performance ของเว็บเพจ บน pagespeed insights

เว็บเพจหน้านี้ ยกร่างโค้ดเว็บเพจขนาดเล็ก ชื่อ index90_100 เพื่อทดสอบให้ผ่านการประเมินตามเงื่อนไข Diagnose Performance Issue ของ pagespeed insights ทั้ง 4 หัวข้อ คือ Performance , Accessibility , Best practice และ SEO ไดคะแนน 100 ทั้ง 4 หัวข้อ โดยมีการปรับแก้ ดังนี้ 1) ปรับลดขนาดแฟ้ม .css ให้มีขนาดเล็กที่สุด 2) ปรับ layout แก้ปัญหา layout shift 3) ใช้ภาพ .webp แทน .jpg 4) ลดขนาดภาพ และเพิ่มความคมชัด และรักษา ratio ให้เท่าเดิม 5) ยกเลิกการโหลด font, css, js จากภายนอกทั้งหมด ซึ่งอิงกับโค้ดเดิม คือ การปรับแก้โค้ดเว็บเทมเพจเดิมในรุ่น 9.0 ที่เคยได้คะแนน 100 มาก่อน ซึ่งการลดขนาดแฟ้มและแปลงเป็น .webp เลือกใช้โปรแกรม irfanview เนื่องจากโปรแกรมมีขนาดเล็ก ทำงานได้รวดเร็ว และใช้งานง่าย

เว็บเพจหน้านี้ ประกาศ style ก่อน body
จึงเขียนโค้ดแบบ responsive web design และใช้ top bar menu แบบแยก desktop กับ mobile แล้วไม่กระทบคะแนน pagespeed

เว็บเพจหน้านี้ มีการเรียกใช้ bootstrap.min.css เมื่อส่งตรวจสอบกับ pagespeed insights พบว่า การเรียกใช้ bootstrap โดยตรงก่อนเปิด tag body จะทำให้คะแนนได้ไม่เต็ม 100 เนื่องจากต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ในการ Load แฟ้มจากภายนอก ซึ่งวิธีหนึ่งในการแก้ไขการ Load bootstrap คือ เขียน function ใน javascript ไว้ท้าย script เพื่อตรวจสอบ EventListener ว่าเป็น load หรือ onload มีผลให้ การแสดงผลหน้าแรก ผ่านการตรวจสอบของ pagespeed เสร็จสิ้นลง จึงจะมีการ load bootstrap ทำให้เงื่อนไขการโหลด bootstrap ไม่มีผลต่อคะแนน pagespeed insights

ส่วนการ load font .ttf นั้น เว็บเพจหน้านี้ เลือกใช้ font-display:optional; กับทุกฟอนต์ที่นำมาใช้ ซึ่งมีผลให้ ระยะเวลาในการ load font มาใช้งานนั้น แน่ใจได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นใน 100ms แรก หรือเป็นการโหลดแบบ background with low priority ทำให้มั่นใจได้ว่า pagespeed insights จะตรวจสอบจนจบแล้ว การโหลดฟอนต์มาใช้จึงจะเกิดขึ้น ต่างกับ font-display:swap; ที่ font จะถูก render ทันทีเมื่อมีการโหลด และพร้อมแสดงฟอนต์ ทำให้เกิดปัญหา layout shift ขึ้นได้ และคะแนนส่วนนี้ก็จะไม่ได้ 100 คะแนนเต็ม

Webpage
Bootstrap

https://thaiall.com/web2/index100.htm

https://thaiall.com/web2/index90_100.htm

สร้างเว็บไซต์ด้วยเวิร์ดเพรสในสิบนาที

พบบทความในบล็อก
ของ เอเชียเสิร์ชโซลูชั่น
ดิจิทัล มาเก็ตติ้ง เอเจนซี่
เรื่อง วิธีสร้างเว็บง่าย ๆ
ด้วยตนเอง ด้วยเวิร์ดเพรส
10 นาทีก็มีเว็บไซต์ได้
.
อ่านแล้ว
ทำให้นึกถึงการทำเว็บไซต์ในอดีต
ที่มีขั้นตอนมากมาย
แต่อ่านบทความนี้แล้ว
สามารถมีเว็บไซต์ระดับเทพ
ได้ในเวลาอันสั้น
.
สมัยก่อน
จำได้ว่า ผมเคยมอบหมายงาน
ให้นิสิตเขียนเว็บเพจ ทำเว็บไซต์
ตามโฮสติ้งที่ให้บริการฟรี
และ เวิร์ดเพรสเป็นเว็บไซต์
ที่จัดได้ว่า ได้รับความนิยมสูงสุด
.
ขั้นตอนการมีเว็บไซต์ด้วยตนเอง
ที่พบบน เอเชียเสิร์ชโซลูชั่น มี 9 ขั้นตอน
.
1. ลงทะเบียนและจดโดเมนเนม
2. เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้ง
3. จัดการหน้าเว็บไซต์
4. ติดตั้งธีม หรือ ชุดโค้ดเวิร์ดเพรส
5. ติดตั้งปลั๊กอินที่ชอบ
6. กำหนดรายละเอียดการตั้งค่า
7. สร้างเพจ ให้กับเว็บไซต์
8. ตั้งค่าเมนู
9. เขียนบล็อกเนื้อหา
.
สรุปว่า
ไปหาอ่านรายละเอียด
ในบทความจากผู้เผยแพร่ได้
และหากติดขัดประการใด
ทาง เอเชียเสิร์ชโซลูชั่น เค้าก็พร้อม
ช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่
ขอเอาใจช่วยทุกท่านครับ

https://vt.tiktok.com/ZSFaTKL2N/

สร้างเว็บไซต์
ด้วยเวิร์ดเพรส
ในสิบนาที
#tiktokuni
#wordpress
#howto
#website
#blog
#asiasearch
#digitalmarketing

https://asiasearch.co.th/how-to-create-a-website/:)

การเรียนรู้การเขียน SEO คู่มือที่ครอบคลุมในการสร้างบทความที่ติดอันดับบน Google

ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี การเขียนบทความที่มีอันดับสูงในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ของ Google ถือเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการ การเขียน SEO ที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ปรับปรุงการมองเห็นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดปริมาณการเข้าชมทั่วไป เพิ่มการเข้าถึงและผลกระทบของเนื้อหาของคุณ ในคู่มือที่ครอบคลุมนี้ เราจะสำรวจองค์ประกอบสำคัญของการเขียนที่เป็นมิตรต่อ SEO ตั้งแต่การวิจัยคำหลักและโครงสร้างเนื้อหาไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้าและแนวโน้ม SEO ล่าสุด ด้วยการเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ คุณสามารถสร้างบทความที่ไม่เพียงแต่โดนใจผู้ชมของคุณ แต่ยังไต่อันดับใน Google อีกด้วย

ทำความเข้าใจ SEO และความสำคัญของ SEO

การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) คือแนวทางปฏิบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาออนไลน์เพื่อปรับปรุงการมองเห็นในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา โดยเฉพาะ Google เป้าหมายคือการทำให้เนื้อหาของคุณมีความเกี่ยวข้องและดึงดูดทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการกระตุ้นการเข้าชมทั่วไปให้กับเว็บไซต์ของคุณ

ความสำคัญของ SEO

SEO ช่วยให้เนื้อหาของคุณปรากฏอย่างเด่นชัดในผลการค้นหา เพิ่มการมองเห็นให้กับผู้ใช้ที่ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
การอยู่ในอันดับที่สูงบน Google ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการเข้าชมที่เกิดขึ้นเองจะไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ลดการพึ่งพาการโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ
เนื้อหาที่ได้รับการจัดอันดับที่ดีมักจะถูกมองว่ามีความน่าเชื่อถือและน่าเชื่อถือจากผู้ใช้มากกว่า ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดชื่อเสียงทางออนไลน์ในเชิงบวก และในปัจจุบันมีบริษัท Digital Marketing Agency รับทำ SEO คุณภาพดีจำนวนมากเพื่อตอบสนองการเติบโตของโลกธุรกิจออนไลน์

การเลือกคำค้นหาหลักที่เหมาะสม

  • ความเกี่ยวข้อง: เลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหัวข้อบทความของคุณ ใช้เครื่องมือเช่น Google เครื่องมือวางแผนคำหลัก, SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อระบุคำหลักที่เกี่ยวข้องซึ่งมีปริมาณการค้นหาสูง
  • คำหลักหางยาว: รวมคำหลักหางยาวซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นและมีการแข่งขันที่ต่ำกว่า คำหลักหางยาวมักจะตอบสนองผู้ใช้ที่มีจุดประสงค์ในการค้นหาที่ชัดเจนกว่า
  • จุดประสงค์ของผู้ใช้: เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ใช้ที่อยู่เบื้องหลังคำค้นหา พวกเขากำลังมองหาข้อมูล ผลิตภัณฑ์ บทวิจารณ์ หรือวิธีแก้ปัญหาอยู่ใช่ไหม? ปรับแต่งคีย์เวิร์ดของคุณให้ตรงกับจุดประสงค์ของผู้ใช้

การวางตำแหน่งของคำค้นหาหลัก

  • แท็กชื่อ: รวมคำหลักของคุณไว้ในแท็กชื่อเรื่องของบทความ ทำให้ทั้งผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาทราบอย่างชัดเจนว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวกับอะไร
  • โครงสร้าง URL: เพิ่มประสิทธิภาพ URL ของบทความของคุณโดยรวมคำหลักที่เกี่ยวข้อง โครงสร้าง URL ที่สะอาดและกระชับช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้และความเข้าใจเครื่องมือค้นหา
  • แท็กหัวเรื่อง: รวมคำหลักไว้ในแท็กหัวเรื่อง (H1, H2, H3 ฯลฯ ) เพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาของคุณและส่งสัญญาณถึงความสำคัญของส่วนเฉพาะต่อเครื่องมือค้นหา

การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง

  • สร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมและให้ข้อมูลที่ครอบคลุมหัวข้อที่เลือกอย่างทั่วถึง Google มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนบทความที่ยาวและมีการวิจัยอย่างดี
  • สร้างสรรค์เนื้อหาที่ดึงดูดผู้อ่าน ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ และมอบคุณค่า ตัวชี้วัดการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ เช่น เวลาบนหน้าเว็บและอัตราตีกลับ เป็นปัจจัย SEO ที่สำคัญ
  • เสนอมุมมองหรือมุมที่ไม่ซ้ำใครในหัวข้อ โดดเด่นจากคู่แข่งด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่หรือนำเสนอข้อมูลในลักษณะที่โดดเด่น

การเพิ่มประสิทธิภาพ SEO บนหน้าเว็บไซต์
คำอธิบาย Meta และ Meta Tags

คำอธิบาย Meta ที่น่าสนใจ เขียนคำอธิบาย Meta ที่น่าสนใจซึ่งแสดงถึงเนื้อหาของคุณอย่างถูกต้อง และดึงดูดผู้ใช้ให้คลิก รวมคำหลักที่เกี่ยวข้องแต่เน้นที่การให้คุณค่า

ข้อความแสดงแทนรูปภาพ ปรับข้อความแสดงแทนรูปภาพให้เหมาะสมด้วยวลีที่สื่อความหมายและเต็มไปด้วยคำสำคัญ สิ่งนี้จะปรับปรุงการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น และช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหารูปภาพ

Meta Tags: ใช้ Meta Tags ที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหมวดหมู่และอธิบายเนื้อหาของคุณ แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากเท่าที่เคยเป็นมา แต่เมตาแท็กยังคงสามารถช่วยทำความเข้าใจเครื่องมือค้นหาได้

การเชื่อมโยงภายในและภายนอก

ลิงค์ภายใน: รวมลิงค์ภายในไปยังหน้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ของคุณ สิ่งนี้ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจลำดับชั้นของเนื้อหาของคุณและสนับสนุนให้ผู้ใช้สำรวจไซต์ของคุณมากขึ้น

ลิงก์ภายนอก: รวมลิงก์ภายนอกที่เชื่อถือได้ไปยังแหล่งที่เชื่อถือได้ภายในเนื้อหาของคุณ สิ่งนี้จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบทความของคุณและเป็นการส่งสัญญาณไปยังเครื่องมือค้นหาว่าเนื้อหาของคุณได้รับการวิจัยอย่างดี

การเพิ่มประสิทธิภาพข้อความ Anchor: เมื่อใช้ Anchor Text สำหรับลิงก์ ควรทำให้คำอธิบายและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เชื่อมโยง หลีกเลี่ยงวลีทั่วไป เช่น “คลิกที่นี่” และใช้คำหลักที่ให้บริบทแทน

การเพิ่มประสิทธิภาพมือถือ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีการออกแบบที่ตอบสนองซึ่งปรับให้เข้ากับขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน Google จัดลำดับความสำคัญของเว็บไซต์ที่เหมาะกับมือถือในการจัดอันดับ ทำให้การเพิ่มประสิทธิภาพมือถือมีความสำคัญ เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ของคุณ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์มือถือ ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาชอบหน้าที่โหลดเร็วเพื่อประสบการณ์โดยรวมที่ดีขึ้น สร้างสรรค์เนื้อหาที่สามารถอ่านและเข้าถึงได้ง่ายบนอุปกรณ์มือถือ พิจารณาประสบการณ์ผู้ใช้ในหน้าจอขนาดต่างๆ เมื่อออกแบบและจัดรูปแบบบทความของคุณ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านเทคนิค SEO
site map XML

  • สร้างแผนผังไซต์ XML: สร้างแผนผังไซต์ XML เพื่อให้เครื่องมือค้นหาเห็นภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณ ช่วยให้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาจัดทำดัชนีเนื้อหาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ส่งไปยัง Search Console: ส่งแผนผังไซต์ XML ของคุณไปที่ Google Search Console เพื่อให้แน่ใจว่า Google ทราบทุกหน้าในไซต์ของคุณ อัปเดตและส่งแผนผังไซต์ของคุณอีกครั้งเป็นประจำเมื่อมีการเพิ่มเนื้อหาใหม่

ไฟล์ Robots.txt

  • ปรับแต่ง Robots.txt ของคุณ: ใช้ไฟล์ robots.txt เพื่อแนะนำโปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาเกี่ยวกับวิธีการนำทางและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณ ไฟล์นี้สามารถป้องกันการจัดทำดัชนีของหน้าหรือไดเร็กทอรีเฉพาะเจาะจง ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมสิ่งที่ปรากฏในผลการค้นหาได้
  • หลีกเลี่ยงการบล็อกหน้าสำคัญ: โปรดใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้ไฟล์ robots.txt เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อกหน้าสำคัญจากการจัดทำดัชนีโดยไม่ได้ตั้งใจ ตรวจสอบและอัปเดตไฟล์เป็นประจำตามความจำเป็น

การเข้ารหัส HTTPS

  • รักษาความปลอดภัยเว็บไซต์ของคุณด้วย HTTPS: ใช้การเข้ารหัส HTTPS บนเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ของคุณ Google ถือว่า HTTPS เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ และไซต์ที่ปลอดภัยจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้ไว้วางใจมากขึ้น
  • ใบรับรอง SSL: รับใบรับรอง SSL จากผู้ออกใบรับรองที่มีชื่อเสียงเพื่อเปิดใช้งาน HTTPS บนไซต์ของคุณ ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งหลายรายเสนอใบรับรอง SSL ฟรี

อัปเดตอยู่เสมอด้วยเทรนด์ SEO

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการอัปเดตอัลกอริทึมหลักของ Google ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่ออันดับการค้นหา ตรวจสอบประกาศอย่างเป็นทางการและแหล่งข่าว SEO ที่มีชื่อเสียงเป็นประจำเพื่อดูข้อมูลล่าสุด และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอัลกอริธึมการค้นหา ทำความเข้าใจว่าการอัปเดตอาจส่งผลต่อเนื้อหาของคุณอย่างไร และปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณให้สอดคล้องกัน

การเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับการค้นหาด้วยเสียงโดยผสมผสานภาษาธรรมชาติและคำสำคัญในการสนทนา การค้นหาด้วยเสียงมักจะเลียนแบบภาษาพูดอย่างใกล้ชิดมากกว่าข้อความค้นหาที่พิมพ์ และให้ความสนใจกับ Core Web Vitals ซึ่งเป็นชุดสัญญาณประสบการณ์ผู้ใช้ที่ Google ถือว่ามีความสำคัญต่อการจัดอันดับ ซึ่งรวมถึงตัวชี้วัดต่างๆ เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ การโต้ตอบ และความเสถียรของภาพ

เนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้น Google จึงได้เปลี่ยนมาใช้การจัดทำดัชนีเพื่ออุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นอันดับแรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับมือถือและมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยมบนอุปกรณ์ต่างๆ

บทสรุป

การสร้างบทความที่ติดอันดับบน Google เกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ และการปรับตัวอย่างต่อเนื่องให้เข้ากับแนวโน้ม SEO ที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการทำความเข้าใจความซับซ้อนของการวิจัยคำหลัก โครงสร้างเนื้อหา การเพิ่มประสิทธิภาพในหน้า และแนวทางปฏิบัติด้านเทคนิค SEO ที่ดีที่สุด คุณสามารถยกระดับงานเขียนของคุณให้ตรงกับความต้องการของเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้ได้ รับข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนา SEO ล่าสุด ปรับกลยุทธ์ของคุณตามนั้น และสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าบทความของคุณไม่เพียงแต่จัดอันดับ แต่ยังให้คุณค่าแก่ผู้ชมของคุณในโลกดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ด้วยแนวทางที่ถูกต้อง บทความของคุณจะสามารถขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของผลการค้นหา รวบรวมการมองเห็นที่เพิ่มขึ้น และดึงดูดปริมาณการเข้าชมทั่วไปมายังเว็บไซต์ของคุณ

ช่องทางติดต่อ:
Website: https://asiasearch.co.th
Facebook: https://www.facebook.com/asiasearch
Linkedin: https://www.linkedin.com/company/asia-search-solutions/
Line: https://page.line.me/729bcdpc

ศูนย์ไลก์ Zero like กับ ล้านไลก์ Million likes

โดยปกติ เรามักสนใจผู้คนรอบตัวเรา เพราะเราเป็นสัตว์สังคม และมักใช้เครือข่ายสังคม เพื่อสื่อสารพูดคุยกับเพื่อน หรือคนรู้จัก มีอยู่วันหนึ่งเข้าไป ส่อง ดูเฟซบุ๊กของคนที่ไม่ใช่เพื่อน เพราะสถานะบนเฟซบุ๊กบอกว่าเรายังไม่ใช่เพื่อนกัน พบว่า มีหลายโพสต์ของเพื่อนคนที่ไม่ใช่เพื่อน มียอด like เป็น 0 และมีจำนวนโพสต์แบบ zero like นี้มากกว่าโพสต์ของผมอย่างชัดเจน เพื่อนคนนี้เป็นคนแรก ที่พบสถิติ zero like สูงขนาดนี้ รู้สึกว่าตัวเลขเราจะใกล้เคียงกัน คือ เข้าใกล้ 0 แต่ของผมจะยอด like สูงกว่าหน่อย

แต่สำหรับผมแล้ว การมีโพสต์ที่มี zero like ถือว่าเป็นปกติ โดยเฉพาะในแฟนเพจ รวมเพื่อนไทยออล หรือ สวนนายบู เพราะผมไม่ตั้งใจโพสต์เพื่อให้ได้ like จากกลุ่มเป้าหมาย เช่นเดียวกับเพื่อนที่ผมเข้าไปพบโพสต์เหล่านั้น ซึ่งพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดของคนที่มี zero like คือ
1) ไม่พยายามสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนเฟส
2) เรื่องที่แชร์ไม่อยู่ในความสนใจของเพื่อนเฟส
3) มีวัตถุประสงค์ที่ไม่ใช่ของตนเอง

อยากถามว่า ท่านเคยพบคนที่มีพฤติกรรม 3 ลักษณะนี้หรือไม่

https://www.thaiall.com/socialmedia/

ในสื่อสังคม ยอดติดตาม ยอดเข้าถึงโพสต์ ยอดการมีส่วนร่วมกับโพสต์ ยอดไลก์ ยอดแชร์ ยอดแสดงความคิดเห็น สะท้อนถึงจำนวนสมาชิกที่เกี่ยวข้องในมุมมองที่หลากหลาย จากภาพในโพสต์ของ Wiriyah Eduzones เมื่อ 12 ก.พ.2566 พบว่า เกิดการมีส่วนร่วมกับโพสต์ในระดับหลักล้าน เท่ากับมีข้อมูลเข้าจำนวนมาก เมื่อท่านได้ สรุปเอาความคิดและข้อมูล นั่นหมายถึง เสียงของประชาชนกลุ่มนี้ ว่าสรุปไปในทิศทางใด ที่จะเสนอต่อไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทางด้านการศึกษา

ผมชอบติดตามเรื่องราวในเพจของ ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ ชอบอ่านความคิดเห็นของคุณครู แล้วเก็บเรื่องราวไปเล่าให้นิสิต คุณครู เพื่อนได้รับทราบ เพราะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ บางเรื่องสื่อส่วนกลางก็นำไปแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง เช่น “จรรยาบรรณวิชาชีพครู กับคำถามครูสวมชุดว่ายน้ำ” เมื่อหันไปมองเทียบกับโพสต์ศูนย์ไลก์ ที่อยู่บนเพจของผม หรือในโปรไฟร์ของผม ก็ทำให้คิดถึง Input, Process, Output, Outcome หรือ Feedback ที่มีต่อเป้าหมายของแต่ละโพสต์ รวมถึง SEO, Promotion และ Ranking ว่าจะถูกพัฒนาต่อยอดไปอย่างไร

Wiriyah Eduzones

กรณีศึกษาเข้าอบรมก่อนขายสินค้าออนไลน์

กรณีศึกษาเข้าอบรมก่อนเริ่มขายออนไลน์

มีผู้สำเร็จจากการขายสินค้าออนไลน์มากมาย ที่คาดว่าก่อนหน้านี้ ไม่ได้ผ่านหลักสูตรสารพัดเทคนิค เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้าขายออนไลน์ให้บรรลุเป้าหมาย แต่สามารถประสบความสำเร็จในการขายออนไลน์ได้ โดยธรรมชาติทุกคนรู้ว่า 1) สินค้าคืออะไร 2) ขายเท่าไรไม่ขาดทุน 3) รู้ว่าต้องขายที่ไหน และ 4) โปรโมชั่นช่วยได้เสมอ เช่น 11.11 หรือ 12.12 ในเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่มียอดขายถล่มทลายทุกครั้งที่มีโปรโมชั่น ชวนฟัง iClass University คลิปตอนนี้ได้ยกตัวอย่าง บังฮาซัน เอเท็น อานนท์ (Aten Arnon – Prince of Marketing) เป็นนักการตลาดที่บรรยายได้เยี่ยม พบผลงานบน youtube มากมายที่เน้นด้านวิชาการ และปฏิบัติได้จริง

แต่ถ้าต้องการทบทวนเพื่อขุดทักษะการขายที่มีอยู่แต่ถูกฝังไว้ลึก หรือต้องการเพื่อนที่มีทักษะช่วยปลุกกำลังใจ กระตุ้นความเป็นนักขาย เพื่อฝึกให้เราได้ใช้สารพัดเครื่องมืออย่างมีสติ ที่ต้องคอยเตือนตนเองว่า “อย่าโลภ” ไปคล้อยตามกระแสที่อาจชักจูงไปสู่เทคนิคที่ไม่ชอบได้ พบว่า มีหัวข้อมากมายที่น่าสนใจเรียนรู้ใน #ห้องเรียนค้าขายออนไลน์ ตัวอย่างหัวข้อที่น่าสนใจ มีดังนี้ 1) เลือกสินค้าจากข้อมูล (product) 2) เปิดร้านค้าออนไลน์ (page) 3) ตั้งชื่อร้าน และตกแต่งหน้าร้าน (title) 4) โลโก้ โปรไฟล์ และภาพปก (profile) 5) เขียนเนื้อหาให้โดน (content) 6) คลิปวิดีโอต้องมี (clip) 7) สร้างสรรค์ และแตกต่าง (creative) 8) ซื้อโฆษณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป (advertising) 9) กำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ข้อมูล (customer) 10) เริ่มต้นที่ก้าวแรก (first step) 11) กรณีศึกษา (case study) 12) เครื่องมือ และทีมสนับสนุน (supplier และ shipper)