6 พ.ย.52 ได้พบว่าสุดยอดอาจารย์ของคณะบริหารฯ มีหลายท่านจากการร่วมทำโครงการถวายผ้าจำนำพรรษา ท่านแรกคือ อาจารย์แดน กุลรูป ซึ่งทำงานในฐานะหัวหน้าฝ่ายพิธีการ ท่านใช้ระบบและกลไกได้อย่างเข้าใจ จัดทำกำหนดการส่วนพิธีกรรมที่วัด กำหนดผู้ทำพิธีทางศาสนาได้อย่างเหมาะสม กำกับให้กลไกภายในวัดเป็นไปอย่างราบรื่น ยอดอาจารย์ท่านที่สองคือ อาจารย์วีระพันธ์ แก้วรัตน์ หรืออาจารย์แม็ก ที่ชาวลำปางรู้จักในฐานะยอดวิทยากรกระบวนการ ท่านทำหน้าที่เป็นผู้นำประกอบพิธีทางศาสนาของโครงการฯ ที่วัดบรรพตสถิต ส่วนยอดอาจารย์ท่านที่สามคือ อาจารย์คงศักดิ์ ตุ้ยสืบ หรืออาจารย์บอย ได้ฉายความสามารถด้วยการเป็นผู้ให้เสียงประกอบขบวนสะเปารถใหญ่ โดยสื่อให้กับชาวลำปางระหว่างเคลื่อนขบวนไปตามถนนได้เข้าใจ ได้ถ่ายทอดภาพลักษณ์และแผนงานในช่วงการพัฒนาคุณภาพมหาวิทยาลัยครั้งสำคัญได้อย่างเข้าใจ
ถ้ามีคนถามผมว่า ยอดอาจารย์ของโยนก ที่มีทักษะเป็นเลิศด้านการสื่อสาร ผมคงยกให้ อาจารย์แม็กกับอาจารย์บอย ถือครองอันดับที่ 1 ร่วมกันไปแล้ว ส่วนผู้ที่เอาจริงเอาจังกับการทำงาน แสดงให้เห็นถึงระบบและกลไกในหัวใจ ก็ต้องยกให้อาจารย์แดน เพราะเพื่อนร่วมงานของผมก็ยืนยันอย่างนั้น สำหรับจำนวนนักศึกษาคณะบริหารที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้เป็นอันดับ 1 มีจำนวนถึง ๓๘ คนจาก ๑๓๙ คน และสรุปมูลค่ารวมอย่างไม่เป็นทางการทั้งโครงการสำหรับคณะบริหารฯ คือ ๗,๔๔๗.๐๑๓๒ บาท
Category: สังคม วัฒนธรรม เกษตร
สังคม วัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่น ศาสนา ศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต
เป็นกรรมการตัดสินสะเปารถใหญ่
![ชุดสตรีในอดีต ที่เห็นในละคร](http://www.thaiall.com/blog/wp-content/uploads/2009/11/lady_in_past.jpg)
3 พ.ย.52 คืนนี้ผมได้ร่วมเป็นกรรมการตัดสินสะเปารถใหญ่ หรือขบวนรถแห่กระทงใหญ่ ในเทศกาลลอยกระทง จังหวัดลำปาง 2552 ได้พบเห็นอะไรหลายอย่าง ประเด็นหลัก คือ การตัดสินเป็นไปโดยยุติธรรม ซึ่งกรรมการมาจากตัวแทนสถาบันการศึกษาที่ส่งเข้าประกวด และมีคะแนนเป็นเกณฑ์กำกับชัดเจน บวกลบตามที่พูดคุยกัน เมื่อกรรมการแต่ละคนให้คะแนนแล้วก็จะมานั่งประชุมวิพากษ์ว่าผลควรเป็นอย่างไรโดยประจักษ์ เพื่อสรุปร่วมกันอีกครั้ง สำหรับผลการตัดสินครั้งนี้ได้ผลการพิจารณาเป็นเอกฉันท์ทั้ง 3 อันดับแรก โดยเกณฑ์แบ่งเป็น 8 หัวข้อ ประกอบด้วย 1)ความประณีตสวยงาม 20 คะแนน 2)ความคิดสร้างสรรค์ 10 คะแนน 3)มีความหมายต่อวัฒนธรรม 10 คะแนน 4)การออกแบบโครงสร้าง 10 คะแนน 5)แสงสว่างโคมไฟ 10 คะแนน 6)องค์ประกอบของขบวน 20 คะแนน 7)นางนพมาศ 10 คะแนน 8)การตรงต่อเวลา 10 คะแนน สำหรับผล คือ มหาวิทยาลัยโยนกได้รางวัลที่ 1 ประเภทสะเปาน้ำ จึงไม่ได้ในส่วนของสะเปาบกหรือสะเปารถใหญ่
ประเด็นอื่น ที่มองเห็นผ่านการเคลื่อนไปของขบวนสะเปา ที่ผมมองในฐานะปุถุชน คือ 1)ประเพณีแบบนี้ต้องอาศัยศรัทธาต่อความเชื่อในศาสนาที่มีอยู่ในตัวคนทุกภาคส่วนประกอบกัน คนไม่ศรัทธาในศาสนามักไม่ร่วมงานนี้ 2)ต้องอาศัยงบประมาณ เรื่องนี้ไม่ต้องถกกัน เพราะงานประเพณีสมัยนี้มาด้วยงบประมาณของหน่วยปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าไม่มีงบล่ะก็ประเพณีไม่เกิด 3)ประเพณีสมัยนี้ สาวน้อยมักโชว์สรีระ ด้วยเหตุผลว่าคนในอดีตนุ่งผ้าน้อยชิ้นหรือไงก็ไม่ทราบ แต่คนส่วนใหญ่บอกว่านั่นคือความงาม ก็คงต้องยอมรับไปตามนั้น 4)ขบวนแห่ ครั้งนี้เป็นอีกเวทีในการแสดงออกของ Ladyboy ที่ได้รับการยอมรับ สังคมปัจจุบันยอมรับพวกเธอมากขึ้น
ตานก๋วยฉลากที่มหาวิทยาลัยโยนก
![ที่ มหาวิทยาลัยโยนก](http://www.thaiall.com/blog/wp-content/uploads/2009/10/bucket01.jpg)
29 ต.ค.52 ร่วมประเพณีตานก๋วยฉลากเป็นครั้งที่ 2 ของปี แต่เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยโยนก มีศรัทธาที่เป็นนักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นำก๋วยหรือสังฆทานมาร่วมกิจกรรม มีเส้นกว่า 140 เส้น ของผมกับภรรยามีกันคนละเส้น เจ้าภาพจัดงานได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูปมารับทาน จัดโดยคณะบริหารธุรกิจ นำโดย อ.นิยม จันทกูล โดยมีเพื่อนอาจารย์หลายท่านเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เช่น อ.แนน อ.นุ้ย พี่ริน อ.แหม่ม อ.เก๋ อ.สุรพงษ์ อ.ใหญ่ อ.บอย อ.ชินพันธ์ อ.สุจิรา ส่วนผู้นำประกอบพิธีคือ อ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์ ทำหน้าที่เป็นอาจารย์วัดทำพิธีได้อย่างยอดเยี่ยม ครั้งนี้พระท่านมาเทศน์ให้นักศึกษาฟัง มีเรื่องราวตามธรรมในใบลาน ก็ได้คติเตือนใจกลับบ้านกันไปถ้วนหน้า สรุปได้ว่าเป็นกิจบุญที่ทุกคนมีความสุข ใบหน้าอิ่มเอมไปด้วยบุญกันทุกคน .. งานนี้รู้เลยว่ายังมีคนที่ศรัทธาในศาสนาพุทธอยู่มากน้อยเพียงใด ซึ่งสรุปได้ว่าเต็มตามตัวบ่งชี้ครับ
ทำบุญกับวัดกฐินตก ที่ลำปาง
![กฐินตก](http://www.thaiall.com/blog/wp-content/uploads/2009/10/katin01.jpg)
29 ต.ค.52 ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ คุณศิริทัศน์ โรจนพฤกษ์ รับทำบุญวัดที่กฐินตก และปีนี้เป็นปีแรกที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยโยนก ออกทำบุญวัดที่กฐินตกมากกว่า 80 วัด โดยวัดในลำปางมีกว่า 673 วัด แต่กฐินตกเนื่องจากไม่มีใครจองกฐินมีจำนวนกว่าครึ่งหนึ่ง เหตุการแบบนี้เกิดขึ้นทุกปี วันนี้บางคณะและบางสำนักงานได้รวมตัวกันไปทำบุญที่ วัดห้วยคิง อำเภอแม่เมาะ ลำปาง โดยนัดหมายวัดที่กฐินตกกว่า 15 วัดมาใช้สถานที่ที่วัดนี้เป็นที่กรานกฐิน มีหน่วยงานในมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภายนอกที่ ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ เชิญชวนมาร่วมทำบุญทอดกฐินจากหลายองค์กร เพราะการเป็นเจ้าภาพกองกฐินเป็นภาระหนักมิใช่น้อย คุณลัดดาวรรณ เรือนทัศนีย์ เป็นผู้ประสานงาน และนำทุกคนไปร่วมทอดกฐินในครั้งนี้ เพราะถ้าไปกันทีละวัด ๆ ละคนสองคน ก็คงไม่สะดวก จึงมีการปรับแผนเพื่อความสะดวกในการดำเนินงาน
ในปัจจุบัน พบว่า ศรัทธาต่อศาสนาที่มีในตัวมนุษย์ลดลง การให้ความสำคัญกับวัตถุเพิ่มขึ้น ศีลที่เป็นเครื่องปกป้องมนุษย์เริ่มเสื่อมสลาย จำนวนคนที่สนใจทอดกฐินลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือไม่นิยมทอดกฐินมาแต่อดีตก็เป็นได้ จำนวนพระสงฆ์ในวัดมีน้อย ยิ่งวัดในชนบทมักมี 1 – 2 รูป แต่ถ้าวัดในกรุงเทพฯ จะมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่มาก แต่ในชุมชนที่ศรัทธา หรือความเชื่อยังแจ่มชัด จำนวนพระสงฆ์กลับไม่เป็นไปดังคาด .. ในโอกาสนี้คณะศรัทธา จึงมีความสุขที่ได้ทำบุญกับวัดที่กฐินตก เพื่อถวายจตุปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพระสงฆ์
สมเด็จพระเทพฯ เสด็จวัดไหล่หินหลวง
28 ต.ค.52 9.00น. สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยี่ยมวัดไหล่หินหลวง จังหวัดลำปาง เป็นที่ปิติยินดีของชาวไหล่หินหาที่สุดมิได้ ลูกทั้ง 3 ของผมและพ่อตาบรรจง ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอยู่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์วัดไหล่หินหลวง เป็นครั้งแรกของพวกลูกที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าเจ้านายใกล้ชิดเพียงนี้ ครอบครัวของเราก็ยินดีที่ได้รับโอกาสดีเช่นนี้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้านายท่านจะเสด็จมาหมู่บ้านนี้อีก ถ้ามาโอกาสแบบนี้อีกในครั้งใดก็จะพาลูกเขาไปเฝ้าเช่นนี้ทุกครั้งไป สำหรับตัวแทนชาวไหล่หิน นำโดย นายทรงศักดิ์ แก้วมูล ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ฯ ถวายรายงานใกล้ชิด พบรายละเอียดจากทีวีหลายช่องเป็นที่ประจักษ์
อุบายลวงจิตลดโทษะต่ออัตตาในมนุษย์
12 ต.ค.52 เพื่อนในองค์กรหนึ่งโทรมาระบาย เรื่องความมีอัตตาในตัวมนุษย์ เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อถูกมนุษย์ด้วยกันแสดงตนว่าเหนือกว่า ด้วยการยกตนข่มท่าน แสดงตนว่าเหนือกว่าด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิ หรือบุญคุณ เหมือนคนไทยที่ยึดมั่นถือมั่นในอำนาจ ความรู้ วัยวุฒิและศักดิ์ศรี ผมก็เลยอาศัยคำพระว่า “คนทุกคนเกิดมา ไม่ได้พกอะไรมา ตอนไปก็ไม่พกอะไรไป แต่ตอนอยู่ กลับทำตัวว่ามีอะไรซะมากมาย” และ “มนุษย์ยังมีกิเลสยังไม่รู้จักพอเพียง” อีกคำที่พระหลายรูปท่านชอบเปรียบเปรยว่ามนุษย์ไม่ใช่สัตว์ประเสริฐเสมอไป ฟังพระท่านด่าว่าเป็นสัตว์เดรัชฉานอยู่บ่อยครั้ง เช่น “อย่ากินเหล้าแล้วเมาเหมือนหมา อย่าดีแต่เห่า สีซอให้ควายฟัง” ผมก็ชักคล้อยตาม เหมือนดูละครทีวีบ่อย ๆ ก็มักจินตนาการไปว่าตนเองเป็นพระเอกอยู่ร่ำไป แต่นี่พระท่านสอนโดยเปรียบเปรย ว่าผมเป็นสัตว์เดรัชฉานแล้วนี่ผมก็ต้องจินตนาการไปตามนั้นแล้วสิ
กลับมาพูดถึง การให้คติเตือนใจเพื่อนคนนั้นว่า มนุษย์เราเกิดมามักอยู่ไม่ถึง 100 ปี เกิดมาต้องตายกันทุกคน ยับยั้งกิเลสในตน ทำจิตให้สงบ ลดอัตตา ลดศักดิ์ศรี ต้องรู้จักให้อภัย แล้วนึกซะว่า “คนที่มีอัตตาก็เป็นเพียงสัตว์เดรัชฉาน เป็นเพียงหมาตัวหนึ่งเห่าบ๊อกบ็อกน่ารักจะตาย” เราก็จะสบายใจแล้วให้อภัยเขา หรือไม่ก็นึกซะว่า “เขาคือปลาตัวมื้อเย็นนี้จะกลับไปทุกหัวแล้วทอดเป็นอาหารเย็น จิตที่หมกมุ่นกับความหม่นหมองก็น่าจะปลอดโปร่งขึ้นได้” เพราะถ้าไม่อภัยแล้วไปทำร้ายเขาด้วยบันดาลโทสะ ก็อาจติดคุกติดตาราง .. ไม่คุ้มกับความเป็นผู้มีบุญได้เกิดมาเป็นสัตว์ผู้ประเสริฐครั้งหนึ่งบนโลกนี้ .. ก็หวังแต่ว่าเพื่อนทางโทรศัพท์ผู้นั้นจะเข้าใจ
.. ลอกมาจากที่ไหนก็จำไม่ได้แล้ว ขออภัยที่ไม่ได้เขียนแหล่งอ้างอิงไว้
กิเลสและอัตตาในตัวเรา .. ที่น่ารังเกียจ
28 ก.ย.52 น่าแปลกมาก ที่ใครต่อใคร เช่น เสื้อแดง เสื้อเหลือ นักการเมือง คนในหนังสือพิมพ์ ดาราเซ็กซี่ มักพูดถึง หรือถูกเล่าในเรื่องราวความผิดของคนอื่น นินทา ให้ร้ายด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ใช้ฐานคิดของตนเองเป็นหลัก เป็นเรื่องไม่น่ารื่นรมอย่างยิ่ง แต่จิตใต้สำนึกของผมกลับรู้สึกสนุกไปกับความวุ่นวายภายนอก เท่ากับขาดอุเบกขา ที่ไม่อาจวางเฉยหรือทำตัวเป็นกลาง ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวและจิตว่าง ก็จะนึกทบทวนกิจกรรมของมนุษย์จนเผลอรู้สึกรังเกียจ และขยะแขยงความเป็นมนุษย์ของตนเองก็หลายครั้ง อาทิ 1)รู้ว่าตนเอง ยังมีความรัก โลภ โกรธ หลง เห็นพฤติกรรมของดาราสาวเป็นเรื่องไม่สมควร แต่แก้ไขอะไรไม่ได้ 2)แก้ไขสัจธรรมที่ว่าตนเองต้องตายไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้ เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย 3)มองเห็นความไม่รู้จักสงบในผู้สูงอายุรอบตัว เช่นคนในครอบครัว เมื่อผมชวนเข้าวัด “ก็บอกว่า ไปทำไม ไปแล้วได้อะไร” 4)ส่วนตัวผมก็ยังลดการอุปโภคและบริโภคเป็น 0 ไม่ได้สักที แค่ลดลงคนรอบข้างก็มองผมเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว .. รำพึงรำพัน
ตานก๋วยฉลาก
![รวมภาพจากประเพณี ตานก๋วยฉลาก](http://www.thaiall.com/blog/wp-content/uploads/2009/09/bucket.jpg)
12 ก.ย.52 ได้จัดก๋วยและฉลากไปทานที่วัดไหล่หินหลวง ถึงญาติสนิทผู้ล่วงลับ 3 ท่าน คือ ตาแสน ยายแก้ว และยายนี เป็นประเพณีที่ทำกันทุกปีในบ้านไหล่หิน ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง โดยมีเพื่อนบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียง มาร่วมตานกันทุกปี ประเพณีนี้เรียกว่า “ตานก๋วยฉลาก” โดยชาวบ้านเช่น ครอบครัวของผม จะดาครัว หรือเตรียมก๋วย สมัยก่อนใช้ไม้ไผ่สานเป็นก๋วยหรือภาชนะใส่ของ แล้วใช้ใส่ข้าวของเครื่องใช้ อาหารคาวหวานใส่ลงไป ผู้ล่วงลับจะได้พกพาไปไหนได้สะดวก ปัจจุบันเห็นใช้ตะกร้าพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ บางคนก็ยังใช้ไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของตาน อาจใช้ย่าม กะละมังก็ทำได้ สำหรับของที่ตาน หรืออุทิศไปให้ผู้ล่วงลับอาจมีบ้านจำลอง เตียง หงส์จำลอง นกจำลอง หรืออะไรต่อมิอะไรตามจิตศรัทธา เป็นของตาน
ช่วงเช้าไปถึงวัดก็จะเอาฉลาก หรือเส้นไปลงทะเบียนกับกรรมการวัด เพื่อจัดสรรมอบให้พระสงฆ์ หรือเณรที่มาจากวัดใกล้เคียงรวมกว่า 100 รูป และผู้เกี่ยวข้อง เพราะมีเส้นในปีนี้กว่า 4000 เส้น ก็คือของตาน 4000 ชุดจากหลายร้อยครอบครัว สำหรับพระที่ได้รับเส้นหรือฉลากมา อาจมอบให้กรรมการวัดไปตามหา แล้วนำมาจัดสรรในภายหลัง มีความเชื่อว่าถ้าของตานชุดใดถูกรับไปก่อน หมายถึงผู้ล่วงลับมารับส่วนบุญไปเร็ว ชุดใดออกช้า แสดงว่ายังไม่มารับ แต่สุดท้ายก็ได้ตานทุกชุด ต่างกันเพียงแต่ว่าจะหมดช้าหรือหมดเร็ว แต่ละครอบครัวจะเตรียมก๋วยไว้หลายชุด บางบ้านมากกว่า 10 ชุด เพราะมีญาติที่ล่วงลับไปแล้วหลายคน
เมื่อผมไปถึงวัดก็พบคุณทรงศักดิ์ แก้วมูล ในฐานะกรรมการวัดที่มีบทบาทสำคัญในการจัดงานนี้ จึงขอถ่ายภาพท่านมาเขียน blog และนานนานครั้งผมจะได้มีโอกาสไปร่วมงาน เพราะถ้าวันงานตรงกับวันทำงานก็จะมอบให้ญาติท่านอื่นไปทำหน้าที่ ครอบครัวผมมีคนมารับตานเร็ว กลับถึงบ้านประมาณ 12.30 น. ออกบ้านกันแต่เช้าตั้งแต่ 09.00 น. เพราะมีพิธีทางศาสนาในศาลา ที่กระทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ก็ต้องลุ่นว่าปีต่อไปจะนำลูก ๆ ไปร่วมกิจกรรมนี้ได้อีกหรือไม่ ก็ภวนาให้เป็นวันหยุด .. จะได้ไปร่วมตานอีก
ร่วมเรียนรู้พุทธศิลป์ วัดปงสนุก ลำปาง
![วัดปงสนุก จังหวัดลำปาง](http://www.thaiall.com/blog/wp-content/uploads/2009/08/watpongsanuk.jpg)
29 ส.ค.52 ดร.สุจิรา หาผล คณบดีคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโยนก จัดทำโครงการบูรณาการนำนักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และครอบครัวบุคลากรในสถาบัน มีตัวแทนจากทุกคณะเข้าร่วม อาทิ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะนิเทศศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ ไปเรียนรู้การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม พุทธศิลป์ และโบราณสถาน ณ วัดปงสนุกเหนือ จังหวัดลำปาง ในวันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม 2552 ช่วงเช้า นายธงชัย กุลรูป เป็นตัวแทนนักศึกษากล่าวนำไหว้พระ และ อ.สุภาพ ขุนจุมพล เป็นผู้ดำเนินรายการ ส่วนวิทยากรภาควิชาการ คือ อ.อนุกูล ศิริพันธ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยอินเตอร์เทคลำปาง ทำหน้าที่บรรยายให้ความรู้ กระบวนการ และพัฒนาการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการยิงคำถามให้วิทยากร และถามตอบตลอดการบรรยายอย่างมีชีวิตชีวา วิทยากรถึงกับเอ่ยปากชมว่าไม่มีใครแอบงีบเลย ไม่เหมือนเด็กเล็กจากโรงเรียนใกล้เคียงที่มีอาการวูบเป็นหย่อมหย่อม ช่วงบ่ายทุกคนร่วมกิจกรรมบูรณะวัดร่วมกัน เป็นงานบุญที่ทุกคนแช่มชื่น สังเกตได้จากสีหน้าของผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ครับ และคาดว่างานกฐินคราวหน้าจะมีศรัทธาจากมหาวิทยาลัยของเราไปร่วมทำบุญที่วัดนี้
ลงแขกในทุ่งนากับครอบครัวที่ไหล่หิน
![ในทุ่ง](http://www.thaiall.com/blog/wp-content/uploads/2009/08/infield.jpg)
9 ส.ค.52 บทเรียนจากการทำงานวันหยุดสุดท้ายของสัปดาห์ 1)ไปพบพระครูวัดไหล่หินลุ่ม แจ้งเรื่องการเลือกพื้นที่บ้านกิ่ว และสนทนากับท่านอยู่พักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปว่า ถ้ามีโอกาสจะชวนนักศึกษาไปช่วยเก็บข้อมูลในหมู่บ้านร่วมกับ อสม. หานักศึกษาไปเสริมทีมเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง เพราะนักศึกษาจะได้โครงการวิจัย CBPUS 2 คนของ สกว. คือปางกับกร ถ้าชวนเพื่อนนักศึกษาไปเรียนรู้ชุมชนก็น่าจะเป็นไปได้ ที่นอนที่กินก็พร้อม เพราะพระครูบอกว่ามีที่พักให้ ข้าวก้นบาตรก็พอได้อยู่ (แต่ก่อนกลับต้องใช้หนี้วัดก่อน .. อันนี้ผมเติม) 2)ก่อนเที่ยงก็พาครอบครัวไปส่งกับข้าวในทุ่งนา เพราะวันนี้พ่อตาพาเพื่อนบ้านไปลงแขก ถอนกล้าหรือหลกกล้าประมาณ 15 คน ในที่นา 2 ไฮ่เมือง ส่วนการปลูกได้จ้างทีมปลูกที่รับจ้างตลอดฤดูกลางนี้ในระแวกบ้าน จอดรถห่างจากที่นากว่า 500 เมตร เดินไปตามคันนา กลับถึงบ้านดูเด็ก ๆ ไม่เหนื่อยล้าเหมือนที่ผมคาดไว้ ส่วนตัวผมก็ไม่มีไข้ติดกลับมาด้วย ภรรยาเล่าให้ฟังว่าโดยปกติคนถอนกล้าจะเป็นผู้ชาย คนมัดกล้าเป็นหญิง คนปลูกข้าวเป็นหญิง คนเกี่ยวข้าวมีทั้งหญิงและชาย ส่วนคนตีข้าวเป็นชาย มีเหตุผลว่าแยกกันเพราะเรื่องของกำลังที่ชายจะมากกว่าหญิง สำหรับที่ดินกว่า 2 ไฮ่เมืองของพ่อตา มีคนขอซื้อ 6หมื่นแล้ว แต่ตาบอกว่า 7.5หมื่นถึงจะปล่อย ส่วนเพื่อนบ้านบอกว่าน่าจะรีบปล่อยนะ เพราะได้ราคาแล้ว 3)ทดสอบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมโทรศัพท์ Nokia 2330c ผ่าน Bluetooth และเปิดบริการ Audio Gateway เมื่อผมใช้ Sony Ericsson พบว่าคอมพิวเตอร์รับโทรศัพท์ได้อัตโนมัติ ภรรยาพูดผ่านคอมพิวเตอร์ ส่วนผมอยู่นอกถนน คุยกับภรรยาโดยภรรยาไม่แตะต้องโทรศัพท์ ที่แน่ ๆ คือผมเสียค่าโทรศัพท์ตามปกติ และหลักการนี้ทำให้ภรรยาสามารถเปิด โปรแกรมบันทึกเสียง เช่น sound recorder และบันทึกบทสนทนาไว้ในคอมพิวเตอร์ และเขียนลง CD เก็บไว้ฟังได้ทุกเวลา เคยเห็นสายลับทำในภาพยนต์ ผมจึงทดสอบทำบ้าง ก็ทำได้ดังที่เขาเคยทำกัน 4)ต่อ net ด้วย 1222 ผ่าน Phone Line จากบ้านไหล่หิน ตอนเช้าความเร็วพอทำงานได้ แต่ตอนบ่ายช้ามาก ยังไม่ได้ทดสอบ disconnect แล้ว connect ใหม่ ส่วน dial ผ่าน Nokia 2330c ก็ไม่ได้ เพราะ AIS ปฏิเสธโทรเข้า 1222 ถ้าจะให้ได้คงต้องไปซื้อชั่วโมง net มาทดสอบซะแล้วครับ