หลักของพาเรโต 80/20 มีตัวอย่างในหลายสาขาวิชา

output is hello world
output is hello world

The distribution is claimed to appear in several different aspects
relevant to entrepreneurs and business managers.
For example:
    80% of problems can be attributed to 20% of causes.
    80% of a company’s profits come from 20% of its customers
    80% of a company’s complaints come from 20% of its customers
    80% of a company’s profits come from 20% of the time its staff spend
    80% of a company’s sales come from 20% of its products
    80% of a company’s sales are made by 20% of its sales staff

http://c2.com/cgi/wiki?EightyTwentyRule

ตัวอย่างทางคอมพิวเตอร์ก็มี 4 ตัวอย่าง
1. Microsoft noted that by fixing the top 20% of the most-reported bugs, 80% of the related errors and crashes in a given system would be eliminated.
ไมโครซอฟต์บันทึกไว้ว่า การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย 20% ที่รายงานมากที่สุด จะทำให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องอีก 80% ถูกจัดการไปด้วย
2. In load testing, it is common practice to estimate that 80% of the traffic occurs during 20% of the time.
ในการทดสอบการโหลด พบว่า 80% ระหว่างการโหลดนั้น ทุ่มไปกับ 20% ที่เป็นเรื่องของเวลา
http://www.somkiat.cc/think-before-load-testing/
3. In software engineering, Lowell Arthur expressed a corollary principle: “20 percent of the code has 80 percent of the errors. Find them, fix them!”
โลเวล อาร์เธอร์ นำเสนอหลักการข้อพิสูจน์ว่า “20% ของโค้ด มีข้อผิดพลาดอยู่ 80% ค้นหาและแก้ไขซะ”
Lowell Arthur คือ ผู้สั่งการภารกิจ Apollo 13
https://en.wikipedia.org/wiki/Jim_Lovell (James Arthur “Jim” Lovell, Jr.)
4. Software frameworks have often been observed to make 80% of use cases easier to implement and 20% of use cases much more difficult to implement.
กรอบซอฟต์แวร์ถูกพบได้บ่อยว่าการทำโปรแกรมเพื่อใช้ที่ง่ายขึ้น 80% มาจากส่วนที่ยากขึ้น 20%
อ้างอิงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Pareto_principle

ตามคลิ๊ปอธิบายกฎนี้ว่า
อะไรก็ตามที่อยู่เต็ม 100%
80% จาก 100% จะถูกครอบครองโดย 20%
และอะไรก็ตามที่เหลือจาก 20% จะถูกครอบครองโดย 80%


วิลเฟรโด พาเรโต นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยน
พูดถึงหลักของพาเรโต ตั้งแต่ค.ศ.1895
โดยอธิบายว่า “สิ่งที่สำคัญจะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่สำคัญ
หรือ “สิ่งที่มีประโยชน์จะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
ในอัตราส่วน 20 ต่อ 80 หรือ ที่เรียกกันว่า กฎ 80/20
[ด้านเศรษฐศาสตร์]
การผลิตของมีตำหนิขึ้น 20% จะเป็นปัญหา 80% ของปัญหาทั้งหมด
เสื้อผ้า 100 ตัว จะใจประจำอยู่เพียง 20 ตัว
จับกลุ่มทำรายงาน 10 คน จะมีเพียง 2 – 3 คนที่เป็นแกนนำ
อ่านหนังสือ 100 หน้า จะมีเพียง 20 หน้าเท่านั้นที่ถูกนำมาออกข้อสอบ
คน 100 คนทำงาน มีเพียง 20 คนที่มุ่งมั่นทำงาน และเจริญก้าวหน้า
ร้านขายของชำมีสินค้านับ 100 รายการ แต่รายได้ 80% มาจากสินค้าเพียง 20%
ประเทศทุนนิยม คนรวย 20% สร้างรายได้ให้ประเทศเป็น 80% ของรายได้ทั้งประเทศ
มูลค่ารายจ่ายกว่า 80% มาจากรายการที่ใช้จ่ายเพียง 20% ของรายการทั้งหมด
อ้างอิงจาก http://www.oknation.net/blog/knowledge09/2009/08/15/entry-1

อ้างอิงเพิ่มเติม http://www.clairenewton.co.za/my-articles/paretos-principle-the-80-20-rule.html

แลกเปลี่ยนกับนักวิจัยเพื่อท้องถิ่นพะเยา ของบ้านสันป่าส้าน ภูกามยาว, บ้านต๋อมดง, ต.ภูซาง, ต.แม่จั๊วะ ปง

แลกเปลี่ยนกับนักวิจัยเพื่อท้องถิ่น พะเยา
แลกเปลี่ยนกับนักวิจัยเพื่อท้องถิ่น พะเยา

19 ก.พ. 59 (6.30 – 20.00) ตามที่ศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดลำปาง
ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น
พัฒนางานวิจัยเรื่อง “แนวทางของการยกระดับองค์ความรู้งานวิจัยเพื่อท้องถิ่นสู่การใช้ประโยชน์
และการขยายผลในพื้นที่รูปธรรมทางการศึกษา ในปี 2557-2560”
โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ
1. เพื่อต่อยอดการพัฒนาโจทย์วิจัยเชิงพื้นที่ที่สอดคล้อง
กับการจัดการศึกษาท้องถิ่นในกลุ่มภาคีเครือข่ายทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ
สำหรับเป็นข้อมูลในการประมวลความรู้สู่แนวทางการปฏิรูปการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา
ในพื้นที่จังหวัดและพะเยา
2. เพื่อติดตามโครงการวิจัยที่ดำเนินงานภายใต้การสนับสนุนของ สกว. ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่นให้เกิดงานวิจัย
ที่มีคุณภาพ สามารถและสร้างการเปลี่ยนแปลง ในเชิงโครงสร้างของหน่วยงานการศึกษา
องค์ความรู้ และการเปลี่ยนแปลงของนักวิจัย
3. สังเคราะห์วิธีวิทยาในการหนุนเสริมกระบวนการทำงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นสู่การบูรณาการ
ให้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาของกลุ่มเครือข่าย กศน.พื้นที่จังหวัดลำปางและพะเยา
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1212393238774805.1073741986.506818005999002

แล้วก็มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดพะเยาร่วมกับเพื่อน ๆ รวม 7 คน
คือ ปุ๋ย บัญชา โบว์ ผศ.ดร.อภิชาติ ชิดบุรี ผศ.สันติ ช่างเจรจา ผศ.ดร.สาวิตร มีจุ้ย และและผม
ไปกันที่ กศน.พะเยา
ช่วงเช้า นายปัณณพงศ์ ท้าวอาจ ผู้อำนวยการ สนง.กศน.จ.พะเยา
ทำหน้าที่เปิดกิจกรรม และถ่ายรูปร่วมกัน
ท่านเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนในการทำกลุ่มย่อยเป็นระยะ
และให้การสนับสนุนการทำงานเต็มที่
ทั้งยังเป็นโครงการที่รวมกันระหว่าง กศน. และสกว.
1. ก่อนการทำงานเราประชุม เรามีการทำ Bar : Before Action Review
เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินงาน เพราะแต่ละท่านก็มาจากต่างสถาบัน
http://blog.lib.kmitl.ac.th/?p=918
2. การนำเสนอโดยนักวิจัยเพื่อท้องถิ่นจาก 4 พื้นที่
ครั้งนี้เป็นการนำเสนอของนักวิจัยเพื่อท้องถิ่นหน้าใหม่
สำหรับนักวิจัยเพื่อท้องถิ่นพี่เลี้ยงในพื้นที่พะเยาจะแลกเปลี่ยนหลังนำเสนอ
และนักวิจัยทีม ม.ลำปาง จะแลกเปลี่ยนไม่มากนัก
เพราะต้องการให้ทีมพี่เลี้ยงในพื้นที่พะเยาแสดงบทบาท
เราตกลงกันว่า ม.ลำปางจะทำหน้าที่เป็นเปลือกไข่
นักวิจัยเพื่อท้องถิ่นพี่เลี้ยงในพื้นที่พะเยา ทำหน้าที่ กำกับติดตามสนับสนุนใกล้ชิดกับพื้นที่
นักวิจัย ม.ลำปาง กำกับติดตามอยู่ห่าง ๆ
กลุ่มเฟส https://www.facebook.com/groups/1536974936614424/1552067021771882/
3. แยกกลุ่มตามพื้นที่ เพื่อช่วยดูการเขียนร่างข้อเสนอโครงการ
เรียงดังนี้
3.1 การเงิน – บ้านสันป่าส้าน ภูกามยาว – บุรินทร์
3.2 สุขภาพ – บ้านต๋อมดง – อภิชาติ
3.3 สหพันธ์แม่ญิ๊งลาว – ต.ภูซาง – สันติ
3.4 น้ำ – ต.แม่จั๊วะ ปง – สาวิตร
4. แต่ละโครงการ ออกมาสรุปว่าไปคุยกัน 2 ชั่วโมง ได้ผลเป็นอย่างไร
การปรับก็มีข้อเสนอในหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ
เช่น ชื่อเรื่อง วัตถุประสงค์ กรอบแนวคิด รายละเอียดกิจกรรม
ระยะเวลาดำเนินงาน การเชื่อมโยงเครือข่าย
ที่สำคัญคือทำให้ทีมวิจัยในพื้นที่ได้ร่วมกันคิด
ร่วมกันทบทวนกิจกรรมของโครงการโดยละเอียดอีกครั้ง
5. มีการทำ AAR : After Action Review นำโดย ผศ.ดร.สาวิตร มีจุ้ย
โดยเปิดให้ทุกคนสะท้อนคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ จากการทำงาน
และพูดคุยแลกเปลี่ยน และวางแผนสำหรับการทำงานช่วงต่อไป
ต่อไปจะเข้าไปพิจารณาข้อเสนออีกครั้งในวันที่ 29 ก.พ.2559

ก่อนไปทำงาน ลงพื้นที่ คุณภัทรา มาน้อย
แขวนเอกสารเรื่อง “การฝึกทดลองการคิดอย่างเป็นระบบในชีวิตประจำวัน
เรียบเรียงโดย มกราพันธุ์ จูฑะรสก เมื่อวันที่ 18 ก.พ.59 ในกลุ่มเฟส

โครงการที่เข้านำเสนอครั้งแรกในกลไก ประกอบด้วย 4 โครงการ
1. ร่างชื่อเรื่อง “แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสะใภ้ลาว
หมู่ที่ 3,4,12 ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา
ให้มีการดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติและเป็นที่รอมรับของชุมชน

โดย นายวสันต์ สุธรรมมา และนางสาวจิราพร  สุริวงศา

2. ร่างชื่อเรื่อง “แนวทางการจัดการน้ำเพื่อการเกษตรให้ทั่วถึงและเพียงพอ
ของชุมชนบ้านจั๊วะ หมู่ 10 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา

โดย นางสาวลีลาวดี สีหบัณฑ์ และนายกิตติธัช สวนดอก

3. ร่างชื่อเรื่อง “แนวทางการจัดการการเงินในระดับครัวเรือน
บ้านสันป่าส้าน หมู่ 12 ตำบลห้วยแก้ว อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

โดย นางวารณี วิชัยศิริ และนายประเสริฐ รูปศรี

4. ร่างชื่อเรื่อง “แนวทางการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน
บ้านต๋อมดง หมู่ 6 ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

โดย นายแดนชัย ชอบจิตร และนายพรเกษตร วงศ์ปัญญา

ใช้ Silicone ทา CPU บริเวณที่สัมผัสกับ Heatsink

silicone : heatsink compound
silicone : heatsink compound

ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ค้าง (Hang) บ่อยหลังใช้งานไปแล้วหลายปี
โดยไม่ทราบสาเหตุ และมั่นใจว่าไม่ได้เป็นเพราะ Software
ก็เสนอให้ทำความสะอาด Hardware ซึ่งมีหลายทางเลือก
1) การใช้น้ำยาล้างหน้าสัมผัสทางไฟฟ้า (Co-Contract Cleaner)
สำหรับทำความสะอาดอุปกรณือิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ
ฉีดไปตาม RAM หรือ CPU หรือจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ

สำหรับ CRC Co-contact clearner ที่ใช้อยู่นี้
ขนาด 350 กรัม ราคาประมาณ 400 บาท
https://www.kaidee.com/product-4148190/

2) แต่ถ้าสงสัยว่า CPU ร้อนเกิน เนื่องมาจาก Silicone ที่ใช้ทา CPU
เกิดเสื่อมสภาพ และต้องการทาใหม่ ก็ไปหาซื้อมาได้ครับ
Heatsink compound หรือ Silicone หลอดหนึ่ง ผมซื้อ 20 บาท
ใช้ได้ 1 ครั้ง เพราะมีประมาณ 1 ซีซี

3) อีกวิธีที่ประหยัด คือ ถอด RAM แล้วใช้ยางลบถูบริเวณทองแดง
ที่เสียบลงไปใน slot แล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเสียบลงไป
ซึ่งบ่อยครั้ง แก้ปัญหาเครื่อง Hang โดยไม่ทราบสาเหตุได้

ผลโพลล์สวนทางกับผลเลือกตั้งได้เหมือนกัน

vote
vote
ปัญหาของ Poll หรือ Exit poll คือ คนตอบโพลล์ตอบไม่ตรงกับที่ตัวเองกากบาท
หรืออีก 7 เหตุผลที่ทำให้ผลโพลล์เพี้ยน
Exit poll เลือกตั้งในกรุงเทพฯ ไม่ตรงกับผลเลือกตั้ง ดังนี้
1. เลือกตั้งส.ส. 2554 ในกรุงเทพฯ
พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.จำนวน 23 ราย
พรรคเพื่อไทย จำนวน 10 คน จาก 33 เขตเลือกตั้ง
ผลโพลล์ครั้งแรก พรรคเพื่อไทยนำ 19 เขต  พรรคประชาธิปัตย์มีนำ 5 เขต
ผลโพลล์ครั้งที่สอง พรรคเพื่อไทยนำ 18  เขต  พรรคประชาธิปัตย์นำ 6 เขต
2. เลือกตั้งผู้ว่ากทม. 2556
ผลสำรวจออกมาว่า พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ จาก พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำ
แต่ผลการเลือกตั้ง หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร จาก พรรคประชาธิปัตย์ ชนะ
ด้วย 47.75% ต่อ 40.97%
สำนักโพลล์ = สถาบันสำรวจความคิดเห็น
เอ็กซิท โพล (Exit Poll) คือ การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนน
หลังจากที่ออกจากคูหามาแล้ว โดยผู้สำรวจจะไปสอบถามหลังจากลงคะแนนเสียงว่าเลือกใคร
ซึ่งบางครั้งมีทั้งผู้ที่ตอบออกมาแบบตรง ๆ  หรือบางครั้งอาจไม่ตอบเนื่องจากเป็นสิทธิแต่ละบุคคล หรือบางคนอาจจะตอบตรงกันข้าม
ในส่วนขั้นตอนการดำเนินงานและวางแผน เอ็กซิท โพลนั้น
รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล ระบุว่า การวางแผนต้องรอบคอบ
โดยคำถามที่จะถามผู้ที่ลงคะแนนเสียงจากคูหาจะมีเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นที่ถามว่า  “เลือกใคร”
จากนั้นผู้สำรวจจะต้องส่งข้อมูลกลับมาโดยรวดเร็ว ซึ่งสวนดุสิตโพลจะใช้ในระบบออนไลน์
ทั้งโทรศัพท์ ทั้งในส่วนที่เป็นศูนย์การศึกษาที่มีอยู่ทั้งประเทศ
ที่ส่งในลักษณะที่เป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา
เอ็กซิทโพลล์” จึงนับได้ว่า เป็นการสะท้อนผลสำรวจความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการอย่างรวดเร็วที่สุด
และยังต้องคลาดเคลื่อนกับผลคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการให้น้อยที่สุดด้วย
ถ้าสำนักโพลแห่งใดนำเสนอผลสำรวจเอ็กซิท โพลได้แม่นยำที่สุด
ความน่าเชื่อถือของสาธารณชนที่มีให้ต่อสำนักโพลแห่งนั้นย่อมมีมาก
ดังนั้น การแข่งขันนำเสนอผลสำรวจจะดุเดือดอีกครั้งในการเลือกตั้งปลายปีนี้ด้วย
โพลล์ (Poll) คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสาร (Information) จากประชาชน
และโพลล์กับงานวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) คือ สิ่งเดียวกัน
เพียงแต่ว่า โพลล์ถูกใช้โดยองค์กรสื่อมวลชน แต่งานวิจัยเชิงสำรวจถูกทำขึ้นโดยนักวิจัยของสถาบันการศึกษา
และนี่เองที่เอแบคโพลล์ได้ใช้คำว่า “งานวิจัยเชิงสำรวจ” ในการทำโพลล์มาโดยตลอด

สื่อทำตามหน้าที่ คือ นำเสนอความจริง ก็เท่านั้น

ฟังท่าน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า
คุณไปลือกันเองหรือเปล่า นักข่าวทั้งหลายปีที่แล้วพวกคุณจำกันได้หรือไม่
ส่งเสริมสนับสนุนยกย่อง ตามข่าวทั้งหมดพวกคุณทั้งนั้น ปีนี้คุณก็มาใส่ร้ายป้ายสีเขา
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะต้องมีการตรวจผู้สื่อข่าวเหมือนกัน มีอยู่กลุ่มหนึ่ง
พอถึงเวลาก็เปลี่ยนท่าที ปีที่แล้วชมกันจัง ยกยอปอปั้น สารพัด
ปีนี้ให้ร้ายเขาแล้ว มีอะไรหรือเปล่าผมไม่รู้

+ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000128838
+ http://www.komchadluek.net/detail/20151120/217214.html

รู้สึกได้ว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช คาดหวังความรู้สึกของสื่อ มาเป็นเกณฑ์ตัดสินใจ
น่าจะคาดว่าคนที่รักเรา จะรักเราเสมอ คนที่เกลียดเรา ก็จะเกลียดเราเสมอ
ในความเป็นจริง มีผลประโยชน์เข้ามาเป็นปัจจัยในความรักอยู่เสมอ
อะไรที่สื่อนำไปขายได้เขาก็ขาย เรียกว่า ขายข่าวความจริง
ดังนั้น ชอบหรือไม่ชอบ คงไม่ใช่ประเด็น
เพราะจรรยาบรรณสื่อบอกว่าต้องสื่อความจริง โดยไม่ลำเอียง
ถ้าการเมืองขาขึ้น เขาก็ขายได้ ขาลงเขาก็ขายได้
เพราะไม่ได้ยึดติดไปกับการเมือง เรียกว่า ไม่มีหมกเม็ด
+ http://hilight.kapook.com/view/129393

พล.อ. ธีรชัย กล่าวว่า คุณลือมั้ง เอางี้นะ นักข่าวทั้งหลาย ปีที่แล้วคุณจำกันได้ไหม ส่งเสริม สนับสนุน ยกย่อง ข่าวทั้งหมดมาจากพวกคุณทั้งนั้น ปีนี้ คุณก็มาใส่ร้ายป้ายสีเขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวก็คงต้องตรวจสอบนักข่าวนะ ผู้สื่อข่าวทั้งหลายมีอยู่กลุ่มหนึ่ง พอถึงเวลาก็เปลี่ยนข้างทันที ที่แล้ว ชมกันจัง ยกยอง ปอปั้น สารพัดสารเพ ปีนี้ให้ร้ายเขาแล้ว มีอะไรหรือเปล่า ผมไม่รู้

http://thaipublica.org/2015/11/uttayan-rajabhadi-20-11-2558/


แนวความคิดทางการบริหารของ ฮาร์โรลด์ ดี คูนซ์ (Harold D. Koontz)

principles of management
Principles of Management

การบริหารเป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการรวมตัวกันของมนุษย์ ในขณะที่มนุษย์มาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มนั้น จำเป็นที่มนุษย์ต้องพยายามหาแนวทางหรือวิธีการควบคุมดูแลกันเองภายในกลุ่มให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งตอบสนองความต้องการของตนเอง ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงต้องทำความรู้จักกับคำว่า “การบริหาร” เพื่อควบคุมดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ในสมัยอดีต มีความพยายามแสวงหาวิธีการในการบริหารให้ได้ผลตามที่ตนเอง กลุ่ม หรือองค์กรต้องการ การบริหารจึงเกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคม เช่น การบริหารบุคคล การบริหารองค์กร และการบริหารประเทศ สำหรับแนวความคิดและทฤษฎีทางการบริหารในสมัยใหม่ที่เริ่มมีการศึกษาอย่างจริงจังนั้น เริ่มขึ้นเมื่อราวหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมานี้เอง โดยแนวความคิดที่เป็นจุดเริ่มของการศึกษาทางการบริหารยุคใหม่ ได้แก่ แนวความคิดของ Frederick W. Taylor ซึ่งนำเอาหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ในการบริหาร โดยเสนอแนวความคิด วิทยาศาสตร์การจัดการ (Scientific Management) ขึ้น และทำให้การศึกษาการบริหารมีการศึกษากันอย่างจริงจัง และมีการพัฒนาต่อเนื่องกันมาโดยตลอด พัฒนาการของแนวความคิดและทฤษฎีการบริหารจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง และเทคโนโลยี การนำแนวความคิดและทฤษฎีการบริหารมาใช้ในการบริหารงานนั้น จะแตกต่างกันออกไปตามแนวทางหรือความสนใจของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ หรือผู้บริหารองค์กร

การบริหารองค์กรในทางวิชาการ เสนอว่า ควรดำเนินการเป็นกระบวนการ คือ ทำไปตามลำดับขั้นตอนต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่มีการขาดตอน การจำแนกขั้นตอนการบริหารที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ได้แก่ แนวความคิดทางการบริหารของ ฮาร์โรลด์ ดี คูนซ์ (Harold D. Koontz) ได้กำหนดกระบวนการบริหารไว้เป็น 5 ประการ คือ การวางแผน (Planning) การจัดองค์การ (Organizing) การเจ้าหน้าที่ (Staffing) การอำนวยการ  (Directing) และการควบคุมงาน (Controlling) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. การวางแผน (Planning)
เป็นกระบวนการในการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ นโยบาย โครงสร้าง และวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุผลในอนาคต ทั้งนี้ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการพยากรณ์เหตุการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง รวมทั้งต้องมีการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดมาปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการคาดคะเนผลที่จะได้รับ ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

2. การจัดองค์กร (Organizing)
เป็นการกำหนดรูปแบบโครงสร้างขององค์กร  จัดระบบ ระเบียบการทำงานขององค์กร เพื่อให้เกิดความสะดวกในการมอบหมายงาน หรือการสั่งการ มีการกำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละส่วนงานอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานที่ซ้ำซ้อน

3. การจัดคนเข้าทำงาน (Staffing)
การจัดคนเข้าทำงาน หรือการบริหารงานบุคคล เป็นการจัดการเกี่ยวกับบุคคล นับตั้งแต่การสรรหา คัดเลือกบุคคลเข้าปฏิบัติงาน การดูแลบำรุงรักษา การแต่งตั้ง โยกย้าย การพัฒนา จนกระทั่งพ้นไปจากการปฏิบัติงาน นับว่าเป็นกระบวนการบริหารจัดการทั้งหมดเกี่ยวกับคน หรือ บุคลากร ที่จะสามารถปฏิบัติงานให้กับองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

4. การอำนวยการ (Directing)
การอำนวยการ หรือการสั่งการ เป็นภาระหน้าที่ของผู้บริหารในการใช้ความสามารถชักจูงบุคลากรให้ ปฏิบัติงานและมีความกระตือรือร้นในการที่จะทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้องค์กรสามารถทำงานบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องมีภาวะผู้นำ  มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และใช้ศิลปะในการบังคับบัญชา

5. การควบคุม (Controlling)
การควบคุม เป็นการติดตาม ตรวจสอบการปฏิบัติงานของบุคคลในองค์กรเพื่อให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีการปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้รับมอบหมายหรือหน้าที่ที่กำหนดไว้หรือไม่ การทำงานเป็นไปตามมาตรฐานที่องค์กรกำหนดหรือไม่ มีข้อบกพร่องอย่างไรเพื่อนำไปสู่การทำการแก้ไข การควบคุมอาจตรวจสอบจากการใช้งบประมาณ การตรวจงาน  การรายงานผลการปฏิบัติงาน หรือการประเมินผลการปฏิบัติงาน

เรียบเรียงโดย ปฏิญญา ธรรมเมือง



หนังสือ Principles of management , Fourth Edition
หน้า 3 พูดถึง Process of Managment โดย Harold D. Koontz
+ https://books.google.co.th/books?id=trMz8Jy89C8C
+ https://en.wikipedia.org/wiki/Harold_Koontz
+ http://hacha555.blogspot.com/2013/07/harold-koonz.html

สมการหนึ่งที่ทำให้ระบบสารสนเทศเกิดขึ้น

framework
framework

การจัดการองค์กรในปัจจุบันจำเป็นต้องประยุกต์ใช้สารสนเทศ แต่สารสนเทศที่ดีจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ แล้วมีการใช้สารสนเทศเพื่อสนับสนุน กำกับการทำงานให้มีประสิทธิภาพตอบเป้าหมายขององค์กร ทั้งในระดับปฏิบัติการ ระดับการจัดการ ระดับบริหาร และระดับนโยบาย

ดังนั้นกรอบแนวคิดของการได้สารสนเทศมาเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทุกระดับ คือ การมีเว็บไซต์ที่ทุกฝ่ายเข้าถึงได้ (Website) การใช้กระบวนการจัดการกำกับให้มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูล (POSDC) การพัฒนาระบบเป็นวงจร (ADDIE) การจัดการความรู้ที่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย (KM) และประเด็นสารสนเทศที่พัฒนาได้แก่ ระบบฐานข้อมูลเนื้อหาของหน่วยงานที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์ (Content Management) ระบบรายงานผลการเรียนให้นิสิตได้ทราบระดับความสามารถของตนเองเพื่อการพัฒนาต่อไป (Online Grade Report) ระบบประเมินการเรียนการสอน และสิ่งสนับสนุนให้อาจารย์และผู้เกี่ยวข้องได้ข้อมูลย้อนกลับจากนิสิตมาปรับปรุงงานของตน (Teaching Evaluation)

โดยสารสนเทศที่ได้มาจากระบบจะกลับเข้าสู่ระบบบริหารจัดการองค์กร เข้าสู่ระบบในระดับนโยบายเพื่อกำหนดแผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ แผนงาน/โครงการ ตามเป้าหมายของสถาบัน และสนับสนุนให้การจัดการศึกษาเป็นไปอย่างมีคุณภาพ เกิดการบูรณาการ และพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องต่อไป

นิยามศัพท์

W (Website) คือ แหล่งสารสนเทศให้บุคลากร นักศึกษา และผู้สนใจเข้าถึงได้

POSDC คือ กระบวนการจัดการ ของ แฮร์โรลด์ คูนตซ์

ADDIE คือ โมเดลการพัฒนาระบบ

KM คือ การจัดการความรู้ เสนอโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

C (Content Management) คือ ระบบจัดการเนื้อหาที่ดูแลโดยหน่วยงานต่าง ๆ

G (Online Grade Report) คือ ระบบรายงานผลการเรียนสำหรับนักศึกษา

E (Teaching Evaluation) คือ ระบบประเมินการเรียนการสอนของอาจารย์ และสิ่งสนับสนุน

I (Information) คือ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนนักศึกษา อาจารย์ บุคลากร และผู้บริหาร

Tea party

tea party
tea party

กรณีศึกษา tea party #KnowledgeManagement
กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เปิดให้บุคลากร
ได้มาพบปะ เป็นการละลายพฤติกรรมที่นิยมในหลายองค์กร
แบบ mouth to mouth หรือ mouth ๆ นั่นเอง
องค์กรใดสนใจ หยิบจับไปทำได้นะครับ
นั่งล้อมวงซดกาแฟ ชา และขนมปังกรอบกัน

ร้านอาหารญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์แห่งแรกในไทย

ร้านอาหารญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์แห่งแรกในไทย
ร้านอาหารญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์แห่งแรกในไทย

ร้านอาหารญี่ปุ่น ฮาจิเมะ (Hajime Robot Restaurant) คือ ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ปิ้งย่าง ใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะเสิร์ฟแทนมนุษย์แห่งแรกในไทย ให้ประสบการณ์แปลกใหม่  ด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถแสดงอารมณ์ เต้นรำตามจังหวะเพลง และเสิร์ฟอาหาร ซึ่งในร้านมีหุ่นยนต์ทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารในครัว รับถาดอาหาร และวิ่งตามรางนำไปเสิร์ฟตามโต๊ะ ลูกค้าสั่งอาหารผ่านหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ที่โต๊ะอาหาร บนพื้นที่กว่า 450 ตารางเมตร บนชั้น 3 ของ โมโนโพลี พาร์ค (Monopoly Park) มีบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิว 499 บาท หรือบุฟเฟ่ต์ชาบู 359 บาท
http://eat.edtguide.com/328387_hajime-robot-restaurant1
http://www.applicadthai.com/business/it-update/hajime-robot

เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ความซื่อสัตย์ และวิธีการสอนคน

คุณครูขับรถฝ่าไฟแดง
คุณครูขับรถฝ่าไฟแดง

หัวหน้า แชร์เข้ากลุ่มของหัวหน้า .. เหมือนกับแนะให้ดูตัวอย่างเรื่องความซื่อสัตย์

* เรื่องราวมีอยู่ว่า

ครูหญิงสูงวัยถูกส่งขึ้นศาลข้อหาขับรถฝ่าไฟแดง
พอรู้ว่ามีอาชีพเป็นครู ผู้พิพากษาก็หัวเราะแล้วพูดว่า
ผมรอครูมาขึ้นศาลนานแล้ว
(ท่าทางเก็บกด)
ศาลขอสั่งปรับ ๑๐๐๐ บาท แล้วให้คัดลายมือ
สามหน้ากระดาษ “ชั้นจะไม่ขับรถฝ่าไฟแดงอีก

https://www.facebook.com/69gagInThai/photos/a.572259152837836.1073741825.342532065810547/932273583503056/

* ผมว่าคุณครูของผู้พิพากษา .. สอนเด็กได้เยี่ยมมาก

1. สอนให้ .. ผู้พิพากษา .. ไม่เห็นแก่คนที่มีอาชีพครู
ตัดสินด้วยความซื่อสัตย์ ตามหลักฐาน ตามกฎเกณฑ์
2. สอนให้.. ผู้พิพากษา .. รู้ว่าการคัดคำซ้ำ ๆ จะช่วยให้จำได้
ที่ผู้พิพากษาได้ดี และประสบความสำเร็จได้ .. คงเพราะวิธีนี้
จึงใช้วิธีนี้เสมือนลงโทษครู แต่เป็นการช่วยให้ครูไม่ทำผิดอีก

แล้วถ้าเพื่อน ๆ เป็นผู้พิพากษา จะเห็นแก่อาชีพของผู้ทำผิดกฎหมายรึเปล่า
แล้วปล่อยตัว เพราะท่านเป็นครูหญิงสูงวัย

เสนอว่า ตอบให้เข้ากับการเมืองไทยยุคนี้หน่อยนะครับ