ข่าวบริษัทขนาดใหญ่ทะยอยประสบปัญหา เริ่มเห็นได้ชัดอีกครั้งกลางปี 2556 บริษัท Black berry ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบบมีแป้นพิมพ์เคยเป็นอันดับหนึ่งในปี 2009 ก่อนที่ Apple และ Samsung จะเข้ามาครองตลาดส่วนใหญ่ของ Smart phone แต่เป็นข่าวที่ไม่สู้ดีนักเพราะไม่ง่ายที่จะหาคนซื้อในช่วงขาลงแบบนี้ ส่วน Washington post ก็ตกลงขายให้กับ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon.com ในราคา 250 ล้านดอลล่าร์ ในไทยก็มีบริษัทแพนเอเซียฟุตแวร์ในเครือสหพัฒน์ ประกาศหยุดประกอบกิจการโรงงานผลิตรองเท้า และกระเป๋า มีสาเหตุหนึ่งจากค่าแรง 300 บาทที่ไม่อาจแข่งขันกับจีน หรือเวียดนามได้
นอกจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลชัดเจน เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ ความแข็งแกร่งของคู่แข่ง พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปก็ยังมีปัจจัยภายใน เช่น ความสามารถในการบริหารของผู้บริหาร มีความเชื่อกันว่าผู้บริหารดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เหมือนกับเรื่องราวของ Steve Jobs ผู้เป็นซีอีโอ Apple ที่เข้าไปกู้วิกฤตของบริษัทด้วยการคิดนวัตกรรมเปลี่ยนโลก เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และอิทธิพลจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้ ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่มากมายต้องล้มไป เพราะพ่ายแพ้ต่อการแข่งขันกันครองใจลูกค้า เมื่อบริษัทมีปัญหาก็มักจะเปลี่ยนผู้บริหาร โดยหวังว่าจะเป็นผู้เข้ามาเปลี่ยนทิศของผลประกอบการที่เป็นขาลงไปเป็นขาขึ้น หากผู้ที่เข้ามาใหม่ทำสำเร็จก็จะกลายเป็นอัศวินขององค์กรนั้นไปโดยปริยาย แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็ต้องเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่
ปัจจุบันการประยุกต์ใช้ไอทีในทางธุรกิจกลายเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการมักให้ความสนใจ เพราะอาจเพิ่มยอดขายสินค้า เพิ่มการทำซีเอสอาร์ (Corporate Social Responsibility) การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) ที่มีต้นทุนต่ำ และเชื่อว่าผลตอบกลับคุ้มกับการลงทุน แต่พบว่ามีองค์กรไม่น้อยคาดหวังว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจ เมื่อนำไปใช้จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยข้อจำกัดเรื่องของผลิตภัณฑ์ ลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย และทรัพยากรที่ลงทุนไปอาจหลงทิศกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทุกครั้งที่บริษัทขนาดใหญ่ล้มก็จะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบมากมาย ซึ่งเป็นระบบและกลไกที่จะยังอยู่คู่กับระบบทุนนิยมต่อไป
+ http://news.voicetv.co.th/business/78640.html
+ http://mgr.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000102187