set user variables กับ system variables

ลูกศิษย์ชื่อหนึ่ง โพสต์ถามใน สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย เกี่ยวกับ C:\> npx react-native run-android ที่ต้องตั้งค่า JAVA_HOME แต่ผมสนใจเรื่องการตั้งค่าใน System variables และ User variables จึงเรียบเรียงมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งการเข้าไปตั้งค่านั้น สั่งผ่าน command line ด้วย sysdm.cpl แล้วเข้า Advanced มองหา Environment variables… ซึ่งตัวแปรที่ตั้งขึ้นนั้น มี 3 สภาพแวดล้อม (Environment) คือ 1) ตั้งขึ้นขณะอยู่ใน Current shell ที่กำลังเปิดใช้งานอยู่นั้น และหายไปเมื่อปิด shell ลง 2) ตั้งตัวแปรใน System variables จะมีตัวแปรและค่าให้ใช้ในทุกเชล และทุกยูเซอร์ ถ้ามีตัวแปรซ้ำกับที่ประกาศใน User variables ก็จะใช้ในส่วนที่ผู้ใช้เป็นผู้ประกาศขึ้นสำหรับตนเอง 3) ตั้งตัวแปรใน User variables จะใช้เฉพาะกับ user ที่ sign in ในระบบขณะนั้น ผู้ใช้คนอื่นก็จะไม่เห็นตัวแปรนั้น ซึ่งตัวแปรแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าจะอยู่ shell แบบไหน เพราะได้ค่าเหมือนกันทั้งใน user หรือ administrator หรือ powershell เช่น ตัวแปร burin มีค่าเป็น u ก็จะเป็นเช่นนั้น เมื่อเรียกใช้โดย user ปัจจุบัน แต่ถ้า sign out และมีสมาชิกคนอื่นเข้ามาในระบบ แล้วใช้ตัวแปรที่สร้างใน System variables ค่าของ burin ก็จะเป็น s ตามตัวอย่างในภาพ

อีกกรณีหนึ่ง คือ การจัดการกับ variable ใน shell หนึ่ง จะไม่มีผลไปยัง shell อื่น จะลบหรือเปลี่ยนค่า burin เมื่อเปิด shell ใหม่ ระบบก็จะ load ค่าอีกครั้งจากระบบใหม่เข้ามาใช้ใน shell ไม่ว่าจะเป็น user variables หรือ system variables ก็ตาม เพราะแต่ละ shell มีหน่วยความจำเก็บตัวแปรเป็น local variables ของตนเอง หรือแม้แต่การเข้าไปเปลี่ยนใน sysdm.cpl ก็จะไม่กระทบค่าตัวแปรใน shell ที่กำลังเปิดอยู่ หากต้องการค่า variable ที่มีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องปิด shell แล้วเปิดขึ้นมาใหม่

มีอัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่ http://www.thaiall.com/reactnative/

การจัดการเรียนรู้เชิงรุกในสาระการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

บทความวิจัย
รุ่งภรณ์ กล้ายประยงค์. (2563). การจัดการเรียนรู้เชิงรุกในสาระการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร, 11(1), 104 – 113.

บทคัดย่อ
การจัดการเรียนรู้เชิงรุกเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรม พัฒนากระบวนการคิด อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน จนเกิดเป็นองค์ความรู้ของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบบันได 5 ขั้นของการพัฒนาผู้เรียนสู่มาตรฐานสากลในสาระการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง วัตถุประสงค์ของบทความนี้เขียนขึ้นเพื่อนำเสนอเกี่ยวกับคำจำกัดความ แนวคิด และลักษณะของการเรียนรู้เชิงรุก รูปแบบการจัดการเรียนรู้และบทบาทของผู้สอนในการจัดการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วยการเรียนรู้เชิงรุก รวมถึงตัวอย่างการจัดการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วยการเรียนรู้เชิงรุก

บันได 5 ขั้นของการพัฒนาผู้เรียนสู่มาตรฐานสากล
(Five Steps for Student Development)
ได้แก่ 1) การตั้งคำถาม/สมมติฐาน (Hypothesis Formulation) เป็นการฝึกให้ผู้เรียนรู้จักคิด สังเกต ตั้งคำถามอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการตั้งคำถาม (Learning to Question) 2) การสืบค้นความรู้และสารสนเทศ (Searching for Information) เป็นการแสวงหาความรู้ ข้อมูล และสารสนเทศ จากแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต หรือจากการฝึกปฏิบัติ ทดลอง เป็นต้น ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ในการแสวงหาความรู้ (Learning to Search) 3) การสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Formation) เป็นการฝึกให้ผู้เรียนนำความรู้และสารสนเทศที่ได้จาการแสวงหาความรู้ มาถกแถลง อภิปราย เพื่อนำไปสู่การสรุปและสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 4) การสื่อสารและนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) เป็นการฝึกให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีทักษะในการสื่อสาร (Learning to Communicate) 5) การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public Service) เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งผู้เรียนจะต้องเชื่อมโยงความรู้ไปสู่การทำประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชนรอบตัวตามวุฒิภาวะของผู้เรียน และจะส่งผลให้ผู้เรียนมีจิตสาธารณะและบริการสังคม (Learning to Serve) (สำนักบริหารงานมัธยมศึกษาตอนปลาย, 2555)

ลักษณะของการเรียนรู้เชิงรุก
กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผู้เรียนจะถูกเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ (Fedler & Brent, 1996) โดยผู้เรียนต้องมีการปฏิบัติมากกว่าการฟังพวกเขาต้องมีการอ่าน เขียน อภิปราย หรือร่วมกันแก้ไขปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินผล (Chickering & Gamson, 1987 cited in Bonwell & Eison, 1991) จนเกิดเป็นองค์ความรู้ของตนเอง ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความคงทนในการเก็บรักษาความรู้เมื่อเวลาผ่านไป (Berry, 2008) ผู้สอนจึงมีส่วนสำคัญต่อการกำหนดทิศทางอย่างมีนัย รวมถึงโครงสร้างของการจัดกระบวนการเรียนรู้ (Mayer, 2004; Kirschner & Clark, 2006) อีกทั้งการจัดกิจกรรมและสภาพแวดล้อมที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดกระทำกับข้อมูล เนื้อหา หรือประสบการณ์ต่าง ๆ ผ่านการลงมือปฏิบัติ ร่วมกับผู้เรียนคนอื่น และจะต้องสร้างความหมายให้กับสิ่งนั้น ๆ จนเกิดเป็นองค์ความรู้ของตนเอง ซึ่งเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมอง และกระบวนการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน จึงถือว่าเป็นกระบวนการทั้งทางด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กันไป

https://so04.tci-thaijo.org/index.php/yri/article/download/244035/166005/

http://www.edu.ru.ac.th/index.php/30-2014-06-07-08-03-10/385-2020-06-01-13-04-44

บันทึกคลิปวิดีโอ สลับ scene บน fb live

การบันทึกคลิปวิดีโอด้วย Facebook live แล้ว Download มาเป็น .mp4 แล้ว Upload ไปยัง youtube.com โดยใช้เนื้อหาเรื่อง หมอพร้อม และ 7 ข้อเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน ซึ่งการสลับ scene ใช้การกด alt-tab ส่วนกล้องวิดีโอใช้ Extension / Apps บน Chrome ชื่อ Camera เลือกใช้ได้ทั้ง 2 apps คือ 1) turn camera on 2) chromeos-cameraapp ใน Facebook live จะแชร์แบบ Share : Your Entire Screen และเตรียม Scene ให้เลือกใช้สลับไปมาตามเนื้อหา ดังนี้ 1) Webpage 2) Camera 3) Image บนโปรแกรม Irfan View ซึ่งการบันทึกครั้งนี้ ผลลัพธ์ดูลื่นไหล และเป็นธรรมชาติระหว่างสลับ Scene ในระดับหนึ่ง ซึ่งข้อดี คือ ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับถ่ายทอดที่ควบคุมซีน หรือตัดต่อแยกออกมาจากการบันทึกอีกครั้ง

อ่านมังงะ เป็นอาชีพ

เล่าเรื่องนิสิต
นายหนึ่ง เล่าให้ อ.นุ้ย ฟัง เรื่องอ่านมังงะ ผมก็เก็บมาเล่าต่อ หากสนใจช่องของ นายหนึ่ง เชิญที่
https://www.youtube.com/channel/UCFA9FAhdF4UTPZlqaQHFD7Q
ส่วนเรื่องเล่านั้น ผมเล่าไว้ที่
http://www.thaiall.com/handbill/
ให้น้อง ๆ ได้ทราบว่า อาชีพ ก็มีหลายแนว

7 พ.ค.64 วันนี้ อ.นุ้ย สัมภาษณ์เจ้าของช่อง “Moon Manga Channel” ที่เชื่อมช่องเข้ากับแฟนเพจ “เพจอ่านมังงะ” ทำให้ทราบว่าเจ้าของช่องชื่อ “หนึ่ง” สำเร็จการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ แต่ให้ความสนใจกับการอ่านมังงะ หลังทำงานในชุมชนและสิ้นสุด โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ก็ได้ยึดเริ่มอาชีพ Youtuber ที่ยึดเป็นอาชีพหลักมาได้ 6 เดือนแล้ว โดยเริ่มต้นจากการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำตามความฝัน ที่เคยเล่าให้ อ.นง ฟังสมัยที่เป็นนิสิต ปัจจุบันได้ทำในสิ่งที่ชอบ นั่นคือ อ่านมังงะ เป็น Youtuber งานนี้เป็นเจ้านายตนเอง เลือกเวลาทำงานได้ และไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร จากการสำรวจช่องนี้ ผ่าน noxinfluencer.com พบข้อมูลการวิเคราะห์ช่อง Moon Manga Channel พบว่า ข้อมูล ณ วันนี้ มีรายได้ไม่ต่ำกว่าสองหมื่นต่อเดือน มีคลิ๊ปทั้งสิ้น 28 วิดีโอ มียอดวิว 7 วันที่แล้วประมาณ 40,746 view มีสมาชิก 3.19 หมื่นคน มีจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด 1.62 ล้านคน เรื่องที่ปักหมุดไว้ล่าสุด คือ มังงะ : นักล่าพลังงาน ตอนที่ 1-104 (จบ SS1) 6 ชม. ครึ่ง แล้วขอเชิญชวนทุกท่านไปติดตามฟังเสียงหล่อ ๆ ของหนุ่มคนนี้กันครับ

การตรวจสอบเครื่องมือ

นิสิตมหาบัณฑิตสายสังคมศาสตร์ ที่ต้องการหาคำตอบด้วยกระบวนการวิจัย เมื่อออกแบบเครื่องมือแล้ว มักจะต้องนำเครื่องมือไปทดสอบความเที่ยงตรง (Validity) และความน่าเชื่อถือ (Reliability) ของเครื่องมือ ก่อนที่จะนำไปใช้สอบถามกับกลุ่มตัวอย่างที่คัดเลือกไว้ ซึ่งความเที่ยงตรงนั้นจะต้องทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วนความน่าเชื่อถือนั้นจะทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างไม่ต่ำกว่า 30 ชุด
1. การตรวจสอบหรือทดสอบคุณภาพของเครื่องมือ
ความตรงของเนื้อหา (Content Validity) คือ การทดสอบนำแบบสอบถามที่สร้างขึ้น ให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญด้านที่เกี่ยวข้อง ช่วยตรวจสอบประเมินความถูกต้อง ความชัดเจน ความสอดคล้องของเนื้อหาที่ต้องการศึกษา จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของเนื้อหา โดยหาค่าสัมประสิทธิ์ความสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence, IOC) มาจาก ผลรวมคะแนนจากผู้เชี่ยชาญทั้งหมด หารด้วย จำนวนผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนเป็น 3 ระดับ โดย 1+ คือเนื้อหาสอดคล้อง แล้ว -1 คือ เนื้อหาไม่สอดคล้อง และ 0 เมื่อไม่แน่ใจ สรุปคือค่า IOC ในระดับดี ที่สามารถนำไปวัดผลได้ จะต้องมีค่า IOC เกินกว่า 0.5 ขึ้นไป จึงจะถือว่าสอดคล้อง
2. การตรวจสอบหรือทดสอบความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ
ความน่าเชื่อถือของเนื้อหา (Content Reliability) คือ การทดลองนำแบบสอบถามจำนวน 30 ชุด ไปใช้กับกลุ่มที่แยกออกมาจากกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ซึ่งค่าหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แอลฟาของครอนบัค (Cronbach’s alpha coefficient) สามารถใช้วัดความสอดคล้องภายใน (internal consistency) ที่สามารถหาความสอดคล้องและบ่งบอกมิติไปในทิศทางเดียวกันของข้อคำถามในชุดนั้น หากได้ค่าความเชื่อมั่นโดยรวมมีค่ามากกว่า 0.7 (ยิ่งเข้าใกล้ 1.0 ยิ่งมีความเชื่อมั่นสูง) นั่นหมายถึงสามารถนำแบบสอบถามมาใช้ในการเก็บข้อมูลจริงได้
การตรวจสอบคุณภาพด้านความเชื่อมั่น

  1. การสอบซ้ำ (Test-Retest Reliability)
  2. ความคงเส้นคงวาภายใน (Internal Consistency)
    2.1 การหาความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรของคูเดอร์และริชาร์ดสัน (Kuder and Richardson)
    2.2 การหาความเชื่อมั่นใช้สูตรสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของ ครอนบัค (Coefficient Alpha or Cronbach’s Alpha)
  3. การตรวจสอบคุณภาพด้านความเชื่อมั่นโดยอาศัยหลักของความเท่าเทียมกัน (Equivalence)
    (อ่านจาก บทที่ 7 : การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือการวิจัย ของ อ.พัชราภัณฑ์ ไชยสังข์ 503 402 Nursing Research และเอกสารของ ดร. ดนัย ปัตตพงศ์ เรื่อง การทดสอบความเชื่อมั่นด้วย Cronbach’s alpha)

ชวนอ่าน 2 บทความ
เรื่องแรก : การทดสอบความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่นของแบบประเมินกลยุทธ์ในการรับมือกับความเครียดแบบสั้นฉบับภาษาไทย โดย ธนานันต์ นุ่มแสง และ ธนิตา ตันตระรุ่งโรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ใน วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2561; 63(2): 189-198
เรื่องที่สอง : การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย Validation of the Tests โดย อารยา องค์เอี่ยม และพงศ์ธารา วิจิตเวชไพศาล ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพ 10700 ประเทศไทย ใน วิสัญญีสาร 2561; 44(1): 36-42

ถ้าเกิดการคิดเชิงสร้างสรรค์ จึงมีการสอนแบบสร้างสรรค์

จากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การคิดเชิงสร้างสรรค์
ของสำนักงาน ก.พ. เมื่อปี 2016

หน้า 6 ได้ให้ความหมายของนักวิชาการหลายท่านดังนี้
1) บารอน และเมย์ (Baron and May. 1960) ได้ให้ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถของมนุษย์ที่จะนำไปสู่สิ่งใหม่ ๆ เกิดผลผลิตใหม่ ๆ รวมทั้งความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่ เช่น เอดิสันค้นพบหลอดไฟฟ้าและเครื่องไฟฟ้านานาชนิด ยังประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชาวโลก
2) กิลฟอร์ด (Guilford. 1950) ได้ให้ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง ความคิดอเนกนัย (Divergent Thinking) คือ ความคิดหลายทิศทาง หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกลนำไปสู่การคิดประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่ รวมถึงการคิดค้นพบวิธีการแก้ปัญหาได้
3) เวสคอตต์ และสมิท (Wescott and Smith. 1963) ได้ให้ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง กระบวนการทางสมองที่รวมการนำประสบการณ์เดิม จัดให้อยู่ในรูปใหม่ เดรฟดาล (Dredahl. 1960) ให้ความหมายว่า เป็นความสามารถของบุคคล ในการคิดสร้างผลผลิตหรือสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการรวบรวมเอาความรู้ต่าง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ ออกมาในรูปของผลิตผลทางศิลปะ วรรณคดี วิทยาศาสตร์หรือเป็นเพียงกระบวนการหรือวิธีการก็ได้
4) วอลลาซและโคแกน (Wallach and Kogan. 1957) ได้ให้ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง ความสามารถ
5) สเปียร์แมน (Spearman. 1963) ได้ให้ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง อำนาจจินตนาการของมนุษย์ สามารถสร้างผลผลิตใหม่ ๆ
6) ออสบอร์น (Osborn. 1957) ได้ให้ความหมาย ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง จินตนาการประยุกต์ (Applied Imagination) ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหายุ่งยากที่ประสบ

ซึ่งในบทที่ 5 หัวข้อ 5.1 เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
นำเสนอไว้ 7 เทคนิค
[1] เทคนิคความกล้าที่จะริเริ่ม
[2] เทคนิคการสร้างสรรค์ความคิดใหม่
[3] เทคนิคแผ่นตรวจของออสบอร์น
[4] เทคนิค CAI (Cognitive Affective for Implementing)
[5] เทคนิคอุปไมยความเหมือน (Synectices)
[6] เทคนิคการคิดอย่างมีประสิทธิภาพ
[7] เทคนิคการคิดหมวก 6 ใบ (Six Thinking Hats Technique)

https://www.ocsc.go.th/sites/default/files/document/ocsc-2017-eb13.pdf

ดีเจมะตูม จัดงานปาร์ตี้วันเกิด ณ บริเวณโรงแรมบันยันทรี เขตสาทร

ดีเจมะตูม จัดงานปาร์ตี้วันเกิด เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2564 ที่ถือว่าเป็นกรณีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายในการจัดงานปาร์ตี้วันเกิด ที่มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
– https://mgronline.com/crime/detail/9640000009485
– https://www.hfocus.org/content/2021/01/20960
– https://www.prachachat.net/general/news-604573

https://www.thairath.co.th/news/crime/2035735

ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 3 มกราคม 2564 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จึงทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักอนามัยมัยกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยเห็นว่า เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ(พรบ.)โรคติดต่อ พ.ศ.2558 รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ดังนี้
1.ความผิดฐานขัดขวาง ไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่ง พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
2.ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ตามมาตรา 37 กฎหมายอาญา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
3.สถานที่ใช้จัดงานเลี้ยงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงแพร่โรค ไม่มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด
4.บุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงก็อาจเข้าข่าย ฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรม มั่วสุมในสถานที่แออัด ในข้อกำหนดมาตรา 9 พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ

พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
https://ddc.moph.go.th/law.php?law=1
https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/c74d97b01eae257e44aa9d5bade97baf/files/001_1gcd.PDF

พฤติกรรมการใช้เฟสบุ๊ค

อ่านบทความของ บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ เรื่อง พฤติกรรมการใช้เฟสบุ๊ค ของนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ในวารสารร่มพฤกษ์ มหาวิทยาลัยเกริก ปีที่ 32 ฉบับที่ 2 กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2557 หน้า 1 – 24 งานนี้มีวัตถุประสงค์มี 3 ข้อ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้เฟสบุ๊ค ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์จากการใช้เฟสบุ๊คของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้เฟสบุ๊คของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับมี 3 ข้อ 1) ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการใช้ประโยชน์ และผลกระทบจากการใช้เฟสบุ๊คนักศึกษาระดับอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยม 2) สามารถนำผลการวิจัยที่ได้ไปวางแผนพัฒนาและส่งเสริมให้นักศึกษา ซึ่งเป็นเยาวชนสำคัญของชาติสามารถใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารได้อย่างรู้เท่าทันและสร้างสรรค์ต่อไป โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมหรือกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยเฟสบุ๊คเป็นช่องทางในการกระทำความผิด 3) สามารถนำผลงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่อง การตลาด การโฆษณา หรือเรื่องที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการวางแผนพัฒนากลยุทธ์ทางการสื่อสารผ่านเฟสบุ๊คให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารการตลาดผ่านเฟสบุ๊คกับกลุ่มนักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มากที่มีการใช้เฟสบุ๊คเป็นประจำ

https://so05.tci-thaijo.org/index.php/romphruekj/article/download/62926/51703/

ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เล่นเฟสบุ๊คทุกวันจำนวน 491 คน คิดเป็นร้อยละ 70.1 รองลงมาเล่นเฟสบุ๊ค 4-6 วันต่อสัปดาห์ มี 89 คนคิดเป็นร้อยละ 12.7 โดยเล่นมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อครั้ง ซึ่งมีร้อยละ 33.3 ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เล่นเฟสบุ๊คในช่วงเวลา 18.01-21.00 น. มีร้อยละ 39.1 รองลงมาเล่นเฟสบุ๊คช่วงเวลา 21.01-24.00 น. มีร้อยละ 33.7 และมักเล่นเฟสบุ๊คที่บ้านหรือที่พัก ร้อยละ 86.7 ส่วนใหญ่เล่นผ่านอุปกรณ์มือถือร้อยละ 67.6 จำนวน และเล่นผ่านโน๊ตบุ๊ค ร้อยละ 43.9 นอกจากนี้พบว่า การเล่นเฟสบุ๊คส่วนใหญ่จะเล่นเมื่อมีเวลาว่างร้อยละ 59.4 และเล่นเฉพาะนอกเวลาเรียน ร้อยละ 17.7

พบลักษณะการใช้เฟสบุ๊ค 20 พฤติกรรม เฉลี่ยรวม 2.37
1) ใช้ chat กับเพื่อน (x=3.51)
16) เขียนแสดงความยินดีในโอกาสต่าง ๆ ของเพื่อน (x=3.36)
2) กด like เอาใจเพื่อน (x=3.18)
11) ติดตามข่าวประจำวัน (x=3.18)
14) ได้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนเก่า (x=3.09)
9) เขียน Post ข้อความเล่าเรื่องต่าง ๆ (x=2.71)
15) แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ (x=2.68)
17) สร้างอัลบั้มรูปต่าง ๆ (x=2.60)
8) Upload ภาพในชีวิตประจำวัน (x=2.52)
12) ติดตามข่าววงการบันเทิง (ดารา/นักร้อง) (x=2.50)
10) ติดต่อผู้คุยกับบุคคลในครอบครัว (x=2.34)
20) ติดต่อสอบถามเรื่องการเรียนหรือส่งการบ้านครู/อาจารย์ (x=2.34)
13) เล่นเกม (x=2.16)
4) ดู Facebook ดารา/นักร้องที่ชื่นชอบ (x=2.15)
6) สืบประวัติแฟนใหม่หรือเพื่อนต่างเพศ (x=2.11)
7) ติดตามพฤติกรรมของคนที่เราไม่ชื่นชอบ (x=1.71)
5) ดูพฤติกรรมแฟนเก่า (x=1.66)
3) สร้าง Fan page ส่วนตัว (x=1.42)
18) ซื้อสินค้าและบริการ (x=1.33)
19) ขายสินค้าและบริการ (x=0.94)

ประโยชน์ที่ได้รับ เฉลี่ยรวม 3.80
1) ได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นปัจจุบัน (x=4.16)
2) ได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้น (x=4.03)
3) ได้พบเพื่อนที่ขาดการติดต่อกันมานาน (x=4.03)
4) ได้ผ่อนคลาย / คลายเครียด (x=3.98)
5) ได้มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น (x=3.80)
7) ทําให้ไม่ตกเทรนด์ / ทันกระแสสังคม (x=3.80)
8) ได้ข้อมูลมาใช้ในการเรียนหรือพัฒนาตนเอง (x=3.55)
6) ได้รับประโยชน์ด้านเพิ่มช่องทางทําธุรกิจของตนเองมากขึ้น (x=3.07)

ปรับแก้ config ระบบ wamp ของ thaiabc80 ให้ mysql กลับมาทำงาน

เล่า 2 เรื่อง ให้ลูกศิษย์ 2 รุ่นได้ฟังก่อนจบ
ดูฤกษ์แล้ว วันนี้ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ติดตั้ง “โปรแกรมแก้วสารพัดนึก” อีกครั้ง (thaiabc80) โดยมีความเชื่อว่าน่าจะยังใช้งานได้บน win 10 หลังจากที่เคยปล่อยรุ่นสุดท้ายเมื่อ 7 พฤษภาคม 2555 (หยุดพัฒนาไปเกือบ 10 ปี) ซึ่งใช้มีโปรแกรมตัวหลัก คือ Apache 2.0.52 , PHP 5.2.5 , MySQL 5.5.16 พบว่า การติดตั้งราบรื่นด้วยดี เพียงกด next อย่างเดียว ก็จะได้แฟ้มทั้งหมดใน thaiabc บน drive c หลังติดตั้งเสร็จ ได้สั่ง start ทั้ง apache และ mysql ผ่าน icon บน desktop แล้วเปิดระบบโปรแกรมต่าง ๆ ทั้ง 12 โปรแกรม ผ่าน 127.0.0.1 บน browser ผลลัพธ์ผิดจากที่คาดไว้เยอะ คือ ล้มทุกตัว ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะ mysql ไม่ start แต่ตรวจสอบแล้ว mysql ก็ start ได้ปกตินี่นา เพราะสั่งแสดงรายชื่อ database ได้ครบถ้วน ผ่าน command line ซึ่งเป็นการทำงานแยกส่วนกับ web server จึงใช้คำสั่งบนดอสสั่งตรวจสอบ module ด้วย php -m พบว่าขึ้น Warning หลายรายการ หนึ่งในนั้นได้พยายามเรียกใช้ php_mysql.dll จาก c:\windows\ext จึงเข้าไปตรวจสอบ php.ini ว่าเรียก php_mysql.dll ถูกต้องหรือไม่ ก็พบว่ากำหนด extension_dir ให้ชี้ไปยังห้อง windows แต่ระบบไม่ได้คัดลอกแฟ้ม extension ทั้งหมดไปไว้ในห้องนั้น จึงแก้ไขให้ extension_dir ชี้ไปที่ c:\thaiabc\php\ext ซึ่งเป็น folder ที่เก็บแฟ้ม module ทั้งหมด หลังจากนั้นระบบทั้ง 12 ระบบก็ตื่นขึ้น แต่ทดสอบบน win8.1 พบว่า phpmyadmin ถูกเรียกใช้ได้ปกติ ส่วนบน win10 มีปัญหาเรื่องค่า session ทำให้เปิด phpmyadmin ไม่ได้ จึงต้องไปเพิ่ม “c:\thaiabc\apahce2\error” ให้กับตัวแปร session_save_path ใน php.ini ซึ่งระบบทั้ง 12 ประกอบด้วย

  1. moodle
  2. moodle19
  3. learnsquare v2
  4. mambo
  5. oscommerce
  6. wordpress
  7. drupal
  8. calendar
  9. phpicalendar
  10. phpbb3
  11. senayan3
  12. phpmyadmin

ที่มารื้อฟื้นโปรแกรมแก้วสารพัดนึก มาติดตั้งใหม่ในวันนี้ เพราะไปเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง จึงต้องกลับมาตรวจสอบว่ารุ่น 8.0 นั้น ยังทำงานได้บน win10 หรือไม่ และติดพันกับการอ่านข้อเสนอโครงงานของลูกศิษย์สาว 2 คนที่ไปฝึกงานที่โรงพยาบาล เค้าสนใจใช้อุปกรณ์ IoT วัดอุณหภูมิในตู้เก็บของ ทำให้นึกถึง Nodemcu Esp8266 ที่บันทึกและส่งค่าอุณหภูมิ ขึ้นไปยัง thingspeak.com เพื่อแสดงรายงาน และเชื่อมกับ IFTTT.com เพื่อส่งข้อมูลไปแจ้งเตือนบน Line ซึ่งสรุปได้ว่า ชีวิตคือการเรียนรู้

https://www.mathworks.com/help/thingspeak/use-ifttt-to-send-text-message-notification.html

https://www.ab.in.th/article/36/

ร่มมีหลากหลายประเภท

ต้องยอมรับว่า
การหาสิ่งที่กันแดดกันฝนเวลาเราเดินทางท่ามกลางแสงแดดหรือจำเป็นต้องเดินท่ามกลางสายฝนนั้น มีสิ่งที่มนุษย์เราคิดค้นขึ้นมาเรียกว่า “ร่ม” ในปัจจุบันมีร่มหลากหลายประเภทให้เราได้เลือกใช้งาน เช่น ร่มตอนเดียว ร่ม LED ร่มกลับด้าน ร่มพับ 3 ตอน ร่มพัดลม และร่มกอล์ฟ ซึ่งร่มแต่ละประเภทที่เราได้กล่าวไปนั้นก็ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป

ประเภทของร่ม
ร่มพัดลม คือ ร่มที่มีพัดลมอยู่ในร่ม ส่วนร่มกอล์ฟ คือ ร่มที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้งานในขณะเล่นกีฬากอล์ฟโดยเฉพาะ ผ้าที่นำมาใช้ในการทำร่มกอล์ฟจะเคลือบสารป้องกันรังสียูวีไว้ ส่วนร่มพับ 3 ตอน คือ ร่มที่ต้องใช้มือกางและเก็บ แล้วมีปุ่มกดสำหรับกางออกโดยอัตโนมัติ ส่วนร่มกลับด้าน คือ ร่มที่เหมาะสำหรับใช้งานคู่กับรถยนต์หรือคู่กับพื้นที่คับแคบที่ลำบากในการกางและเก็บร่ม ส่วนร่ม LED คือ ร่มที่เหมาะสำหรับใช้ในเวลากลางคืน เช่น คืนฝนตก เพราะ ร่ม ประเภทนี้มีไฟฉายอยู่ที่ด้ามจับร่ม ส่วนของร่มตอนเดียว คือ ร่มที่เหมาะงานทั่วไป แต่ไม่สะดวกสำหรับการพกพาติดตัวและจัดเก็บ เพราะไม่สามารถพับร่มเป็นท่อน

ความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
หากต้องการให้ ร่ม ของคุณดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ คุณลูกค้าสามารถสั่งสกรีนข้อความหรือลายกราฟฟิคต่าง ๆ ตามที่คุณต้องการลงไปในร่มของคุณได้ เรามีผ้าที่ใช้ผลิตร่มหลากหลายสีสันให้ท่านได้เลือกนำไปใช้กับร่มของคุณ และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ การจัดส่งสินค้าให้ถึงมือคุณลูกค้าโดยที่สินค้าไม่เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งด้วยระบบการขนส่งของบริษัทเอกชนชั้นนำ

บริษัท พรีเมี่ยม เพอร์เฟค จำกัด
12 ซอยเพชรเกษม 77 แยก 3-6 แขวงหนองค้างพลู
เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 0105555089294
Phone numbers: 02-408-1377 (อัตโนมัติ 10 คู่สาย)
Fax: 02-809-9359
https://umbrella-perfect.com/