สวยไม่ได้มาตรฐาน ตกงานได้ง่าย ๆ นะ .. ขอบอก

nattha komolvadhin
nattha komolvadhin

อ่านพบจาก fb profile ของ Nattha Komolvadhin
ซึ่งเธอทำงานที่ ThaiPBS มีงานออกสื่อบ่อยครั้ง
เป็นเรื่องของ Julia chen ถูกทิ่มใจดำ
ติดตามเรื่องนี้ได้ที่

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151697980670892&set=a.10150120081805892.284381.709100891

เรื่องราวของ Julie Chen

มีเรื่องที่อาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก และไม่มีสาระในสายตาคุณผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องใหญ่มาก

เรื่องของ “ความสวย และความก้าวหน้าในอาชีพการงาน

มีข่าวที่สร้างความฮือฮาในสหรัฐไม่น้อย เมื่อ Julie Chen หนึ่งในพิธีกรรายการ “The Talk” เปิดเผยความลับของเธอกลางรายการทีวีว่า เธอต้องไปทำศัลยกรรมให้ตาโตขึ้น เพื่อที่จะเติบโตในงานผู้ประกาศหน้าจอโทรทัศน์

julie chen
julie chen

เหตุเกิดเมื่อปี 1995 วันที่เธอยังเป็นนักข่าวท้องถิ่นที่เมือง Dayton เธอเป็นนักข่าวภาคสนาม และบอกกับผู้บริหารว่าอยากจะขอโอกาสเป็นผู้ประกาศหน้าจอบ้าง ถ้าเผื่อมีคนลางาน หรือทำแทนในวันหยุดก็ได้ ปรากฏว่าผู้บริหารชายท่านนั้นบอกว่า

คุณคิดว่าหน้าตาคุณเป็นแบบนี้จะมีคนดูเหรอ หน้าตาคุณออกจีนๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนในท้องถิ่น และถ้าให้ผมพูดตรงๆก็คือ ตาคุณที่เป็นแบบนี้ (ตาชั้นเดียว) ดูไม่น่าสนใจ ดูน่าเบื่อ และดูไม่ตื่นตัว

จูลี่ บอกว่าความเห็นที่ออกมาแบบนั้น เสมือนมีดสั้นที่ทิ่มแทงหัวใจ เสมือนกับการพูดตัดโอกาสว่าชาตินี้เธอจะไม่มีทางเจริญก้าวหน้าใดๆ ก็เพราะว่ามีตาชั้นเดียว เหมือนหมวยจีนทั่วๆไป

ต้องบอกไว้ก่อนว่าจูลี่ เป็นที่ยอมรับอย่างมากเรื่องความสามารถ สัมภาษณ์คนได้อย่างดี ทำข่าวได้เยี่ยม

พอถูกเจ้านายวิพากษ์เรื่องหน้าตาตรงๆ เธอเลยคิดหนัก แทบจะเสียความมั่นใจในตัวเอง และยิ่งพอได้คุยกับเอเจนต์หางาน ก็ยิ่งคิดหนัก เพราะเอเจนต์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทางออกเดียว คือ ต้องไปทำตาสองชั้น (วงการผู้ประกาศในสหรัฐแข่งกันดุมาก นอกจากจะต้องเก่งมากแล้ว ภาพลักษณ์หน้าจอเป็นเรื่องตัดสินด้วยว่าจะได้งานหรือไม่ได้งาน)

ในที่สุดเธอตัดสินใจไปทำ และหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างที่เห็น
แน่นอนว่าเธอดูตาโตขึ้น ดูสวยขึ้น และหน้าที่การงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จูลี่ บอกว่าไม่เคยออกมาเปิดเผยตรง ๆ แบบนี้ แต่คนที่เห็นเธอก็คงรู้ว่าเธอไปทำตามาแน่นอน และต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าตาที่ไปกรีดสองชั้นมาจะสวยเข้าที่อย่างที่เห็น

เรื่องนี้มีทั้งเรื่องความสวย เรื่องชาติพันธุ์ความเป็นคนจีนในสังคมสหรัฐ และหน้าที่การงานของผู้หญิง

เรื่องราวของจูลี่ สำหรับสังคมอเมริกันคือการเหยียดชนชาติ (racism) ว่าวงการสื่อไม่ยอมรับความสวยแบบจีนๆ

แต่เรื่องราวของจูลี่ สะท้อนภาพรวมว่าผู้หญิงเมื่อก้าวสู่โลกสาธารณะ มีหลายอย่างเป็นปัจจัยที่จะตัดสินว่าพวกเธอจะเดินต่อไป หรือ “ไม่ได้” เดินต่อไปในอาชีพการงาน ความสามารถล้วนๆไม่พอ

ด้านหนึ่งจูลี่ได้รับความเห็นใจและได้รับการสนับสนุนอย่างมากที่ “กล้า” เปิดเผยเรื่องราวของเธอให้คนรับรู้ แต่อีกด้านหนึ่งยังมีคนค้านเช่นกันว่าที่เธอยอมถูกกรีดตา ก็เพื่อจะได้ “ความสวย” มาครอบครอง โดยที่ไม่ยอมต่อสู้

การตัดสินใจของจูลี่ คงเป็นเรื่องที่คิดแทนกันไม่ได้ แต่เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า “มาตรฐานของความสวย” ที่ตั้งไว้โดยสังคม อาจจะกำลังเป็นหอกทิ่มแทงผู้หญิงจำนวนมาก และสร้างความทุกข์ให้กับผู้หญิงจำนวนมากเมื่อพวกเธอคิดว่า “สวยไม่ได้มาตรฐาน” ตามที่สังคมบอกไว้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสวย หน้าตา เป็นปัจจัยสำคัญต่อโลกแห่งการทำงานของผู้หญิง และยิ่งมีมาตรฐานความสวยที่ตั้งไว้สูงมาก และต่างกันไปในแต่ละสังคม ไม่นับรวมสินค้าหลากหลาย วงการโฆษณาต่างๆ ยิ่งทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าแรงกดดันมีมาก และจะต้องทำสวยเท่าที่จะทำได้เพื่อ “ให้ได้มา” ซึ่งความฝัน

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151697980670892&set=a.10150120081805892.284381.709100891

ผมวุ้นในตาเสื่อม ซะแล้ว

วุ้นในตา
วุ้นในตา

26 ม.ค.54 หากคุณรู้สึกว่าเห็นยุงบินรอบ ๆ ตัว แต่ตบเท่าไหร่ก็ไม่โดน หรือมองเห็นสิ่งแปลกปลอม เช่น หยากไย่ จุด เส้น ลอยไปลอยมาในตา นั่นอาจจะเป็นอาการของ “โรควุ้นในตาเสื่อม” ที่เกิดในลูกตาของคุณก็ได้!! หากคุณรู้สึกว่าเห็นยุงบินรอบ ๆ ตัว แต่ตบเท่าไหร่ก็ไม่โดน หรือมองเห็นสิ่งแปลกปลอม เช่น หยากไย่ จุด เส้น ลอยไปลอยมาในตา นั่นอาจจะเป็นอาการของ “โรควุ้นในตาเสื่อม” ที่เกิดในลูกตาของคุณก็ได้!!

นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล ประจำภาควิชาจักษุวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล มาเล่าเรื่องของโรคนี้ให้เราฟังกันอย่างง่าย ๆ

อาการ โรควุ้นในตาเสื่อม (วุ้นในตา : Viteous Floaters)

เวลา ลืมตาจะมองเห็นอะไรกวนตาเป็นรูปหยากไย่ ตาข่าย จุด เส้น วง ลอยไปลอยมา หรือบางคนบอกว่าเห็นเหมือนยุง แต่ปัดเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่มียุงนี่นา และจะอันตรายสุด ๆ ถ้าในเวลาค่ำหรือในที่มืด คุณเห็นแสงคล้ายฟ้าแล่บแปล๊บ ๆ เพราะอะไรก็ต้องติดตามกันต่อข้างล่างนะคะ

สาเหตุ โรควุ้นในตาเสื่อม

คุณ หมอบอกว่าในลูกตากลม ๆ ของเรานี้จะมีวุ้นใสอยู่ตรงกลาง ระหว่างเลนส์กับจอประสาทตา และเมื่อคุณอายุ 40 วุ้นตรงนี้ก็จะเริ่มชราภาพ จากลักษณะเป็นวุ้นก็จะกลายเป็นของเหลว วุ้นที่เละจนเหลวนี่เอง เมื่อเรากลอกตาวุ้นก็จะกระเพื่อม กลายเป็นสิ่งที่เรามองเห็นเป็นจุด เป็นเส้น ที่รบกวนสายตาเรานั่นเอง

และการกลอกตาไปมาจะมี แรงกระชาก ให้จอประสาทตาให้ฉีกขาด และตอนนี้แหละที่คุณอาจจะเห็นแสงแปล๊บ ๆ เหมือนฟ้าแลบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา การฉีกขาดจะรุนแรงขึ้นกลายจอประสาทตอลอก ถ้าถึงขั้นนั้นก็แปลว่าคุณมองไม่เห็นอะไรแล้ว เพราะตาบอดไปเรียบร้อย!

การรักษา โรควุ้นในตาเสื่อม

ยัง ไม่มีการรักษาโรควุ้นในตาเสื่อมได้ เพราะมันเกิดจากความชราของอวัยวะเราเอง เรียกว่าเป็นไปตามอายุขัย แต่ยังพอสามารถรักษาอาการข้างเคียงของโรคนี้ได้บ้าง คือถ้าจอประสาทตาฉีกขาดอย่างที่บอกไป หากไปพบจักษุแพทย์ เขาจะใช้เลเซอร์ซ่อมแซมรอยขาดให้ปิดสนิท ก็ทำให้คุณยังมีดวงตาไว้ถนอมใช้ได้อีกนานค่ะ

การป้องกัน โรควุ้นในตาเสื่อม
ถึงจะรักษาไม่ได้ แต่มันป้องกันได้นะคะ วิธีการก็คือ
1.ป้องกัน ไม่ให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือน ทั้งจากการเล่นกีฬา จากอุบัติเหตุ และอื่น ๆ เพราะการที่ตาถูกกระแทกแรง ๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้วุ้นในตาเสื่อมได้เร็วขึ้น
2.อย่าอ่านหนังสือในที่มืด เพราะจะทำให้สายตาสั้น สายตาสั้นจะทำให้วุ้นในลูกตาเสื่อมง่าย
3.อย่านอนในที่สว่าง เพราะแม้ร่างกายจะหลับ แต่ลูกตาเมื่อได้รับแสงก็ยังทำงานอยู่ เมื่อลูกตาทำงานหนัก วุ้นก็จะเสื่อมได้ง่าย
4.ถ้าคุณอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรจะไปพบจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะหากมีอาการแพทย์จะดูแลคุณในระยะแรกได้เลยค่ะ

การดูแลตนเอง
เมื่อเกิดอาการนี้ขึ้นก็ควรพักสายตา พยายามอย่าเครียด นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าออกแรงหนัก อย่าหักโหมงานพยายามอย่าหันหน้าเร็วๆ ให้ทำอะไรช้าๆ ลงบ้างและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าให้ขาดวิตามินและเกลือแร่นะคะ สำหรับคนที่ยังไม่มีอาการนี้ก็ขอแนะนำว่าอย่าใช้สายตา โดยเฉพาะกับจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรเว้นช่วงพักสายตาเป็นพักๆ อาจใช้วิธีหลับตาสักครู่ หรือจะใช้มือคลึงเบาๆด้วยก็ได้ หรือให้พักสายตาโดยมองออกไปไกลๆ เกินกว่า6 เมตรขึ้นไป โดยเลือกมองบริเวณที่มีต้นไม้สีเขียวหรือวัตถุสีเขียวธรรมชาติ จะทำให้สายตาได้รับการพักผ่อนได้มากยิ่งขึ้น

http://www.ladytip.com/main/content/view/3213/
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/16368
http://dr.yutthana.com/retina.html