โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายผิดปกติ หรือ อืดแน่นท้อง จากลำไส้ใหญ่

โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายผิดปกติ หรือ อืดแน่นท้อง จากลำไส้ใหญ่

Irritable bowel syndrome
Irritable bowel syndrome

ตั้งแต่ 14 พ.ค.56 ผมคงต้องคุมอาหารแล้ว โดยเฉพาะงดกาแฟ
เพราะคาดว่าร่างกายมี ภาวะไวต่ออาหาร
หรือ ภาวะที่รับอาหารบางอย่างแล้วย่อยไม่ได้ดี
ต่อไปก็ต้องคัดอาหารออกแล้ว จะหลีกหนีอาการแน่นท้องเพราะลมในท้อง

1. โรคลำไส้แปรปรวน คือ โรคอะไร

ตอบ โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome (IBS)) เป็นภาวะเรื้อรังของลำไส้ ซึ่งประกอบด้วยอาการหลัก คือ ปวด หรือ อึดอัดท้อง และ มีลักษณะอาการสัมพันธ์กับการถ่าย หรือ อุจจาระที่เปลี่ยนไป (บ่งบอกว่าเป็นการปวดจากลำไส้ใหญ่) ซึ่งไม่พบว่ามีสาเหตุใด ๆ

2. โรคนี้พบได้มากแค่ไหน คนอื่น ใคร ๆ เป็นโรคนี้กันมากไหม

ตอบ ภาวะโรคนี้พบได้มากเลยทีเดียว เรียกว่าบางการศึกษาพบว่าเป็นภาวะที่ทำให้ทำงานไม่ได้เป็นภาวะโรคอันดับ 2 รองจากไข้หวัด พบว่ามีถึง10 ถึง 20 % ของประชากรทั่วไปเลย แต่มีเพียงแค่ 15 % ของผู้ที่ปัญหาจากโรคนี้ที่เข้าตรวจ หรือ ปรึกษาแพทย์

3. โรคนี้หายได้หรือไม่

ตอบ พบว่ามีการรักษาได้หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่ทำให้อาการดีขึ้น หรือ หายชั่วคราว แต่ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ จากลักษณะนี้ทำให้เกิดความหงุดหงิดในการรักษาทั้งแพทย์ และ ผู้ป่วย การรักษาพบว่าดีขึ้นได้มากขึ้น ถ้าผู้ป่วยทราบว่าลักษณะโรคนี้ ดีขึ้นแต่ไม่หาย และ ไม่ได้เกิดจากสาเหตุโรคร้ายแรงใด ๆ เลย ดังกล่าว

4. สาเหตุของโรคลำไส้แปรปรวน (IRRITABLE BOWEL SYNDROME)

ตอบ มีหลายทฤษฎี ที่เสนอว่าน่าอธิบาย ภาวะโรคนี้ได้ แม้มีการศึกษาโรคนี้กันมากมาย แต่พบว่าไม่มีทฤษฎีใดอธิบายในคนไข้ได้ทุกคนถูกต้องเหมือนกันหมดได้เลย

ทฤษฎีแรก เสนอว่าน่าเกิดจากการบีบตัวผิดปกติของลำไส้ใหญ่ หรือ อาจเรียกว่าตะคริว ลำไส้เกร็งตัวผิดปกติ (spastic colon) การบีบตัวอย่างรุนแรงจึงทำให้เกิดการปวดเกร็งลำไส้ ผู้ป่วยบางรายจึงตอบสนองต่อการให้ยาคลายลำไส้ (antispasmodic) และ ให้ใยอาหาร (fiber)(สารนี้อาจทำให้เกิดการทำให้การบีบตัวของลำไส้เข้าที่ กลับสู่ปกติได้ (regulate contractions)) แต่ดังที่กล่าวแล้ว ภาวะนี้ไม่สามารถอธิบายผู้ป่วยได้ทุกคน
จากการพบว่าผู้ป่วยส่วนหนึ่งเกิดภาวะนี้ตามหลังการติดเชื้อ เช่นเชื้อไข้รากสาด หรือ เชื้อแบคทีเรียอาหารเป็นพิษ เช่น Salmonella หรือ Campylobacter กลไกที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่ของโรคนี้ ไม่มีประวัติการติดเชื้อนำ ตามทฤษฎีนี้
ผู้ป่วยโรคนี้พบว่ามีหลาย ๆ คนที่มีภาวะทางจิตเวช หรือ ความเครียดร่วมด้วย แต่อาจเป็นผล คือตามที่กล่าวแล้วว่าภาวะนี้พบได้มาก และ ผู้ป่วยไม่สนใจจะมารักษา ผู้ที่มีภาวะเครียด หรือ จิตเวชมีแนวโน้มจะเข้าปรึกษาแพทย์ได้มากอยู่แล้ว จึงอาจพบผู้ป่วยโรคนี้ที่มีจิตเวชได้มากกว่าปกติก็ได้ ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่แท้จริง ส่วนทฤษฎีที่ว่าภาวะเครียด กังวลใจ อาจมีผลต่อลำไส้ทำให้เกิดการปวด หรือ รู้สึกไวขึ้นได้นั่นเอง
ภาวะไวต่ออาหาร หรือ ภาวะที่รับอาหารบางอย่างแล้วย่อยไม่ได้ดี (Food intolerances) พบได้เกือบทุกคนในภาวะนี้ จึงเป็นไปได้ว่าโรคนี้อาจเกิดจากแพ้อาหาร หรือ ไวต่ออาหาร (food sensitivity หรือ allergy) พบว่าทฤษฎีนี้ยากที่จะพิสูจน์ และได้รับการศึกษาอย่างมากขณะนี้ การจดดูรายการอาหารที่ ทำให้อาการมากขึ้น และหลีกเลี่ยงซึ่งทำได้ยาก (การรักษานี้เรียกว่า การทานอาหารแบบคัดออกหลีกเลี่ยง elimination diet) แต่การทำวิธีดังกล่าวนอกจากอาจเลือกอาหารได้ผิด และทำได้ยาก ยังทำให้ผู้ป่วยขาดอาหารที่สำคัญบางอย่างไปโดยไม่จำเป็น และ อาจไม่เป็นสาเหตุที่แม้จริงได้ รวมทั้งผู้ป่วยยังเข้าสังคมไม่ได้ดี และ อาหารเองก็มีการปะปนกันดูได้ยากด้วย เช่นนม จะรวมทั้งครีม หรือ อาหารบางอย่างที่ใส่นมโดยไม่รู้ตัวด้วย อาหารที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคนี้กำเริบได้ ได้แก่ อาหารกลุ่มนม (dairy products) ซึ่งมีสาร lactose, อาหารกลุ่มถั่ว และ อาหารกลุ่มผัก cruciferous vegetables (เช่น broccoli, กะหล่ำ cauliflower, brussels sprouts, และ cabbage) ส่วนใหญ่ทำให้เกิดลมในท้อง หรือ ลำไส้เกร็งตัวได้มากขึ้น ทำให้เกิดอาการมากขึ้นได้
หลาย ๆ การศึกษาพบว่า IBS อาจเกิดจาก ความไวต่อความรู้สึกของลำไส้มากเกินไป โดยไม่ได้มีโรค หรือ การบีบตัวผิดปกติใด ๆ เลย ( เรียกว่า ลำไส้ไวขึ้น “visceral hyperalgesia”) ดังนั้นแม้ลม มีการบีบตัวปกติ อุจจาระ หรือ อาหารปกติ ก็ทำให้เกิดการปวดรุนแรงได้ พบว่าการรักษาซึ่งสนับสนุนทฤษฎีนี้คือ พบว่าผู้ป่วยส่วนหนึ่งตอบสนองต่อยากลุ่มลดการไวต่อการปวด เช่น ( low doses ของ imipramine หรือ nortriptyline) เป็นต้น

5. อาการของโรคนี้มีอะไรบ้าง

ตอบ IBS มักพบตั้งแต่อายุยังน้อย โดยผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า แม้ตามที่กล่าวอาจเกิดจากผู้หญิงเองอยากพบ เข้าปรึกษาแพทย์มากกว่าผู้ชายก็ได้ ในบางประเทศเช่นอินเดียพบว่าพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการมีดังนี้

5.1 ปวดท้อง – มักเป็นลักษณะบีบ (crampy) มีความรุนแรงไม่เท่ากัน และมักอยู่ในส่วนของลำไส้ด้านล่างด้านซ้าย แต่ลักษณะการปวดอาจเป็นแบบอื่นเช่นตื้อ ๆ หนัก ๆ อึดอัด มีความรุนแรงต่าง ๆกัน รวมทั้งตำแหน่งอาจอยู่ที่ใดก็ได้ด้วย ไม่เหมือนกันในแต่ละคน บางคนพบว่าเมื่อเครียด หรือ ทานอาหารบางอย่างอาจทำให้แย่ลงมากขึ้นได้ บางรายการถ่ายทำให้อาการหาย หรือ ลดลงไปได้ บางรายปวดมากขึ้นเมื่อมีประจำเดือน

5.2 มีลักษณะการถ่ายผิดไป (Altered bowel habits) – ถือเป็นลักษณะพิเศษ อาจช่วยในการวินิจฉัยภาวะโรคนี้เลย ได้แก่ มีท้องเสีย ท้องผูก หรือ มีสลับท้องเสีย และ ท้องผูกก็ได้ โรคนี้อาจแบ่งเป็นท้องเสียเด่น (diarrhea predominant IBS) หรือ ท้องผูกเด่น (constipation dominant IBS)

5.3 ท้องเสีย มักเกิดในช่วงเวลาทำงาน (daytime) และมักเป็นในช่วงเช้าหรือหลังทานอาหารมากกว่าเวลาอื่น ภาวะท้องเสียมักมีอาการร่วมคือ การต้องรีบอยากเข้าถ่าย (urgency) และมักมีอาการรู้สึกถ่ายไม่หมดร่วมด้วย (incomplete evacuation) ราวครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยพบว่ามีมูกเวลาถ่าย ได้ด้วย การท้องเสียหลังเข้านอนหลับสนิทแล้วพบน้อยมาก ๆ ถ้ามีการปลุกตื่นอยากถ่ายอย่างนี้ ควรหาสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ ก่อน

5.4 ท้องผูก – อาจกว่าจะหายเป็นวัน หรือเป็นเดือน โดยถ่ายแข็ง หรือ คล้ายลูกกระสุน (pellet-shaped) บางรายอาจมีความรู้สึกว่าถ่ายไม่หมดร่วมด้วย ทำให้เกิดภาวะเบ่งมากตามมา หรือ นั่งถ่ายอยู่นานไม่ออก ร่วมด้วยได้ บางรายเกิดการใช้ยาระบาย หรือ สวนถ่ายบ่อย ๆ โดยไม่จำเป็นร่วมด้วย

5.5 อาการลำไส้อื่น ๆ – เช่นอืดเฟ้อ ลมมาก เรอ แน่นแสบอก กลืนลำบาก หรืออิ่มเร็ว คลื่นไส้ได้ด้วย

5.6 อาการอื่นที่ไม่ใช่อาการกลุ่มลำไส้ – เช่นอยากปัสสาวะบ่อย ปวดประจำเดือน หรือมีปัญหาทางเพศ

6. จะวินิจฉัยโรคนี้ได้อย่างไร

ตอบ มีโรคมากมายที่อาการคล้ายโรคนี้ ได้แก่โรคที่มีปัญหาการย่อยอาหาร (malabsorption), โรคภูมิแพ้ลำไส้อักเสบ (inflammatory bowel disease เช่น ulcerative colitis และ Crohn’s disease) และ โรคลำไส้อักเสบจากโรค microscopic และ eosinophilic colitis (พบได้น้อยมากในเมืองไทย) เนื่องจากไม่มีการตรวจวินิจฉัยใด วินิจฉัยเดียวได้ ผู้ป่วยจะเริ่มการวินิจฉัยจากการเปรียบเทียบอาการกับเกณฑ์การวินิจฉัยโรคนี้ โดยสมาคมแพทย์ทางเดินอาหารโลก ที่กรุงโรม (Rome หรือ Manning criteria) แต่เกณฑ์นี้ไม่สามารถแบ่งผู้ป่วยเป็นกลุ่มย่อยเพื่อพิจารณาการรักษาได้ จึงควรได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และ ตรวจเพิ่มเพื่อประกอบการรักษาจากแพทย์ร่วมด้วย

เมื่อเลือกการตรวจใด ๆ แพทย์จะเลือกการตรวจตามข้อมูลที่ได้ ราคาการตรวจ ความเหมาะสมตามอายุของผู้ป่วย แตกต่างกัน ควรปรึกษาร่วมกันคิดกับแพทย์ของท่าน เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมต่อไป

การซักประวัติ – การวินิจฉัยโรคลำไส้แปรปรวน จะประกอบด้วย ลักษณะอาการ ระยะเวลาที่มีอาการ ความรุนแรงของอาการลำไส้ รวมทั้งประวัติว่าอาการสัมพันธ์กับอาหาร หรือ ยาด้วยหรือไม่ รวมทั้งจะซักปัญหาความเครียด และ โรคทางจิตเวชในทุกรายที่เป็นภาวะนี้ ดังที่กล่าวแล้ว

การตรวจร่างกาย – มักไม่พบความผิดปกติใด ๆ การตรวจก็เพื่อแยกโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายโรคนี้

การตรวจพิเศษ – แพทย์ส่วนใหญ่จะสั่งตรวจเลือด โดยมักพบว่าปกติทุกอย่าง รวมทั้งแยกโรคร้ายแรงอื่น ๆ โดยการตรวจพิเศษเพิ่มเติมด้วย ตัวอย่างเช่นอาจเช็คไทรอยด์ อุจจาระ รวมทั้งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) หรือ ลำใส้ใหญ่ส่วนปลาย (sigmoidoscopy) ซึ่งมักในคนที่สงสัยภาวะมะเร็ง หรือ ทำในคนที่อายุมากกว่า 40 ปี (อ่านเพิ่มเติมในเรื่อง การตรวจค้นหามะเร็งลำไส้ใหญ่)

การรักษา โรคลำไส้แปรปรวน (IRRITABLE BOWEL SYNDROME)

มีวิธีการรักษา และ ยารักษามากมาย บางครั้งต้องอาจใช้ยาหลายกลุ่มเข้ารักษาร่วมกัน เนื่องจากโรคนี้มีหลายกลุ่มย่อย และ การตอบสนองต่อยาก็แตกต่างกัน บางครั้งอาจต้องใช้วิธีปรับยาหลายครั้งจึงดีขึ้น ทั้งนี้ขึ้นกับความเข้าใจโรคดังกล่าวด้วยว่าโรคนี้ไม่ร้ายแรง (หลังจากตรวจค้นหา จนแน่ใจ 1 ถึง 2 ครั้ง หรือ บางคนแค่ประวัติตรวจร่างกายก็แน่ใจได้ว่าไม่ได้มีโรคร้ายแรงโดยตรวจเพิ่มเติมแค่เล็กน้อย) รวมทั้งต้องติดตามการรักษาอธิบายอาการอย่างละเอียด ระหว่างผู้ป่วย และ แพทย์ที่รักษาด้วย จึงทำให้ผลการรักษาดีขึ้น

การติดตามการรักษา – ในการรักษาขั้นแรก อาจต้องติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด โดยต้องรายงานอาการ นิสัยความเป็นอยู่ และ การรับประทานของผู้ป่วย รวมทั้งต้องทราบประวัติทุกอย่างที่อาจมีผลต่อลำใส้ บางรายอาจจับจุดได้ว่าแก้ไขได้ง่าย เช่นอาจแพ้อาหารบางอย่าง หรือ ย่อยอาหารกลุ่มนมไม่ได้ (lactose intolerance) รวมทั้งการแก้ความเครียด โรคซึมเศร้าอาจทำให้อาการดีขึ้นได้มาก ควรมีสมุดบันทึกเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยในการรักษาได้มาก

การเปลี่ยนนิสัยการรับประทาน – จากทฤษฎี ที่อธิบายแล้วว่าผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งอาจมีปัญหาการย่อย แพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหาร เช่นอาหารที่ทำให้เกิดลม มันมาก กลุ่มนม อาหารย่อยยาก ผัก หรือ เนื้อบางอย่าง ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละคน หรือ บางคนอาจไม่เกี่ยวกับอาหารใด ๆ เลยก็ได้ ควรมีบันทึกอาหาร แต่ละมื้ออย่างละเอียด และ ดูร่วมกับอาการ อาจทำให้ค้นหาอาหารที่ทำให้เกิดอาการได้ชัดเจนขึ้น ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ลองหยุดอาหารกลุ่มนมดูในช่วงแรก เพราะ พบคนที่มีปัญหาย่อยอาหารกลุ่มนม (lactose intolerance) พบได้บ่อยมาก (กินนมแล้วท้องเสีย กินแล้วอืด หรือ กินนมช่วยระบาย) การงดนมก็ควรทดแทนด้วยการกิน calcium ทดแทนด้วย เพื่อบำรุงกระดูก

อาหารบางอย่างจะมีการย่อยแค่บางส่วน จนเมื่อถึงลำไส้ใหญ่จึงจะใช้แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ช่วยย่อย ทำให้เกิดลมในท้อง และ ปวดบีบได้ อาหารดังกล่าวได้แก่ legumes (คืออาหารประเภทถั่ว beans) และ อาหารกลุ่มกระหล่ำ บลอคคาลี่ cruciferous vegetables เช่น cabbage, brussels sprouts, cauliflower, และ broccoli บางรายอาจมีปัญหากับอาหาร หัวหอม onions, celery, แคลลอท carrots, เลซิน raisins, กล้วย bananas, แอปปริคอท apricots, พรุน prunes, sprouts, และ wheat.

พยายามกินอาหารที่มีไฟเบอร์ (fiber) มากขึ้น – มักดีในผู้ป่วยกลุ่มที่ปวดท้อง แบบท้องผูก บางรายแม้ปวดแบบท้องเสียการกินไฟเบอร์ กลับทำให้ลำไส้ได้ฝึกบีบตัวดีขึ้นได้ การกินผักผลไม้อาจเกิดข้อเสียดังที่กล่าวแล้วในบางคนที่มีปัญหาการย่อย หรือ ไวต่อลม บางครั้งอาจต้องพิจารณาให้ fiber ทางการแพทย์ เช่น psyllium [Metamucil] หรือ methylcellulose [Citrucel] โดยเริ่มจากขนาดน้อย ไปหาขนาดมาก สาเหตุที่ fiber ทำให้ดีขึ้นยังไม่เข้าใจเหตุผลนัก อาจจากทำให้ลำใส้ได้ฝึกบีบตัวตามที่กล่าวแล้ว ก็ได้

การช่วยเหลือ ความเครียด หรือ แก้ปัญหาซึมเศร้า จิตเวช ตามที่กล่าวแล้วว่า ความเครียด และ ความกังวลใจ อาจทำให้โรคนี้เป็นมากขึ้นได้ในบางราย ผู้ป่วยควรนึกคิด และ ปรึกษาปัญหาในกลุ่มนี้กับแพทย์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อช่วยแพทย์ในการพิจารณาให้การรักษา

ผู้ป่วยบางคนอาจดีขึ้นเมื่อปรึกษากับจิตแพทย์ ร่วมกับให้ หรือ ไม่ให้ยากลุ่มนี้ รวมทั้งการให้ยานอนหลับ หรือ สอนการทำ biofeedback เป็นต้น
บางรายอาจดีขึ้นหลังเข้ากลุ่มปรึกษาทางจิตเวช
ผู้ป่วยหลายรายดีขึ้น หลังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือดีขึ้นจากการเดิน เพราะช่วยในการทำงานของลำไส้ได้ด้วย

ยารักษา แม้มียารักษาหลายอย่าง แต่ไม่สามารถทำให้โรคนี้หายขาดได้ ส่วนใหญ่เพื่อทำให้ดีขึ้น หรือ หายไปชั่วคราวเท่านั้น ยารักษาจะขึ้นกับว่าผู้ป่วยเป็นกลุ่มใด ระหว่างท้องเสียเด่น ท้องผูกเด่น หรือ ปวดท้องเด่น ควรลองการเปลี่ยนอาหาร เพิ่มไฟเบอร์ใยอาหาร ก่อนทานยา

ข้อมูลจาก http://www.praram9.com/th/article_detail.php?id=220

เกณฑ์การเลือกคู่มีหลายแบบ

การได้มาซึ่งคู่ครองก็จะมีเกณฑ์ของแต่ละคนต่างกันไป

1. บางคนบอกว่าใครก็ได้ขอให้มีอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยให้
2. บางคนบอกว่าใครก็ได้ขอให้ขาว สวย ดูต้องตาต้องใจก็พอ
3. บางคนบอกว่ารักแรกพบ ไม่มีต้องการเหตุผล
หากความรักเกิดในความฝัน ในเพลง “ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ”
http://www.youtube.com/watch?v=48dpTUwqDqg
4. บางคนบอกว่ารักต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน
อย่างนี้ต้องดู speed
http://www.youtube.com/watch?v=Fk4A1AY10U0
5. บางคนบอกว่าดูดี มีฐานะ นิสัยดี ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นหวย รักเดียว ขยัน สมาร์ท อยู่ใกล้บ้าน ว่านอนสอนง่าย ไม่เถียง มีเวลาให้ 24 ชม.

เพราะมีคนบอกว่ารักมา 10 ปี เลิกกันก็มีถมไป
สุดยอดนักกีฬากับนางงามจักรวาลเลิกก็มีมาแล้ว

ืnews
ืnews

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=600233536654556&set=a.270865052924741.81816.187350317942882

เคยดูหนังเรื่อง Mural อาบรักทะลุมิติ
ออกแนวโปเยโปโลเย หนังแนวนี้เป็นรักที่ไม่ต้องการเหตุผล
http://www.adintrend.com/show_admovie.php?id=6760

คลิ๊ปเรื่อง Mural
http://www.youtube.com/watch?v=Z0rAxVxAQyg

อาชีพนักข่าวจัดว่าต่ำสุดที่สหรัฐอเมริกา

ดูเรื่องมายาตวัน ผมชอบครับ รู้สึก Drama
มีคนบอกว่า ชีวิตจริงดั่งละคร ก็ไม่รู้หมายความว่าอย่างไร
แต่ผมชอบ อุรัสยา  สเปอร์บันด์ หรือ ญาญ่า น่ารักดี

drama แปลว่า ละคร
drama แปลว่า ละคร


จาก 4 เกณฑ์ที่ใช้จัดอันดับอาชีพ
1. สภาพแวดล้อมในการทำงาน (Environment)
2. รายได้ (Income)
3. โอกาสในการจ้างงาน  (Outlook)
4. ความเครียดของงาน (Stress)
http://www.thairath.co.th/content/edu/341959

อาชีพนักข่าวถูกจัดให้เป็นอาชีพที่ตกต่ำที่สุด เป็นอาชีพที่ต่ำต้อยที่สุด ในบรรดาการงานอาชีพที่ทำกันอยู่ในอเมริกา 200 ชนิด ตกต่ำยิ่งเสียกว่าพนักงานเก็บขยะ คนโค่นต้นไม้และตัดไม้ คนงานล้างจาน และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

บริษัทพัฒนาทรัพยากรบุคคล “คาเรีย แคสท์” ผู้จัดอันดับได้อ้างว่าจัดโดยถือหลักตัวแปร 4 ตัวด้วยกัน ตั้งแต่สภาพแวดล้อมในการทำงาน รายได้ โอกาสในการจ้างงาน และความเครียดของงาน โดยหลักเกณฑ์ 4 ประการนี้ บริษัทได้ยกย่องให้อาชีพผู้คิดอัตราค่าประกัน เป็นงานที่อยู่อันดับสูงส่งที่สุด

โดยพิจารณาจากข้อมูลสำรวจรายปี อาชีพนักข่าวได้เริ่มส่อเค้าตกต่ำ มาเป็นต่ำต้อยที่สุด ตั้งแต่ปีกลาย โดยถูกจัดรวมอยู่ในอาชีพที่ตกต่ำที่สุด 5 อาชีพด้วยกัน

ขณะที่ผลการจัดอันดับในปีนี้ ได้เลือกให้อาชีพนักข่าวเป็นอาชีพที่ตกต่ำที่สุดกว่าเพื่อน อยู่อันดับที่ 200 โดยมีอาชีพคนโค่นต้นไม้และตัดไม้ อยู่อันดับที่ 199 อาชีพทหารเกณฑ์ อันดับที่ 198 ดารา อันดับ 197 คนงานขุดเจาะน้ำมัน อันดับ 196 และคนงานในฟาร์มโคนม อันดับ 195 อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อันดับ 191 ช่างภาพหนังสือพิมพ์ อันดับ 188

บริษัทกล่าวว่า รัศมีอาชีพนักข่าวได้หม่นหมองลงตั้งแต่ 5 ปีมาแล้ว และยังวิตกว่ากว่าจะถึง พ.ศ.2563 จะยิ่งตกต่ำยิ่งกว่านี้ลงไปอีก

ทางด้านอันดับสูง ๆ นอกจากอาชีพผู้คิดอัตราค่าประกันแล้ว ยังตามด้วยอาชีพวิศวกรด้านวิศวกรรมชีวเวช วิศวกรซอฟต์แวร์ นักโสตสัมผัสวิทยา และนักวางแผนทางการเงิน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พฤษภาคม 2556, 12:00 น.

http://www.careercast.com/jobs-rated/best-worst-jobs-2013 (all)
http://www.careercast.com/jobs-rated/best-jobs-2013
http://www.careercast.com/jobs-rated/worst-jobs-2013
http://www.careercast.com/jobs-rated/jobs-rated-2013-methodology
http://drama.kapook.com/view56016.html

เรื่องของตับ ที่อ้างว่าหนิดหนมกับเรา

ตับ (liver)
ตับ (liver)

หวัดดี…ฉันคือตับ ของคุณ
ให้ฉันเล่าให้คุณฟังว่า ฉันรักคุณมากเท่าใด 9 ข้อ

1. ฉันสะสมธาตุเหล็กสำรองรวมทั้งวิตามิน และ แร่ธาตุ ต่างๆ ที่คุณต้องการ
หากไม่มีฉัน คุณก็จะไม่มีเรี่ยวแรงที่อยู่ต่อไป

2. ฉันผลิตน้ำย่อย สำหรับย่อยอาหารให้คุณ
หากไม่มีฉัน คุณก็สูญเสียอาหาร จนไม่มีอะไรเหลืออยู่

3. ฉันทำหน้าที่ล้างพิษของพวกสารเคมีที่คุณมอบให้ฉัน
ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ เบียร์ ไวน์ ยาต่างๆ(ที่มีและไม่มีใบสั่งของแพทย์)
รวมทั้งบรรดาสิ่งผิดกฏหมายทั้งหลาย
หากไม่มีฉันแล้วนิสัยไม่ดีของคุณ ก็จะฆ่าคุณไปแล้ว

4. ฉันเก็บพลังงานเหมือนแบตเตอรี่ โดยสะสมน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรท , กลูโคส และ ไขมัน)
ไว้ให้คุณเมื่อคุณต้องการมัน
หากไม่มีฉัน ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณจะลดลงต่ำมาก จนทำให้คุณล้มพับไป

5. ฉันสร้างเลือดให้ระบบต่างๆ ของคุณ ก่อนที่คุณจะเกิดเสียอีก
หากไม่มีฉันแล้วก็คงจะไม่มีคุณอยู่ที่นี่

6. ฉันผลิตโปรทีนใหม่ที่ร่างกายของคุณต้องการเพื่อการมี สุขภาพดีและเจริญเติบโต
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็จะไม่เจริญเติบโตอย่างที่ควร

7. ฉันกลั่นกรองสารพิษจากอากาศ ไอเสียรถยนต์ และสารเคมี ที่คุณหายใจเข้าไป
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็จะเหมือนถูกวางยาพิษโดยมลภาวะเหล่านั้น

8. ฉันผลิตสารทำให้เลือดแข็งตัว ถ้าคุณบังเอิญไปโดนอะไรบาด
หากไม่มีฉันแล้วคุณจะต้องตายเพราะเลือดไหลไม่หยุด

9. ฉันคอยต่อสู้ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ โจมตีคุณ ไม่ว่าจะเชื้อหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่
อะไรก็ตาม ฉันจะน็อคมันให้ตายหมด หรือ ไม่ก็ทำให้มันอ่อนแรงลง
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็เหมือนเป้านิ่ง รอให้สารพัดโรคโจมตี

ดูซิว่า ฉันรักคุณแค่ไหน….
แล้วคุณล่ะ รักฉันบ้างไหม ?

ขอให้ฉันบอกวิธีง่ายๆ ที่จะ รัก ฉัน , ตับ ของคุณ

อย่ากดฉันให้ต้องจมลงในน้ำเบียร์ แอลกอฮอล์ หรือ ไวน์ เลย
สำหรับบางคนแล้วเพียงแก้วเดียว ก็ทำให้ฉันเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต

ระวังบรรดา ” ยา ” ทั้งหลาย
ยาทุกอย่างมาจากสารเคมี
และเมื่อคุณเอามันมนผสมกันเข้า โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์
มันก็กลายเป็นยาพิษที่สามารถทำลายฉันได้อย่างดีทีเดียวละ
ฉันเป็นแผลเป็นง่าย เมื่อเป็นแล้ว เป็นอย่างถาวรเสียด้วย
บางครั้งยาก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ การกินยาเกินความจำ เป็น เป็นนิสัยไม่ดี
บรรดาสารเคมีเหล่านั้น สามารถทำลายตับได้

จงระวังบรรดากระป๋องสเปรย์ทั้งหลาย
จำไว้ว่า ฉันจะต้องล้างพิษทุกอย่างที่คุณหายใจเอาเข้าไปด้วย
ดังนั้นเวลาคุณทำความสะอาดอะไรด้วยพวกสเปรย์
ต้องให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือสวมหน้ากากด้วย
อันตรายเพิ่มเป็นสองเท่า สำหรับพวกสเปรย์ฆ่าแมลง ฆ่าเชื้อรา สี และสารเคมี
ระวังว่าคุณหายใจเอาอะไรเข้าไป

ระวังว่าอะไรโดนผิวหนังคุณด้วย ยาฆ่าแมลงที่คุณฉีดต้นไม้ พุ่มไม้นั้น
สามารถผ่านผิวหนังของคุณเข้ามาโจมตีฉันได้ด้วย
ป้องกันผิวหนังของคุณโดยการสวมถุงมือ ใส่เสื้อแขนยาว หมวก หน้ากากทุกครั้ง
ที่คุณฉีดยาฆ่าแมลง

คำเตือน
ฉันไม่สามารถ และ ไม่บอกคุณด้วยว่าฉันประสพกับปัญหา
จนกระทั่งเกือบจะถึงวาระสุดท้ายของทั้งฉันและคุณเสียแล้ว
จงจำไว้ว่า ฉันไม่ใช่ประเภทขี้บ่น
ให้ฉันทำงานหนักเกินไปโดยอัด ยา แอลกอฮล์ และ บรรดาอาหารขยะ
สามารถทำร้ายฉันได้!
นี่อาจเป็นการเตือนครั้งเดียวที่คุณจะได้รับ

โปรดฟังคำแนะนำฟรี
พาฉันไปให้คุณหมอตรวจ
การตรวจเลือด สามารถบอกปัญหาบางอย่างได้
ถ้าฉันยังอ่อนนุ่ม และไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ แสดงว่าฉันยังดีอยู่
ถ้าคุณหมอสงสัย การอัลตร้าเซาวนด์ หรือ ซีที แสกน ช่วยได้
อายุของฉัน กับอายุของคุณ ขึ้นอยู่กับว่า คุณดูแลฉันดีแค่ไหน

คราวนี้คุณรู้แล้วละซี ว่าฉันรักคุณแค่ไหน
ได้โปรดดูแลฉันหน่อยด้วยความรักและผูกพัน
จาก เพื่อนร่วมชีวิตผู้สงบเงียบ
และคู่รักนิรันดร
ของคุณ

ตับ

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=466394080045943&set=a.355484451136907.90716.320028258015860

ภาพ และรายละเอียดเรื่องตับ จาก
http://www.astellas.co.th/ltx_en.php
http://www.astellas.co.th/images/pic_ltx.gif

รัก 7 ปี ดี 7 หน

seven years
seven years

ผู้หญิงอายุ 42 รักกับหนุ่มหล่ออายุ 24
ผมมีโอกาสรู้จักนิชคุณ ผ่านหนังเรื่อง “รัก 7 ปี ดี 7 หน
ผมว่าดูแล้วรู้สึกดีนะครับ ..
โอกาสมีเสมอ เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะไขว่คว้า

พระเอกหล่อ นางเอกก็สวย
พระเอกหล่อ นางเอกก็สวย

เรื่องย่อ .. 26 ก.ค.55
“14”  กำกับโดย ปวีณ ภูริจิตปัญญา
ความรักของ ป่วน (จิรายุ ละอองมณี) และ มิลค์ (สุทัตตา อุดมศิลป์) ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ฉับพลันที่ป่วนตัดสินใจเปลี่ยน Status ใน Facebook เป็น ‘In Relationship’ ป่วนโพสต์คลิปเผยแพร่ความรักของตัวเองลงใน Youtube อย่างละเอียดยิบด้วยความภาคภูมิใจและเนิร์ดแฟน หลากหลายคอมเม้นต์ ความอยากรู้อยากเห็น และยอด Views ที่พุ่งอย่างไม่หยุดยั้ง ดึงป่วนให้ถลำลึกลงไปในโลกของฟีดแบ็คจากคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนคนที่เขารักนั้น ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งมีค่าน้อยกว่ายอดคลิก Like ในหน้า Wall Facebook ของเขา
“21/28”  กำกับโดย อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม
เรื่องราวรักนอกจอของอดีตสองซุปเปอร์สตาร์ที่เคยมีหนังร้อยล้านร่วมกันเมื่อ 7 ปีก่อน ปัจจุบันฝ่ายหญิง แหม่ม (คริส หอวัง)ในวัย 28 ยังกระเสือกกระสนหาทางกลับไปยืนแป้นนางเอกอีกครั้ง โอกาสมาถึงเมื่อสตูดิโอเจ้าของหนังประกาศสร้างภาคสอง แต่นั่นหมายถึงต้องได้พระนางคู่เก่าคืนจอ ปัญหาอยู่ที่ จอน (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) นั้นสาปส่งวงการหนีไปเป็นผู้ดูแลสัตว์น้ำใน Siam Ocean World ไปแล้ว แหม่มจึงต้องบากหน้าไปตื๊อแฟนเก่าทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่าย ‘ดังแล้วทิ้ง’ เพียงเพื่อจะพบว่าอดีตพระเอกเจ้าของกล้ามซิคแพ็คได้แปรสภาพเป็นไอ้อ้วนหนัก 80 ที่เกลียดเธออย่างกับขี้ไปซะแล้ว
“42.195”   กำกับโดย จิระ มะลิกุล
ซึ่งจับเอาเรื่องราวของชีวิตและการวิ่งมาราธอนมาเปรียบล้อกัน เรื่องราวของ หล่อน (สู่ขวัญ บูลกุล) ผู้ประกาศข่าวสาววัย 42 ที่กำลังหลงแผนที่ชีวิต หล่อนประสบกับความสูญเสียใหญ่หลวงและไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไร จนกระทั่งหล่อนได้พบกับ เขา (นิชคุณ หรเวชกุล) อายุ 24 ปี นักวิ่งหนุ่มที่ชวนให้หล่อนเข้าแข่งขันมาราธอน ลมหายใจของหล่อนก็เหมือนจะกลับมามีความหมายอีกครั้ง

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=cartoonthai&month=06-2012&date=16&group=18&gblog=334

สปอยคืออะไร

korea spoil
korea spoil

ได้ยินคำว่า สปอย หรือสปอยล์ (Spoil) หรือสปอยเลอร์ (Spoiler)
มาหลายครั้ง ก็ต้องบอกว่าเป็นศัพท์ใหม่
เพราะ สมัยผมจะใช้คอมพิวเตอร์แต่ละทีต้องมีกล่องแผ่นดิสก์ 5.25 คู่กาย
ไม่เคยพูดคำนี้มาก่อน เพราะมีคำให้พูดมากมายเหลือเกิน .. อยู่แล้ว

นิยาม (Meaning)

spoil หมายถึง  ทำให้เสีย ทำให้แย่ ทำให้เสียทรง

สปอยเลอร์ (Spoiler) ในทางภาพยนตร์ หรืออินเทอร์เน็ต
หมายถึง ผู้ที่ได้รับความบันเทิงจากแหล่งต่าง ๆ
เช่น ภาพยนตร์ นวนิยาย วรรณกรรม หรือเนื้อหาของเกม
แล้วนำเนื้อหาความบันเทิงเฉพาะส่วนนั้น มาเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต
โดยมีเนื้อหาบางตอนค่อนข้างละเอียด หรืออาจจะเป็นการบอกฉากจบ
หรือตอนจบของแหล่งบันเทิงนั้น

ผลของการสปอย คือ ส่งผลเสียต่อการรับชมภาพยนตร์
อาจพอใจที่ได้ข้อมูลในระดับหนึ่งก็จะไม่ไปดู
หรือไม่พอใจเรื่องย่อเหล่านั้นก็จะไม่ไปดู
http://en.wikipedia.org/wiki/Spoiler_%28media%29

ต.ย.1 มีคนไปดูเรื่องพี่มากพระโขนง แล้วเล่าว่าเป็นหนังตลก
และเขียนบล็อกไว้ละเอียดยิบ พร้อมความรู้สึกที่ไม่สร้างสรรค์
ทั้งตอนเริ่ม ตอนกลาง และตอนจบ
เมื่อมีคนอ่านแล้วคล้อยตามเชิงลบ แล้วไม่ไปดู
ก็จะเรียกพฤติกรรมนี้ว่าสปอย

ต.ย.2 ผมอ่านหนังสือ Steve Jobs หรือ Albert Einstein
ที่เรียบเรียงโดย Walter Isaacson แล้วบอกว่าน่าอ่านมาก
เพราะว่าหน้านั่นเขียนอย่างนั้น หน้านี้เขียนงี้
ก็มีคนบอกว่าผมกำลัง spoil หนังสือเล่านี้อยู่
ผู้วิจารย์ผมไว้คงคิดว่าการรู้เรื่องหน้าสองหน้าใน 600 กว่าหน้า
จะมีผลให้ผู้รับสารไม่ไปซื้อหนังสือมาอ่านเป็นแน่

ต.ย.3 คำว่า สปอยดาราเกาหลี
ก็จะนำภาพสมัยเด็กแบบไม่สวย หรือตอนไม่แต่งหน้า
มาเปรียบเทียบกับตอนที่แต่งหน้า เป็นนางฟ้านางสวรรค์
ให้รู้สึกเห็นความแตกต่าง และลดความชื่นชอบไป
http://world.kapook.com/pin/50a9ff9f38217a1120000003

ต.ย.4 คุยแบบวัยรุ่น
วันนี้นำเสนอคำว่าสปอย บ่องตงว่าเมพขิง รู้สึกฟินจุงเบ
http://www.rakjung.com/facebook-no178.html
http://teen.mthai.com/variety/57302.html

ศัพท์วัยรุ่น
อายุผมก็เยอะแล้ว ตามกระแสไม่ค่อยทัน
บ่องตงบ้าง สปอยบ้าง จุงเบบ้าง เมพขิงบ้าง ฟินบ้าง
วันนี้ตามคำว่า spoil ซะหน่อย จะได้ไม่ตกกระแส
เห็นในสื่อพูดอยู่บ่อย ๆ

กรุงเสีย หรือเสียกรุง

คลิ๊ปนี้เชื่อว่า คนเราจะมองปัญหาในอดีต
แล้วจะไม่ปล่อยให้ปัญหาในอดีต เกิดขึ้น
อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งในปัจจุบัน
http://www.youtube.com/watch?v=D5P9Bm8ua9Q

23 เม.ย.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่ฮือฮากันกันในโลกออนไลน์ถึงคลิปวิดีโอ 7 นาทีชื่อ “จดหมายเหตุ กรุงเสีย”  ยิ่งในช่วงเวลาที่ไทยกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชากรณีเขาพระวิหาร ขณะเดียวกันคลิป “The Fall of Ayutthaya จดหมายเหตุกรุงเสีย” ก็ได้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งของชาวโซเชียล

สำหรับคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2555 จัดทำโดย นายกีรติ วรรณเลิศศิริ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ที่ได้รับเลือกให้ไปแสดงโชว์ในงานปล่อยแสงของ TCDC เมื่อปี 2555 และมีการนำมาลงในเว็ปไซต์ยูทูปอีกครั้งเพื่อให้ประชาชนได้รับชมซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชาในเวลานี้พอดี

ประโยคนี้ “ชาวเน็ตให้กำลังใจ คลิปครูหมวยจีน” .. มีคำถาม

lady teacher
lady teacher

ประเด็นจากข่าวนี้
1. ไม่เผยแพร่แหล่งที่มา เพราะสงสัยในเจตนาว่า เมตตา หรือ ไม่กรุณา
2. เกี่ยวกับ พรบ.คอมฯ 2550 มาตรา 16 เรื่องตัดต่อ แล้วเผยแพร่ก่อให้เกิดความเสียหาย
http://www.thaiall.com/article/law.htm

16 เม.ย.56 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “คลิปครูชาวจีน” ซึ่งทำงานอยู่ที่ศูนย์วิชาการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเมืองxxx มณฑลxxx ประเทศจีน กำลังถูกแพร่ว่อนโลกอินเตอร์เน็ตในประเทศเวียดนาม โดยชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นใจครูสาว เพราะเชื่อว่าเหตุเกิดจาก ครูสาวมีปากเสียงกับแฟนหนุ่มที่กล่าวหาว่าเธอไปมีชายคนใหม่ ก่อนจะปล่อยคลิปออกมาเพื่อประจาน

ทั้งนี้ มีรายงานว่าแฟนหนุ่มมือปล่อยคลิปถูกจับกุมแล้ว โดยตำรวจตั้งข้อหาเผยแพร่วัสดุลามกอนาจารในอินเทอร์เน็ต ขณะครูสาวต้องลาหยุดงานยาวเพื่อตั้งหลัก แต่ก็ถูกบังคับให้ออกจากสมาชิกภาพของสมาคมครูในท้องถิ่น

ปล.

ไม่ได้คัดลอกภาพประกอบข่าว เพราะนั่นเป็นหลักฐานว่า
เรื่อง
ไม่ได้เมตตา .. ถ้า share ภาพคุณครู ก็จะมีคนกด like ตรึม
แต่ภาพนั้นเป็นหลักฐานตาม พรบ.ฯ ว่าเผยแพร่ให้คุณครูได้รับความอับอาายเพิ่มขึ้น
ดูจากเจตนา

นิสิตแพทย์หญิง เสียชีวิตหลังกินแตงโม

แตงโม (water melon)
แตงโม (water melon)
นิสิตแพทย์หญิง เสียชีวิตหลังกินแตงโม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2556 09:07 น.
เรื่องแตงโมมีพิษตกค้าง ผมก็ทราบมาหลายสิบปี
แต่หลายปีหลังมานี่ ลืมเลือนไปหลายครั้ง ลืมตอนร้อน ๆ ครับ
ต่อไปต้องคอยเตือนตนเองว่า .. อย่านะ น่ากลัว ๆ
แตงโมเป็นเหตุ
แตงโมเป็นเหตุ
ศูนย์ข่าวศรีราชา – นิสิตแพทย์ ปี 3 ม.บูรพา นอนเสียชีวิตปริศนาภายในหอพักของ ม.บูรพา แม่มาเห็นแทบเป็นลมไม่เชื่อลูกสาวจะเสียชีวิตเพราะเป็นคนแข็งแรง ด้าน ผอ.รพ.ม.บูรพา ยันไม่ใช่เหตุฆาตกรรม แต่ต้องรอผลการผ่าศพพิสูจน์ในวันจันทร์นี้ ขณะที่ตำรวจตั้งประเด็นเสียชีวิต 3 ประเด็น ทั้งหัวใจล้มเหลว สำลักเนื้อแตงโม และอาจเกิดจากการกินสารพิษ ติดค้างในแตงโม
เมื่อเวลา 01.00 น. (20 เม.ย.2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแสนสุข พร้อมหน่วยกู้ชีพ จ.ชลบุรี ได้เข้าตรวจสอบห้องพักเลขที่ 309 ชั้น 3 อาคารหอพักนิสิตแพทย์หญิง ภายในมหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจาก น.ส.ชนากานต์ ศรีบางพลีน้อย หรือน้ำตาล นิสิตแพทย์หญิง ปี 3 ว่า น.ส.วิสุดา ตามระภาพ หรือน้องแอล อายุ 20 ปี นิสิตแพทย์หญิง ปี 3 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องเสียชีวิตสภาพนอนหงายห่มผ้าห่ม อยู่บนเตียงนอน ซึ่งจากการตรวจสอบในห้องไม่พบความผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรืองัดแงะหรือถูกรื้อค้น โดยคาดว่า น.ส.วิสุดา เสียชีวิตมานานกว่า 2 วันแล้ว และที่ปลายเตียงพบเพียงแตงโมผ่าครึ่งมีร่องรอยการใช้ช้อนเฉาะกินเกือบหมด
จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ตายไม่มีเพื่อนชาย และมีเพื่อนร่วมห้องคือ น.ส.ชนากานต์ ศรีบางพลีน้อย หรือน้ำตาล แต่เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุ น.ส.ชนากานต์ ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และมารดาของผู้ตายไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ จึงขอร้องให้ น.ส.ชนากานต์ เดินทางจากบ้านที่กรุงเทพฯ มาเปิดประตูห้องพักให้ สุดท้ายพบกลายเป็นศพดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของหอพักพบว่า เมื่อเวลา 22.40 น.ของวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ตายได้เดินทางกลับเข้าไปในหอพักเพียงคนเดียว แต่เมื่อเข้าห้องไปแล้วได้เปิดประตูห้องทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โดยไม่มีใครเข้าออก หรือต้องสงสัยว่าจะเข้าไปก่อเหตุฆาตกรรม
เบื้องต้นแพทย์ชันสูตรว่า เสียชีวิตมากว่า 2 วัน โดยจะนำศพไปที่โรงพยาบาลชลบุรี เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้อีกครั้ง
ด้านนางจินตนา โชคจรรยาภรณ์ อายุ 45 ปี มารดาของผู้ตายซึ่งได้เดินทางมาจากอำเภอสัตหีบ เพื่อเข้าพบนายแพทย์พิสิต พิริยาพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ม.บูรพา ซึ่งเป็นผู้ดูแลนิสิตแพทย์พร้อมร่วมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดกล่าวว่า ลูกสาวเป็นคนตั้งใจเรียน และไม่เคยเกเร ไม่มีเพื่อนชาย เป็นคนแข็งแรง และชอบกินแตงโม แต่ยังไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวจะเสียชีวิตโดยจะรอผลการผ่าพิสูจน์ต่อไป
ส่วน นายแพทย์พิสิต พิริยาพรรณ กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าไม่ใช่การฆาตกรรม เพราะไม่มีใครต้องสงสัยเข้าออก หรือติดตามเข้าไปในห้องผู้ตาย ซึ่งการเสียชีวิตในลักษณะนี้เรียกว่า การเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ และต้องรอผลการผ่าพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 3 ประเด็ คือ
1. อาจจะเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
2. สำลักเนื้อเม็ดแตงโม
3. อาจเกิดจากการกินสารพิษที่ติดค้างอยู่ในแตงโม

ซึ่งจะต้องรอผลการผ่าพิสูจน์จากโรพยาบาลชลบุรีในวันจันทร์อีกครั้ง

fb เป็นพื้นที่ส่วนตัว อยากด่าใครก็จะด่า ไม่ชอบก็ unfriend ซะ

major cineplex
major cineplex

เหตุเริ่มจาก ผู้จัดการโรงภาพยนตร์กับลูกค้ามีปากเสียงเรื่องเครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน แล้วมีโทษะทั้งคู่

แต่ rule ของ Philip Kotler มี 2 ข้อ
Rule 1 : The customer is always right.
Rule 2
: If the customer is wrong, go back to rule 1.

ทำให้ผู้จัดการพิจารณาตนเอง แล้วลาออก แต่เกิดอารมณ์ร่วมกับพนักงานของโรงภาพยนตร์ แล้วไปเขียนแสดงความคิดเห็นว่าลูกค้าไม่ถูกต้อง ส่งผลต่อ CSR เชิงลบอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อโรงภาพยนตร์ตรวจสอบว่าเป็นพนักงานจำนวนสองท่าน จึงพิจารณาให้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงาน


เคยมีเพื่อน ๆ โพสต์ในเฟส
ว่า  “ฉันอยากโพสต์อะไรก็จะโพสต์
บางคนก็ “สบถ อยู่เป็นประจำ
.. ใครรับไม่ได้ก็ให้ unfriend ไปซะ

แต่กรณีนี้ ผู้เป็นเจ้านายประกาศผ่านสื่อเลยว่า Layoff .. ไม่ใช้ unfriend อย่างที่คาดไว้

ความเคยชินกับการ post ที่ไม่แคร์ใคร
อาจเป็นผลเสีย อย่างกรณีนี้ก็ได้

.. แล้วเพื่อนท่านหนึ่ง post แสดงความเห็นว่า “มีผู้ด้อยโอกาสมากมาย ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ต่างกับคนที่มีโอกาสบางคน ขาดกระบวนการในการยั้งคิด ว่าควรใช้สื่ออย่างไร

manager
manager

ทั้งกรณี ของผู้จัดการ และพนักงาน เป็นสถานการณ์และเหตุผลที่ต่างกันไป หยิบไปพูดถึงได้หลายวิชา

ภาพจากเฟส อ.เกียรติ
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=577659912258407&set=a.111585805532489.13446.100000432096291