กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแต่ละปี

learning exchange
learning exchange

ในองค์กรต่าง ๆ มีกิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์
แผนปฏิบัติการ แผนพัฒนา แผนกิจกรรม แผนวิจัย
และที่ไม่อยู่ในแผนเกิดขึ้นมากมาย

การจดจำเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก จึงต้องประเมินว่า
จะเก็บสิ่งใดไว้ ที่คิดว่ามีคุณค่าพอแก่การจดจำ และบันทึกเก็บไว้
คุณค่าของการจดจำคือการแบ่งปัน และเขียนรายงานปิดรอบ

รายงานที่ต้องเขียนก็มีมากมาย
ทั้งรายงานแผนยุทธศาสตร์ รายงานแผนปฏิบัติการ รายงานแผนพัฒนา
รายงานวิจัย รายงานกิจกรรม รายงานการฝึกอบรม เป็นต้น
หากบันทึกไว้ละเอียดมากพอ ก็สามารถหยิบฉวยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบปี
มาจัดทำรายงานได้โดยง่าย

การเก็บภาพไว้ ช่วยให้ระลึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ และนำไปสู่การทบทวน
และนำผลมาเปรียบเทียบเพื่อดำเนินการรอบใหม่ต่อไป และต่อไปได้

คำว่า แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Learning Exchange) เป็นสิ่งที่ดี
แต่การปฏิบัติร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานในองค์กรขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเเลย
เพราะถ้าง่ายคงไม่เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
หรือระบบการศึกษาของไทยรั้งท้ายอาเซียน

แบ่งปันเรื่องนี้เพิ่มเติมที่ https://www.gotoknow.org/posts/578913

เรื่องเล่าในวงเหล้า

หลายวันก่อน
ผมในฐานะ ป.พ่อบ้าน ของหมู่บ้าน คิดสูตรทำลาบอีเห็นได้
ก็เลยตั้งวงแลกเปลี่ยนกับเพื่อน และเพื่อนในหมู่บ้านใกล้เคียง
กรรมการหมู่บ้านเรียกมาทำความเข้าใจบอกว่า
เราอยู่เมืองจรีนเป็นประเทศปิด ไม่มีอะไรออก และไม่มีอะไรเข้า

แต่ ป.จักรสาน ลุกขึ้นมาบอกว่า ปัจจุบันกำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้
วิธีสานตะกร้าแนวใหม่ ผสมตะวันตกกับตะวันออก ขายได้เงินมาเสียภาษีมากมาย
พึ่งส่งต้นแบบไปให้เพื่อนต่างหมู่บ้านปรับปรุง หลังจากเขาสอนเราสานแนวใหม่

สรุปว่างานนี้ ป.พ่อบ้าน รอดตัวไปที
ไม่มีความผิดในฐานะแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสูตรลาบอีเห็น
ต่อไปในหมู่บ้านคงได้กินลาบอีต่างต่างกันมากขึ้น
และอาจมีใครเปิดร้านลาบอีเมล ได้ภาษีเข้ามาพัฒนาหมู่บ้านต่อไป

แต่ถ้ามีกฎว่าเป็นประเทศปิด ไม่คุยกับคนนอก และไม่ให้คนนอกเข้ามาคุย .. งานนี้จบแห่

————————————–

คิดตาม 2 เรื่องราว

คุยกับ อ.ใหญ่ติส ทำให้รู้ว่าองค์กรหนึ่ง ๆ ต้องมีอะไร (ที่สำคัญที่สุด)
เคยฟังคำบางคำออกจากปากคนรู้จัก ก็ทำให้รู้ว่าองค์กรของคนผู้นั้นขาดอะไร (ที่สำคัญที่สุด) ขององค์กร
ทำให้เขาเปลี่ยนจากยึดองค์กรเป็นยึดตัวเอง (ก็เพราะองค์กรไม่มี)
ความไม่มีแต่โหยหาของมนุษย์ ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนสิ่งนั้น
จุดด้อยนี้เป็นในหน่วยงานราชการส่วนใหญ่และไม่มีวันแก้ไขได้
แต่ถ้าองค์กรเอกชนเรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็ง (ถ้ามีขึ้นมานะ)
เหมือนกับองค์กรที่ อ.ใหญ่ติส พูดถึงด้วยความชื่นชม

สูตรรวยเจ้าพ่อ คอม-ลิงค์ ศิริธัช โรจนพฤกษ์

nation university
nation university http://www.nation-u.com

ข่าวจาก bangkokbiznews.com สูตรรวยเจ้าพ่อ คอม-ลิงค์ ศิริธัช โรจนพฤกษ์

ศิริธัช โรจนพฤกษ์ เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ สอนวิธี ‘รวย’ ฉบับมือใหม่ ‘ให้เงินทำงาน’ ด้วยการซื้อหุ้นปันผลสูงกว่าดอกเบี้ย และขายเมื่อขึ้นมา 2-3 เท่า

นานทีปีหนที่ ศิริธัช โรจนพฤกษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด จะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขามักถูกพูดถึงในทำนอง “มิสเตอร์ Shadow” เข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้น (ร้อน) หลายบริษัทโดยเฉพาะในยุคที่ บล.บีฟิท (BSEC) รุ่งเรืองซึ่งในอดีตโบรกเกอร์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งชุมมังกรซ่อนพยัคฆ์ ปัจจุบันศิริธัชยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บง.กรุงเทพธนาทร (BFIT) บริษัทแม่ของ “บล.บีฟิท”

ต่อมาปี 2549 เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ถูกมองว่าอยู่เบื้องหลัง วรเจตน์  อินทามระ และ สมโภชน์ อาหุนัย เข้าเทคโอเวอร์ บมจ.ซีฮอร์ส (SH) ก่อนจะเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากอาหารทะเลแช่แข็งมาทำธุรกิจพลังงานทดแทนใน ชื่อบริษัทใหม่ บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) จากนั้นศิริธัชค่อย ๆ ก้าวออกมาอยู่เบื้องหน้าในฐานะ “เจ้าของตัวจริง” และลามือจาก “หุ้นร้อน” เกือบหมดสิ้น

ปัจจุบันเขาและกลุ่มคอม-ลิงค์ ยังถือหุ้นใหญ่อาคารไอทาวเวอร์ (อาคารฐานเศรษฐกิจเดิม) เป็นเจ้าของเว็บไซต์อีไฟแนนซ์ไทยดอทคอม และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) ผ่านบริษัท ปรีดาปราโมทย์ จำกัด ก่อนจะมีการโอนขายหุ้นไปอยู่ในชื่อ มยุรี สุขศรีวงศ์ เมื่อปลายปี 2551

ในขณะที่กลุ่มคอม-ลิงค์ เป็นแหล่งรวมของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของเมืองไทยมีผู้ถือหุ้นได้แก่ กลุ่มโรจนพฤกษ์ 18.62% กลุ่มสันติ ภิรมย์ภักดี 17.5% กลุ่มสุขศรีวงศ์ 14.45% ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล 8.34% ธนาคารกสิกรไทย 6.25% ตระกูลอดิเรกสาร 8.76% และตระกูลล่ำซำ 5.2% เป็นต้น

เมื่อ 2-3 ปีก่อนกลุ่มคอม-ลิงค์ มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นสูงกว่า 4,000 ล้านบาท ช่วงนั้นศิริธัชเปิดตัวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกมีนักข่าวถามเขาว่า พอร์ตการลงทุนของกลุ่มโรจนพฤกษ์ และกลุ่มคอม-ลิงค์ มีมูลค่าเท่าไร

ศิริธัช กล่าวว่า “ไม่ขอตอบ” เดี๋ยวจะหาว่า “ผมขี้โม้” (ฟังแล้วอาจไม่เชื่อ) แต่บอกได้คร่าวๆ ว่า มีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม เนื่องจากสามารถเก็บกินผลประโยชน์ได้ในระยะยาว รวมทั้งได้ลงทุนในมหาวิทยาลัยโยนก จังหวัดลำปาง ซึ่งล่าสุดได้ขายใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับเครือเนชั่น และกลุ่มเสริมสิน สะมะลาภา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยเนชั่น”

หากคุณอยากร่ำรวยเหมือนผมจงให้เงินทำงาน อย่าให้มันนอนนิ่ง ๆ” ศิริธัชกล่าว ล่าสุดเขากำลังปลุกปั้น บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) มีแผนผลิตเอทานอล 6.5 แสนลิตรต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 5,950 ล้านบาท

เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ กล่าวว่า คุณรู้หรือไม่ทุกวันนี้ที่ผมร่ำรวยไม่ได้เป็นเพราะผมเก่ง แต่มันเกิดจาก “ความเฮง” ล้วนๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “บุญวาสนา” ต่อให้เก่งมากขนาดไหนแต่ไม่มีวาสนาเลยชีวิตคุณก็คงไปไม่ถึงดวงดาว

คำแนะนำของเศรษฐีรุ่นใหญ่วัย 65 ปีรายนี้บอกเล่าถึงวิธี “รวยหุ้น” ให้กับมือใหม่ว่า หาก มีเงินเย็นๆ อยู่ในมือให้เอาไปซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ย หรือไปซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องรอให้ราคาปรับตัวลงมาแล้วค่อยเข้าไปซื้อ เขายกตัวอย่างหุ้นราคา 100 บาท ถ้าได้รับปันผลปีละ 5 บาท แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว

“ซื้อแล้วไม่ใช่ปล่อยให้มันนอนแช่นิ่งๆ ต้องดูแลมันด้วย ถ้าราคาหุ้นขึ้นไป 2-3 เท่าจากต้นทุนก็ควร “ขายออก” แล้วกำเงินสดไว้เพื่อรอจังหวะนำไปลงทุนอย่างอื่นต่อไป…ผมเรียกมันว่า “เงินต่อเงิน” เงินมันต้องทำงานอย่าให้มันนั่งนอนอยู่เฉยๆ” เขาเผยเคล็ดลับ

ศิริธัชบอกว่าพนักงานในบริษัทของเขาส่วนใหญ่จะเคยฟังเขาปฐมนิเทศเกี่ยว กับเคล็ดลับความร่ำรวยเสมอๆ เจ้าตัวไม่ขอตอบคำถามการลงทุนในส่วนอื่นๆ และหลีกเลี่ยงที่จะแนะนำหุ้นรายตัว โดยบอกเพียงว่า “ไปหาซื้อหุ้นที่มีคุณลักษณะตามที่ผมบอก (จ่ายเงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยและมีสภาพคล่อง) เดี๋ยวก็ได้พบเจอกับคำว่า “รวย” อีกอย่างถ้าพูดว่าหุ้นตัวไหนจะดี คนเขาก็หาว่าผมปั่นหุ้น พอบอกว่าตัวไหนไม่ดีก็หาว่าผมทุบหุ้น”

ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่ชื่อของเขาหลุดเข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้นร้อนหลาย บริษัทแต่ศิริธัชก็ไม่เคยออกมาแก้ข่าวหรือโต้ตอบใดๆ เขากล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งจะบอกเสมออย่าพูดอะไรจะดีกว่า ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เองดูอย่างเรื่องที่ผมอยากทำโรงงานผลิตเอทา นอลตอนนั้นคนก็ไม่เชื่อนะ (คิดว่าปั่นหุ้น) แต่วันนี้เห็นแล้วว่าผมทำจริงและแสงสว่างปลายอุโมงค์ก็เกิดขึ้นแล้ว

เศรษฐีรายนี้เชื่อเรื่องบุญกรรมและชอบทำบุญเป็นประจำเขาเชื่อว่าที่ร่ำ รวยมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะ “พระท่านให้พร” บวกกับได้สะสมบุญบารมีมาตลอดชีวิต ทุกครั้งที่จะพูดหรือทำอะไรผมจะคิดเสมอว่าขอให้บุคคลเหล่านั้นเข้าใจในสิ่ง ที่เราพูด ในทุกๆ วันเขาจะนั่งสมาธิวันละ 2 เวลา ช่วงเช้าและก่อนนอนครั้งละ “ครึ่งชั่วโมง”

“ผมหัดนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ผมเคยเดินสมาธิจากถนนสามเสนไปแถวสนามหลวง หายใจเข้าออกพุทโธ ฝึกจิตให้อยู่กับตัวเราตลอดเวลา นี่ตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิวันละ 3 เวลา ครั้งละ 5 นาที ตามที่พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร (เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล วัย 91 ปี) สั่งสอน”

ศิริธัชเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของหลวงพ่อวิริยังค์ เจ้าตัวบอกว่า เดี๋ยววันที่ 20 มีนาคม 2554 นี้ ท่านจะมาสอนฝึกพลังจิตพระอาจารย์บอกว่าหากเราทุกคนมีพลังจิตอยู่ในตัวมันจะ เหมือนฝากเงินไว้ในธนาคารเราสามารถจะถอนออกมาใช้ได้ พลังจิตจะทำให้ร่างกายสดชื่น…ผมเชื่อว่าหากเราทุกคนมีพลังจิตจะทำอะไรก็ ประสบความสำเร็จ

EE (Ethanol Energy) เริ่มมีกำไรสุทธิ ปี 2557

โครงการผลิตเอทานอลของ บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) ก่อสร้างบนพื้นที่ 1,500 ไร่ ในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โรงงานจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2555

บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ได้ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของ EE บนสมมติฐานปี 2556 ใช้กำลังการผลิต 65% และช่วงปี 2557-2563 ใช้กำลังการผลิตที่ 70% โดยในปี 2554-2555 บริษัทจะมีรายได้จากการขายมันสำปะหลังปีละ 22 ล้านบาท โดยจะเริ่มมีรายได้จากการผลิตเอทานอลในปี 2556 จำนวน 1,988 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานยัง “ขาดทุน” ในช่วง 3 ปีนี้ (2554-2556)

ในปี 2557 อีเทอเนิล เอนเนอยีจะ เริ่มมีกำไรสุทธิเป็นปีแรกประมาณ 300 ล้านบาท บนประมาณการรายได้ก้าวกระโดดเป็น 4,435 ล้านบาท บนสมมติฐานระยะเวลาในการคืนทุน 8.35 ปี อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (IRR) ที่ 17.25% บนประมาณการราคาขายเอทานอลเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 28.52 บาท

ศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี เชื่อว่าอนาคตบริษัทจะสดใส เผลอๆ จะทำได้ดีกว่าที่บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ ประมาณการไว้ด้วย เพราะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเขาประเมินผลประกอบการเพียงแค่ 70% ส่วนตัวคิดว่า 100% เราทำได้มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ตลาดในประเทศเราก็มีลูกค้าอยู่แล้ว ล่าสุดก็เซ็นสัญญาขายเอทานอลให้กับ ปตท. ขณะที่ตลาดต่างประเทศอย่างจีน ก็เล็งจะส่งไปขายด้วย

“เราใช้เวลาหลายปีในการศึกษาโครงการนี้ ผมจึงมั่นใจว่าดีแน่นอน ถามว่าที่ผ่านมาเหนื่อยมั้ย! ผมว่ามันกำลังจะเริ่มเหนื่อยมากกว่า ธุรกิจที่ทำมันมีความเสี่ยงก็จริงแต่มันเสี่ยงน้อยที่สุด และคุ้มค่ามากด้วย” ศิริธัช มั่นใจสุดๆ

เขาบอกว่า ผลการศึกษาของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระถ้าราคาขายเอทานอลเฉลี่ยอยู่ที่ลิตร ละ 27.09 บาท ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ 13.26% ต่อปี ระยะเวลาคืนทุน 10 ปี ถ้าราคาขายอยู่ที่ลิตรละ 28.52 บาท จะได้ผลตอบแทนปีละ 17.25% คืนทุนในเวลา 8.35 ปี แต่ถ้าราคาขายขึ้นไป 29.94 บาทต่อลิตร  ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 20.83% ต่อปี คืนทุนใน 7.3 ปี

เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) กำลังจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะผมตั้งใจกับมันมาก (ลากเสียงยาว) ถ้ารักแล้วรอหน่อยเถอะครับ!

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20110301/379604/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1-%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%8A-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C.html
http://www.toro.in.th/1299/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5.html