#เล่าสู่กันฟัง 63-033 ตีความข่าวส่งผลถึงอารมณ์

เห็นข้อความในสื่อมากมาย
ทำให้เกิดอารมณ์ บางข้อความไป quote
จากสื่อส่วนกลางมา แล้วพบว่าบิดเบือน f a k e
ต่อมาอีกวัน กลับไปตามลิงค์เดิมไม่พบแล้ว
คาดว่าถูก feedback และตรวจสอบ
เนื่องจากไม่จริง หรือคลาดเคลื่อน
มีบางคำ
ที่สามารถพูดถึงได้ และคิดเก็บไปเล่าต่อในชั้นเรียน
คือความสัมพันธ์เชิงเส้น หรือแปรผันตรง #linear
ของ #เงินกู้ กับ #รายได้
แล้วใช้แผนภาพข้อมูลกู้บ้าน

หากรายได้สูง ก็จะได้เงินกู้สูง ดอกเบี้ยสูง
ดังนั้นกู้ได้มากก็จะมีต้องรายได้มาจ่ายดอก

ส่วนเรื่อง เงินกับเรื่องสิ่งของ
ใช้คำว่า in cash กับ in kind
จะเข้าใจง่ายกว่า
ว่าเงินสดสามารถแปรรูปแบบแปรผันตรงได้
แต่มูลค่าแปรรูปโดยตรงไม่ได้
อาจเป็น #exponential หรือ #logarithm

ข่าวฆ่ากันหรือฆ่าตัว ก็เกิดจากอารมณ์ อารมณ์ขึ้นมากก็เป็นแบบ exponential หากอารมณ์ลงก็เป็นแบบ logarithm อารมณ์ปกติจะเป็นแบบ linear ซึ่งขึ้นลงนี้ ใช้คำว่า อารมณ์พีค หรือ ชั่ววูบ

การเล่นเกม ทำให้อารมณ์สุขทุกข์ แปรผันขึ้นลงเร็วมาก หากเล่นแล้วรบชนะ ฆ่าศัตรูได้เกลี้ยงสนาม แต่ถ้าตายคนแรกในทีมก็คงนั่งเศร้ารอเริ่มเกมใหม่ แล้วร่วมสมรภูมิเดียวกันก็เป็นเพื่อนกัน นัดทานข้าวกัน คุยเรื่องเกมรู้เรื่องเหมือนกัน เชื่อใจกัน ในชั่วเวลาไม่นานจนสามารถเล่าเรื่องส่วนตัวสู่กันฟังได้ ความสนิทเกิดจากการใช้เวลาร่วมกัน ฝ่าฟันศัตรูร่วมกัน


#datastructure
#law
#qualityassurance

https://www.researchgate.net/figure/Linear-exponential-and-logarithmic-control-equations-for-dynamic-NLLS-bounds-presented_fig1_328207023
https://www.voicetv.co.th/read/SLPw3EJcW

#เล่าสู่กันฟัง 63-019 จับผู้ปล่อยข่าวปลอมโคโรนา พบ 15 จุด จับแล้ว 6 จุด

ข่าวปลอมจะมีลักษณะหนึ่ง
ที่กระตุ้นความสนใจของผู้อ่าน
ส่งผลให้เกิดการ like และ share
ได้กว่าข่าวจริงหลายเท่า
คงเพราะว่าคนเขียน รู้ว่ามนุษย์ต้องการอะไร
และข่าวเหล่านั้นก็ตอบโจทย์
ตอบอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียน ผู้อ่าน และมนุษย์ได้ชัดเจน โดยไม่สนใจถึงผลที่จะตามมา


โทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14(2) จำไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินแสนหนึ่ง พบ 15 จุด เข้าตรวจพบ 6 จุด ข่าวเมื่อ 30 ม.ค.63

https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9630000009943

http://thaiall.com/article/law.htm

มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
(๑) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา 
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน 
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา 
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ 
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) 
  ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง (๑) มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้กระทำ ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้

https://m.facebook.com/SureAndShare/posts/852886821741893

เรื่องที่ทำให้ รัก/ชัง เมืองไทย .. คนเขียนกำหนดได้ แบบสุดคนละขั้ว

hate thailand
hate thailand

จาก thairath.co.th
แชร์อีกรอบ! นิสัยคนไทยจากปากฝรั่งที่ มอร์ริส เค
ได้ยินมา เจ็บแต่จริงมั้ย?

https://www.thairath.co.th/content/1217013

เป็นประเด็นที่จะไปชวน #นักข่าวอาสา คิดกัน
ว่าเทคนิคการเขียนเล่าเรื่อง ให้คนอ่าน ชังเมืองไทย ชังคนไทย
ต่างกับคลิ๊ปวีดีโอ “I hate thailand” ที่ดูแล้ว รักเมืองไทย รักคนไทย

อ่านบทความนี้แล้วเห็น 2 อย่าง (Quote มา)
1. “เบื่อหน่ายเมืองไทย” 
2. “สันดานพื้นฐานของคนไทย คือ ความเห็นแก่ตัว” 
จึงหยิบมาเก็บไว้ เป็นกรณีศึกษา เรื่อง “hate speech” เพราะเคยคุยกับนักศึกษาว่า อย่าใช้คำว่า ส่วนใหญ่เหมือนที่ เจี๊ยบพูดถึงตูน ว่า “ลำปางแย่มาก” แต่บทความนี้ไม่มี ส่วนใหญ่ เลย เค้าชื่นชม ฝรั่ง แต่ด่าคนไทย และเมืองไทย ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึก ชังคนไทย และเมืองไทย แสดงว่า สมใจคนเขียนแล้ว ต่างกับคลิ๊ป “i hate thailand” ที่เล่าถึงความมีน้ำใจของ สาวไทยผิวสีแทน ที่แบ่งปัน ไม่เห็นแก่ตัวต่อฝรั่ง จนฝรั่งแอบปิ้ง และไม่อยากจากเมืองไทย (อยู่ต่อเลยได้ไหม) .. ก็เป็นเรื่องเล่า 2 ขั้ว ระหว่าง เรื่องที่ทำให้ รัก/ชัง เมืองไทย

ถ้าดูคลิ๊ป I hate thailand แล้ว ทำให้นึกถึงเพลง อยู่ต่อเลยได้ไหม ของสิงโต นำโชค

 

 

โหนกระแส จากบทความที่พูดถึง ตูน ตนบุญ กับท่าน ว.

เคยอ่านบทความ
เรื่องที่ ท่าน ว. วชิรเมธี พูดชื่นชมพี่ตูน ในความเสียสละ
แล้วเทียบสิ่งที่ทำได้คล้ายกับ ตนบุญแห่งล้านนา ครูบาศรีวิชัย
แล้ว คุณณัฐพงศ์ ดวงแก้ว นำประเด็นมาวิพากษ์ในเรื่องข้อมูล
ว่าข้อมูลของท่าน ว. วชิรเมธี คลาดเคลื่อน
แล้วให้อธิบายข้อมูลที่ถูกต้อง จากแหล่งที่ท่านคิดว่าเชื่อถือได้
หากสนใจข้อมูลเรื่องวิถีของพี่ตูน กับวิถีของครูบาศรีวิชัย
ต่างกันเช่นใดแล้ว ไปอ่านกันได้ใน GM Live

ตูน ตนบุญแห่งล้านนา
ตูน ตนบุญแห่งล้านนา

อีกคำที่น่าสนใจ คือ “โหนกระแส” เป็นชื่อบทความเลย
ผมเองทำประจำเลย
มีงานฤดูหนาว ผมหยิบกระแสหนาว ๆ มาพูด
ไม่ได้รอหน้าร้อนแล้วพูด พูดตอนหนาว ๆ นั่นหละ
หรือ
ช่วงร้อนแล้ง ห้ามเผา ก็จะโหนว่าเจอเผา เจอร้อน
ไม่ไปพูดเรื่องร้อน ตอนฝนตก
หรือ
เลขจำนวนวัด 58 106 108 ในบทความ
ผมก็โหนกระแสตอบเม้นท์ อ.เกียรติ
ว่าเลขน่าสน แต่ออก 98
น่าถ้าออก 58 คงดราม่าได้อีก
หรือ
ตอนที่ตูน วิ่งผ่านเกาะคา 19 ธ.ค.60
ผมก็โพสต์เพราะชื่นชม เข้าไปให้ข้อมูลครับ
ของผมเรียก ตามกระแสหลัก ใน Lampang City
เพราะโพสต์กันสนั่นหวั่นไหวเหมือนกัน

savetoon
savetoon

มาทบทวนนิยาม โหนกระแส อีกที
โหน = โหน + กระแส
ผมว่านะ จะใช้โหนกระแส ต้องแรงหน่อย
ถ้ากระแสหลักไม่แข็งพอ
กระแสหลักอาจถูกโหนจนเอียงไปได้
หากไม่สะเทือน ก็น่าจะใช้คำว่า เกาะกระแส แทน
เพราะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดเลย
ส่วน รีวิวหนัง ก็เป็นได้ทั้ง เกาะกระแส และ สร้างกระแส
#เจ้าประจำ #ตามกระแส #เกาะกระแส #โหนกระแส #สร้างกระแส

คำนี้ เป็นชื่อรายการทีวีเลย คือ รายการโหนกระแส
https://www.facebook.com/HKS2017/

คำว่า โหนกระแส นั้น
จะใช้โหนกระแส ต้องมีผลกระทบที่แรงพอ
จนกระแสหลักเอียงเล็กน้อย หรือเห็นได้ชัดพอ
หากไม่สะเทือนกระแสหลัก
ก็น่าจะใช้คำว่า เกาะกระแส ก็พอ
เพราะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด
อีกคำที่น่าจะใช้ได้ คือ ตามกระแส
หากกระแสเค้าไปของเค้า เราแค่ตามไปใกล้ไกลก็แล้วแต่
กระแสหลักอาจไม่รู้ว่าถูกตามก็ได้

แจกลิงค์ข่าวภาษาอังกฤษด้านไอที แปลไทย ไปเล่าให้นักศึกษาเรียนไอทีเบื้องต้นฟัง

breakingnewsenglish
breakingnewsenglish

รวมข่าวภาษาอังกฤษ สรุปมาแบบสั้น ๆ เพียง 2 ย่อหน้า
อ่านง่ายพร้อมแบบฝึกหัด เพื่อใช้สอนภาษาอังกฤษในหลักสูตร ESL
แต่ละเรื่องนำมาเขียนข่าวให้ยากง่ายหลายระดับ
ตั้งแต่ระดับ 0 ถึงระดับ 6 มีกว่า 2233 บทเรียน (27ก.ค.59)
เริ่มมาตั้งแต่ปี พฤศจิกายน 2004 (2557)
ซึ่งผมสนใจข่าวด้านไอที เพื่อนำไปเล่าให้นักศึกษาในวิชาเทคโนโลยีเบื้องต้น
จึงเลือกข่าว และแปลเป็นไทยไปเล่าให้นักศึกษาฟัง เป็นเรื่องน่าสนใจทั้งนั้น
สามารถอ่านข่าวสั้นทั้งหมดได้
ที่ http://www.breakingnewsenglish.com

Breaking News English

1. Woman Fired for Using Capital Letters
http://www.thaiall.com/blog/burin/6058/
2. Online Gaming
http://www.thaiall.com/blog/burin/6052/
3. Angry Birds Downloads Hit Half a Billion
http://www.thaiall.com/blog/burin/6265/
4. Women More Cautious On Social Media
http://www.thaiall.com/blog/burin/6262/
5. Toyota shows video of driverless car
http://www.thaiall.com/blog/burin/6257/
6. Pass-thoughts to replace passwords
http://www.thaiall.com/blog/burin/6255/
7. Typewriters to stop Russian computer leaks
http://www.thaiall.com/blog/burin/6253/
8. Samsung unveils new smartwatch
http://www.thaiall.com/blog/burin/6250/
9. Police arrest a coconut
http://www.thaiall.com/blog/burin/6247/
10. Amazon.com testing drone delivery service
http://www.thaiall.com/blog/burin/6243/
11. Artificial Intelligence
http://www.thaiall.com/blog/burin/6240/
12. Texting while walking is dangerous
http://www.thaiall.com/blog/burin/6237/
13. EU votes for universal phone charger
http://www.thaiall.com/blog/burin/6233/
14. Google to launch wearable health monitor file
http://www.thaiall.com/blog/burin/6228/
15. People use technology more, sleep less
http://www.thaiall.com/blog/burin/6222/
16. Remote Control Inventor Dies Aged 96
http://www.thaiall.com/blog/burin/6260/

http://www.thaiall.com/mit

สื่อทำตามหน้าที่ คือ นำเสนอความจริง ก็เท่านั้น

ฟังท่าน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า
คุณไปลือกันเองหรือเปล่า นักข่าวทั้งหลายปีที่แล้วพวกคุณจำกันได้หรือไม่
ส่งเสริมสนับสนุนยกย่อง ตามข่าวทั้งหมดพวกคุณทั้งนั้น ปีนี้คุณก็มาใส่ร้ายป้ายสีเขา
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะต้องมีการตรวจผู้สื่อข่าวเหมือนกัน มีอยู่กลุ่มหนึ่ง
พอถึงเวลาก็เปลี่ยนท่าที ปีที่แล้วชมกันจัง ยกยอปอปั้น สารพัด
ปีนี้ให้ร้ายเขาแล้ว มีอะไรหรือเปล่าผมไม่รู้

+ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000128838
+ http://www.komchadluek.net/detail/20151120/217214.html

รู้สึกได้ว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช คาดหวังความรู้สึกของสื่อ มาเป็นเกณฑ์ตัดสินใจ
น่าจะคาดว่าคนที่รักเรา จะรักเราเสมอ คนที่เกลียดเรา ก็จะเกลียดเราเสมอ
ในความเป็นจริง มีผลประโยชน์เข้ามาเป็นปัจจัยในความรักอยู่เสมอ
อะไรที่สื่อนำไปขายได้เขาก็ขาย เรียกว่า ขายข่าวความจริง
ดังนั้น ชอบหรือไม่ชอบ คงไม่ใช่ประเด็น
เพราะจรรยาบรรณสื่อบอกว่าต้องสื่อความจริง โดยไม่ลำเอียง
ถ้าการเมืองขาขึ้น เขาก็ขายได้ ขาลงเขาก็ขายได้
เพราะไม่ได้ยึดติดไปกับการเมือง เรียกว่า ไม่มีหมกเม็ด
+ http://hilight.kapook.com/view/129393

พล.อ. ธีรชัย กล่าวว่า คุณลือมั้ง เอางี้นะ นักข่าวทั้งหลาย ปีที่แล้วคุณจำกันได้ไหม ส่งเสริม สนับสนุน ยกย่อง ข่าวทั้งหมดมาจากพวกคุณทั้งนั้น ปีนี้ คุณก็มาใส่ร้ายป้ายสีเขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวก็คงต้องตรวจสอบนักข่าวนะ ผู้สื่อข่าวทั้งหลายมีอยู่กลุ่มหนึ่ง พอถึงเวลาก็เปลี่ยนข้างทันที ที่แล้ว ชมกันจัง ยกยอง ปอปั้น สารพัดสารเพ ปีนี้ให้ร้ายเขาแล้ว มีอะไรหรือเปล่า ผมไม่รู้

http://thaipublica.org/2015/11/uttayan-rajabhadi-20-11-2558/


16 ข่าวเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเป็นภาษาอังกฤษ โดย Sean Banville

http://www.breakingnewsenglish.com/1406/140618-wearable-health-device.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1406/140618-wearable-health-device.html

รวมข่าวด้านเทคโนโลยีจาก breakingnewsenglish.com
เป็นเว็บสอนภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ สอนโดย Sean Banville
เจ้าของเว็บไซต์บอกว่า ตอนเรียนโทที่ Birmingham University
ได้อ่านหนังสือ “Appropriate Methodology and Social Context
ทำให้คิดเกี่ยวกับข่าวหนังสือพิมพ์ประจำวันที่อ่านไปก็นั่งดื่มชาไปด้วย
แล้วทำให้นึกถึงบทเรียนข่าวภาษาอังกฤษ
จากนั้นอีก 18 เดือนก็ทำเป็นหัวข้อวิทยานิพนท์
เขาทำข่าวภาษาอังกฤษสำหรับโรงเรียนสอนภาษาในญี่ปุ่น และมีคุณครูมากมายให้คำแนะนำต่าง ๆ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.breakingnewsenglish.com/about.html
http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

ถ้าคุยกับนักศึกษา ผมจะเคยเรื่องข่าว แล้วให้นักศึกษานำเสนอเรื่องหมวก 6 ใบ
ว่าคิดอย่างไรกับข่าวที่ผมเล่าไปนั้น โดยให้นักศึกษาเลือกสีหมวกกันเอง

1. White Hat: ใช้ข้อมูลข่าวสาร
2. Red Hat: ใช้อารมณ์ความรู้สึก
3. Black Hat: ใช้การตั้งคำถามหรือตั้งข้อสงสัยมุมลบ
4. Yellow Hat: ใช้การมองในแง่ดี และมีความหวัง
5. Green Hat: ใช้การคิดอย่างสร้างสรรค์
6. Blue Hat: ใช้การควบคุมความคิดทั้งหมดให้มองเห็นภาพรวมของการคิด
http://www.thaiall.com/blog/admin/4249/

1. ไม่เป็นธรรมถ้าถูกไล่ออกเพราะใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่

ไม่เป็นธรรมถ้าถูกไล่ออกเพราะใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่



http://www.breakingnewsenglish.com/0909/090904-capital_letters.html

2. นักเล่นเกมเกาหลีตายหลังเล่นต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 ชั่วโมง

นักเล่นเกมเกาหลีตายหลังเล่นต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 ชั่วโมง



http://www.breakingnewsenglish.com/0508/050811-gaming-e.html

3. นกโกรธถูกดาวน์โหลดไปครึ่งพันล้านแล้ว

นกโกรธถูกดาวน์โหลดไปครึ่งพันล้านแล้ว


http://www.breakingnewsenglish.com/1111/111103-angry_birds.html


4. เตือนผู้หญิงในการใช้สื่อสังคม

เตือนผู้หญิงในการใช้สื่อสังคม


http://www.breakingnewsenglish.com/1202/120225-social_media.html


5. ผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์ควบคุมทางไกลเสียชีวิตด้วยวัย 96 ปี

ผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์ควบคุมทางไกลเสียชีวิตด้วยวัย 96 ปี


http://www.breakingnewsenglish.com/1205/120523-remote_control.html


6. รถโตโยต้านำเสนอวีดีโอการทำงานของรถไร้คนขับ

รถโตโยต้านำเสนอวีดีโอการทำงานของรถไร้คนขับ


http://www.breakingnewsenglish.com/1301/130108-driverless_car.html


7. คิดจากสมองส่งรหัสผ่านแทนการพิมพ์รหัสผ่าน

คิดจากสมองส่งรหัสผ่านแทนการพิมพ์รหัสผ่าน


http://www.breakingnewsenglish.com/1304/130412-passwords.html


8. เครื่องพิมพ์ดีดจะช่วยหยุดการรั่วไหลของข่าวสาร

เครื่องพิมพ์ดีดจะช่วยหยุดการรั่วไหลของข่าวสาร


http://www.breakingnewsenglish.com/1307/130715-computer_leaks.html


9. ซัมซุงเปิดเผยสมาร์ทนาฬิกาเครื่องใหม่

ซัมซุงเปิดเผยสมาร์ทนาฬิกาเครื่องใหม่


http://www.breakingnewsenglish.com/1309/130907-smartwatch.html


10. ตำรวจจับมะพร้าวลูกหนึ่งไปไว้ที่สถานีตำรวจ

ตำรวจจับมะพร้าวลูกหนึ่งไปไว้ที่สถานีตำรวจ


http://www.breakingnewsenglish.com/1309/130909-coconuts.html


11. เว็บไซต์ขายหนังสือระดับโลกทดสอบใช้ drone ให้บริการส่งหนังสือ

เว็บไซต์ขายหนังสือระดับโลกทดสอบใช้ drone ให้บริการส่งหนังสือ


http://www.breakingnewsenglish.com/1312/131204-drone-delivery-service.html


12. หุ่นจะฉลาดกว่ามนุษย์ในปี 2029

หุ่นจะฉลาดกว่มนุษย์ในปี 2029


http://www.breakingnewsenglish.com/1402/140226-artificial-intelligence.html


13. ส่งข้อความไปเดินไปอันตรายนะ เข้าโรงพยาบาลกว่า 6000 คนทีเดียว

ส่งข้อความไปเดินไปอันตรายนะ เข้าโรงพยาบาลกว่า 6000 คนทีเดียว


http://www.breakingnewsenglish.com/1403/140312-texting-while-walking.html


14. อียูโหวตให้มีการใช้ที่ชาร์ตโทรศัพท์แบบมาตรฐาน

อียูโหวตให้มีการใช้ที่ชาร์ตโทรศัพท์แบบมาตรฐาน


http://www.breakingnewsenglish.com/1403/140318-phone-charger.html


15. กูเกิ้ลออกอุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพแบบสวมใส่

กูเกิ้ลออกอุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพแบบสวมใส่


http://www.breakingnewsenglish.com/1406/140618-wearable-health-device.html


16. เด็กอังกฤษหกขวบ รู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรเท่าผู้ใหญ่วัย 45 ขวบ

เด็กอังกฤษหกขวบ รู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรเท่าผู้ใหญ่วัย 45 ขวบ


http://www.breakingnewsenglish.com/1408/140809-sleeping.html

เครื่องพิมพ์ดีดจะช่วยหยุดการรั่วไหลของข่าวสาร

Typewriters to stop Russian computer leaks (15th July, 2013)

หนังสือพิมพ์เวสเทิร์นรายงานว่ารัสเซียเริ่มใช้เครื่องพิมพ์ดีดโบราณหยุดการรั่วไหลของข้อมูลทางคอมพิวเตอร์

Western newspapers are reporting that Russia is to start using typewriters to stop computer leaks.

อย่างไรก็แล้วแต่ หนังสือพิมพ์รัสเซีย บอกว่าเรื่องนี้ไม่จริง

However, Russian newspapers say this is not true.

สื่อเวสเทิร์น กล่าวว่า เครมลิน ต้องการเก็บเรื่องลับเป็นความลับซ่อนโดยใช้เครื่องจักรที่ล้าสมัย

Western media says the Kremlin wants to keep its secrets secret by using the old-fashioned machines.

บีบีซี เขียนว่า บริการอัจฉริยะของรัสเซีย (สำนักรักษาความปลอดภัยกลาง) ที่จะใช้เครื่องพิมพ์ดีด เพราะการรั่วไหลของสารสนเทศใน วิกิลีก และเห็นการรั่วไหลเมื่อเร็ว ๆ นี้ในสหรัฐที่ถูกเผยแพร่โดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน

The BBC wrote that Russia’s intelligence service (FSO) bought the typewriters because of the leak of information on WikiLeaks and recent leaks by former U.S. intelligence worker Edward Snowden.

สำนักรักษาความปลอดภัยกลาง บอกสื่อรัสเซียว่าเรื่องอื้อฉาว เหล่านี้จะเพิ่มในรายงานที่นายกรัฐมนตรีดมีตรี เมดเวเดฟของรัฐเซียจะรับทราบในการประชุม G20 ที่ลอนดอน ซึ่งหมายความว่าจะมีการอธิบายแนวปฏิบัติลงไปในเอกสาร

The FSO reportedly told the Russian press that these scandals, plus reports about Russia’s Prime Minister Dmitry Medvedev being listened in on at the G20 summit in London, means it has “decided to expand the practice of creating paper documents”.

หน่วยงานของรัสเซียกล่าวว่า เครมลินซื้อเครื่องพิมพ์ดีดอิเล็กทรอนิก 20 เครื่องประมาณหมื่นกว่าดอลลาร์

A Russian government department said the Kremlin bought 20 electric typewriters for around $14,800.

สำนักรักษาความปลอดภัยกลาง บอกกับผู้รายงานว่า การซื้อครั้งนี้เป็นแผนที่นานกว่า 1 ปีแล้ว

The FSO told reporters that: “This purchase has been planned for more than a year now.”

แล้วการสั่งซื้อไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุการณ์ในวิกิลีก หรือเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน

It also said the order has nothing to do with WikiLeaks or Edward Snowden.

สำนักรักษาความปลอดภัยกลาง บอกกับผู้สื่อข่าวว่ามีหน่วยงานที่ใช้เครื่องพิมพ์ดีดอยู่แล้ว

An FSO official told Russia’s RT news agency that the FSO has always used typewriters.

เป็นเวลาปกติตามรอบ ที่จะซื้อเครื่องใหม่มาทดแทนเครื่องเก่า

He said that it was simply time to buy new ones because the old equipment was out of date.

ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเพียงการซื้อของใหม่มาเปลี่ยน ซึ่งทั้งหมดเป็นบริการเฉพาะกิจรวมถึงกระทรวงกลาโหมก็มี

He said: “It’s not something unusual .The time came to change them. All the special services use them, including the Ministry of Defense.”

ผู้อ่านหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง เสนอว่า เครื่องแพดล็อค ราคา 5 ดอลลาร์มีประสิทธิภาพกว่าระบบเฝ้าระวังเครื่องละ 24000 ดอลลาร์

A reader of the RT website suggested: “A $5 padlock is often more effective than a $24,000 surveillance system.”

http://www.breakingnewsenglish.com/1307/130715-computer_leaks.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1307/130715-computer_leaks.mp3
http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

ไทยรัฐ ทำสกู๊ปออนไลน์ได้ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่อง โชว์เซ็กซ์

ไทยรัฐทำสกู๊ปออนไลน์ เรื่อง ถอดรหัส FB หล่อ สวย โชว์ เซ็กซ์ ทำไมฟีเวอร์
ไทยรัฐทำสกู๊ปออนไลน์ เรื่อง ถอดรหัส FB หล่อ สวย โชว์ เซ็กซ์ ทำไมฟีเวอร์

พบว่า ไทยรัฐทำสกู๊ปออนไลน์ เรื่อง ถอดรหัส FB หล่อ สวย โชว์ เซ็กซ์ ทำไมฟีเวอร์
คำว่า ฟีเวอร์ (Fever) ในที่นี้น่าจะหมายถึงชื่นชอบมาก หรือคลั่งไคล้
การเรียบเรียงสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าผู้ทรงศีลมาอ่านเข้าอาจจะบอกว่าไม่จริงนะ ไม่ใช่มนุษย์ทุกคน
เพราะบางคนหลุดพ้นไปแล้ว

มีระบบแสดงความคิดเห็นว่าชอบเรื่องนี้มากกว่า 50%
ลองกดดู เห็นว่าระบบรับการคลิ๊กของผมหลาย ๆ ครั้งติดต่อกันได้
ทำให้ % เปลี่ยนทุกครั้งต่อคลิ๊ก แสดงว่าคนหนึ่งสามารถทำรัวคลิ๊กได้ด้วย

http://www.thairath.co.th/content/427293

ข้อความข้างล่างนี้จากเว็บไซต์ thairath.co.th ทั้งหมด

“เชื่อมั้ยว่าในปัจจุบันเราเปิดเข้าดูเว็บไซต์เพื่อดูภาพโป๊ ภาพอนาจารน้อยลง ดูหนังโป๊น้อยลง มีผลการวิจัยออกมาว่าการเข้าถึงของเว็บไซต์เพื่อดูรูปโป๊น้อยลง แต่จริงๆ แล้วความต้องการเหล่านั้นมันไม่ได้หายไปเลย” นั่นเป็นเพราะอะไร…” ไทยรัฐออนไลน์” จะพาไปถอดรหัสกับเรื่องราวของความฟีเวอร์ของกระแสแฟนเพจในเฟซบุ๊ก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ยิ่งในสังคมเฟซบุ๊กด้วยแล้ว ช่างยิ่งใหญ่กว้างขวางซะเหลือเกิน ถ้าถามว่าวันนึงไม่มีเฟซบุ๊กขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ได้คำตอบกันไปแล้วในวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ชาวโซเชียลทั้งหลายแทบจะชักดิ้นชักงอที่ “เฟซบุ๊ก” ในประเทศไทย ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานถึง 40 นาที และนอกจากนี้ไม่ว่าประเทศไทยจะอยู่ในภาวะไหน สังคมเฟซบุ๊กก็จะมีอะไรมาเป็นสีสันให้ได้ฟีเวอร์กันอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะอะไร เราไปหาคำตอบกันเลย

เฟซบุ๊ก เซลฟ์โปรโมต…?

ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการด้านสื่อ วิเคราะห์ผ่านไทยรัฐออนไลน์ ถึงเหตุผลที่ทำไมเพจต่างๆ โดยเฉพาะจำพวกขายหน้าตา หนุ่มหล่อ สาวสวย เซ็กซี่ ถึงได้รับความนิยมในเฟซบุ๊ก มีคนไลค์เป็นหมื่นเป็นแสน เหตุผลของมันจริงๆ คือ ปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมขึ้น เชื่อมั้ยว่าในปัจจุบันเราเปิดเข้าดูเว็บไซต์เพื่อดูภาพโป๊ อนาจารน้อยลง ดูหนังโป๊น้อยลง มีผลการวิจัยออกมาว่าการเข้าถึงของเว็บไซต์เพื่อดูรูปโป๊น้อยลง แต่จริงๆ แล้วความต้องการเหล่านั้นมันไม่ได้หายไปเลย แต่เมื่อเกิดโซเชียลมีเดียขึ้น ยกตัวอย่างให้ได้เห็นกันชัดๆ อย่างเช่นเมื่อเกิดเฟซบุ๊กขึ้น ได้ทำให้ใครๆ ก็มีช่องทางโพสต์รูป ระบายเรื่องของตัวเอง แล้วเมื่อคนเปลี่ยนจากการดูภาพลามกในเว็บไซต์ต่างๆ จึงหันมาให้ความสนใจจากคนด้วยกันเอง

ถ้าเราสังเกตคนที่มีจำนวนฟอลโลเวอร์เป็นหมื่นเป็นแสน ส่วนมากจะเป็นพวกผู้หญิงสวย น่ารักๆ และผู้ชายหล่อๆ หุ่นดี มีซิกซ์แพ็ก มันบ่งบอกถึงพฤติกรรมว่าคนเราเริ่มที่จะขายตัวเอง เรียกว่า เซลฟ์โปรโมต คือการทำยังไงให้เราเป็นที่รู้จัก วิธีการที่ง่ายที่สุดในการโปรโมตตัวเองก็คือการโพสต์รูปในลักษณะเย้ายวนทางเพศ วาบหวิว น่ารัก คิขุ อาโนเนะ เพราะว่ามันง่ายที่จำทำให้คนจะรู้จักมากขึ้น ซึ่งต้องบอกไว้เลยว่าการเสพเรื่องเพศในอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องธรรมชาติ พอเราไม่เสพรูปโป๊แบบฉบับเก่าในอินเทอร์เน็ตแล้ว เราจึงต้องมาเสพความสัมพันธ์ของบุคคลที่เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยตรง

เปลี่ยนช่องทาง…เสพเรื่องเพศ !

การเห็นรูปคนสวย คนหล่อ หน้าตาน่ารัก เซ็กซี่ วาบหวิว มันก็เป็นการสื่อสาร หรือการเสพในเรื่องเพศตามเดิม เพียงแต่มันไม่ได้อยู่ในลักษะเก่า มันแค่เปลี่ยนรูปแบบไป และรูปแบบที่มันเปลี่ยนไปคือ เราเสพหน้าตาของเขาด้วย แต่เราไม่ได้ดูแค่ภาพ เรายังได้ติดตามชีวิตส่วนตัวของคนคนนั้นด้วย และสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคนล้วนมีการอยากดู อยากรู้ อยากเห็นเรื่องของคนอื่น ยิ่งหน้าเพจเฟซบุ๊กคุณจะสามารถดูเรื่องราวของเขาได้ตลอดเลย ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็สามารถเข้าถึงเขาได้ และมีสิทธิอย่างเต็มที่

ถ้าย้อนไปแต่ก่อน คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันยิ่งบ่งบอกว่า ในสังคมปัจจุบันมีคนแบบนี้เยอะ มีคนที่ขายตัวเองและตามคนอื่น ด้วยเหตุนี้ก็อาจจะบอกได้ว่าในปัจจุบันการเข้าถึงเรื่องเพศเป็นในลักษณะที่เป็นการติดตามซึ่งกันและกัน คนที่โพสต์ก็จะรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าฉันมีคนที่แอบดูตั้งเยอะแหน่ะ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะเป็นจำพวกเพจผู้หญิงที่มีคนติดตามเยอะ เพราะในเชิงจิตวิทยา เรื่องเพศหญิงจะมีความรู้สึกที่พึงพอใจเมื่อได้ถูกมอง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องแต่งตัวสวย

ในเชิงจิตวิทยาบอกไว้ว่า ผู้หญิงจะรูุ้สึกมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อเป็นที่หมายปองในลักษณะทางเพศ ส่วนผู้ชายมีความสุขเมื่อได้จ้องมอง นี่เป็นแนวคิดเรื่องสื่อลามก เป็นการตอบสนองเชิงจิตวิทยาในเรื่องเพศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องลามกสัปดนอะไร เพราะว่ามันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นตอนนี้ บุคคลที่เป็นคนธรรมดาก็สามารถมีเสน่ห์ดึงดูดและมีคนที่ติดตามเราได้ง่ายขึ้น เป็นเรียลลิตี้ขึ้น แล้วก็ลึกมากขึ้น

“เมื่อเทียบกับแต่ก่อน พวกรูปโป๊เป็นเพียงแค่การจินตนาการจากการเห็นในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะเราเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นจากเฟซบุ๊ก เราสามารถเห็นได้ว่า อ๋อ! นี่รูปกินข้าว ว่ายน้ำ ไปเที่ยวทะเล เซ็กซี่ วาบหวิว ดังนั้นการจินตนาการของเราเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเพราะว่าผู้ใช้งานเฟซบุ๊กปัจจุบันได้เผยแพร่ตัวเอง เล่าเรื่องตัวเองแถมรูปอีกด้วย มันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับคนนั้นๆ โดยที่เราไม่ต้องไปจินตนาการแบบแต่ก่อน”

วัฒนธรรม ‘เน็ตไอดอล’ จากไฮไฟว์ สู่เฟซบุ๊ก

นักวิชาการด้านสื่อ ยังบอกอีกว่า กระแสแฟนเพจสวย หล่อ จริงๆ น่าจะเกิดขึ้นประมาณปี 2008 แต่วัฒนธรรมการเป็นเน็ตไอดอลหรือเรื่องที่คนพูดถึงเรื่องตัวเองมันมีมาตั้งแต่ในยุคของไฮไฟว์ ในยุคนั้นผู้คนสนใจในเรื่องของการปรุงประดิษฐ์เว็บไซต์ของตัวเองในการแต่งรูปโปรไฟล์ แบล็กกราวน์ แต่เมื่อเกิดเฟซบุ๊ก มันมีลูกเล่นมากกว่านั้น ไฮไฟว์เป็นแค่หน้าร้าน แต่เฟซบุ๊กมันเป็นเหมือนสมุดไดอารี่ประจำตัว ที่สามารถอัพเดตเรื่องราวแบบเรียลไทม์ได้

เพราะฉะนั้นคนจึงรู้สึกว่ามันง่ายที่ฉันจะปรุงแต่ง ง่ายต่อการเชื่อมโยงกับคนอื่น และมีสถานะทางสังคม (social status) ได้ดี เพราะฉะนั้นการบูมของเรื่องนี้อาจจะบอกได้ว่าการที่เราโพสต์รูปตัวเอง เรื่องตัวเอง มีการเซลฟี่เกิดขึ้น (Selfie คือการถ่ายรูปตัวเองจากกล้องที่ติดกับกล้องถ่ายรูปมือถือ โทรศัพท์มือถือ หรือกล้องจากคอมพิวเตอร์) เพราะเราอยู่ในยุคการสื่อสารที่ทุกคนพูดเรื่องของตัวเอง (you communication) หรือยุคที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นผู้ผลิตเนื้อหาสารเอง ดังนั้นเนื้อหาสารที่เรารู้ดีที่สุดก็คือเรื่องของเรา

คนปัจจุบันจะพูดเรื่องตัวเองบนเฟซบุ๊ก เพราะว่าเขารู้สึกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วเขากำลังใช้พื้นที่ส่วนตัวบนพื้นที่สาธารณะอีกทีหนึ่ง นั่นก็เหมือนการขายตัวเองบนพื้นที่สาธารณะ และเรื่องที่ดีที่สุดที่จะขายก็คือภาพ ทำให้ทุกวันนี้ได้เกิดแฟนเพจหนุ่มหล่อ สาวสวย เซ็กซี่มากมาย

เฟซบุ๊ก ช่องทางอันตราย ขาดความมั่นใจ ขี้เหงา หลงตัวเอง

ธาม เชื้อสถาปนศิริ บอกต่อว่า นอกจากจะมีคนติดตามเราเยอะแล้ว เฟซบุ๊กก็เป็นเหมือนดาบสองคม อาจจะทำให้เกิดผลเสียกับเราได้ เพราะเราจะไม่รู้ตัวว่ามีใครมาหมายปอง ติดตามชีวิตของเรา ในแต่ละวันมีใครเข้ามาบ้าง เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่เปิดเผยเรื่องราวชีวิตของตัวเองมากเกินไป เช่น เปิดเผยเรื่องเพศ กิจวัตรประจำวันมากเกินไป คุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าคุณเปิดเผยช่องทางอันตรายเหมือนเป็นการเปิดประตูบ้านไว้ตลอดเวลา ยิ่งผู้คนในยุคปัจจุบันมีความกังวลใจน้อยลง เมื่อพูดถึงเรื่องข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่ ที่ทำงาน ชีวิตส่วนตัว เพราะว่าทุกคนต้องการเปิดเผยเพื่อให้เป็นที่รู้จัก

จริงๆ มนุษย์ทุกคนต้องการเป็น somebody ในสังคม แต่คุณหารู้ไม่ว่าคุณจะต้องเสี่ยงที่จะสูญเสียตัวเองพอสมควร เพราะว่าการสร้างสถานะถูกสร้างมาจากแรงกดดัน ของคนที่อยู่ในโซเชียลมีเดีย คุณอาจจะมีคนฟอลโลว์เป็นหมื่น แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณเป็นคนขี้เหงา ขาดความมั่นใจ และอาจจะเป็นคนหลงตัวเองมากขึ้น เพราะการเล่าเรื่องตัวเองบ่อยๆ เซลฟี่บ่อยๆ ก็จะทำให้คุณเป็นคนที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของการสื่อสาร นำมาสู่เรื่องของภาวะซึมเศร้า โรคติดเฟซบุ๊ก เริ่มกระวนกระวายใจเมื่อไม่มีคนมากดไลค์ คอมเมนต์ หรือมีคนมาคอมเมนต์ในทางที่ไม่ดี ความคิดเห็นต่างๆ เหล่านั้นในโซเชียลมีเดียมาคิดปนกับชีวิตจริง เพราะฉะนั้นสถานการณ์ปัจจุบันอยากจะดังมากขึ้น จนต้องยอมที่จะสูญเสียอัตลักษณ์ แต่บางคนก็บอกว่าวิธีการสร้างสถานะให้สังคมยอมรับคือ ต้องสร้างสถานะทางเฟซบุ๊กให้ดีแล้วจะมีคนติดตาม บางครั้งมันก็จะนำมาสู่การสูญเสียความสัมพันธ์ และความสามารถในการที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือคนในครอบครัว

บางรายมีถึงขั้นโดนหลอกลวงด้วย เนื่องจากมันง่ายมาก เพราะช่องทางในโซเชียลมีเดียเหมือนการคุยกับคนแปลกหน้า อย่าลืมว่าถ้าเราคุยกับคนในชีวิตจริง เราจะเห็นหน้า แต่ในเฟซบุ๊กทุกคนแต่งและประดิษฐ์ได้ คนส่วนมากมักจะโพสต์แต่เรื่องที่ดี ไม่มีใครบอกเรื่องแย่ๆ ของตัวเองมีอะไรบ้าง ทุกคนจะประดิษฐ์ตกแต่งชีวิตตัวเองให้มันดูสวยงาม เพราะเมื่อสวยงามก็ดูเย้ายวนให้น่าติดตาม พอน่าติดตามก็นำไปสู่การที่จะถูกล่อลวง เพราะบางคนเปิดเผยเรื่องตัวเองมากเกินไป มันเป็นช่องทาง 24 ชม. ของอาชญากรที่มุ่งจะจ้องชีวิตเราอยู่ ยิ่งเปิดเผยมากก็อันตรายมาก เพราะฉะนั้นหลายๆ ครั้งสำหรับเด็กที่มีวุฒิภาวะต่ำในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เพราะมันนำไปสู่อาชญากรรมทางออนไลน์ คดีที่เกิดขึ้นก็เป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางเพศ

นักวิชาการด้านสื่อ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้ได้คิดอีกว่า มีงานวิจัยออกมาว่า ต่อให้มีเพื่อนประมาณห้าพันคนแต่โดยเฉลี่ยแล้วเพื่อนที่คุณรู้จักจริงๆ เคยเห็นหน้าต่ำกว่า 200 คน แล้วสิ่งที่คุณต้องคิดมากขึ้น หน้าฟีดหรือไทม์ไลน์ข่าวสารของคุณ ระบบทำความสะอาดของเฟซบุ๊กมันจะคำนวณให้ว่าคุณเคยมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง โดยรวมๆ จะอยู่แค่ 20-30 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของผู้คนจริงๆ ในโลกออนไลน์มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ในชีวิตจริง มันคนละเรื่องกัน ต้องแยกให้ออก เพราะโลกออนไลน์คือโลกเสมือนจริง อีกอย่างก็คือเฟซบุ๊กทำให้ระยะห่างของความเป็นคนแปลกหน้ามันสั้นลง และที่สำคัญคือความไว้วางใจ เราก็รู้สึกที่จะวางใจเพื่อนในเฟซบุ๊กมากขึ้น มีระยะห่างของคนแปลกหน้าน้อยลงและวางใจอะไรได้ง่าย

นักวิชาการด้านสื่อได้วิเคราะห์ถึงเรื่องความฟีเวอร์ในเฟซบุ๊กไปแล้ว ต่อไป “ไทยรัฐออนไลน์” จะเจาะหาสาเหตุ ที่มาที่ไป และกระบวนการขั้นตอนของแฟนเพจพวกนี้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง และทำไมถึงได้ฮอตขนาดนี้!!

แฟนเพจสุดฮอต ยอดไลค์พุ่งกระฉูด !

แอดมินเพจสมาคมนิยมสาวสวยแห่งประเทศไทย (สสสท.) บอกว่า จุดเด่นของเพจนี้อย่างแรกคือชื่อ “สมาคมนิยมสาวสวยแห่งประเทศไทย (สสสท.)” อ่านง่ายจำได้ ติดตาดีด้วย ในส่วนเรื่องรูปผู้หญิงโป๊นั้น ไม่จำเป็นต้องโป๊แต่เซ็กซี่ต้องมีแน่ๆ เพจเรามีหลายแนว มีทั้งแบบ น่ารัก สวย หมวย อึ๋ม สาวมหาลัย มัธยม วัยทำงาน เราสร้างแฟนเพจนี้ขึ้นมาเพราะเห็นคนอื่นทำก็เลยอยากลองทำดูบ้าง ช่วงนั้นว่างๆ อยู่ด้วย ทำไปทำมารู้ตัวอีกทีก็ทำมาเรื่อยๆ แล้ว ยอดไลค์พุ่งกระฉูดสองล้านกว่า ตอนนั้นก็รู้สึกเกินคาดมาก ไม่คิดว่าจะถึงสองล้านเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง

ในส่วนของกระบวนการในการอัพรูปนั้นคือ ในสมัยก่อนจะเว้นเวลาระหว่างรูปละสิบนาทีก็อัพได้เลย แต่สมัยนี้ปรับเปลี่ยนมาเป็น สามสิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมงแทน เนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนกฎของเฟซบุ๊ก และกลัวว่าสมาชิกจะเบื่อที่รูปจะเยอะเกินไปในหน้า news feed ของแต่ละบุคคล ซึ่งจะทำให้เกิดการ unlike เพจที่มากเกินไป ส่วนแอดมินมีหลายคน ระบุจำนวนแน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวมีเข้ามีออก มีทั้งหญิงชาย แต่จะมีคนดูแลเพจที่ใหญ่ที่สุดอยู่คนนึง ที่จะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องที่คนอื่นตัดสินใจกันไม่ได้

หนึ่งในแอดมินแฟนเพจ สสสท.
แอดมินเพจ สสสท. เล่าต่ออีกว่า ส่วนเรื่องของการนำรูปมาอัพเราได้มีการขออนุญาตเจ้าตัวด้วย และบางคนก็เสนอตัวขอให้ลงรูปให้ นอกเหนือจากสองอย่างนี้คือหารูปจากที่ต่างๆ ที่หาได้ตามได้อินเทอร์เน็ต บางครั้งก็มีเหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้นบ้าง เป็นเรื่องปกติที่จะมีดราม่าเกิดขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวปลอมมาฝากอัพรูปจนตัวจริงเห็นและตามมาต่อว่าหรือไม่พอใจที่ไม่ยอมอัพรูปให้ซักที

“เราก็คิดว่าจะทำเพจไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้มีการคุยเรื่องอนาคตของเพจกันบ้าง ว่าจะต่อยอดไปทางไหนดี สมควรเพิ่มเติมอะไรเข้าไปดีนอกจากรูปสาวๆ ไหม หรือจะไปเปิดเป็นบริษัทแมวมอง จัดหาคู่ ฯลฯ เป็นต้น ก็คิดกันไปเรื่อยๆ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ยังไงเราก็ต้องทำวันนี้ให้ดีก่อน เราต้องขอบคุณทุกคนที่กดติดตามและเข้ามาดูรูปของเพจเรา ถ้าไม่มีพวกคุณเพจนี้ก็จะไม่มีใครรู้จัก และเพจเราอาจไม่มีสาระอะไรเลย เพราะมีแค่รูปสาวสวยที่เอาไว้ดูเพลิดเพลินเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ทำให้จิตใจที่เหนื่อยล้านั้น กลับมากระชุ่มกระชวยได้ ว่าโลกนี้สาวสวยยังมีอีกเยอะ (หัวเราะ)” แอดมินเพจ สสสท. เล่าอย่างสนุกสนาน

แอดมินแฟนเพจ BTS cuteguys เพจใหม่มาแรง บอกผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า จุดเด่นของเพจนี้ที่ไม่เหมือนใคร คือ มัน Real และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ มันเป็น Insight ของผู้หญิงและเกย์หลายๆ คน เวลาเจอผู้ชายน่าสนใจ ถ้ามีโอกาสจะถ่ายรูปให้เพื่อนสาวช่วยพิจารณา/กรี๊ดกร๊าดกันในกรุ๊ปไลน์ เกิดเป็นบทสนทนาฮาๆ ตามมาในกลุ่มเพื่อน เช่น “เค้าคือของฉัน” “ฉันรักเค้า” “เจอแล้วสามีในอนาคต” “ฟินนนนนน” “สิบ สิบ สิบ” etc. ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างเพจ โดยเรามีความเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่กลุ่มเราแน่ๆ ที่ทำกัน น่าจะมีผู้หญิงหรือเกย์อีกเยอะที่ทำแบบนี้ในกลุ่มเพื่อน ไหนๆ ก็ไหนๆ สร้างที่ให้มาร่วมกันฟินกันไปเลย ซึ่งตัวแอดมินทั้ง 3 คนเอง ตอนแรกก็แอบถ่ายส่งให้ดูกันในกรุ๊ปไลน์เล่นๆ ขำๆ มีวันนึงแอดมินคนนึงพูดขึ้นมาว่า พี่เปิดเพจเถอะ ก็เลยลองดู ทำเอาฮา
ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนติดตามเราเยอะ ยอดไลค์พุ่งกระฉูด ภายในเวลาไม่นาน เราก็รู้สึกตกใจเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเพจจะ Viral ได้ขนาดนี้ เพราะว่าตอนเริ่มทำก็เริ่มทำกันเอาฮา คิดว่าคงมีลูกเพจจำนวนนึง แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ซึ่งทุกวันนี้เราก็ได้รับผลตอบรับจากลูกเพจในหลายๆ รูปแบบที่ส่งเข้ามาใน inbox หลากอารมณ์มาก แต่ส่วนใหญ่จะดีใจที่มีเพจแบบนี้ เราก็มีแอดมินเป็นกลุ่มเพื่อนร่วมงาน 3 คน จริงๆ ก็ไม่ได้แบ่งหน้าที่อะไรกันชัดเจน แรกๆ ก็พยายามช่วยกันถ่ายรูป หลังๆ แทบไม่ต้องเลย เพราะมีส่งมาทาง Inbox เยอะมาก ก็มีพี่ใหญ่หนึ่งคนที่เป็นคนคอยคัดเลือกรูปจาก inbox มาลง
“เราก็อยากจะทำเพจนี้ไปนานๆ จนกว่าจะไม่มีคนส่งภาพมา แต่เราก็อยากให้มองว่าเพจนี้เป็นที่พักสายตา สนุกๆ ขำๆ อย่าซีเรียส อย่าจริงจัง และก็อยากให้มองว่ามันเป็นชุมชนหนึ่งของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน อยากแบ่งปันความฟินให้กับคนอีกหลายๆ คน แล้วก็ที่สำคัญฝากถึงคุณผู้ชายทุกคนที่รูปปรากฏขึ้นในเพจของเรา ว่าจงภูมิใจเถิด เพราะคุณหล่อ คุณถึงโดนถ่าย แล้วเราก็ไม่ใช่โรคจิตนะค้าาา” แอดมินเพจ BTS cuteguys บอกทิ้งท้าย

นอกจาก 2 เพจนี้ก็ยังมีอีกหลาย ๆ เพจที่เป็นที่นิยม

เช่น
สมาคมนิยมสาวมหาลัยแห่งประเทศไทย (สสมท)
สมาคมนิยมนิสิต นักศึกษาแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (สนพท.)
สมาคมหนุ่มหล่อแห่งประเทศไทย
หนุ่มไฉไล by นายร้อยครับผม
ทหารหล่อบอกด้วย
สมาคมนิยมผู้ชายมีหนวด

นสพ.ในซันตงถูกสั่งปิด เพราะเผยแพร่ภาพ “สาวสวย”

นสพ.ในซันตงถูกสั่งปิด เพราะเผยแพร่ภาพ “สาวสวย”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     8 กรกฎาคม 2556 16:15 น.

beauty news
beauty news

VULGAR CONTENT = เนื้อหาหยาบคาย

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในมณฑลซันตง The Blue Express Daily โดนปิดเป็นเวลาสามเดือน เจ้าหน้าที่อ้างเหตุเพราะ “เนื้อหาไม่เหมาะสม” โดยลงภาพ “สาวสวย” (ภาพ เอเจนซี)

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000083205

เอเจนซี--หนังสือพิมพ์ยอดนิยมในมณฑลซันตง ถูกทางการสั่งปิดเป็นเวลาสามเดือน เหตุเพราะ เผยแพร่เนื้อหา “ที่ไม่เหมาะสม

สืบเนื่องจาก สำนักงานกำกับดูแลสื่อสิ่งพิมพ์ประจำมณฑลซันตง ได้อ้าง “ว่าด้วยการตีพิมพ์เผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์” และกฎฯอื่นๆ ออกคำสั่งแก่ The Blue Express Daily และสื่อสิ่งพิมพ์จำนวนหนึ่งที่ฝ่าฝืนกฎฯ หยุดดการตีพิมพ์และจัดจำหน่าย

ในวันศุกร์(5 ก.ค.56) The Blue Express Daily (Lan Se Kuai Bao/蓝色快报) ได้ตีพิมพ์จดหมายอำลา ผู้อ่านที่หน้าแรกของหนังสือพิมพ์ “ถึงผู้อ่านที่รัก พวกเราซาบซึ้งใจและรำลึกถึงความเอื้ออาทรของท่านเสมอมา ทั้งการสนับสนุนและความช่วยเหลือ ตั้งแต่วันแรกที่หนังสือพิมพ์ถือกำเนิด…ขอจงยืนหยัดฝ่าฝืนอุปสรรคนานา ขอจงรอคอยการกลับมาของเรา

ใต้จดหมายอำลาฉบับนี้ ยังมีบทกวีของกวีร่วมสมัยจีน ซู่ ถิง(舒婷) ชื่อว่า “บางที”
บางทีด้วยภาระอันหนักอึ้งบนบ่าของเรา, บางทีด้วยความเชื่อที่หนักแน่นขึ้นของเรา… บางทีเราไม่มีทางเลือกใดแล้ว เนื่องจากสิ่งที่เรามิอาจต้านทาน

นาย หาน ห่าว บรรณาธิการบริหาร The Blue Express Daily สื่อในเครือต้าจ้ง นิวส์ กรุ๊ป (Dazhong News Group /大众报业集团) ระบุว่า The Blue Express Daily เป็นสื่อท้องถิ่นเมืองเหยียนไถ มณฑลซันตง เริ่มเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ปีที่แล้ว(2555) มีพนักงาน กว่า 300 คน จำนวนพิมพ์ 60,000 ฉบับ

แม้ในจดหมายอำลาผู้อ่านมิได้ระบุสาเหตุการปิดหนังสือพิมพ์ ชีว์ ขุยเฉิง ผู้ช่วยบรรณาธิการ กล่าวถึงสาเหตุการปิดหนังสือพิมพ์ ว่า “เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม” เป็นสาเหตุหลัก

เนื้อหาที่เสื่อมทราม” เป็นหนึ่งในข้อกล่าวหา การปิด The Blue Express Daily …ในประวัติศาตร์หนังสือพิมพ์และประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน ได้พลิกเปลี่ยนหน้าใหม่แล้ว พวกเรานักหนังสือพิมพ์กำลังเผชิญกับ ความมืดมนที่สุดนับจากปลายราชวงศ์ชิง

หาน ให้สัมภาษณ์กับสื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ เมื่อวันศุกร์(5 ก.ค.56) เผยเบื้องหลังการปิดหนังสือพิมพ์ มาจากการกลั่นแกล้งของคู่แข่ง โดยคู่แข่งได้ไปหาเจ้าหน้าที่และโจมตีหนังสือพิมพ์ว่า ตีพิมพ์ภาพที่ไม่เหมาะสม คือ “สาวสวย” หานกล่าวว่าภาพ “สาวสวย” ที่ว่านี้เป็นภาพสาวไฮไซฯ ในหน้าข่าวบันเทิง

ทั้งนี้ The Blue Express Daily ออกวางตลาดได้ไม่กี่เดือน ก็เผชิญมรสุมความรุนแรง โดยกลุ่มอันธพาลได้บุกสำนักงาน ทุบพังคอมพิวเตอร์ และทำร้ายคนในกองบรรณาธิการ

ใครๆก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ” หาน กล่าวโดยอ้างอิงถึงคู่แข่งหนังสือพิมพ์ในท้องถิ่น ซึ่งอิจฉาริษยาThe Blue Express Daily ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

กลุ่มผู้อ่านได้โพสต์ข้อความ หลังจากที่รู้ว่า The Blue Express Daily ถูกปิด อาทิ “หนังสือพิมพ์มักนำเสนอเรื่องชีวิตประชาชนในท้องถิ่นและปัญหาในรัฐบาลท้องถิ่น”

เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอะไรกันหรือ…ผมไม่เคยเห็นเลย” ผู้อ่านคนหนึ่งโพสต์

เราต้องการฟังเสียงที่แตกต่างออกไป เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น ตลาดจะเป็นผู้ชี้ขาดความเป็นความตายของหนังสือพิมพ์เอง

เสรีภาพสื่อไทย อยู่อันดับที่ 135 จาก 179
เสรีภาพสื่อไทย อยู่อันดับที่ 135 จาก 179