ส้มตำ เป็นหนึ่งใน 2 รายการอาหารกลางวัน
ที่พอจะนึกออกว่ามีอะไรในหมู่บ้านให้ทานบ้าง (บ้านนอก)
ราชาแห่งอาหารกลางวันคงหนีไม่พ้นก๋วยเตี๋ยว
นั่นก็หลายสิบปีมาแล้ว
เมื่อราวปี 2526 หรือก่อนนั้น ที่ลำปาง
มีเครื่อง ATM เครื่องแรก ๆ เข้ามาที่โรงเรียน หน้าโรงเรียนก็มี
ก่อนหน้านั้นก็ยังไม่มีบัตร ATM จำได้ว่า
“คิดไม่ออกว่า ทำไมต้องพกบัตร ATM”
เพราะส้มตำ กับก๋วยเตี๋ยวก็ใช้ตังนิดเดียว แม่ถอนมาไว้ทุกต้นเดือนแล้ว
จะเอาตังไปซื้ออะไรกันนักหนา กะส้มตำจาน 5 บาท
ที่สำคัญ ส้มตำนี่เลย ที่บ้านผมตำเอง เรียกคนข้างบ้านมากินด้วย
เพราะไปขอมะละกอ หรือส้มโอจากบ้านเค้า บ้านเรามีกุ้งแห้งกับถั่วลิสง
ก๋วยเตี๋ยว นี่ก็แล้วแต่อารมณ์กันหน่อย
ต้องซื้อเส้น กับลูกชิ้น และกระดูกหมู
ทำกินเองทีไร เบิ้นสองทุกที โดยเฉพาะลูกชิ้นตักกันเต็มที่ครับ
ฟินไปเลย
เข้าตัวเมืองสุดสัปดาห์แต่ละที มี 100 นึงยังใช้ไม่หมดเลย
ยกเว้นไปซื้อสมุด หนังสือ ชุดนักเรียนก่อนเปิดเทอมจะใช้เยอะหน่อย
หลายสิบปีต่อมา มีส้มตำแยกน้ำ .. โอ้โห สุดยอดนวัตกรรม ส้มตำไม่เซ็งอีกต่อไป
สมัยก่อนกุ้งแห้งตัวเท่าพริกขี้หนู ปูดองตัวดำ ๆ เค็มปี๋กลิ่นห้อมหอม
ซื้อมาเข้าตู้เย็น กินเมื่อไรก็หยิบมาคลุก อร่อย ได้ปริมาณเยอะกว่า
สับมะละกอเพิ่มก็ทำบ่อย เพราะน้ำส้มตำเข้มข้น
ปล. เล่าเรื่องนี้ให้นักศึกษาฟัง ถึงความรู้สึกที่มีต่อเครื่อง ATM ของผม