นาฬิกาอัจฉริยะหรือนาฬิกาฉลาด (itinlife538)

pebble smartwatch
pebble smartwatch

คำว่าสมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) หรือนาฬิกาอัจฉริยะ มาจากภาษาอังกฤษ 2 คำคือ Smart แปลว่าฉลาด และ Watch แปลว่านาฬิกา เมื่อนำมารวมกันกลับไม่มีใครเรียกว่านาฬิกาฉลาด ก็จะเหมือนกับคำว่า Fire wall ที่ไม่มีใครเรียกว่า กำแพงไฟ แต่เรียกว่า ไฟร์วอลล์ คือ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ตรวจสอบข้อมูลเข้ามาก่อนปล่อยหรือไม่ปล่อยให้ผ่านเข้าไปในระบบ ส่วนสมาร์ทวอทช์ คือ นาฬิกาสุดล้ำยุคที่พยายามพัฒนาขึ้นมาให้ทำหน้าที่ได้เหมือนอุปกรณ์ทันสมัยรอบตัวเรา แต่ความสามารถพื้นฐานคือนาฬิกาบอกเวลานั่นเอง

สิ่งที่สมาร์ทวอทช์ในท้องตลาดสามารถทำได้ อาทิ บอกวันที่ เวลา และสภาพอากาศด้วยรูปแบบการแสดงผลที่ล้ำยุคและเปลี่ยนได้ตามชอบ รับการแจ้งเตือน สั่งงาน หรือเป็นโทรศัพท์โดยที่มีการเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ช่วยนำทางทั้งขับรถ ขี่จักรยาน และเดินด้วยเท้า ซึ่งทำงานร่วมกับระบบจีพีเอส (GPS) หรือมีเข็มทิศในตัว ดูรูปภาพ ฟังเพลง มีปฏิทิน ทำงานกับระบบฐานข้อมูลสุขภาพได้ รับส่งอีเมลได้ เชื่อมโยงระบบแจ้งเตือน (Notification) จากเครือข่ายสังคม เชื่อมต่อได้ทั้งบรูทูธ (Bluetooth) และวายฟาย (WiFi) และสามารถกันน้ำแบบ 5 ATM คือ ล้างมือ, ฝนตก, ล้างรถ, อาบน้ำ และว่ายน้ำได้ สมาร์ทวอทช์บางยี่ห้อไม่ยึดติดกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย เช่น Pebble ที่เชื่อมต่อได้ทั้ง iOS และ Android ซึ่งมีรีวิว (Review) ออกมาว่าการซื้อสมาร์ทวอทช์ต้องระวังเรื่องตกรุ่น เพราะพัฒนาไปเร็วมาก และอาจไม่คุ้มกับเม็ดเงินที่จ่ายไป

สำหรับนักพัฒนาแล้ว มีสมาร์ทวอทช์ ของ Pebble ที่แนะนำ เพราะเห็นเพื่อนอาจารย์ที่ ม.ราชภัฏภูเก็ตแชร์ผ่านเฟสบุ๊คว่าได้ซื้อมาทดสอบพัฒนาด้วยภาษาซี (C Language) สำหรับกำเนิดของ Pebble มาจากโครงการระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Kickstarter.com ที่มีการแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์จนระดมทุนได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วจึงพัฒนาขึ้นมาจริง ขายผ่าน pebble.com ปัจจุบันพบว่า จอภาพบางรุ่นเน้นสีขาวดำช่วยประหยัดพลังงาน แล้วมี SDK: Software Development Kit ปล่อยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชั่น (Application) ส่งเข้าไปใช้ใน Pebble ได้ ซึ่งอุปกรณ์มีระบบปฏิบัติการของตนเองเรียกว่า Pebble OS และสามารถติดตั้งแอพเพิ่มโดยการเชื่อมผ่านบรูทูธกับอุปกรณ์ตัวอื่นที่มี Android หรือ iOS ทำงานอยู่

http://smartwatchthai.com/pebble-app-development-on-cloudpebble/

http://www.beartai.com/news/itnews/72550

http://pantip.com/topic/31216131

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000091679

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=15485.0

ขอให้เธอไปดี

อ่ะนะ .. สมัยนี้เครือข่ายสังคม (Social media)
เปิดโอกาสให้เป็นแฟนกันง่าย
และเปิดโอกาสให้คบหาคนแปลกหน้าได้ง่าย
และอาจพัฒนาไปเก็บ กิ๊ก อะไรทำนองนั้น

ดังนั้น .. เวลาทะเลาะกับแฟน แล้วแฟนจะไปคบหาคนอื่น
ควรรีบหาเพลงมาฟัง ก็มีหลายแนวนะครับ
แนวเพลง ขอให้โชคดี หรือ ฝากแฟนผมด้วย ของเดวิด ก็ดี

ก็เห็นใจคนโดนแฟนทิ้งน่ะครับ
กำเมืองเปิ้นว่า “ต่าเปิ้นเป็นดีไค่หัว ต่าตั๋วเป็นดีไค่ไห้”

เพลง ขอให้เธอไปดี ของ พลพล

เข้าใจดีที่เธอจากฉันไป ก็เมื่อเธอเจอใครที่ดีกว่า
จะกังวลทำไมคำสัญญา ฉันไม่เคยจะโกรธจะโทษใคร

ฝากดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ฝากบอกใครคนนั้นฉันเข้าใจ
ไม่ว่ามันจะนานสักเท่าไร ฉันก็ยังภูมิใจที่รักเธอ

ขอให้เธอไปดี ขอให้มีความสุข ขอให้เธอหมดทุกข์เสียที
ขอให้รักยืนยาว ให้เธอกับเขาโชคดี อย่าให้มีใครอีกเลยต้องเจ็บช้ำ

หากวันใดที่เธอต้องเสียใจ จะมีใครอีกคนเสียใจกว่า
หากวันใดที่เธอมีน้ำตา คิดถึงคนคนนี้ที่รักเธอ

ขอให้เธอไปดี ขอให้มีความสุข ขอให้เธอหมดทุกข์เสียที
ขอให้รักยืนยาว ให้เธอกับเขาโชคดี อย่าให้มีใครอีกเลยต้องเจ็บช้ำ

จะไม่ลืมว่าเราเคยรักกัน จะไม่จำว่าเธอทิ้งฉันไป
สิ่งดีๆยังมีในหัวใจ ไม่มีใครคนไหนแทนที่เธอ

ขอให้เธอไปดี ขอให้มีความสุข ขอให้เธอหมดทุกข์เสียที
ขอให้รักยืนยาว ให้เธอกับเขาโชคดี อย่าให้มีใครอีกเลยต้องเจ็บช้ำ

ฝากดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ฝากบอกใครคนนั้นฉันเข้าใจ
ไม่ว่ามันจะนานสักเท่าไร ฉันก็ยังภูมิใจที่รักเธอ

อ้างอิง http://sz4m.com/t3866

บริการ Cloud Hosting ของ Linode.com

พบคลิ๊ปโฆษณาของ linode.com  ที่เค้าจ่ายให้ youtube.com
ตอนที่เปิดเพลง Yesterday Once Move ของ The Capenters

แล้วพบว่า Linode.com ให้บริการ Hosting
และช่วยให้เข้าใจเรื่อง Cloud Hosting ได้ง่าย
โดยเลือก Plan + Distro + Location แล้ว Deploy
เดือนแรกฟรี ค่าใช้จ่ายแผนแรก เริ่มต้นที่ $10/mo
ดูแล้วไม่มีอะไรที่ Unlimited เหมือนบริการค่ายอื่น

บริการของ Linode ก็เปิดให้ทำการ Resizing :adding resources
สำหรับ Linode VPS (Virtual Private Server) เหมือนของ google และ amazon

หายได้ถ้าไม่เก็บ ไม่สำรอง และทบทวนการ Restore (itinlife533)

การสำรองข้อมูล
การสำรองข้อมูล

นี่ก็ขึ้นปีใหม่ 2559 แล้ว มีอะไรเกิดขึ้นมากมายในช่วงปี หรือช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องส่วนตัว ครอบครัว งาน สังคม หรืองานอดิเรก หลายท่านจะมีอุปกรณ์สำหรับบันทึกที่มีประสิทธิภาพที่เรียกว่าสมาร์ทโฟน สามารถเก็บได้ทั้งภาพ เสียง คลิ๊ปวีดีโอ หรือแฟ้มข้อมูล เมื่อบันทึกไว้ในอุปกรณ์แล้วก็แบ่งปันไปในเครือข่ายสังคม ซึ่งมักเป็นการเลือกแบ่งปันเพียงบางภาพ แชร์เข้าบางกลุ่ม หรือส่งเป็นอีเมล เมื่อเวลาผ่านไป อุปกรณ์ก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา อุปกรณ์หาย เผลอลบภาพเก่า หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ เคยได้ยินว่าภาพ และข้อมูลในอดีตมีความสำคัญ แต่เมื่อหายไปแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร

ถ้าภาพหรือข้อมูลในอดีตของเรา คือ ไปปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ไปชมธารน้ำแข็งในชิลี ไปดำน้ำดูปะการังที่หมู่เกาะสิมิลัน ไปฮันนิมูนที่มัลดีฟส์ หรือเก็บประวัติการทำงานตลอดสิบปี ซึ่งมีความสำคัญมาก และคงไม่อยากให้หายไปในอนาคตอันใกล้ ถ้าต้องการเก็บไว้จะทำอย่างไร แนะนำว่าปัจจุบันมีแหล่งเก็บข้อมูล (Storage) มากมายให้เลือกใช้นอกจากการเก็บเข้าเครือข่ายสังคม หรือในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ด้วยการซื้อหน่วยเก็บข้อมูลภายนอก (External Harddisk) แบบเคลื่อนย้ายที่บรรจุได้หลายเทราไบต์ ถ้ามีบัญชีของ gmail.com ก็เก็บเข้า google drive ได้พื้นที่ 15 GB หรือ Hotmail.com ให้บริการ onedrive ได้พื้นที่ 14 GB ส่วน Cloud storage ที่ให้บริการเก็บข้อมูลมีอีกหลายแหล่ง เช่น Dropbox.com ได้พื้นที่ 2 GB แล้วขยายได้ถึง 23 GB หรือ 4Shared.com ได้พื้นที่ 15 GB

ถ้ามีแฟ้มข้อมูล แฟ้มเสียง ภาพถ่าย และคลิ๊ปวีดีโอ แล้วทำใจลบข้อมูลไม่ได้ เพราะสำคัญไปหมด ก็แนะนำให้ซื้อหน่วยเก็บข้อมูลภายนอก หากไม่พอก็ซื้อเพิ่มจนกว่าจะพอ ไปพร้อมกับการเช่าเครื่องบริการ (Web Server) สำหรับเก็บข้อมูล ที่เผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ หรือเขียนบล็อกผ่าน WordPress หรือ Joomla ซึ่งมีผู้ให้บริการ เช่น Godaddy.com หรือ Hypermart.net ที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลไม่จำกัด ส่วนของไทยที่ไม่จำกัด เช่น hostinger.in.th, hostinglotus.com, jaideehosting.com โดยมีตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด และทำได้ง่าย คือ เฟสบุ๊ค สิ่งสำคัญของการสำรองข้อมูล (Backup) คือ กำหนดเวลาที่จัดเก็บ (Schedule) ถ้ามีแหล่งสำรองแล้วแต่ไม่ทำการจัดเก็บตามแผนก็จะเรียกคืน (Restore) ไม่ได้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นกับอุปกรณ์หลักก็จะต้องกล่าวคำว่าน่าเสียดาย

http://www.unacomp.com/?page_id=28

ที่สุดแห่งปี 2558 โดย Nation U Poll ทาง Nation TV

nation u poll
nation u poll

มีโอกาสพบข้อมูลจาก รายการเก็บตกจากเนชั่น (ภาคเที่ยง) ของ Nation TV
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2558
ที่ อ.ดรรชกร ศรีไพศาล แชร์มาในกลุ่ม Nation_University
หรือ คุณอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ แชร์ใน กลุ่ม Line
จึงได้พบผล Nation U Poll ที่สำรวจโดยสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยเนชั่น
ที่สอบถามในพื้นที่ของกรุงเทพฯ จำนวน 1083 คน
ระหว่าง 22 – 28 ธ.ค.58
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุด และเศร้างใจที่สุดของปี 2558
และความคาดหวังปี 2559 มีผลสำรวจดังนี้

ประทับใจที่สุด
ประทับใจที่สุด

เหตุการณ์ประทับใจที่สุด ในปี 2558
อันดับที่ 1 กิจกรรม Bike for Dad 22.8%
อันดับที่ 2 ฟุตบอลไทยลุ้นไปฟุตบอลโลก 14.6%
อันดับที่ 3 การจัดระเบียบจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล 11.9%
อันดับที่ 4 Miss Universe Thailand เข้ารอบ Top 10 Miss Universe 10.3%
อันดับที่ 5 การเตรียมความพร้อมเปิด AEC 9.1%

เศร้าใจที่สุด 2558
เศร้าใจที่สุด 2558

เหตุการณ์เศร้าใจที่สุด ในปี 2558
อันดับที่ 1 อาการป่วยของนักแสดง ปอ ทฤษฎี 22.0%
อันดับที่ 2 การโจมตีกรุงปารีส 17.4%
อันดับที่ 3 เหตุระเบิดย่านราชประสงค์ 12.3%
อันดับที่ 4 หลวงพ่อคูณมรณภาพ 9.4%
อันดับที่ 5 ขบวนการค้ามนุษย์โรฮิงญา 8.7%

ความคาดหวังในปี 2559
ความคาดหวังในปี 2559

ความคาดหวังในปี 2559
อันดับที่ 1 เศรษฐกิจดีขึ้นและมีเสถียรภาพ 19.9%
อันดับที่ 2 การเลือกตั้ง 14.3%
อันดับที่ 3 การกำจัดปัญหาทุจริตคอรัปชั่น 11.9%
อันดับที่ 4 บ้านเมืองสงบสุข คนในชาติมีความสามัคคีกัน 10.5%
อันดับที่ 5 รายได้และสวัสดิการเพิ่มขึ้น 10.2%

อยากเกิดเป็นคนหลายใจ

เพลง อยากเกิดเป็นคนหลายใจ ของ กะลา
มีเนื้อหาที่ดี สอดคล้องกับวิถีพุทธที่ว่า
ถ้าถือแล้วหนักก็ปล่อยก็วาง ถ้าปล่อยวางได้แล้ว
ทำใจได้แล้ว ก็จะไม่หนักไม่ทุกข์อีกต่อไป
เนื้อเพลง
ตั้งแต่ที่รักเธอ ก็ไม่เคยรักใคร
ไม่เคยแบ่งหัวใจ ให้ใครเลยสักหน
แต่หนึ่งใจของเธอ ทำไมช่างวกวน
มีใครอีกหลายคน ซ่อนไว้ตั้งมากมาย
ไม่เคยจะคิดเลย ว่าเธอทำได้ลง
กับคนที่มั่นคง ให้เธออย่างหมดใจ
ไม่มีใจเหลือเฟือ ไม่เผื่อใจให้ใคร
เมื่อเธอมาทิ้งไป มันทนไม่ได้เลย
* อยากเกิดเป็นคนหลายใจ รักใครทีละหลายคน
ไม่ต้องมาทุกข์ทน เสียคนแทบเป็นแทบตาย
เกิดเป็นคนใจเดียว แล้วมันไม่มีความหมาย
อยากเป็นคนหลายใจ(เหมือน/อย่าง)เธอ
ไม่อยากจะโทษเธอ ไม่อยากจะโทษใคร
ที่เจ็บและเสียใจ เมื่อเธอไม่เหลียวแล
มันผิดที่ฉันเอง ที่เกิดมารักเดียว
ก็เจ็บอยู่ข้างเดียว ไม่มีใครสนใจ
(ซ้ำ *)
(ซ้ำ * , *)

หนังสือ “กินอยู่ง่าย สไตล์วิกรม” ที่ 7-eleven เล่มยี่สิบ

กินอยู่ง่าย สไตล์วิกรม @booksmile
กินอยู่ง่าย สไตล์วิกรม @booksmile
ต้นปี 2556 ผมอ่านหนังสือ “หกสิบคาถาชีวิต” ของ คุณวิกรม กรมดิษฐ์
แล้วแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ด้วย เพราะหัวหน้าบอกว่าเป็นหนังสือดี
จึงไปหามาอ่าน แล้วก็พบว่าดีจริง ๆ

แล้วต้นปี 2559 ได้อ่านหนังสือ “กินอยู่ง่าย สไตล์วิกรม” เล่ม 20 บาท
พบว่าไม่ผิดหวังเลยที่ได้ซื้อ และได้อ่าน
เมื่ออ่านบทที่ 1 แล้วทำให้นึกถึงหนังสือ Steve jobs
ตอนนั้น Jobs ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน พยายามรักษาแล้ว
แต่สุดท้ายก็ยื้อชีวิตต่อไปไม่ได้ ซึ่งคุณวิกรม โชคดีกว่า
คุณวิกรม เล่าเรื่อง “เมื่อผมเกือบตาย
ซึ่งเขาต้องไปผ่านตัดหัวใจที่อเมริกาตอนอายุ 43 ปี
ผมชอบบทนี้มาก ในตอนที่พูดถึงการดื่มไวน์จนเมา
แล้วชี้ให้เห็นโทษของการดื่มสุรา
ซึ่งน้อยคนนักที่จะหยุดการดื่มได้เอง
เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เลิกสุราด้วยปัญหาเรื่องสุขภาพ
คือ “ป่วยแล้วเลิก” ไม่ใช่ “คิดแล้วเลิก
ปัญหาจากการดื่มสุราที่คุณวิกรมสะท้อนในหนังสือ
หน้า 15 เล่าได้ชัดเจน คือ โรคหัวใจ โรคตับ
เส้นเลือดในสมองแตก ขับรถชนเขา หรือเสียชีวิต
ซึ่งเป็นภัยเงียบ
แลกความสุขด้วยความเจ็บป่วย เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย
ที่จะไปแลกความทุกข์กับความสุขเพียง 1 – 2 ชั่วโมง
อ่านแล้วรู้สึกดี รู้สึกว่าเขาคิดได้ และได้มีสุขภาพที่แข็งแรง

มีความตอนหนัง พอสรุปได้ว่า
.. สมัยหนุ่ม ๆ เรียนอยู่ปี 3 คุณวิกรม ปั่นจักรยานเสือหมอบ
ทำด้วยอะลูมิเนียม Made in England เบามาก
ปั่นขึ้นลงเขาจากไทเป ไปจนถึงซินจู๋ รวมกว่า 150 กม.
ในวันเดียว คือไปเช้าเย็นกลับ กลับมาหนังไปเกือบ 2 วัน ..

ก็เป็นเรื่องเล่าเร้าพลัง ทำให้อยากปั่นจักรยานได้ดีมาก

ภาพลักษณ์พนักงาน (itinlife531)

นอนเล่นบนกองขนมปังที่ใช้ทำเบอร์เกอร์
นอนเล่นบนกองขนมปังที่ใช้ทำเบอร์เกอร์

เคยอ่านโพสต์ของคุณอนัณทินี จิตจรุงพร เป็น Image and branding consultant แล้วสนใจคำว่า Personal branding บอกว่า ภาพลักษณ์พนักงานมีผลต่อภาพลักษณ์องค์กร ทำให้นึกถึงภาพลักษณ์ของพนักงานในเครือข่ายสังคม ทั้งเฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตาแกรม หรือกูเกิ้ลพลัส ซึ่งมีพนักงานจำนวนหนึ่งเชื่อว่าตนเองไม่ใช่เจ้าขององค์กร เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ขององค์กร จึงไม่มีความจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเองในบทบาทที่เป็นพนักงานองค์กร ซึ่งก็ใช่ถ้าพนักงานไม่คิดจะก้าวหน้าในองค์กร และไม่มีกลุ่มเป้าหมายขององค์กรเข้าถึงตัวคุณ หรือรับรู้ว่าคุณคือพนักงานขององค์กร
เมื่อถึงเวลาประเมินการปฏิบัติงานประจำปี ที่ต้องพิจารณาผลการดำเนินงานเชิงปริมาณตามที่ตกลงกันไว้แล้ว เช่น ความสำเร็จตามตัวบ่งชี้ ทำยอดทะลุเป้า ทำงานที่มอบหมายได้ครบถ้วน คุณภาพของชิ้นงาน การขาดลาสายหรือไม่ อีกปัจจัยที่มักใช้ประกอบการประเมินคือหัวหน้ามักมองภาพรวมด้วยเช่นกัน ว่าพนักงานแต่ละคนมีภาพลักษณ์ที่เหมาะสมหรือไม่ อาจดูรูปลักษณ์ภายนอก มีบุคลิกที่ดี แต่งหน้าทำผมมาทำงาน ยิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยที่ดี มีจิตอาสา มีจิตสำนึกสาธารณะ แลกเปลี่ยนกับเพื่อนและหัวหน้าเชิงบวกเป็นประจำ รีดเสื้อผ้าและสะอาดเสริมภาพลักษณ์องค์กร ทำห้าสอเป็นประจำ สมเป็นพนักงานของบริษัทที่ส่งเสริม Brand Ambassador
มีคำกล่าวว่า ไม่ทำดี ก็อย่าทำเสีย ซึ่งเกี่ยวกับการรักษาภาพลักษณ์พนักงาน เมื่อมีการใช้เครือข่ายสังคมก็จะพบเห็นพฤติกรรมพนักงานจำนวนหนึ่งที่ไม่ให้ความสำคัญกับการรักษาภาพลักษณ์ ไม่สนใจกลุ่มเฟสองค์กร ไม่สนใจแฟนเพจองค์กร แล้วคิดว่าได้กำหนดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะเพื่อนแล้ว จะทำให้การแสดงความคิดเห็นของตนไม่รั่วไหล ไม่รับหัวหน้า หรือลูกค้าขององค์กร หรือคนที่ไม่หวังดีต่อตนมาเป็นเพื่อน แล้วบ่น ระบาย โพสต์ความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจเป็นภาพลักษณ์เชิงลบในมุมมองขององค์กร หรือปล่อยเกียร์ว่าระหว่างทำงาน เช่น แชทในเวลางานถูกเชิญออกได้ ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้สิทธินายจ้างบอกเลิกจ้างได้ทันที เมื่อพบพฤติกรรมการแชทออนไลน์เรื่องส่วนตัวในที่ทำงาน

อธิบายยากครับ ว่าทำไปทำไม
อธิบายยากครับ ว่าทำไปทำไม

คุณอนัณทินี จิตจรุงพร เป็น Image and branding consultant
https://www.facebook.com/imageinspirationbytinee/posts/1490879257880081
สัมภาษณ์แอร์โฮสเตส
https://www.youtube.com/watch?v=8aVjfSnwRvc
การเลือกคนไปทำงาน ความสามารถไม่ใช่สิ่งเดียว ภาพลักษณ์ก็เป็นปัจจัย
https://www.youtube.com/watch?v=Pbid7WRw1mc

ลงทะเบียนออนไลน์ร่วมกิจกรรม (itinlife530)

สิทธิความเป็นส่วนตัว (privacy)
สิทธิความเป็นส่วนตัว (privacy)

ประชาชนในประเทศไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากกว่าร้อยละ 80 เช่น อินเทอร์เน็ต หรือโทรศัพท์ ยิ่งเข้าถึงมากก็ยิ่งมีปัญหามาก จนภาครัฐต้องออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อกำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิด เช่น พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เทคโนโลยีอาจมีเพื่อการค้า บันเทิง  การศึกษา และการสื่อสาร การจัดกิจกรรมของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนต่างก็หันมาใช้เว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ ไอจี ยูทูป หรือไลน์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เก็บข้อมูลจากผู้ใช้ บางท่านอาจมองข้อมูลที่มีปริมาณมากเป็นเสมือนเหมืองข้อมูล (Data mining) ดังที่อาจารย์อนุชิต เคยกล่าวว่า การศึกษาข้อมูลจากอดีตนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อทำนายรูปแบบในอนาคต

มีกิจกรรมมากมายทั้งระดับองค์กร จังหวัด หรือประเทศที่เปิดให้บุคคลลงทะเบียนออนไลน์ มีการสอบถามข้อมูลทั้งเลขที่บัตรประชาชน ชื่อ สกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด อายุ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือขนาดเสื้อ เพื่อนำข้อมูลไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ เช่น ใช้จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ใช้เตรียมของสมนาคุณ ใช้เลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ใช้เพื่อให้ฝ่ายขายติดต่อไป หรือนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จนมีการร้องเรียนเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว (Privacy) ประเด็นนี้เยาวชนไทยให้ความสำคัญกับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของตนน้อย ดังที่ อ.ดร.อติชาต หาญชาญชัย ได้นำเสนอบทความเรื่อง Information Ethics and Behaviors of Upper Secondary Students Regarding the Use of Computers แล้วได้ผลการทดสอบสมมติฐานว่านักเรียนมัธยมปลายในลำปางให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตน้อยกว่าจริยธรรมสารสนเทศในด้านอื่น

ได้เห็นหน่วยงานบางแห่งจัดกิจกรรมสอบถามข้อมูลของผู้เข้ามาร่วมกิจกรรม ได้นำไปเปิดเผยในหลายลักษณะ ทั้งผ่านอินเทอร์เน็ต หรือพิมพ์ติดไว้ตามบอร์ดประชาสัมพันธ์ เชื่อได้ว่ามีเจตนาดี แต่พบว่าข้อมูลหลายรายการควรเป็นความลับที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอาจไม่ประสงค์ที่จะเปิดเผย เพราะอาจถูกผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ในทางมิชอบ หากไม่มีใครทักท้วงก็จะเกิดการทำซ้ำ เป็นความเคยชินให้เห็นต่อไป หากท่านตระหนักถึงปัญหา และเกี่ยวข้องในการเผยแพร่ก็เสนอให้พูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องทำความเข้าใจ เพื่อจะได้หยุดการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นในที่สาธารณะโดยไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล สรุปว่าการเผยแพร่สามารถทำได้แต่ต้องมีการควบคุมด้วยความเข้าใจ เพราะสิทธิความเป็นส่วนตัวเป็นประเด็นจริยธรรมสารสนเทศหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ

Continue reading “ลงทะเบียนออนไลน์ร่วมกิจกรรม (itinlife530)”

โซเชียลบิดเบือน (itinlife529)

โซเชียลบิดเบือน (social disguise)
โซเชียลบิดเบือน (social disguise)

ปัจจุบันในโซเชียลมีเดีย (Social Media) ใครจะโพสต์อะไรก็ทำได้ บ่อยครั้งที่พบพฤติกรรมที่เรียกว่า ไม่คิดก่อนโพสต์ แต่พบพฤติกรรมอีกแบบที่เรียกว่า คิดก่อนโพสต์ ในมุมที่เจตนาบิดเบือนความจริง จนเป็นปัญหาต่อสังคม การเมือง และการปกครอง จน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม (บิ๊กป้อม) ต้องออกมาขอเจ้าหน้าที่ติดตามการเสนอข้อมูลทาง Social Media ที่บิดเบือนจากความจริง และไม่ยอมผู้ไม่หวังดีใช้สื่อนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จ สร้างความแตกแยกของคนในชาติ กระทบต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน ซึ่งผู้เขียนอ่านพบในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

การบิดเบือนนอกจากประเด็นทางการเมืองที่ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายอย่างเด่นชัดแล้ว ก็มีประเด็นมากมายที่ปรากฏออกมาให้คิดเห็นได้ว่ามีการบิดเบือนความจริง อาทิ การศึกษา สุขภาพ ความเชื่อลี้ลับ เมื่อนึกถึงคำศัพท์ที่เกี่ยวกับโซเชียลมีเดียบิดเบือนก็นึกถึง 3 คำ ดังนี้ Social disguise, Social distortion และ Social blending การบิดเบือนความจริงนั้นเกี่ยวข้องกับคำว่า คิดก่อนเชื่อ (Think first) และ คิดก่อนโพสต์ (Think before you post) ปัจจุบันเรามักไม่ได้คิดก่อนโพสต์ เพราะการโพสต์เป็นเรื่องง่าย คิดอะไรก็โพสต์ไป ด่าใครในข่าวก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เห็นการด่ากันในข่าวโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องปกติ จนส่งผลให้คิดก่อนเชื่อลดน้อยถอยลง เชื่ออะไรง่ายกว่าแต่ก่อนมาก ที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องสุขภาพ บอกว่าทานอะไรแล้วเป็นพิษก็เชื่อ เห็นอะไรแล้วเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติก็เชื่อ จน ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เก็บประเด็นมาเล่าในรายการวิทยาตาสว่าง

ในทางการเกษตรระยะหลังเห็นสื่อเล่าเรื่องความสำเร็จของการทำเกษตร เช่น ออกงานไปปลูกไผ่กิมซุ่ง ปลูกมะลิ ปลูกดาวเรือง หรือ ปลูกผักหวานรายได้เป็นล้าน มีความจริง 2 ข้อ คือ ทำเกษตรแล้วสำเร็จ กับทำเกษตรแล้วล้มเหลว ดังนั้นต้องคิดก่อนเชื่อ เพราะการเกษตรเป็นธุรกิจประเภทหนึ่งที่ต้องใช้เงินเพื่อให้ได้เงิน ไม่ว่าจะเกษตรผสมผสาน เกษตรพันธสัญญา หรือค้าขายต่างก็มีความเสี่ยง มีเกษตรกรมากมายที่ไม่ประสบความสำเร็จเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ที่ออกมาประท้วงขอรัฐช่วยเยี่ยวยา หรือผลผลิตมากเกินความต้องการจนต้องนำมาเท เพื่อประท้วงให้รัฐออกมาตรการช่วยเหลือ ดังนั้นจะเชื่ออะไรก็ต้องคิดก่อน ศึกษาตนเอง ตลาด ความเสี่ยง ประเมินรอบด้าน และสรุปให้ชัดเจน ก่อนตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิต เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จได้ดังที่ข่าวนำเสนอ

+ http://www.baanmaha.com/community/threads/51297

+ http://www.thairath.co.th/content/506598

+ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1304399853&grpid=no&catid=51

บางทีโซเชียลก็อาจไม่ได้บิดเบือนก็ได้
เป็นที่ตัวเรามังครับ ที่ไม่คิดให้ดีก่อน ข่าวอาจดีอยู่แล้วก็ได้

ในทาง การเสี่ยงโชค ระยะหลังเห็น สื่อเล่าเรื่องรางวัลที่ 1
ใคร ๆ ก็ถูกได้ รวยได้
ผมงี้เชื่อสนิทใจเลยว่าสักวันต้องเป็นผม
หลัง ๆ ลงทุนค่อนข้างเยอะซะด้วย
ผมก็โทษสื่อไว้ก่อน เหมือนคำว่า
รำไม่ดี โทษปี่ โทษกลอง
นี่ถ้าสื่อไม่ลงข่าวว่าคนธรรมดาอย่างผมก็มีโอกาส
ผมก็คงไม่ทุนเยอะ ๆ หวังเยอะ และผิดหวังเยอะ
แบบที่ผ่าน ๆ มา สรุปว่าง
“ปี่กลองผิดครับ ส่วนผมน่ะรำถูกล่ะ”