Author: burin
กินอาหารเกินพิกัด (overload eating) เสี่ยงถึงตาย
หากกินผิดวันนี้อาจคิดเสียใจไปจนวันตาย
เป็นเรื่องที่ผมว่ามนุษย์รู้กันมานานแล้ว ทั้งเหล้า บุหรี่ ของหวาน ของมัน
ในช่วงอายุ 45 ปี ผมรู้สึกได้ถึงความไม่ดีหลังกินบุฟเฟต์หลายครั้ง
แล้ว วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม 2558 เป็นวันที่ตัดสินใจเลิกกินบุฟเฟต์อย่างเด็ดขาด
เป็นการเปลี่ยนทัศนคติที่เปลี่ยนได้อีกครั้งหนึ่ง (ผมเปลี่ยนเรื่องอื่นมาหลายอย่างแล้ว)
เพราะบุฟเฟต์มื้อหนึ่งก็หลายร้อย แต่อิ่มปกติหนึ่งมื้อจ่ายเพียง 30 บาท
หลายคนบอกว่าเข้าไปกินบุฟเฟต์มื้อละหลายร้อย แต่ตักมากินเท่า 30 บาทก็ได้
ถ้าคิดและทำแบบนั้นจริง แสดงว่าคุณร่ำรวยไม่น้อย
แต่ผมคงทำใจไม่ได้ ที่จะจ่าย 300 บาท แต่กิน 30 บาท
สรุปว่า .. ต่อไปผมจะไม่จ่าย 300 บาท แล้วพยายามกินให้คุ้มกับที่จ่ายไป
เพราะการกินอาหารเกินกว่าอิ่มปกติ จะทำให้ร่างกายมีปัญหาอย่างแน่นอน
1. คุณภาพของอาหารบุฟเฟต์ มักถูกตั้งคำถามว่า “ไว้ใจ๋ได้ก๋า”
2. กระเพาะ ลำไส้ ของเรา เมื่อรับปริมาณอาหารเกินปกติ ย่อมทำงานมากผิดปกติ
อาจทำให้สูญเสียการยืดหยุ่นตามปกติ แล้วอาจเกิดความผิดปกติใดใดตามมา
เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะ หรือโรคลำไส้ทั้งใหญ่และเล็ก
3. การอิ่มเกินปกติที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็จะทิ้งไว้เพียงความทรงจำ
แต่ผลกระทบต่อร่างกายจะยังคงอยู่ถาวร .. เป็นเรื่องที่น่ากลัวนะ
http://courses.educ.ubc.ca/etec540/May08/hansonj/comm2.html
ท่านเป็นเจนใดในแปดเจน (itinlife482)
ได้อ่านผลงานของ ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่องเจนวาย แล้วไปอ่านภาพอินโฟกราฟฟิคของ kapook.com เรื่องคน 8 เจเนอเรชั่น ซึ่งคำว่าเจน (Gen) มาจาก Generation แปลว่า สายพันธุ์ ยุค หรือรุ่น ที่แบ่งช่วงอายุตามพฤติกรรม ได้เห็นการจำแนกมนุษย์ที่สัมพันธ์กับช่วงอายุ มีนักธุรกิจ หรือนักการตลาดใช้เป็นสารสนเทศในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย มีผลการศึกษาอย่างแพร่หลาย อีกเจนหนึ่งนอกจากแปดเจนที่พบในผลงานเรื่อง Gen-M Lifestyle ของ ม.หอการค้าไทย มี อายุระหว่าง 18-24 ปี เป็นกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัย หรือเริ่มทำงานใหม่ เป็นสมาชิกของครอบครัวที่ถูกดูแลสั่งสอนเป็นพิเศษ เป็นที่คาดหวังของพ่อแม่ไม่ให้ตกอยู่ในอำนาจของสิ่งยั่วยุ รักครอบครัว เคารพผู้ใหญ่ ตัดสินใจด้วยความคิดของตนเอง เปิดรับข้อมูลข่าวสารโดยใช้สื่อดิจิตอล
คนรุ่นแรกหรือรุ่นสูญหาย (Lost Gen.) เกิดช่วง 2426-2443 ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นการเริ่มต้นของความเจริญที่ชัดเจน คนรุ่นสองหรือรุ่นผู้ยิ่งใหญ่ (Greatest Gen.) เกิดช่วง 2444-2467 ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ที่เกิดช่วงนี้จะเป็นกำลังหลักในการทำสงคราม มีความคิดเห็น ความเชื่อไปในทางเดียวกัน คนรุ่นสามหรือรุ่นเงียบ (Silent Gen.) เกิดช่วง 2468-2488 ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มีประชากรไม่มากเพราะเป็นช่วงสงคราม เศรษฐกิจตกต่ำ ชีวิตยากลำบาก คนรุ่นสี่หรือรุ่นลูกเยอะ (Baby Boomer) เกิดช่วง 2489-2507 ยุคสิ้นสุดสงคราม มีการส่งเสริมการมีลูก เพื่อมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง เคารพกฎเกณฑ์ มีความอดทนสูง ถูกสั่งสอนให้เป็นคนประหยัด อดออม ใช้จ่ายอย่างรอบคอบระมัดระวัง
คนรุ่นห้าหรือรุ่นเอ็กซ์ (Gen-X) เกิดช่วง 2508-2522 ยุคโลกมั่งคั่ง เริ่มควบคุมการเกิด ชอบอะไรง่าย ไม่เรื่องมาก มีความคิดสร้างสรรค์ พึ่งมาตนเอง มีความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว คนรุ่นหกหรือรุ่นวาย (Gen-Y) เกิดช่วง 2523-2540 ยุคเทคโนโลยี เป็นตัวของตนเอง ช่างเลือก ชอบมีชีวิตอิสระ ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันได้ เปิดรับข้อมูลข่าวสาร มีส่วนร่วมกับเครือข่ายสังคม กล้าแสดงออก มีความเห็นตรงไปตรงมา มักไม่เกรงใจ คนรุ่นเจ็ดหรือรุ่นแซด (Gen-Z) เกิดช่วง 2540 ถึงปัจจุบัน เป็นยุคเด็กใช้เทคโนโลยี เรียนรู้ได้เร็ว เป็นรุ่นสุดท้ายในยุคนี้ที่โตมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก สภาพแวดล้อมด้านไอทีที่พร้อมบริบูรณ์ คนรุ่นแปดหรือรุ่นซี (Gen-C) ไม่แบ่งตามอายุ เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมใช้โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย เสพติดการเชื่อมต่อ กดแชร์ กดไลค์ทุกเวลาที่มีโอกาส มักเป็นสมาชิกของสังคมก้มหน้า
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1420337305
http://www.thaipost.net/x-cite/090114/84364
http://hilight.kapook.com/view/83492
http://pantip.com/topic/30807680
http://sara-dd.com/index.php?option=com_content&view=article&id=227:consumer-%20behavior-gen-
ลูกค้าถูกเสมอ เป็นกฎที่ทำให้ผู้คนเชื่อว่ามีอย่างอื่นสำคัญกว่า “ความถูกต้อง”
ชวนมองต่างมุมเฉย ๆ ครับ
จากการที่เคยเรียน และเคยเชื่อ
ว่า .. มีอย่างอื่นสำคัญกว่าความถูกต้อง คือ “ลูกค้า”
เพราะเคยเห็นนโยบายขององค์กรในตำรา ที่เขียนว่า
Rule 1. The customer is always right!
Rule 2. If the customer is ever wrong reread rule 1.
แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น
http://www.aecnews.co.th/focus/read/261
กรณีที่ 1
มีข่าวว่าแม่ค้าที่ประเทศจีน
แก้ผ้าลูกค้าประจาน ในความผิดที่ขโมยเสื้อผ้าในร้าน
ถ้าแม่ค้ายึดนโยบายลูกค้าถูกเสมอ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น
http://news.truelife.com/detail/3256491
กรณีที่ 2
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกปิด
เพราะมองนักศึกษาเป็นลูกค้า
เมื่อลูกค้าอยากซื้อใบปริญญา ก็ขายให้
แม้นักศึกษากระทำผิดแต่ก็ไปสนับสนุน
โดยเชื่อว่าลูกค้าถูกเสมอ แล้วตนเองก็กระทำผิด
http://www.globalpurchasinggroup.com/the-customer-isnt-always-right/
กรณีที่ 3
ผลสำรวจของ ABAC Poll
เผยผลสำรวจ ระบุประชาชน เกินร้อยละ 60 รับได้
ถ้ารัฐบาลคอร์รัปชั่น แล้วตนเองได้ประโยชน์
อะไรก็ตามที่ทำแล้วตนเองได้ประโยชน์ มีมนุษย์ไม่น้อยคิดว่าเป็นความถูกต้อง
ผมว่าน่าคล้อยตามอยู่ไม่น้อย
http://www.thaiall.com/blog/burin/5410/
เสนอร่างระบบการรับนักศึกษาและการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษา
หลังไปคุยกับเพื่อนเรื่องระบบและกลไก พบว่าในคู่มือมีเกณฑ์คล้ายกัน 7 ตัวบ่งชี้ คือ
3.1 การรับนักศึกษา
3.2 การส่งเสริมและพัฒนานักศึกษา
4.1 การบริหารและพัฒนาอาจารย์
5.1 สาระของรายวิชาในหลักสูตร
5.2 การวางระบบผู้สอนและกระบวนการจัดการเรียนการสอน
5.3 การประเมินผู้เรียน
6.1 สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้
พบว่า ปกติจะมีการประชุมและทำงานตามระบบและกลไก .. ต่อเนื่องทุกปี
เมื่อถึงสิ้นปีแล้ว เห็นว่าขั้นตอนหรือกระบวนการใดในระบบ
ควรยุบ ปรับปรุง พัฒนา หรือขยายก็เปลี่ยนได้
จึงเสนอตุ๊กตา ตามตัวบ่งชี้ 3.1 ระบบและกลไกการรับนักศึกษา
ในคู่มือการประกันคุณภาพภายใน ระดับอุดมศึกษา ฉบับปีการศึกษา 2557
ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
เป็นตัวอย่าง “ระบบการรับนักศึกษาและการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษา”
1. แต่งตั้ง/ทบทวน คณะกรรมการรับนักศึกษา ประจำหลักสูตร
2. ประชุมวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
3. ประชุมทบทวน/จัดทำแผนกลยุทธ์การรับนักศึกษา และการรณรงค์รับนักศึกษา
4. เสนอขออนุมัติแผนกลยุทธ์จากคณะกรรมการบริหารคณะฯ
5. เผยแพร่แผนกลยุทธ์การรับนักศึกษา
6. ประชุมจัดทำแผนปฏิบัติการ เป้าหมาย เกณฑ์ และตัวบ่งชี้ความสำเร็จ
7. เสนอขออนุมัติแผนปฏิบัติการ และงบประมาณ
8. เผยแพร่แผนปฏิบัติการให้กับทีมงานได้เข้าใจ เข้าถึง
9. เตรียมข้อมูลของหลักสูตร เพื่อการประชาสัมพันธ์รับนักศึกษา
10. ประชุมทบทวนเงื่อนไขการรับนักศึกษาในโครงการต่าง ๆ
11. ประกาศรับสมัครนักศึกษาตามเกณฑ์หลักสูตร
12. แต่งตั้งคณะกรรมการออกข้อสอบ คุมสอบ ตรวจข้อสอบ ประกาศผลสอบ
13. ประชุมออกข้อสอบ รูปแบบการรับสมัคร หรือเครื่องมือคัดเลือกนักศึกษา
14. จัดพิมพ์ข้อสอบ
15. จัดสอบข้อเขียน
16. จัดสอบสัมภาษณ์
17. ประกาศผลสอบ
18. ปฐมนิเทศนักศึกษา
19. จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนเข้าศึกษา
20. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของคณะ
21. ดำเนินการสนับสนุนแผนปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย
22. ประชุมติดตามตัวบ่งชี้ของแผนปฏิบัติการระหว่างปีการศึกษา
23. ประเมินความพึงพอใจการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการรับนักศึกษา
24. ประชุมเปรียบเทียบกับหลักสูตรใกล้เคียง และทำการรวบรวมข้อเสนอแนะ
25. ประชุมประเมินผลแผนงาน/โครงการ และประเมินกระบวนการรับนักศึกษา
26. ประชุมถอดบทเรียน ปรับปรุงแผน พัฒนาการบูรณาการกระบวนการ ระบบ และกลไก
27. ประชุมสรุปผลตามแผนกลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการการรับนักศึกษาประจำปี
* มีอีกหลายขั้นตอนที่ยังไม่ได้ระบุลงไป เช่น ประชุมผู้ปกครอง ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ วันมอบตัว เป็นต้น
http://www.thaiall.com/iqa
การเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ ก็ต้องเปลี่ยนข้อมูลนำเข้า หรือการประมวลผล
ความเป็นมาของการส่งความสุขที่เปลี่ยนไป (itinlife 481)
http://tccontent.blogspot.com/2013/11/blog-post_3001.html
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ พบว่าเริ่มมีการส่งบัตรเยี่ยม หรือ การ์ดข้อความมามากกว่า 200 ปีแล้ว ประเทศไทยรับธรรมเนียมการส่งบัตรอวยพรจากต่างชาติ แบบแรกคือ บัตรอวยพรปีใหม่ ซึ่งพบหลักฐานที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เคยจัดทำเป็นภาษาอังกฤษเมื่อ พ.ศ.2409 ปรากฏในหนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ของ หมอบรัดเลย์ (Dr.Dan Beach Bradley) ต่อมาได้เกิดคำว่า ส.ค.ส. ที่ย่อจาก ส่งความสุข ในต้นรัชกาลที่ 5 จนมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากเมษายน เป็นมกราคม ตามแบบสากลเมื่อ พ.ศ.2483 และนิยมสงการ์ดอวยพรเรื่องมาถึงปัจจุบัน
เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างมาก หลายปีก่อนนิยมส่งข้อความถึงกันด้วยอีเมล (E-Mail) และมีบริการส่งบัตรอวยพรทางเว็บไซต์ ทำให้บัตรอวยพรที่ส่งทางไปรษณีย์เริ่มเสื่อมความนิยมลง แต่มีการรับส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Card) ทางอีเมลกันมากขึ้น ต่อมาโทรศัพท์มีบริการรับส่งข้อความแบบสั้น หรือ SMS (Short Message Service) ทำให้การส่งความสุข หรือข้อความยินดีในแต่ละเทศกาลเริ่มเปลี่ยนไป บางท่านที่มีเพื่อนมากอาจได้รับข้อความในเทศกาลปีใหม่นับร้อย บางท่านมีเพื่อนน้อยอาจได้รับเป็นสิบข้อความเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในต้นปี 2558 สถิติการส่งข้อความสั้นลดลงตามคาด และลดลงมากกว่าปีที่ผ่านมา จากรายงานข้อมูลของผู้ให้บริการทั้ง ดีแทค เอไอเอส และทรูมูฟ เอช
การใช้งานดาต้าในช่วง 23.45 – 00.15น. เปลี่ยนปีเก่าเป็นปีใหม่ เทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดการใช้งานสูงขึ้น 3 – 4 เท่า ซึ่งผู้ใช้ส่งข้อความหากันผ่านโซเชียลมีเดียหลัก 3 ราย คือ Line, Facebook และ Instagram ทั้งนี้กระแสการใช้งาน Line Sticker ได้รับการสนับสนุนประชาสัมพันธ์จากภาครัฐ มีแบบสติ๊กเกอร์ 16 แบบให้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อส่งเสริม “ค่านิยมสิบสองประการ” และแบบที่ 13 มีคำว่า “สวัสดีปีใหม่” ซึ่งผมก็ได้รับจากเพื่อนหลายท่าน แต่ในทางตรงกันข้ามปีนี้กลับไม่ได้รับข้อความส่งความสุขทาง SMS เลย ต่อจากนี้แนวโน้มการส่งข้อความของผู้ใช้เทคโนโลยีก็จะใช้บริการผ่าน Line และ Facebook เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าท่านกำลังพิจารณาว่าจะส่งความสุขถึงใครสักคนก็คงต้องพิจารณาว่าผู้รับจะสะดวกรับทางใด ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากนักในยุคสังคมก้มหน้า
http://www.jobmarket.co.th/news/detail.php?dd=5978
http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000000110
http://www.mxphone.net/010115-3-operetor-new-year-data-usage-up/
ติด shortcut เข้าแล้ว
ในที่สุด สงครามบราวเซอร์จบอีกครั้งแล้ว (itinlife479)
สิบกว่าปีก่อนมีสงครามบราวเซอร์ (Browser) ระหว่าง IE (Internet Explorer) กับ Netscape ซึ่งครั้งนั้นจบลงด้วยการยกธงขาวของ Netscape หลังจากนั้นปี 2004 ก็มี Firefox ที่เข้ามาในการแข่งขันจนกระทั่งเขย่าบัลลังของ IE ได้สำเร็จ แล้วปี 2008 บริษัทกูเกิ้ลได้เผยแพร่ Chrome จนกระทั่งปี 2012 ได้เข้ามาเป็นคู่แข่งสำคัญของ Firefox จากโพสต์ของ Ed Bott นักเขียนใน Zdnet.com ทำให้ทราบว่าการแข่งขันของบราวเซอร์น่าจะจบลงในสิ้นปี 2014 นี้
บราวเซอร์ คือ โปรแกรมสำหรับเปิดดูเว็บไซต์ผ่านโปรโตคอล HTTP (HyperText Transfer Protocol) ถ้าไม่มีโปรแกรมบราวเซอร์ ผู้ใช้ก็จะเปิดดูเว็บไซต์ไม่ได้ เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งถูกใช้งานมากที่สุดในโลก จากสถิติใน w3schools.com พบว่าโปรแกรมที่ใช้เปิดเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมี 5 โปรแกรม มีสถิติการใช้งานเมื่อพฤศจิกายน 2014 เรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ 1) Chrome มีร้อยละ 60.1 2) Firefox มีร้อยละ 23.4 3) IE มีร้อยละ 9.8 4) Safari มีร้อยละ 3.7 และ 5) Opera มีร้อยละ 1.6 ดังนั้นการจะมีโปรแกรมน้องใหม่เข้ามาท้าทาย Chrome ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโปรแกรมเหล่านี้สังกัดค่ายด้านไอทีที่เข้มแข็ง คือ Chrome เป็นของ google.com ส่วน Firefox เป็นของ Mozilla ส่วน IE เป็นของ Microsoft ส่วน Safari เป็นของ Apple หากจะมีโปรแกรมน้องใหม่เข้ามาขอส่วนแบ่งตลาดก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงมองว่าสงครามนี้น่าจะจบลงด้วยการที่ Chrome มีชัยเหนือบราวเซอร์ทั้งปวง
ปัจจุบัน Chrome กินส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด มีหลายปัจจัยสนับสนุน อาทิ อุปกรณ์สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่ติดตั้ง Chrome มาให้ใช้ ส่วนผู้ใช้บนระบบปฏิบัติการวินโดว์ที่นิยมสืบค้นข้อมูลผ่าน google.com ก็จะนิยมใช้ Chrome ไปด้วย เมื่อเข้า Chrome ก็สนับสนุนให้สืบค้นผ่าน google.com โดยง่าย อีกเหตุผลคือ ประสิทธิภาพ หน้าตา และฟังก์ชันที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการเปรียบเทียบก็มักจะพบว่า Chrome ใช้งานง่าย และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แล้วท่านล่ะใช้บราวเซอร์ที่คนทั้งโลกนิยมใช้กันอยู่หรือไปไม่
http://www.w3schools.com/browsers/browsers_stats.asp
http://www.zdnet.com/article/did-the-browser-wars-finally-end-in-2014/
กยศ. ออกโปสเตอร์ กู้ให้ยาก จ่ายให้ง่าย
พบโปสเตอร์หน้าห้องกิจการนักศึกษา .. น่าสนใจ จึงนำมาแบ่งปัน
กู้ให้ยาก – คัดกรองคนเก่ง คนดี ให้ได้มีโอกาส
1. มีความจำเป็นต้องขอกู้ยืม
2. มีคุณสมบัติตามที่กองทุนกำหนด
3. กู้ยืมเท่าที่จำเป็น กู้น้อยเป็นหนี้น้อย กู้มากเป็นหนี้มาก
4. มุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนให้สำเร็จตามหลักสูตร
5. มีวินัยทางการเงิน ใช้เงินกู้ยืมอย่างรู้คุณค่า
6. มีจิตอาสา จิตสาธารณะ
จ่ายให้ง่าย – จบการศึกษา ส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้รุ่นน้อง ตอบแทนสังคม
1. จ่ายสะดวกได้ทั้งแบบรายเดือนและรายปี
2. ช่องทางชำระหนี้ทั่วถึง
– บมจ.ธนาคารกรุงไท ทุกสาขา ทุกช่องทางทั่วประเทศ
– ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
– ไปรษณีย์ไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
3. ชำระหนี้ภายในกำหนด
ไม่เสียเบี้ยปรับ และไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
กยศ.ให้โอกาส ให้อนาคต
http://www.studentloan.or.th