27 เม.ย.53 มีเพื่อนตำหนิผู้เขียนว่า การทำชั่วนั้นลบล้างด้วยความดีไม่ได้ ครั้งหนึ่งผู้เขียนลืมชาร์จไฟฟ้าเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงนำไปชาร์จต่อที่ทำงาน เพราะคิดว่านักศึกษาอาจโทรศัพท์เข้ามาติดต่อ แต่มีเสียงเข้าหูว่า “คุณกำลังขโมยไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยใช้ โทษขโมยมีผลเป็นความผิดทางวินัย” แต่ผมก็โต้กลับไปว่า “นิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” .. แต่จะน้อยหรือจะมาก ก็เป็นความผิดทางวินัยเช่นกัน คำว่าขโมยนั้นมีความผิดระบุในทุกองค์กร มักมีโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก แต่ผมก็แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ว่าก็มีโทรศัพท์เพื่อใช้ทำงานในองค์กรนั่นหละ แล้วเขาก็ย้อนกลับมาว่า “แล้วไหนล่ะหลักฐาน” ..
แต่ผมยั้งคิดได้ว่าการโต้กลับไปเรื่องลายลักษณ์อักษรคงไม่ใช่ทางออกที่ดี .. เพราะความจริงก็คือความจริง ที่ผมแอบใช้ไฟฟ้าขององค์กรชาร์จโทรศัพท์มือถือ ไม่สำคัญว่าจะทำเพื่ออะไร จะมีฐานะในองค์กรเป็นใครก็คงไม่มีสิทธิขโมยของมาใช้ส่วนตัว ดังคำว่าขุนนางทำผิด มีโทษเท่าสามัญชน .. ต่อให้เป็นประธานาธิบดีทำผิด สำหรับผมแล้วก็คงไม่ต่างกับสามัญชน .. ตั้งแต่นั้น ผมก็จะไม่นำโทรศัพท์ไปชาร์จที่มหาวิทยาลัยอีก เพราะเป็นความผิดที่ต้องรู้จักการละอายแก่ใจ ดังคำว่ามีหิริโอตัปปะ .. ก็เรียนมาซะสูงแล้วไม่ใช้ความรู้ก็เสียสิครับ
+ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ .. ก็ผมคนไทยนี่ครับ
+ ขอให้รู้ว่าอย่างไร .. ผมก็เข้าข้างคนไทย