การใช้ php คุมการเรียก truehits บน https

เนื่องจากผมมี host ที่เรียกใช้ได้ทั้ง http และ https ตัวหนึ่ง ทำให้การทำงานกับ content ยุคปลอดภัย และไม่ปลอดภัย ในการรับส่งข้อมูลดำเนินร่วมทางกันไปแบบคู่ขนาน
..
โดยบริการของ truehits เพื่อเก็บสถิติการเข้าใช้งานเว็บเพจนั้น เปิดให้เจ้าของเว็บไซต์สมัครได้ใน 2 ประเภทหลัก คือ ฟรี และ สนับสนุน ซึ่งแบบสนับสนุน แบ่งได้ 6 แบบ โดยแบบที่ 4 ถึง 6 จะมีบริการ https
หากเป็นแบบฟรีก็ต้องเรียกใช้โค้ดผ่าน http แต่ถ้าแบบสนับสนุนแบบที่ 4 ขึ้นไป ก็จะเรียกใช้ได้ทั้ง http และ https ให้ใช้งานได้ โดยมีค่าบริการตามบริการที่เลือกไว้

/web2/index100.php


แต่การเรียกใช้ truehits แบบ http ใน  https host นั้น ระบบของ truehits ไม่ให้บริการ https สำหรับสมาชิกแบบฟรี ทำให้ค่าสถิติที่แสดงบน truehits เป็นค่าที่มาจากผู้ใช้ที่เข้าถึงเว็บไซต์แบบ http เท่านั้น ซึ่งการดู statistic การ access host นั้น มีผู้ให้บริการอยู่หลายราย แล้วเราสามารถเปรียบเทียบค่าสถิติเหล่านั้นได้
..
พบผลการประเมินของ pagespeed insights ของ Google ว่าขณะเปิดเว็บเพจแบบ https แล้วในเพจ เรียกใช้ script ของ truehits แบบ http จะมีผลประเมินในหัวข้อ Best practice ได้คะแนนลดลงมากกว่า 20 คะแนน ซึ่งได้เขียนโค้ดทดสอบ Library ต่าง ๆ ไว้ที่ /web2/index100 . php จึงรู้ถึงการลดคะแนนนี้
..
ซึ่ง host ที่บริการ php จะมี variables ดูได้จาก phpinfo() ให้เรียกใช้ได้มากมาย ดังนั้นการเรียก url แบบ http และ https จะมีตัวแปรหนึ่ง ที่ระบุว่าเรียกใช้ URL แบบใด เมื่อใช้ตัวแปร _SERVER[“HTTPS”] ทำการทดสอบด้วย isset() แล้วไปสั่งพิมพ์การแสดง JavaScript ของ truehits เพื่อเรียกเปิดการทำงานของ truehits และถ้าเป็น URL แบบ https ก็จะไม่เรียกใช้ สำหรับผู้ใช้แบบฟรี ทำให้ผล pagespeed insights ใน https ได้ 100 คะแนน เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนการเปิด URL แบบ http ยังได้คะแนนลดลงเช่นเดิม เนื่องจากในโค้ดของ truehits ยังมีการทำงานเชื่อมกับ host แบบ https ในฝั่งของ truehits
..
การเรียกใช้ truehits ยังมีวิธีอื่นที่ truehits แนะนำไว้ เช่น iframe หรือ perl ส่วนการใช้งานค่าสถิติก็มีบริการข้อมูลอีกมากมายที่นำมาใช้ประโยชน์ เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของตน หรือองค์กรได้

https://www.thaiall.com/web2/index.php

Truehits.net
phpinfo()

ฝ่ายหนึ่งที่ได้ 100 เต็ม แต่อีกฝ่ายก็ทิ้งดิ่ง ก็คงจะมีฐานคิดกันคนละขั้วเป็นธรรมดา

คำถาม
คำถาม

หลังสอบทุกครั้งจะมี 2 ขั้ว
ที่แตกต่างกัน เค้ามีคำถาม คำพูด และความคิด
สอดคล้องกับคะแนน หรือความเชื่อพื้นฐานอยู่แล้ว

กรณีแรก – ขั้ว 100
ไม่มีข้อสงสัยต่อคำถาม ไม่ตั้งแง่ให้เป็นอุปสรรคกับการเรียนรู้
ปัจจุบันมีเด็ก ๆ มากมาย ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ
หาความรู้ หาคำถาม และหาคำตอบ
ทั้งจากโรงเรียนกวดวิชา และคู่มือเตรียมสอบ

มีเด็ก ๆ จำนวนไม่น้อย
เค้ากระหายใครรู้ กระเหี้ยนกระหือรือ
ที่จะหาคำถามมาตอบ แล้วเค้นคำตอบด้วยตนเอง
ไม่ใช่สงสัยในระบบ หรือคำถามที่ยังไม่ได้หาคำตอบ
แล้วก็สรุปว่า ข้อสอบ คือ ปัญหา
http://www.lampang13.com/archives/8936

ขั้นตอนวิธี เป็นเรื่องที่นักเรียนจะได้เรียนรู้
ขั้นตอนวิธี เป็นเรื่องที่นักเรียนจะได้เรียนรู้

กรณีที่สอง – ขั้ว 0
มีข้อสงสัยต่อคำถาม
อันที่จริงแล้ว เมื่อได้คำถามมา
ที่อาจเป็นคำถามที่อยู่ในใจ หรือมีใครเค้าถามมา
บางทีคำตอบก็ไม่ได้สำคัญ
เท่าขั้นตอนการได้มา (Algorithm) ของคำตอบ
เพราะ การเรียนรู้ที่จะตอบคำถาม สำคัญกว่าคำตอบ
บางทีอาจนึกถึงที่มาของการตอบคำถามแบบ 5W1H
สุดท้ายก็ต้องถามว่า จัดการกับคำถามอย่างไร
1) .. 2) .. 3) .. 4) .. 5) ..
เห็น 5 หัวข้อนี้
ทำให้นึกถึงการค้นแล้วค้นอีก ที่เรียกว่า วิจัย (research)
คือ ขั้นตอนการได้คำตอบ อย่างมีขั้นตอน (Algorithm)
ที่ทำให้คำตอบ มีวรรณกรรมอ้างอิง และน่าเชื่อถือ
นี่เป็นกรณีที่คนถามเค้า serious ก็คงต้องตอบ seriously

ผ้าจำนำ กับ ผ้าอาบน้ำฝน
ผ้าจำนำ กับ ผ้าอาบน้ำฝน

ปล. ผมมองเป็น KM นะครับ และอ้างอิงแหล่งที่มาไว้แล้ว
https://www.facebook.com/ajWiriya/

ได้ 100 เต็ม
ได้ 100 เต็ม

อยากชวนฟัง ปาฐกถาของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ที่กล้ามองต่าง วิพากษ์การทำงานของผู้มีอำนาจ อย่างมีเหตุผล
เพราะโลกของเรามี 2 ขั้ว จึงทำให้เกิดการพัฒนา และพลวัต

คะแนนมาตรฐาน หรือค่า T ที่ปรากฎในผลสอบวิชาสามัญ 9 วิชา

วิชาสามัญ 9 วิชา
วิชาสามัญ 9 วิชา

[คำถาม]
มีคำถามว่า คะแนนมาตรฐาน หรือค่า Ti
ที่ปรากฎใน “รายงานผลการทดสอบ
วิชาสามัญ 9 วิชา ประจำปีการศึกษา 2560
บอกอะไรกับนักเรียนในแต่ละวิชา
จากการประกาศผลสอบ
ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ

[ความหมายของคะแนนมาตรฐาน]
ถ้าคะแนนเต็ม 100 คะแนน
สอบได้ 68 คะแนน
แต่คะแนน 68 ไม่ได้เทียบกับอะไร หรือกับใคร
จึงเรียกว่าคะแนนของนักเรียนที่ทำได้
เพื่อแสดงการเปรียบเทียบกับผู้อื่น
เค้าจึงคำนวณ “คะแนนมาตรฐาน” ขึ้นมา
ซึ่งเป็นผลจากการเทียบกับผู้เข้าสอบทั้งหมด
โดยเทียบว่าเต็ม 100 ได้ประมาณเท่าไร เมื่อเทียบกับผู้เข้าสอบทั้งหมด

[สรุปว่า]
– คะแนนมาตรฐานเกินกว่า 50 แสดงว่า ผ่าน เมื่อเทียบกับผู้เข้าสอบทั้งหมด
– คะแนนมาตรฐานต่ำกว่า 50 แสดงว่า ตก เมื่อเทียบกับผู้เข้าสอบทั้งหมด

เค้าถึงเรียกคะแนนมาตรฐาน เพราะเป็นคะแนนที่เทียบกับกับผู้เข้าสอบทั้งหมด
การตก แปลว่า คะแนนคุณต่ำกว่าคะแนนมาตรฐาน (Standard Score)
การผ่าน แปลว่า คะแนนคุณสูงกว่าคะแนนมาตรฐาน (Standard Score)

[คะแนนมาตรฐาน (Ti) คำนวณอย่างไร]
วิธีคำนวณต้องใช้ตัวเลข 3 ค่า
1. คะแนนที่สอบได้ (Xi) เช่น 68 คะแนนจาก 100 คะแนน
2. ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ (X-bar) เช่น 58.19
3. ค่าการกระจาย (S.D.) เช่น 13.52

[สมการ]
Zi = (Xi – X-bar) / S.D.
Zi ค่านี้บอกว่าห่างจากค่ามาตรฐานไปเท่าใด
Ti = 50 + (10 * Zi)
ค่า Ti คือ คะแนนมาตรฐาน จะเทียบกับ 50

[ตัวอย่าง]
Zi = (68 – 58.19) / 13.52 = 0.725
Ti = 50 + (10 * 0.725) = 57.25

 

[คะแนนมาตรฐาน (Ti) คำนวณอย่างไร]
จากภาพคำนวณให้เฉพาะ “วิชาภาษาไทย”
นักเรียนคนนี้ได้คะแนนมาตรฐาน 57.25 หรือ 57.26 เมื่อปัดเศษ
แสดงว่า ผ่าน เมื่อเทียบกับนักเรียนทั้งประเทศ
คำถาม คือ แล้ววิชาอื่นที่มี A, B, C, D, E, F
จะได้คะแนนมาตรฐานเป็นเท่าใด และผ่านวิชาใดบ้าง