดวิชา และคู่มือเตรียมสอบ

มีเด็ก ๆ จำนวนไม่น้อย
เค้ากระหายใครรู้ กระเหี้ยนกระหือรือ
ที่จะหาคำถามมาตอบ แล้วเค้นคำตอบด้วยตนเอง
ไม่ใช่สงสัยในระบบ หรือคำถามที่ยังไม่ได้หาคำตอบ
แล้วก็สรุปว่า ข้อสอบ คือ ปัญหา
http://www.lampang13.com/archives/8936

ขั้นตอนวิธี เป็นเรื่องที่นักเรียนจะได้เรียนรู้
ขั้นตอนวิธี เป็นเรื่องที่นักเรียนจะได้เรียนรู้

กรณีที่สอง – ขั้ว 0
มีข้อสงสัยต่อคำถาม
อันที่จริงแล้ว เมื่อได้คำถามมา
ที่อาจเป็นคำถามที่อยู่ในใจ หรือมีใครเค้าถามมา
บางทีคำตอบก็ไม่ได้สำคัญ
เท่าขั้นตอนการได้มา (Algorithm) ของคำตอบ
เพราะ การเรียนรู้ที่จะตอบคำถาม สำคัญกว่าคำตอบ
บางทีอาจนึกถึงที่มาของการตอบคำถามแบบ 5W1H
สุดท้ายก็ต้องถามว่า จัดการกับคำถามอย่างไร
1) .. 2) .. 3) .. 4) .. 5) ..
เห็น 5 หัวข้อนี้
ทำให้นึกถึงการค้นแล้วค้นอีก ที่เรียกว่า วิจัย (research)
คือ ขั้นตอนการได้คำตอบ อย่างมีขั้นตอน (Algorithm)
ที่ทำให้คำตอบ มีวรรณกรรมอ้างอิง และน่าเชื่อถือ
นี่เป็นกรณีที่คนถามเค้า serious ก็คงต้องตอบ seriously

ผ้าจำนำ กับ ผ้าอาบน้ำฝน
ผ้าจำนำ กับ ผ้าอาบน้ำฝน

ปล. ผมมองเป็น KM นะครับ และอ้างอิงแหล่งที่มาไว้แล้ว
https://www.facebook.com/ajWiriya/

ได้ 100 เต็ม
ได้ 100 เต็ม

อยากชวนฟัง ปาฐกถาของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ที่กล้ามองต่าง วิพากษ์การทำงานของผู้มีอำนาจ อย่างมีเหตุผล
เพราะโลกของเรามี 2 ขั้ว จึงทำให้เกิดการพัฒนา และพลวัต

บทเรียนที่ 2 วาดรูปทรงสีเหลี่ยมแรก

วาดสี่เหลี่ยมด้วย scratch
วาดสี่เหลี่ยมด้วย scratch

การวาดรูปอยู่ในสายเลือดทุกคน
จะวาดจุด เส้นตรง วงกลม หรือรูปทรงเลขาคณิต
หากอ่านออกเขียนได้ ก็น่าจะเคยวาดกันมาแล้ว

สำหรับรูปหลายเหลี่ยมก็จะมีมุมของตนเอง
เช่นสี่เหลี่ยมก็จะมีอยู่ 4 มุม ๆ ละ 90 องศา
วิธีการวาดก็เพียงแต่หมุนขวา 90 องศา แล้วก็วาดเส้นตรงเท่านั้น
นี่เป็นบทเรียนที่น่าจะนำไปใช้ใน วิชาวิทยาการคำนวณ
สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้

http://www.thaiall.com/scratch

หากวาดสี่เหลี่ยมเป็น ก็ลองวาดทรงอื่น ๆ ได้
แต่ละทรงก็จะมีมุมของตนเอง
วงกลมก็จะมีทั้งหมด 360 มุม

ขั้นตอนการวาดภาพสี่เหลี่ยม
1. ใน block palette กลุ่ม events
เลือก When clicked แล้วลากไปวางใน Scripts area
2. เปลี่ยนเป็นกลุ่ม pen
เลือก pen down ลากไปต่อเป็น block ที่ 2
3. เปลี่ยนเป็นกลุ่ม Motion
เลือก Move 100 steps เป็น block ที่ 3
เลือก Turn [right] 90 degrees เป็น block ที่ 4
เลือก Move 100 steps เป็น block ที่ 5
เลือก Turn [right] 90 degrees เป็น block ที่ 6
เลือก Move 100 steps เป็น block ที่ 7
เลือก Turn [right] 90 degrees เป็น block ที่ 8
เลือก Move 100 steps เป็น block ที่ 9
เลือก Turn [right] 90 degrees เป็น block ที่ 10
3. เปลี่ยนเป็นกลุ่ม pen
เลือก pen up ลากไปต่อเป็น block ที่ 11
4. ย้ายแมวออกไปจะได้เห็นชัด ๆ
เลือก go to x:-100 y:0 ลากไปต่อเป็น block ที่ 12
จะได้เห็น สี่เหลี่ยม ชัดขึ้น
5. แทรก block ในกลุ่ม move ให้ไปต่อท้าย block แรก
เลือก go to x:0 y:0 ลากไปต่อเป็น block ที่ 2
ส่วน block ที่ 2 เดิม คือ pen down ก็มาเป็น block ที่ 3
ทำให้การ start ทุกครั้ง คือ การเริ่มที่จุดเริ่มต้น
6. หากผิดพลาด ต้องการทำใหม่ มีให้เลือกดังนี้
– File, new เริ่มต้นทุกอย่างใหม่
– File, revert กลับไปเริ่มต้นก่อนแก้ไขโปรเจค

รูปทรงเรขาคณิต
รูปทรงเรขาคณิต
http://freemmiie.blogspot.com/2013/12/4_5.html

การรวมตัวกันของเพื่อนเก่า เทียบเฟสกับไลน์

เที่ยววัด
เที่ยววัด

ครั้งหนึ่ง ผมได้พูดคุยกับ น้องจ๋า
เรื่องการรวมตัวของเพื่อนเก่า หรือศิษย์เก่า
แล้วผมก็แบ่งปันกับ น้องจ๋า ว่า
ในรุ่นผมเค้าก็รวมตัวกัน แข็งแรงด้วย
และผมก็แชร์ว่าปัจจัยที่ทำให้แต่ละรุ่นแข็งแรงคืออะไร

พอรวมตัวกันได้ก็ทำกิจกรรม
– เยี่ยมเพื่อน
– เยี่ยมคาราวะครูอาจารย์เก่า
– ทิปต่างจังหวัด
– ทิปตามเทศกาล
– นัดพบปะทานข้าวที่ร้านอาหาร
– ทำอาหารทานที่บ้านเพื่อน
– ไปเที่ยววัด หรือแหล่งท่องเที่ยว

เที่ยววัด
เที่ยววัด

วันนี้ เพื่อนบิวแชร์ภาพ ผมก็คัดลอกเก็บไว้
เพราะชอบ (like)
แล้วแชร์ในเฟส และกลุ่มผู้สูงอายุไปว่า

ผมมีเพื่อนกลุ่มหนึ่ง
เค้ามารวมตัวกันได้ใกล้ชิด
โดยใช้ line เป็นเครื่องมือ
เมื่อรวมตัวกันก็พบปะ
พากันจัดกิจกรรมมากมาย
ตามการหาลือในกลุ่มไลน์
อันที่จริงเพื่อนผม
ทั้ง ประถม (Ton ching-chai) มัธยม (ปอ) และ ป.ตรี (สท.ติ)
มีกลุ่ม line ที่เข้มแข็งทุกกลุ่ม
ตามภาพนี้ที่เพื่อน ๆ ไปเที่ยววัด เป็นกลุ่ม ป.ตรี
จุดเด่น คือ รวมกันได้มากกว่าครึ่ง
จากสมาชิกในชั้นปีทั้งหมด ทำกิจกรรมพบปะตลอด
แต่กิจกรรมก็จะกระจายกันไป
ตามกลุ่มจังหวัดซะมาก
จัดทิปออกเที่ยวหาเพื่อนต่างจังหวัดก็บ่อย

ปล. ภาพนี้เพื่อนบิวอัพเข้ากลุ่มเฟส
เพราะเพื่อน ป.ตรี เป็นกลุ่มเดียว
ที่มีกลุ่มเฟสเป็นรองกลุ่มไลน์
คำว่า “กลุ่มเฟสเป็นรองกลุ่มไลน์
แปลว่า ยังสามารถจัดให้เป็นที่สองได้
เพราะกลุ่มอื่นในไลน์อีกเยอะ
ที่มีกลุ่มไลน์เพียงอย่างเดียว
อาจเพราะกลุ่มที่ว่านั้น มีสมาชิกเป็นผู้สูงอายุ
จึงไม่สามารถชวนมาเข้ากลุ่มเฟส
ผู้มีอายุจะถนัดใช้ไลน์มากกว่าเฟส
ทำให้หลายกลุ่ม
ไม่สามารถสร้างกลุ่มเฟสได้
จึงไม่อาจนับได้ว่ามีกลุ่มเฟสเป็นรอง

ปกติแล้วผมจะโพสต์เข้าเฟส แล้วนำมาเขียนบล็อก
ภาพเที่ยววัดนี้ โพสต์ไว้ที่ https://www.facebook.com/ajburin/

เพื่อนประถม
เพื่อนประถม
เพื่อนป.ตรี
เพื่อนป.ตรี

การใช้งาน scratch ครั้งแรก

Scratch คือ เครื่องมือสำหรับการโปรแกรมด้วยแผนภาพ ด้วยการต่อจิ๊กซอล นำชิ้นคำสั่งมาร้อยเรียงเรื่องราวอย่างเป็นระบบ ใช้ได้ฟรี สำหรับนักเรียน ครู อาจารย์ สามารถใช้สร้างสรรค์ตัวการ์ตูน เล่านิทาน เกม ดนตรี ศิลปะ บอกเล่าถึงชีวิต และสังคม การฝึกใช้ถือเป็นก้าวสำคัญของผู้เริ่มต้นที่จะศึกษาการโปรแกรมในระดับที่สูงขึ้น Scratch ใช้ในขอบเขตอื่นได้ ทั้งโครงงานวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ รวมทั้งการสร้างแบบจำลอง และการทดลอง แล้วยังช่วยสร้างเอกสารนำเสนอของนักเรียน ครู อาจารย์ การเปิดโครงงานสามารถใช้งานบนเว็บไซต์ เผยแพร่ แบ่งปัน แก้ไขผ่านเว็บบราวเซอร์ ซึ่ง Scratch เริ่มต้นโครงการจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Google และ MIT’s Scratch team แล้วทีมของ Google ได้พัฒนา Blockly เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้การโปรแกรม และการนำไปใช้ในภาคธุรกิจได้ (แปลจาก wikipedia.org และ mit.edu) #

scratch first program
scratch first program

วัตถุประสงค์
1. เพื่อเรียนรู้การต่อ block
2. เพื่อประมวลตาม block ที่ต่อเสร็จ
3. เพื่อเก็บ script เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
4. เพื่อนำ script กลับมาประมวลผลได้

การใช้งาน scratch ครั้งแรก

1. เข้า http://scratch.mit.edu
2. กด create เพื่อสร้างผลงาน หรือคลิ๊ก “Try it out”
3. ถ้าติดตั้ง Flash แล้ว จะข้ามไปข้อ 4
แต่ถ้าไม่ได้ติดตั้ง Flash ไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อทดสอบใน chrome browser จะพบข้อความ
– ให้คลิ๊ก “Click to enable Adobe Flash Player”
– ให้คลิ๊ก “Allow” to Run Flash
4. พบตัว Scratch สีเหลือง หน้าตาเหมือนแมว
ในหน้าต่าง Stage ที่เป็นเวทีแสดงของแมว
ส่วนนี้ขยายเต็ม full screen ได้
5. ด้านบนของตัวแมว Scratch จะช่อง Project title
พบชื่องานว่า “Untitled” เริ่มต้นก็ควรตั้งชื่องานใหม่
ให้เปลี่ยนชื่องานนี้เป็น mycat หรือตามที่ชอบ
6. ในแท็บ (Tab) ชื่อ Scripts มี Block palette
ปัจจุบันอยู่ที่กลุ่มบล็อก Motion
ด้านล่างเป็นบล็อกที่ใช้ได้ในกลุ่มนี้
7. การเริ่มต้น ให้คลิ๊กกลุ่มบล็อก Events
จะพบบล็อกชื่อว่า “When clicked”
8. ใช้ mouse คลิ๊กบล็อกนั้น ค้างไว้ (hold)
แล้วลากไป (drag) ปล่อยในพื้นที่ Scripts area ด้านขวา
ที่เป็นพื้นที่ต่อบล็อก ให้ปล่อยบล็อกไว้โซนด้านบนของที่ว่าง
จะได้จัดวางเป็นระเบียบแบบบนลงล่าง (Top-Down design)
9. กลับไปคลิ๊กกลุ่มบล็อก Motion อีกครั้ง
จะพบบล็อกชื่อ “move 10 steps”
ลากไปต่อท้ายบล็อก “When clicked”
10. ทดสอบสั่งงาน – ครั้งแรก
โดยคลิ๊กสัญลักษณ์รูปธงสีเขียว (Green flag to start)
หมายถึง ทำงานตามสั่ง
จะพบว่าแมวเดินไป 10 steps
กดที่ธงสีเขียวอีกครั้งก็เดินอีก 10 steps ซึ่งไปได้ประมาณ 10 จุด
11. เก็บ script ไว้ในเครื่อง (download script)
สั่งผ่าน menu bar ให้คลิ๊ก file, download to your computer
ก็จะได้แฟ้ม mycat.sb2 มาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
12. ปิดหน้าต่าง หรือกลับไปที่ http://scratch.mit.edu
แล้วคลิ๊ก create ใหม่
จะพบว่างานที่เคยทำไว้ หายไปจาก Scripts area และ Stage
13. เรียก script กลับมาจากในเครื่อง (upload script)
สั่งผ่าน menu bar ให้คลิ๊ก file, upload from your computer
แล้วกด ok เพื่อยืนยัน ก็จะพบว่า script ที่เคยเก็บไว้ กลับมาแล้ว
มีวัตถุสั่งงาน 2 วัตถุเหมือนเดิม ในพื้นที่ทำงาน
14. ทำการสร้างบล็อกเพิ่มอีก 2 บล็อก
คือ “When clicked” และ “move -10 steps”
โดยเปลี่ยนจากเลข 10 เป็น -10
หากคลิ๊กที่ธงสีเขียวในบล็อกชุดใดก็จะทำงานตามบล็อกในชุดนั้น
ทำให้แมวเดินหน้า ถอยหลังได้ ตามการคลิ๊ก

first script
first script

เรื่องที่ทำให้ รัก/ชัง เมืองไทย .. คนเขียนกำหนดได้ แบบสุดคนละขั้ว

hate thailand
hate thailand

จาก thairath.co.th
แชร์อีกรอบ! นิสัยคนไทยจากปากฝรั่งที่ มอร์ริส เค
ได้ยินมา เจ็บแต่จริงมั้ย?

https://www.thairath.co.th/content/1217013

เป็นประเด็นที่จะไปชวน #นักข่าวอาสา คิดกัน
ว่าเทคนิคการเขียนเล่าเรื่อง ให้คนอ่าน ชังเมืองไทย ชังคนไทย
ต่างกับคลิ๊ปวีดีโอ “I hate thailand” ที่ดูแล้ว รักเมืองไทย รักคนไทย

อ่านบทความนี้แล้วเห็น 2 อย่าง (Quote มา)
1. “เบื่อหน่ายเมืองไทย” 
2. “สันดานพื้นฐานของคนไทย คือ ความเห็นแก่ตัว” 
จึงหยิบมาเก็บไว้ เป็นกรณีศึกษา เรื่อง “hate speech” เพราะเคยคุยกับนักศึกษาว่า อย่าใช้คำว่า ส่วนใหญ่เหมือนที่ เจี๊ยบพูดถึงตูน ว่า “ลำปางแย่มาก” แต่บทความนี้ไม่มี ส่วนใหญ่ เลย เค้าชื่นชม ฝรั่ง แต่ด่าคนไทย และเมืองไทย ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึก ชังคนไทย และเมืองไทย แสดงว่า สมใจคนเขียนแล้ว ต่างกับคลิ๊ป “i hate thailand” ที่เล่าถึงความมีน้ำใจของ สาวไทยผิวสีแทน ที่แบ่งปัน ไม่เห็นแก่ตัวต่อฝรั่ง จนฝรั่งแอบปิ้ง และไม่อยากจากเมืองไทย (อยู่ต่อเลยได้ไหม) .. ก็เป็นเรื่องเล่า 2 ขั้ว ระหว่าง เรื่องที่ทำให้ รัก/ชัง เมืองไทย

ถ้าดูคลิ๊ป I hate thailand แล้ว ทำให้นึกถึงเพลง อยู่ต่อเลยได้ไหม ของสิงโต นำโชค