ตามหา list ใน facebook

facebook list
facebook list
วันนี้ (20 ม.ค.58) นั่งหาวิธีเข้าจัดการ List อยู่พักใหญ่
สุดท้ายคุณเปรม เฉลยว่า อยู่ใน Friends ของ home นั้นหละ
ที่อยู่ทางด้านซ้ายล่างลงไป
พอเข้าไปดูพบว่าแตกต่างกับ Friends ใน timeline ที่บริหารคนได้
แต่ Friends ใน home ใช้บริหารรายการชื่อ (List)
นี่ถ้ามีแบบสอบถามมาว่า facebook เป็นอย่างไร
ช่องที่ว่า “ใช้คำได้เหมาะสม เข้าใจง่าย” ผมไม่ให้เต็มแน่
เพราะการออกแบบปฏิสัมพันธ์คนกับคอมพิวเตอร์ของ facebook
ทำให้คนเข้าใจคอมพิวเตอร์ผิดไป
ด้วยคำที่เหมือนกัน แต่เป็นคำไม่เหมือนกัน
ที่สนใจเรื่องนี้ เพราะหัวหน้าท่านหนึ่งบอกว่า
อยากโพสต์ให้คนในกลุ่มหนึ่งเห็นเท่านั้น คนอื่นไม่เห็น
แต่ไม่อยากใช้กลุ่ม เพราะกลุ่มดูจะเทอะทะไป
ผมก็แนะนำว่า list คือ คำตอบสุดท้าย
จึงเป็นที่มาของการตามหา list ใน facebook

Blockly คือเครื่องมือช่วยพัฒนาโปรแกรมแบบวิชวล

blockly
blockly
1. ที่มา
Blockly คือ เครื่องมือพัฒนาโปรแกรมแบบวิชวล (Visual) โดยใช้สัญลักษณ์ภาพแบบจิ๊กซอล แทนคำสั่งมาเรียงต่อกันตามเงื่อนไขที่ต้องการ พัฒนาโดย google for education แล้วเปิดให้ทดลองใช้ (Try Blockly) บนเว็บของกูเกิ้ล หรือนักพัฒนาจะดาวน์โหลดไปติดตั้งบน website ของตนเอง เพื่อพัฒนาต่อยอดได้ ในเครื่องมีอนี้มีกลุ่มของสัญลักษณ์ที่ประกอบด้วย Logic, Loops, Math, Text, Lists, Colour, Variables, Functions
2. รับโปรแกรม (get the code)
โดย download แฟ้ม .zip เมื่อแตกแล้วก็นำไปวางบน server ที่บริการภาษา python
หน้าตาที่ได้ก็จะเป็น blockly แบบที่พบได้ใน demo ซึ่งจะทำงานบน client-side
3. Playground on the demo sever.
บริการใช้งาน Blockly แล้วสร้างเป็น source code : javascript แล้วคัดลอกออกมาได้
เพื่อนำไปใช้ใน compiler ต่อไปได้ แต่ทดสอบประมวลผลไม่ได้
4. บริการ Live Demo : JS Interpreter
สำหรับทดสอบประมวลผล Blockly และรายงานผลผ่านสัญลักษณ์ print ได้
แต่ copy : javascript ไม่ได้
5. code editor + run
ที่ block แล้วมองเห็น code ภาษาต่าง ๆ ทั้ง block, javascript, python, dart, xml
แล้วสั่ง run เพื่อดูผลลัพธ์ หรือ copy code ไปใช้ได้
6. มี Demos ให้ทดสอบการใช้งาน Blockly แบบต่าง ๆ
สร้างเครื่องบิน หรือ code editor ที่สลับไปมาระหว่าง source กับ symbol
7. ตัวอย่างบริการ blockly จากเว็บไซต์ต่าง ๆ
เช่น Blockly Games ใช้สร้างเกมง่าย ๆ ได้
หรือ Appinventor สำหรับ Android apps
8. ตัวอย่าง XML
<xml>
<block type=”variables_set” id=”642″ inline=”true” x=”-51″ y=”18″>
<field name=”VAR”>a</field>
<value name=”VALUE”>
<block type=”text” id=”643″>
<field name=”TEXT”>a</field>
</block>
</value>
<next>
<block type=”controls_repeat_ext” id=”644″ inline=”true”>
<value name=”TIMES”>
<block type=”math_number” id=”645″>
<field name=”NUM”>5</field>
</block>
</value>
<statement name=”DO”>
<block type=”text_append” id=”646″ inline=”false”>
<field name=”VAR”>a</field>
<value name=”TEXT”>
<block type=”text” id=”647″>
<field name=”TEXT”>b</field>
</block>
</value>
</block>
</statement>
<next>
<block type=”text_print” id=”648″ inline=”false”>
<value name=”TEXT”>
<block type=”variables_get” id=”649″>
<field name=”VAR”>a</field>
</block>
</value>
</block>
</next>
</block>
</next>
</block>
</xml>

visual logic สำหรับเขียนผังงาน (flowchart)

โปรแกรม visual logic คือ เครื่องมือสำหรับวาดผังงาน (Flowchart) แบบแทรกภาพ และสามารถสั่งประมวลผล เพื่อทดสอบการรับข้อมูล การแสดงผล การทำซ้ำ การทำงานตามเงื่อนไข แล้วยังมีสัญลักษณ์สำหรับวาดภาพ หรือเพิ่มเสียงได้ ซึ่งสัญลักษณ์ที่มีให้ใช้มีครอบคลุมการใช้งานพื้นฐาน เช่น input, assignment, output, if, for, while, exit, make array เป็นต้น หลังวาดผังงานเสร็จสามารถ export ออกไปเป็น code ภาษา Pascal หรือ Visual Basic ได้

flowchart
flowchart

+ ถ้าสนใจโปรแกรมนี้ เข้าไปศึกษารายละเอียดที่ visuallogic.org หรือ download demo version มาทดสอบได้ครับ

finding max number
finding max number

ผังงานสำหรับหาค่าสูงสุด ในอาร์เรย์ขนาด 3 สมาชิก

http://www.thaiall.com/flowchart/indexo.html

สติ๊กเกอร์ไลน์ ค่านิยม 12 ประการ

ภาครัฐเปิดให้ดาวน์โหลด สติ๊กเกอร์ไลน์ ค่านิยม 12 ประการ
ผ่าน Sticker Shop ในแอพ LINE ใน ชื่อ “Twelve Core Values for Thais
ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2014 ถึง 28 มกราคม 2015 มีเวลาให้ดาวน์โหลด 1 เดือน
เมื่อดาวน์โหลดแล้วใช้งานได้อีก 90 วัน
ความเป็นมา
“ค่านิยมสิบสองประการ” เป็นค่านิยมที่นายกรัฐมนตรี พล อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบให้กับคนไทย โดยเป็นการนำค่านิยมที่ดีที่คนไทยล้วนชื่นชมมาช้านาน รวมทั้งพระราชดำริสอนใจที่สำคัญ มารวบรวมและเรียบเรียงให้จำง่าย เพื่อนำไปปฏิบัติเป็นกิจวัตร เป็นการสร้างมาตรฐานที่ดีในสังคมไทย ทีมงานของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม จึงได้มีโครงการจัดทำสติ๊กเกอร์ “ค่านิยมสิบสองประการ” โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (หรือ กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) และกระทรวงวัฒนธรรม มีการออกแบบและจัดทำให้เป็นภาพเคลื่อนไหวที่สื่อความหมาย โดยทีมงานที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มานานแล้วในด้านการสื่อสารกับเยาวชนและบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ของขวัญชุดนี้ยังรวมภาพอื่นๆ ที่เป็นเรื่องการทักทาย และการให้ของขวัญ เป็นต้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นของขวัญให้กับคนไทยในวาระแห่งความสุข ขึ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นี้
ดังนั้นเพื่อสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง
โดยต้องสร้างคนในชาติ ให้มีค่านิยมไทย 12 ประการ ได้แก่
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย
8. มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
8. มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
8. มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์
ส่วนอีก 4 แบบใช้ตามเทศกาล
13. สวัสดีปีใหม่
13. สวัสดีปีใหม่
14. รับทราบ
14. รับทราบ
15. อรุณสวัสดิ์
15. อรุณสวัสดิ์
16. ราตรีสวัสดิ์
16. ราตรีสวัสดิ์
* ภาพชุดนี้ได้จาก เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ
วิธีการนำสติ๊กเกอร์แบบ gif ขนาด 336px * 292px มาใส่ใน blog
2. save as เข้า desktop เป็น webpage
3. เปิด folder เห็นภาพต่าง ๆ ในสกุล .gif
4. คัดลอกภาพที่ต้องการออกมาใช้
วิธีการดาวน์โหลด
ภาพเคลื่อนไหวสติ๊กเกอร์ไลน์

Maysoon Zayid สั้นตลอดเวลา

Maysoon Zayid : shake all the time
Maysoon Zayid : shake all the time

ในเวทีที่มีคนพูด และมีคนฟัง
ก็เห็นจะมี TED : Technology, Entertainment, Design
ที่ได้รับความนิยม และยอมรับกันไปทั่วโลก
แต่ละท่านพูดกันประมาณ 15 นาที
มี 20 TED ยอดนิยมในปี 2014
Maysoon Zayid : shake all the time เป็น 1 ใน 20
http://www.ted.com/playlists/215/the_most_popular_talks_of_2014

Transcript : Hello, TEDWomen, what’s up.

0:13 (Cheers)
0:15 Not good enough. Hello, TEDWomen, what is up?
0:18 (Cheers)
0:20 My name is Maysoon Zayid, and I am not drunk, but the doctor who delivered me was. He cut my mom six different times in six different directions, suffocating (หอบ, สำลัก) poor little me in the process. As a result, I have cerebral palsy (สมองพิการ), which means I shake all the time. Look. It’s exhausting (ใช้หมด). I’m like Shakira, Shakira meets Muhammad Ali. (Laughter)
0:53 C.P. is not genetic (พันธุกรรม). It’s not a birth defect. You can’t catch it. No one put a curse(คำสาป) on my mother’s uterus (มดลูก), and I didn’t get it because my parents are first cousins (ญาติ), which they are. (Laughter) It only happens from accidents, like what happened to me on my birth day.
1:15 Now, I must warn you, I’m not inspirational (ที่เร้าใจ), and I don’t want anyone in this room to feel bad for me, because at some point in your life, you have dreamt of being disabled. Come on a journey with me. It’s Christmas Eve, you’re at the mall, you’re driving around in circles looking for parking, and what do you see? Sixteen empty handicapped (พิการ) spaces. And you’re like, “God, can’t I just be a little disabled?” (Laughter) Also, I gotta tell you, I got 99 problems, and palsy is just one. If there was an Oppression (การบีบคั้น) Olympics, I would win the gold medal. I’m Palestinian, Muslim, I’m female, I’m disabled, and I live in New Jersey. (Laughter) (Applause) If you don’t feel better about yourself, maybe you should.
2:22 Cliffside Park, New Jersey is my hometown. I have always loved the fact that my hood (ผ้าคลุมหน้า) and my affliction (ความทุกข์) share the same initials. I also love the fact that if I wanted to walk from my house to New York City, I could.
2:36 A lot of people with C.P. don’t walk, but my parents didn’t believe in “can’t.” My father’s mantra was, “You can do it, yes you can can.” (Laughter) So, if my three older sisters were mopping (ถูพื้น), I was mopping. If my three older sisters went to public school, my parents would sue the school system and guarantee that I went too, and if we didn’t all get A’s, we all got my mother’s slipper (รองเท้าแตะ). (Laughter) My father taught me how to walk when I was five years old by placing my heels on his feet and just walking. Another tactic that he used is he would dangle (ห้อย) a dollar bill in front of me and have me chase it. (Laughter) My inner stripper (ผู้เปลื่อง) was very strong, and by — (Laughter) Yeah. No, by the first day of kindergarten, I was walking like a champ who had been punched one too many times.
3:37 Growing up, there were only six Arabs in my town, and they were all my family. Now there are 20 Arabs in town, and they are still all my family. (Laughter) I don’t think anyone even noticed we weren’t Italian. (Laughter) (Applause) This was before 9/11 and before politicians thought it was appropriate to use “I hate Moslems” as a campaign slogan. The people that I grew up with had no problem with my faith. They did, however, seem very concerned that I would starve (อดมื้อกินมื้อ) to death during Ramadan. I would explain to them that I have enough fat to live off of for three whole months, so fasting from sunrise to sunset is a piece of cake.
4:25 I have tap-danced on Broadway. Yeah, on Broadway. It’s crazy. (Applause) My parents couldn’t afford physical therapy (การบำบัดโรค), so they sent me to dancing school. I learned how to dance in heels, which means I can walk in heels. And I’m from Jersey, and we are really concerned with being chic, so if my friends wore (สวม) heels, so did I.
4:47 And when my friends went and spent their summer vacations on the Jersey Shore, I did not. I spent my summers in a war zone, because my parents were afraid that if we didn’t go back to Palestine every single summer, we’d grow up to be Madonna. (Laughter) Summer vacations often consisted of my father trying to heal (รักษา) me, so I drank deer’s milk, I had hot cups on my back, I was dunked in the Dead Sea, and I remember the water burning my eyes and thinking, “It’s working! It’s working!” (Laughter)
5:28 But one miracle cure we did find was yoga. I have to tell you, it’s very boring, but before I did yoga, I was a stand-up comedian (ตัวตลก) who can’t stand up. And now I can stand on my head. My parents reinforced (เสริมสร้าง) this notion (ความคิด) that I could do anything, that no dream was impossible, and my dream was to be on the daytime soap opera “General Hospital.” I went to college during affirmative  (ซึ่งยืนยัน) action and got a sweet scholarship to ASU, Arizona State University, because I fit every single quota. I was like the pet lemur (สัตว์จำพวกลิง) of the theater department. Everybody loved me. I did all the less-than-intelligent kids’ homework, I got A’s in all of my classes, A’s in all of their classes. Every time I did a scene from “The Glass Menagerie (โรงละครสัตว์),” my professors would weep (ร้องไห้). But I never got cast (โยน). Finally, my senior year, ASU decided to do a show called “They Dance Real Slow in Jackson.” It’s a play about a girl with C.P. I was a girl with C.P.
So I start shouting (เสียงร้อง) from the rooftops, “I’m finally going to get a part! I have cerebral palsy! Free at last! Free at last! Thank God almighty (ยิ่งใหญ่), I’m free at last!” I didn’t get the part. (Laughter) Sherry Brown got the part. I went racing to the head of the theater department crying hysterically (อย่างบ้าคลั่ง), like someone shot my cat, to ask her why, and she said it was because they didn’t think I could do the stunts (การแสดงความสามารถ). I said, “Excuse me, if I can’t do the stunts, neither can the character.” (Laughter) (Applause) This was a part that I was literally born to play and they gave it, they gave it to a non-palsy actress. College was imitating (เลียนแบบ) life. Hollywood has a sordid (สกปรก) history of casting able-bodied actors to play disabled onscreen.
7:41 Upon graduating, I moved back home, and my first acting gig (เรือพาย) was as an extra on a daytime soap opera. My dream was coming true. And I knew that I would be promoted from “diner diner” to “wacky (แปลกประหลาด) best friend” in no time. But instead, I remained a glorified (สรรเสริญ) piece of furniture that you could only recognize from the back of my head, and it became clear to me that casting directors didn’t hire fluffy (ปุย), ethnic (หลักจริยธรรม), disabled actors. They only hired perfect people. But there were exceptions to the rule. I grew up watching Whoopi Goldberg, Roseanne Barr, Ellen, and all of these women had one thing in common: they were comedians. So I became a comic. (Laughter) (Applause)
8:30 My first gig was driving famous comics from New York City to shows in New Jersey, and I’ll never forget the face of the first comic I ever drove when he realized that he was speeding down the New Jersey Turnpike with a chick (ลูกเจี๊ยบ) with C.P. driving him. I’ve performed in clubs all over America, and I’ve also performed in Arabic in the Middle East, uncensored and uncovered. Some people say I’m the first stand-up comic in the Arab world. I never like to claim first, but I do know that they never heard that nasty (น่ารังเกียจ) little rumor (เล่าลือ) that women aren’t funny, and they find us hysterical. In 2003, my brother from another mother and father Dean Obeidallah and I started the New York Arab-American Comedy Festival, now in its 10th year. Our goal was to change the negative image of Arab-Americans in media, while also reminding casting directors that South Asian and Arab are not synonymous (ตรงกัน).
(Laughter) Mainstreaming Arabs was much, much easier than conquering (พิชิต) the challenge against the stigma (ปาน)  gainst disability.
9:49 My big break came in 2010. I was invited to be a guest on the cable news show “Countdown With Keith Olbermann.” I walked in looking like I was going to the prom (พรหม), and they shuffle (สับเปลี่ยน) me into a studio and seat me on a spinning, rolling chair. So I looked at the stage manager and I’m like, “Excuse me, can I have another chair?” And she looked at me and she went, “Five, four, three, two …” And we were live, right? So I had to grip (ด้ามจับ) onto the anchor’s desk so that I wouldn’t roll off the screen during the segment, and when the interview was over, I was livid (ซีด). I had finally gotten my chance and I blew it, and I knew I would never get invited back. But not only did Mr. Olbermann invite me back, he made me a full-time contributor (ผู้สนับสนุน), and he taped down my chair. (Laughter) (Applause)
10:48 One fun fact I learned while on the air with Keith Olbermann was that humans on the Internet are scumbags (ก้าวร้าว). People say children are cruel, but I was never made fun of as a child or an adult. Suddenly, my disability on the world wide web is fair game. I would look at clips online and see comments like, “Yo, why’s she tweakin (บิด)?” “Yo, is she retarded (ชะลอ)?” And my favorite, “Poor Gumby-mouth terrorist (ผู้ก่อการร้าย). What does she suffer from? We should really pray for her.” One commenter even suggested that I add my disability to my credits: screenwriter, comedian (ตัวตลก), palsy.
11:31 Disability is as visual as race. If a wheelchair user can’t play Beyoncé, then Beyoncé can’t play a wheelchair user. The disabled are the largest — Yeah, clap (ตบมือ) for that, man. C’mon. (Applause) People with disabilities are the largest minority (ชนกลุ่มน้อย) in the world, and we are the most underrepresented (บทบาท) in entertainment.
11:57 The doctors said that I wouldn’t walk, but I am here in front of you. However, if I grew up with social media, I don’t think I would be. I hope that together we can create more positive images of disability in the media and in everyday life. Perhaps if there were more positive images, it would foster (อุปภัมภ์) less hate on the Internet. Or maybe not. Maybe it still takes a village to teach our children well.
12:27 My crooked (คด) journey has taken me to some very spectacular (น่าตื่นเต้น) places. I got to walk the red carpet flanked (ขนาบข้าง) by soap diva Susan Lucci and the iconic Lorraine Arbus. I got to act in a movie with Adam Sandler and work with my idol, the amazing Dave Matthews. I toured the world as a headliner on Arabs Gone Wild. I was a delegate (ผู้แทน) representing the great state of New Jersey at the 2008 DNC. And I founded Maysoon’s Kids, a charity (การกุศล) hat hopes to give Palestinian refugee (ผู้ลี้ภัย) children a sliver (เศษไม้) of the chance my parents gave me. But the one moment that stands out the most was when I got — before this moment — (Laughter) (Applause) — but the one moment that stands out the most was when I got to perform for the man who floats (ลอย) like a butterfly and stings (ต่อย) like a bee, has Parkinson’s and shakes just like me, Muhammad Ali. (Applause)
13:42 It was the only time that my father ever saw me perform live, and I dedicate this talk to his memory. (In Arabic)
13:52 My name is Maysoon Zayid, and if I can can, you can can. (Applause)
http://www.ted.com/talks/maysoon_zayid_i_got_99_problems_palsy_is_just_one

การทำให้ background sound ทีเดียว สำหรับทุกสไลด์

วันนี้น.ส.ดวงพร ที่เรียนวิชาสื่อฯ ถามเรื่องทำให้ sound เล่นไปทั้งสไลด์
ซึ่งเทอมก่อน ๆ เคยสอนไป แต่เทอมนี้ได้ลดทอนบทเรียนนี้ไป
จึงทำ capture slide สาธิตใน windows 8.1 ที่มี office 2013
โดยผมใส่เสียง background ที่สไลด์ 1 แล้วให้เล่นยาวไปบนทุกสไลด์
ไม่ได้ใช้การบันทึกเสียง หรือเสียงออนไลน์ แต่ใช้แฟ้มเสียงใน pc
พบว่าการ config ไม่ต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้
1. เข้า insert, เสียง, เสียงบนพีซีของฉัน

01 open
01 open

2. เลือกเสียงได้แล้ว, พบ icon บน slide คลิ๊กแล้วจะพบ menu เพิ่มบน ribbon menu แล้วเลือก การเล่น

02 option
02 option

3. ในตัวเลือกเริ่ม ให้เปลี่ยนจาก เมื่อคลิ๊กเป็นอัตโนมัติ แล้วเลือก checkbox หน้า “เล่นในสไลด์ทั้งหมด”

03 config
03 config


วิธีนี้ไม่ได้เข้าไปที่ transition หรือ animation
เพราะทำที่ icon ของ sound อย่างเดียวก็สำเร็จตามวัตถุประสงค์แล้ว

04 transition
04 transition

เกณฑ์ระดับหลักสูตร องค์ประกอบที่ 3 นักศึกษา ให้มหาวิทยาลัยคัดเด็กเข้าเรียน

การคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาในหลักสูตร
การคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาในหลักสูตร

รู้สึกสกอ. ใช้ยาแรง ที่ว่า “อยากเรียนย่อมได้เรียน” คงเป็นอดีตซะแล้ว
เพราะมีโอกาสอ่านร่างคู่มือการประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษา
ฉบับปีการศึกษา 2557 ฉบับ 3 ธันวาคม 2557
หน้า 23 of 45 องค์ประกอบที่ 3 นักศึกษา ในบรรทัดที่ 2
ต้องให้ความสำคัญกับการรับหรือคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาในหลักสูตร
ซึ่งต้องเป็นระบบที่สามารถคัดเลือกนักศึกษาที่มีคุณสมบัติและความพร้อม
ในการเรียนในหลักสูตรจนสำเร็จการศึกษา

แสดงว่าคนเขียนต้องนึกถึงปัญหาของ กยศ.
ที่เด็กกู้แล้วตกงาน ไม่มีเงินจ่ายคืนกองทุน หรือกู้แล้วเรียนไม่จบแน่เลย
เพราะมหาวิทยาลัยที่คัดเด็กเก่งเข้าเรียน ถ้าเด็กเก่งก็จะไม่สอบตก หรือตกงาน
หากมหาวิทยาลัยใดไม่กรองเด็ก รับหมดก็คงตกประกันคุณภาพ เด็กจบไปก็ตกงาน
หากเด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็คงเบนเข็มไปอาชีวะ เรียนแล้วได้งานแน่

เพราะตลาดขาดแคลน ดูเหมือนทุกคนจะได้ประโยชนนะครับ

เกณฑ์ที่ว่าก็
เหมือนสอบแพทย์ ต้องมีข้อสอบวัดความถนัดทางการแพทย์
เหมือนสอบวิศวะ ต้องมีข้อสอบวัดความถนัดทางวิศวะ
ต่อไปจะสมัครอะไร ก็ต้องมีข้อสอบที่สอดคล้องกับหลักสูตร เป็นต้น


ข่าว กยศ. ปรับเกณฑ์ ปี 58 เกรดเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 2.00 เมื่อเลื่อนชั้นปี ไม่งั้นกู้ต่อไม่ได้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1409650395

ข่าว บัณฑิตเบี้ยวหนี้เยอะ น่าจะเพราะเกรดไม่ดี หางานดี ๆ ไม่ได้
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1410518204

บ้านไร่ศิลาทอง กับการพัฒนาอสม. เรื่องเหล้าและบุหรี่

บ้านไร่ศิลาทอง กับการพัฒนาอสม. เรื่องเหล้าและบุหรี่
บ้านไร่ศิลาทอง กับการพัฒนาอสม. เรื่องเหล้าและบุหรี่

บ้านไร่ศิลาทอง หมู่ 10 อยู่ในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง สภาพพื้นที่บ้านไร่ศิลาทองอยู่ติดกับภูเขาป่ารกและมีป่าละเมาะมากมาย มีประชากรประมาณ 1213 คน ชาย 590 คน หญิง 623 คน มีทั้งหมด 345 หลังคาเรือน แบ่งการดูแลออกเป็น 32 หมวด แล้วแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหมวด เดิมทีเป็นหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มาก ต่อมาพ่อหมอมาลัย เป็นชาวเมืองยองมาจากประตูผางลางย้ายเข้ามาอาศัยพร้อมกับพี่น้องอีก 4 คนที่บ้านไร่ ต่อมามีชาวบ้านพิชัยย้ายเข้ามาอาศัยเพิ่ม เนื่องจากบ้านไร่มีความอุดมสมบูรณ์มีน้ำห้วยโจ้ไหลผ่าน ไม่นานก็มีผู้คนเข้ามาอยู่มากขึ้น จึงตั้งชื่อว่า “บ้านไร่ห้วยโจ้”
การประกอบอาชีพเริ่มแรกมีการปั้นหม้อขาย โดยพ่อหนานขัด ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ริเริ่มการปั้นหม้อคนแรกของหมู่บ้าน พร้อมกับการทำการเกษตร จนมาถึงปี พ.ศ.2500 มีพ่อหนานแก้วมา ใจงาม แต่เดิมเคยเป็นพระภิกษุ ได้ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรีเห็นการทำครกหินของชาวอ่างศิลา จึงได้เริ่มประกอบอาชีพเจาะครกหินเป็นของคนแรก และได้นำความรู้การทำครกหินเผยแพร่ให้กับชาวบ้าน เพราะมีทรัพยากรที่ได้จากภูเขาที่อยู่ติดหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงประกอบอาชีพการทำครกหินมากขึ้น แต่ก็ประกอบอาชีพเกษตรกรรมควบคู่กันไป และได้เปลี่ยนชื่อ “บ้านไร่ห้วยโจ้” เป็น “บ้านไร่ศิลาทอง” โดยมีคำว่า “ทอง” ต่อท้ายชื่อหมู่บ้าน เพื่อความเป็นศิริมงคลของหมู่บ้าน
ปัจจุบันบ้านไร่ศิลาทองมีเจ้าหน้าที่ อสม.ทั้งสิ้น 33 คน โดยมีนางศรีรัตน์ เขียวงาม ทำหน้าที่เป็นประธาน อสม. มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2532 และด้วยการสนับสนุนของนางศิริพร ปัญญาเสน อดีตนายกอบต.พิชัย ทำให้มีโครงการเข้าไปสนับสนุนการพัฒนาหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงเรียนชาวนา ช่วงที่ผ่านมาพระอธิการไตรณรงค์ ฐิตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ศิลาทอง และนายจรูญ วรรณรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน ให้ความสำคัญต่อการลดเหล้าในงานศพ ได้จัดกิจกรรมบรรยายเรื่องการลดเหล้างานศพ 2 ครั้ง เพื่อให้การลดอบายมุกของคนในชุมชน โดยมีวิทยากรได้แก่ พระอาจารย์สาธิต ธีรปัญโญ ผู้อำนวยการธรรมสถานสถาบันธรรมภิวัตรบ้านสบเติ๋น อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และคุณชาญ อุทธิยะ หรือหนานชาญ บ้านสามขา
เมื่อศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น และอาจารย์เบญจวรรณ นันทชัย มหาวิทยาลัยเนชั่น หารือร่วมกับนางศิริพร ปัญญาเสน ทำให้ทราบว่าพื้นที่บ้านไร่ศิลาทอง มีศักยภาพที่พร้อมรับการพัฒนากลุ่มอสม. จึงมีการประชุมที่มหาวิทยาลัยเนชั่น เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 เพื่อสร้างความเข้าใจ เตรียมความพร้อมร่วมกันครั้งแรก แล้วนัดหมายเข้าไปในชุมชนประชุมที่วัดไร่ศิลาทอง เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2557 มีการทำความเข้าใจเรื่องที่มาที่ไปของโครงการกับอสม.ทั้ง 33 คน และชวนกันสรุปประเด็นในกลุ่มอสม.ทั้งหมด 3 ประเด็น คือ ทบทวนวิธีการเดิม พฤติกรรมของคนกินเหล้า วิเคราะห์กลุ่มเลิกสุรา
เมื่อวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2557 ไปประชุมอบรมที่เชียงใหม่ ให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเหล้าและบุหรี่คือ คุณสอน ขำปลอด เล่าเรื่องที่ทำงานกับเหนือล่าง และคุณธงชัย ยงยืน เล่าเรื่องทำงานกับเหนือบน และคุณพรทิพภา สุริยะ ได้บรรยายเรื่องการเขียนโครงการ หลังเลิกประชุม ได้มีการประชุมในทีมก่อนกลับลำปางเพื่อยกร่างกิจกรรมในการทำโครงการพัฒนาศักยภาพอสม. ได้ทั้งหมด 12 กิจกรรม เพื่อให้ทีมนำกลับไปทบทวน และพัฒนาให้มีความชัดเจน ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ได้ประชุมที่มหาวิทยาลัยเนชั่น เพื่อปรับร่างข้อเสนอโครงการใหม่ร่วมกับคุณภัทรา มาน้อย ทำความเข้าใจในการเขียน และกรอบเวลา และการปรับรายละเอียด อาทิ หลักการและเหตุผล กิจกรรม วัตถุประสงค์ ผลที่คาดว่าจะได้รับ กลุ่มเป้าหมาย ผู้รับผิดชอบ ระยะเวลา และงบประมาณ
ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม 2557 ได้ปรับร่างข้อเสนอโครงการ แล้วนำไปทบทวนในทีมอสม. ที่บ้านของนางศรีรัตน์ เขียวงาม ร่วมกับทีมอสม. ทำให้โครงการมีแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาอสม. โดยมีประเด็นสำคัญคือสำรวจให้รู้ตัวผู้ติดเหล้าบุหรี่โดยนำเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมเรียนรู้และทำงานร่วมกัน แล้วเชิญชวนผู้ที่ติดเหล้าบุหรี่มาเรียนรู้การลดละเลิก โดยมีคนในชุมชนคอยให้กำลังใจ สนับสนุน และผลักดันร่วมกัน แล้วจึงร่วมกันจัดทำข้อตกลงของหมู่บ้านที่จะผ่านการทำประชาคม และนำไปใช้ร่วมกัน มีการให้ความรู้โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วการยกระดับผู้ที่เลิกได้ให้ขึ้นมาเป็นบุคคลต้นแบบของการเลิกเหล้าบุหรี่ และส่งเสริมการเพิ่มจำนวนผู้เลิกเหล้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งกิจกรรมจะมุ่งพัฒนาให้กลุ่ม อสม. สามารถเรียนรู้ปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการ และสรุปผลด้วยความเข้าใจ และสามารถนำบทเรียนที่ฝังลึกในแต่ละบุคคลไปประยุกต์ใช้การแก้ปัญหาอื่นของชุมชนร่วมกันต่อไป

คำพูดสร้างพลัง สร้างได้ ทำลายได้ ถ้าพูดด้วยรักจะเป็นการสร้าง

love mom
love mom

ใจคน .. เปราะบางยิ่งกว่าไข่ไก่
เพราะไข่ไก่ต้องเคาะหนึ่งที่ถึงจะแตก
แต่ใจคนเปราะบางยิ่งกว่า
ด้วยคำพูดเพียงคำเดียวของผู้อื่น ซึ่งมองไม่เห็น
อาจทำให้หัวใจแหลกสลายลงไปได้

ครั้งแรก..ที่เข้าร่วมการประชุมผู้ปกครอง คุณครูชั้นอนุบาลพูดว่า…

“ลูกชายของคุณเป็นโรคอยู่ไม่สุข
ไม่สามารถนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้ แม้เพียงสามนาที
ให้ดีแล้ว คุณควรพาเขาไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล”

ตอนเดินทางกลับบ้าน ลูกชายถามเธอว่า
คุณครูพูดอะไรบ้าง เธอเจ็บปวดหัวใจ
น้ำตาแทบจะไหลรินออกมา

เพราะว่า .. เด็กน้อยทั้งห้องสามสิบคน
มีเพียงการปฏิบัติตัวของลูกน้อยที่แย่ที่สุด
คุณครูแสดงออกถึงความดูแคลน

ทว่า .. เธอยังคงบอกกับลูกชายว่า
“คุณครูชื่นชมเธอ บอกว่า เดิมทีเธอไม่สามารถนั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้
แม้แต่นาทีเดียว ตอนนี้สามารถนั่งได้สามนาทีแล้ว
ส่วนคุณแม่คนอื่น ๆ ต่างก็อิจฉาแม่ เพราะว่า ทั้งห้องมีลูกเพียงคนเดียว
ที่มีการพัฒนาที่ดีขึ้น”

ค่ำวันนั้น ลูกชายของเธอ กินข้าวหมดสองถ้วย
ซึ่งเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งไม่ต้องให้เธอป้อน

ลูกชาย .. ขึ้นชั้นประถมแล้ว การประชุมผู้ปกครอง
คุณครูพูดว่า ..
“นักเรียนทั้งชั้นห้าสิบคน ผลการสอบคณิตศาสตร์ครั้งนั้น
ลูกชายของคุณได้อันดับที่สี่สิบ
พวกเราสงสัยว่า สติปัญญาของเขา อาจจะมีปัญหา
ให้ดีแล้ว คุณควรพาเขาไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล ”

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน น้ำตาเธอไหลรินออกมา
ทว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว กลับพูดกับลูกชายว่า….

“คุณครูเชื่อมั่นในตัวเธอมาก เขาบอกว่า
เธอไม่ใช่เด็กที่โง่เขลา ขอเพียงแต่เพิ่มความละเอียดรอบคอบมากขึ้น
ก็จะเหนือกว่าคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับเธอ
ครั้งนี้ .. คนที่นั่งโต๊ะตัวเดียวกันกับเธอ
เขาสอบได้อันดับที่ยี่สิบเอ็ด”
ตอนที่เธอพูดคำ พูดเหล่านี้ เธอพบเห็นว่า ..
ดวงตาของลูกชาย ค่อย ๆ เปล่งประกายแสงยิ่ง ๆ ขึ้น
ใบหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อครู่ก็ร่าเริงขึ้นมาทันที

อีกทั้ง .. เธอพบเห็นว่า ลูกชายอ่อนโยนจนทำให้เธอตกใจ
คล้ายดั่งเขาได้เติบใหญ่ขึ้นมากในทันที
วันรุ่งขึ้นไปโรงเรียน ก็ไปเช้ากว่าปกติ

ลูกชาย .. ขึ้นชั้นมัธยมต้น
เป็นอีกครั้งของการประชุมผู้ปกครอง
เธอนั่งอยู่ในที่นั่งเรียนของลูกชาย
รอคอยคุณครูขานชื่อของลูกชายเธอ

เพราะว่า .. การประชุมผู้ปกครองทุกครั้งที่ผ่านมา
รายชื่อของนักเรียน ที่มีผลการเรียนย่ำแย่
จะมีรายชื่อของลูกชายเธอทุกครั้ง

ทว่า .. ครั้งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ
จวบจนสิ้นสุดก็ไม่ได้ยินชื่อของลูกชายเธอ
เธอเกิดความไม่เคยชิน ก่อนกลับจึงไปถามคุณครู
คุณครูบอกกับเธอว่า……

“ดูจากผลการเรียนของลูกคุณในปัจจุบันแล้ว
หากไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียง
ยังมีความเสี่ยงที่สูงอยู่”
เธอเดินออกจากโรงเรียนด้วยความดีใจ

ยามนี้ เธอเห็นลูกชายยืนรอคอยเธออยู่
ระหว่างทาง เธอจับไหล่ของลูกชาย
ภายในจิตใจรู้สึกหวานชื่นยิ่ง
เธอบอกกับลูกชายว่า…..

“คุณครูประจำชั้น พอใจในตัวเธอมาก
เขาบอกแล้วว่า ขอเพียงลูกมีความพยายาม
ก็จะมีหวังยิ่งขึ้น ที่จะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียง ”

จบมัธยมปลายแล้ว
รายชื่อนักเรียนชุดแรก ที่ทางมหาวิทยาลัย
ได้แจ้งผลการสอบผู้คัดเลือกได้

ยามนั้น .. ทางโรงเรียนได้โทรศัพท์มา ให้ลูกชายเธอไปที่โรงเรียน
เธอมีลางสังหรณ์
ว่า ลูกชายของเธอจะต้องสอบเข้า มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแน่

เพราะว่า .. ตอนที่ไปสมัครสอบ เธอได้พูดกับลูกชายว่า
เธอเชื่อและมั่นใจว่า
เขาต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้แน่นอน

ลูกชายกลับมาจากโรงเรียน นำจดหมายที่มีตราประทับ
จากสำนักงานของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังยื่นให้เธอ

จากนั้น .. หันหลังแล้ววิ่งไปที่ห้อง ร่ำร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง
ร้องไปก็พูดไปว่า “แม่ .. ผมรู้ว่าผมไม่ใช่เด็กที่เฉลียวฉลาด
แต่ว่า .. บนโลกนี้ มีเพียงท่านที่ชื่นชมผม ..”

ยามนี้ .. เธอสุดแสนจะดีใจ ไม่สามารถกลั้นน้ำตา
ที่อัดอั้นมาสิบกว่าปีอีกต่อไปแล้ว
จึงปล่อยให้ไหลริน ร่วงลงบนซองจดหมายที่อยู่ในมือ

คำพูด .. ที่ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน สามารถแปรเปลี่ยนแนวคิด
และพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง
แม้กระทั่งแปรเปลี่ยนโชคชะตาของคนคนหนึ่ง

คำพูด .. เชิงลบ บั่นทอนกำลังใจ
จะทิ่มแทงหัวใจและร่างกาย ของคนคนหนึ่ง
จนบาดเจ็บชอกช้ำ จวบจนกระทั่งทำลายอนาคต ของคนคนหนึ่ง

http://blog.nation.ac.th/?p=3287
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1506075673000416&set=a.1410094345931883.1073741828


หัวหน้าเคยแชร์เรื่อง บะหมี่น้ำหนึ่งชาม
http://www.thaiall.com/blog/burin/4066/
ซึ้ง ๆ เหมือนกันเลย
เป็นการเล่าถึงเรื่องทัศนคติของคน
แต่เรื่องนี้มีสองด้านที่แตกต่างกัน
เรียกว่าด้านคิดบวก กับด้านคิดลบ

เพื่อนผู้ทรงคุณวุฒิที่บางนา กรุงเทพฯ

หลายปีที่ผ่านมา .. ผมมีเพื่อนหลายท่าน อยู่กรุงเทพฯ
ที่เรียกได้ว่าเพื่อนผู้ทรงคุณวุฒิ เพราะท่านมีทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ
แล้วด้วยงานที่สัมพันธ์กัน เกี่ยวข้องกันในหลายครั้ง
ทำให้คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคนเสมอมา จึงเขียนบล็อกเก็บไว้ครับ
ท่านแรก คือ อ.อุดม ไพรเกษตร
เห็นอีเมลของท่านตั้งแต่ มิ.ย.2012 เรื่อง edmodo.com
จากนั้นก็ติดต่อท่านน้อยลงในราวกลางปี 2013
ท่านที่สอง คือ ดร.สุธาดา เมฆรุ่งเรืองกุล
ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการหลักสูตร EX MBA
ทั้ง 2 ท่านอยู่ในรายการ “คิดต่างสร้างปัญญา” เมื่อ 22 สิงหาคม 2012

ท่านที่สาม คือ ดร.ดวงพร อาภาศิลป์
รู้จักท่านช่วง 1 สิงหาคม 2013 ถึง 14 ตุลาคม 2014
ท่านมีความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังกับงาน เป็นที่ประจักษ์

เพื่อน ๆ ให้การต้อนรับคณะกรรมการจาก สกอ. ภาพข่าวใน fb page
เพื่อน ๆ ให้การต้อนรับคณะกรรมการจาก สกอ. ภาพข่าวใน fb page

https://www.facebook.com/NationUNews/photos/pb.228245437252549.-2207520000.1418025980./716977781712643/
ท่านที่สี่ คือ คุณสุพจน์ เพียรศิริ และท่านที่ห้า คือ คุณนนทิชา ศอศันสนีย
มาพร้อม ๆ กันเพื่อดูแลศูนย์ฯ ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่พฤศจิกายน 2014
ซึ่งผมก็มีโอกาสประสานงานด้วย ตามแต่โอกาสอำนวย