แอฟ ทักษอร เผยท้องได้ 2 เดือน

แอฟ ทักษอร เผยท้องได้ 2 เดือน ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ที่ไม่บอกเพราะถือเคล็ด

แอฟ ทักษอร
แอฟ ทักษอร

หลังจากมีข่าวหลุดออกมาว่านางเอกสาว แอฟ ทักษอร กำลังจะมีข่าวดีมีเบบี้ให้สามี สงกรานต์ เตชะณรงค์ ได้ชื่นชมสมใจรอคอย แต่ข่าวดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันจากปากของเธอแต่อย่างใด ล่าสุด  ได้มาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร พร้อมกับเปิดเผยเรื่องกำลังท้องว่าเป็นเรื่องจริง ที่ยังไม่บอกเพราะถือเคล็ด

“ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงค่ะ ตอนนี้แอฟท้องได้ 2เดือนแล้ว อาการแพ้บ้างนิดหน่อยค่ะ ทุกคนในครอบครัวดีใจกันหมดเลย คุณพ่อคุณแม่มีอาหารมาบำรุงตลอดเวลาเพื่อสุขภาพของแม่และลูก ส่วนเรื่องงานมีติดต่อเข้ามาบ้างค่ะ คงต้องดูเป็นงาน ๆ ไป”

“เรื่องเพศลูกจริงๆ แอฟ ได้หมดเลยทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่สงกรานต์เขาอยากได้ผู้ชายค่ะ”

“มีคนถามเยอะเหมือนกันก่อนหน้านี้ว่าจริงหรือเปล่า คือที่แอฟยังไม่บอกเพราะแอฟถือเคล็ดค่ะ อยากให้แน่ใจอะไรๆ หลายอย่างก่อน แต่วันนี้ถือเป็นวันดีเลยขอถือโอกาสบอกอย่างเป็นทางการค่ะ”

————————

ดูแลสุขภาพ..ไม่ยากเลย

เรื่องสุขภาพได้รับความสนใจจากคนทั่วไปมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยชราที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ อันนี้ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ หรือวัยรุ่น หนุ่มสาว ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เพราะสิ่งแวดล้อม อาหาร อากาศของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ภูมิคุ้มกันโรคก็ลดน้อยลงทุกวัน หากมัวแต่ใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่ใส่ใจสุขภาพเลย คุณจะล้มป่วยได้ง่ายๆ

จริงๆ แล้วการดูแลสุขภาพไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายหรือต้องใช้เงินเยอะแยะอะไร เพียงขอให้คุณมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสุภาพ การดูแลนั้นก็สามารถทำได้เป็นกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องปลีกเวลาไปเพื่อดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นแต่อย่างไร การดูแลสุขภาพนั้น มีพื้นฐานง่ายๆที่คุณต้องทำความเข้าใจ ซึ่งไม่ยากเลย เพราะมันคือสิ่งที่คุณทำ คุณ เป็นอยู่ทุกๆวันอยู่แล้ว นั่นคือ

ทานอาหารครบ 5 หมู่
  • อาหาร ถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตคนเรา เรากินอาหารทุกวัน วันละ 3 มื้อ ดังนั้นไม่ต้องใช้เวลา ไม่ต้องเปลืองเวลาเลย เพราะเราต้องกินอยู่แล้ว การมีสุขภาพดีนั้นเรื่องอาหารเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง แต่เราก็ต้องเลือกกิน เลือกรับเอาอาหารที่มีประโยชน์อย่างพอดี กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารมัน แป้ง หวาน หรือแคลลอรี่สูงๆ นั้นก็กินน้อยๆ เลือกกินผัก และวิตามินจะได้ช่วยเรื่องขับถ่ายได้ด้วย
  • ออกกำลังกาย
  • ออกกำลังกาย สำหรับคนที่อ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายนั้นวิธีที่ช่วยให้สามารถทำได้ก็คือ ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว เดิน หรือวิ่งบ้างก็ถือว่าได้ออกกำลังกายแล้ว เวลาที่คุณไปขึ้นรถไฟฟ้าแทนที่จะขึ้นบันไดเลื่อนก็เดินขึ้นบันไดแทน ทีทำงานก็สามารถทำได้เช่น เดินลงไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารด้านล่าง แทนที่จะให้แม่บ้านซื้อมาให้กินที่ออฟฟิต เป็นต้น เป็นการออกกำลังได้เช่นกันโดยไม่เปลืองเวลาเลย
  • พักผ่อน

  • พักผ่อน อย่าทำงานหนักเกินไป นอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6ชั่วโมงสำหรับคนทำงาน การนอนช่วยให้คุณได้พักผ่อน ได้คลายความตรึงเครียด จากกิจกรรม ชีวิตประจำวัน หรือการงานของคุณ ทุกคนต้องนอนอยู่แล้ว แต่ต้องนอนให้พอ

เพียงเท่านี้ ทำแค่นี้จริงๆ สุขภาพร่างกาย ของคุณก็จะดีได้ไม่ยากเลย แต่หากคุณคิดว่าอยากสุขภาพดียิ่งขึ้น แข็งแรงยิ่งขึ้น การหาอาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีขายมารับประทานเพิ่มเติมในส่วนสารอาหารบางอย่างที่ไม่สามารถหารับประทานได้จากอาหารที่เรากินอยู่ประจำ เช่น น้ำมันตับปลา วิตามินบางอย่างชนิด หรืออาหารเสริมสุขภาพอื่นๆ อันนั้นก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามใดๆ หากคุณพอจะมีและหาได้ หรือการออกกำลังกายที่หากคุณอยากจะไปเข้าสถานบริการห้องออกกำลังหรือ Fitness นั่นก็ได้ ก็ยิ่งจะดียิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก http://xn--22c0df2b3b7a.xn--q3cped3cb5f8b6d.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A5/

ประโยชน์ดีดี 25 ข้อ จากน้ำมะเขือเทศ

น้ำมะเขือเทศ
น้ำมะเขือเทศ

ความเชื่อที่ว่าของสดดีกว่าของที่ปรุงแล้ว ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป   ในกรณีของมะเขือเทศเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นมะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า นอกจากนี้ความร้อนและกระบวนการต่างๆในการผลิตผลิตภัณฑ์มะเขือเทศยังทำให้ไลโคปีนเปลี่ยนรูปแบบ (จากไลโคปีนชนิด “ออลทรานส์”(all-trans-isomers)เป็นชนิด “ซิส”   (cis -isomers)) คือ เป็นชนิดที่ละลายได้ดีขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่าน้ำมะเขือเทศมีประโยชน์มากมายขนาดไหน เรียกได้ว่า มีประโยชน์กับแทบจะทุกส่วนของร่างกายเลยทีเดียว

1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน

2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

3. น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย

4. ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง

5. มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสายตา

6. มะเขือเทศ มีบีตาแคโรทีน และฟอสฟอรัสในปริมาณมาก

7. มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้า หรือฝานบางๆแล้วนำมาแปะหน้าก็ได้

8. ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้า หรือฝานบางๆแล้วนำมาแปะหน้าก็ได้

9. เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่างๆ เป็นต้น

10. ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%

11. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์

12. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน

13. ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด

14. มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ

15. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง

16. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ

17. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ

18. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด

19. ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก

20. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา

21. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้

22. ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ

23. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ ในเพศหญิง

24. หมักผมด้วยน้ำมะเขือเทศ ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายในน้ำในสระที่มีคลอรีน

25. น้ำมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก

เห็นประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้ว เริ่มกินน้ำมะเขือเทศกันได้แล้วค่ะ …

—————————–

ที่มา. http://www.cm108.com/bbb/index.php/topic/1636-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5-25-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

ดื่มน้ำตอนไหน..ดีที่สุด

ดื่มน้ำ
ดื่มน้ำ

ดื่มน้ำเปล่าช่วยดับกระหาย และยังทำให้ไม่อ้วนด้วยนะค่ะ  และทราบหรือไม่ว่าการดื่มน้ำก็ต้องมีเวลาที่ดื่มแล้วให้ประโยชน์สูงสุดเหมือนกัน  และก็ควรดื่มให้ได้อย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดี   วันนี้เรามีเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ

– ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ

– ตอนสาย ๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชำระของเสียเหล่านั้นออกไป

– ตอนบ่าย ๆ 3 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)

– ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม) – ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

ผิวสวยใสเพียงชั่วข้ามคืน..ทำได้

สวยใสเพียงชั่วข้ามคืน
สวยใสเพียงชั่วข้ามคืน

อยากให้ผิวสวยใส  ไม่ยากเลย ด้วยวิธีง่าย ๆ ตามนี้เลยค่ะ

– นวดหน้า สูตรหน้าใสนี้บอกเลยว่าง่ายมาก ๆ คุณก็สามารถทำได้เองที่บ้าน โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที แถมไม่ต้องอุปกรณ์ใด ๆ ให้ยุ่งยาก แค่ใช้ปลายนิ้วมือนวดวนเป็นวงกลม ให้ทั่วผิวหน้า โดยไล่จากระดับคางขึ้นไปจนถึงหน้าผากอย่างเบามือ (ย้ำว่าทำเบา ๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวไม่รู้ด้วยนะ) ทำช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 ครั้ง หรือ 2 นาที จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและผ่อนคลายผิวหน้าดูสดใสขึ้นได้ทันตา

– มาส์กหน้า หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ให้เลือกใช้มาส์กที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี คอลลาเจนสูตรเข้มข้นที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของอีลาสตินใต้ผิวหนัง คืนความสดใสเอิบอิ่มและเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า หรืออาจนำผัก-ผลไม้สดอย่าง มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี หรือแอปเปิลมาปั่นรวมกับน้ำแข็งแล้วนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น วิธีนี้จะช่วยรีเฟรชผิวให้ดูสดชื่นเปล่งปลั่งถึงขีดสุด

– สครับผิว เพื่อเป็นการลดรอยหมองคล้ำบนใบหน้าอย่างเร่งด่วน การสครับผิวนับเป็นอีกหนึ่งทริคสำคัญที่สาวผิวสวยจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด โดยการเลือกใช้สครับสูตรอ่อนโยน หรือสครับสูตรธรรมชาติอย่าง น้ำตาลทรายแดง 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนมสดเล็กน้อย จากนั้นจึงมาขัดผิวหน้าเบา ๆ สัก 5 นาทีก่อนนอน เท่านี้ก็ช่วยทำให้หน้าใสปิ๊งได้แบบทันที

– อบไอน้ำผิวหน้า หลังจากเจอมลพิษ สิ่งสกปรก รวมถึงความมันและเครื่องสำอางเกาะติดผิวหน้ากันมาทั้งวันแล้ว ก็ต้องมาล้างสิ่งสกปรก หรือดีท็อกซ์ผิวกันสักหน่อย โดยการต้มน้ำในหม้อ เมื่อน้ำเดือดได้ที่ หรือร้อนจัดแล้ว ให้ยกลงวางบนพื้นหรือโต๊ะที่มีระดับต่ำกว่าหน้าอก โดยให้ไอน้ำที่อยู่หม้อระเหยขึ้นมาปะทะให้ทั่วทั้งผิวหน้า ประมาณ 5-10 นาที จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในรูขุขมขนออกมา ทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดปัญหาสิวอุดตันได้อีกด้วย

– ทำทรีทเม้นท์บำรุงผิว สำหรับสาว ๆ คนไหนที่อยากจัดเต็มความสวยแบบเร็วจี๋ อาจใช้ทางลัดอย่าง การทำทรีทเม้นท์ผิวหน้า เพื่อช่วยซ่อมแซม และเติมวิตามินให้ผิวอย่างล้ำลึก ด้วยการทำ IPL เอเอชเอ ไอออนโต โฟโน กรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี รวมถึงการทำออกซิเจนผิวหน้า เพื่อช่วยผลักวิตามิน และตัวยาลงไปกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้สดใสเรียบเนียน

– ดื่มน้ำผักผลไม้สด ๆ ก่อนนอน อาจเลือกเป็นผักและผลไม้ที่คุณชื่นชอบตั้งแต่ 5 ชนิดขึ้นไป ได้แก่ แครอท มะเขือเทศ สับปะรด กล้วย แอปเปิล เซเลอรี บีทรูท เป็นต้น มาปั่นรวมกันพอแหลก แล้วค่อย ๆ จิบหรือดื่มให้หมดทันที วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารเข้มข้นที่มีอยู่ในน้ำผักและผลไม้จะถูกดูดซึมเข้าไปช่วยซ่อมแซมผิวพรรณให้สวยผุดผ่องได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญดื่มแล้วดีต่อสุขภาพของคุณด้วยนะคะ

– นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่ม สำหรับวิธีนี้ไม่ต้องเตรียมตัวหรือใช้อุปกรณ์เสริมอะไรให้ยุ่งยาก แค่ละทิ้งความเครียด หรือเรื่องจุกจิกกวนใจ ผ่อนคลายอารมณ์ แล้วนอนหลับพักผ่อนให้ไม่น้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ผิวได้พักผ่อน เติมความสดใสสดชื่นให้กับผิวหน้าในตอนเช้า

ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ  ลองทำดูค่ะ  เพื่อผิวสวยใสจะได้อยู่คู่กับเรานานๆ

วิธีแก้ปัญหาสารพัดเบื่อ/โดย ดร.แพง ชินพงศ์

“เบื่อ” เป็นสภาวะของอารมณ์ที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในขณะนั้น โดยอาจแสดงออกด้วยการซึมเศร้า นิ่งเฉย ขาดความสดชื่น ไม่มีความตื่นเต้น ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขาดแรงจูงใจและเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ

เบื่อ
เบื่อ

ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องเคยตกอยู่ในสภาวะแห่งความเบื่อหน่ายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเบื่องาน เบื่อแฟน เบื่อคนใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งเบื่อตัวเอง

ผู้เขียนมีวิธีการแก้เบื่ออย่างง่ายๆ ที่มั่นใจว่าช่วยลดความเบื่อได้อย่างแน่นอน 100% ดังนี้

1.เบื่องาน เช่น รู้สึกไม่อยากทำงาน ขาดแรงจูงใจในการทำงาน รวมไปถึงเบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อหัวหน้า เบื่อลูกนัอง เบื่อระบบงานต่างๆ ซึ่งทำให้ไม่อยากจะหยิบจะจับงานอะไรหรือพาลอยากจะลาออกจากงานไปเลยด้วยซ้ำ

วิธีแก้เบื่องาน
– คิดด้านบวกเกี่ยวกับการทำงาน คือ คิดเสียว่างานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา มีงานทำดีกว่าไม่มี เพราะถ้าไม่มีงานเราก็จะขาดรายได้ซึ่งทำให้เราไม่มีเงินสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นหรือซื้อหาความสะดวกสบายให้ชีวิต

– คิดว่างานเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่เราจะต้องเอาชนะและทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความสามารถของเรา

– จัดแต่งโต๊ะทำงานใหม่ เช่น เอารูปภาพวิวสวย ๆ มาติด เอาแจกันใส่ดอกไม้สวย ๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเบื่อได้
– แก้ปัญหาเบื่อเพื่อนร่วมงาน อาจจะเกิดจากการที่เรามีเพื่อนร่วมงานที่มีทัศนคติไม่ตรงกัน หรือเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ชอบนินทาว่าร้าย ซึ่งทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายจนพาลอยากจะลาออกจากงาน วิธีแก้เบื่อเพื่อนร่วมงานอย่างง่ายที่สุดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามพูดหรือเกี่ยวข้องกับคนที่เราเบื่อให้น้อยที่สุด

2.เบื่อคนใกล้ตัว
เช่น เบื่อแฟน เบื่อสามี เบื่อภรรยา ซึ่งก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจกัน มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยๆ รู้สึกว่าถูกคนใกล้ตัวเอาเปรียบอย่างใดอย่างหนึ่งเบื่อหน่ายนิสัยบางอย่างของเขา ถูกเขาทำให้เสียใจ ผิดหวังซ้ำซาก หรืออาจเกิดจากการที่ความพิศวาส หรือความพึงพอใจในตัวเขาลดลง ทำให้ขาดความตื่นเต้นในชีวิตคู่ สัญญาณในการบอกว่าเรารู้สึกเบื่อแฟนหรือเบื่อสามีภรรยา สังเกตได้ง่ายๆ คือ รู้สึกคิดถึงและห่วงใยน้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็แทบไม่คุยกันหรือมีกิจกรรมร่วมกันน้อยมาก

วิธีแก้เบื่อคนใกล้ตัว
– หันหน้าเข้าหากันเพื่อปรับความเข้าใจ รวมทั้งพูดตรงๆ ถึงความรู้สึกของกันและกันว่าเรารู้สึกไม่พอใจกันตรงไหนบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะมีความเข้าใจกันมากขึ้นและเมื่อได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกจะดีขึ้นและทำให้หายเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันได้

– ท่องเที่ยวร่วมกัน การที่แฟนหรือสามีภรรยา ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ในการไปดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเป็นการไปฮันนีมูน ไปดูสิ่งที่สวยงามแปลกใหม่ เป็นโอกาสให้ได้ใช้เวลาที่ดีร่วมกัน ซึ่งนอกจากช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ความเบื่อหน่ายระหว่างกันลดลงด้วยเพราะความตื่นเต้นสนุกสนานจะทำให้อารมณ์ดีและมีความสุขขึ้นได้

3.เบื่อตัวเอง เกิดจากความรู้สึกเหงา คับข้องใจ ไม่ได้ตามที่ใจต้องการ หันไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ซ้ำซากจำเจ หดหู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ถ้าเกิดกับใครขึ้นมา คนนั้นก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองจนขาดแรงบันดาลใจและความสุขในการดำเนินชีวิต

วิธีแก้เบื่อตัวเอง
– เปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเราเป็นคนใหม่ได้

– ออกกำลังกาย ทำให้จิตใจแจ่มใสและอารมณ์ผ่อนคลาย ยิ่งถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ ลองท้าทายตัวเองโดยการออกกำลังกายเพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น แล้วชีวิตใหม่ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน

– เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แต่งบ้านใหม่ ปรับเปลี่ยนมุมในบ้านให้แปลกตาไปกว่าเดิม จัดสวนใหม่ หาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง เช่น สุนัข แมว ปลา จะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นและผ่อนคลายขึ้น

– ลองเปลี่ยนเส้นทางในการไปทำงานหรือกลับบ้านบ้าง จากเส้นทางเดิมๆที่รถติดน่าเบื่อหน่ายอาจสลับเปลี่ยนไปเดินทางที่ลัดบ้างอ้อมบ้างแต่รถไม่ติดมากและยังได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตาไปจากเดิม

– ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต

– กินอะไรที่ไม่เคยกิน ไปร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือลองคิดค้นหาเมนูอาหารใหม่ๆ ลองทำกินดู
– โซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยได้ การคุยกับเพื่อน ๆ ออนไลน์ผ่านทาง facebook whatsapp line ช่วยทำให้เราหายเบื่อได้ แต่อย่าถึงเสพติดจนติดแหง่กไม่สนใจชีวิตด้านอื่นเลย

– สมัครเรียนคอร์สสั้นๆ ที่เราสนใจ เช่น เรียนทำขนม เรียนภาษา เรียนร้องเพลง เรียนโยคะ

– ไปเดินตลาดต้นไม้ หาต้นไม้มาปลูกที่บ้าน เพื่อสร้างความสดชื่น

– เขียนบันทึก หรือเขียนบล็อกของตัวเอง ระบายความในใจ

– ไปเยี่ยมคนชราหรือเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์ สมัครเป็นอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม เช่น ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ไปเก็บขยะที่ชายหาด เราจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรามีค่าขึ้น

ความรู้สึก “เบื่อ” เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราสามารถจัดการกับมันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับสภาพแวดล้อม เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเราเอง ด้วยการก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราสดชื่นและหายเบื่อได้ อย่าบ่อยให้ความเบื่อครอบงำเรานานเกินไป เพราะมันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิตเรา มีแต่จะสร้างความเสียหายทั้งนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000048990


วิธีดูแลผิว..เพื่อลดการเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมสภาพของอีลาสตินใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากความเครียด ขาดการบำรุงผิวเป็นเวลานาน แสงแดด กรรมพันธุ์ และพฤติกรรมส่วนตัวอย่าง การกินอาหาร ล้างถูหน้าแรง ๆ ขมวดคิ้ว จนทำให้เซลล์ผิวหนังเสียความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นน้อยลง เกิดเป็นริ้วรอยตื้น ๆ ในบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา ขมับ และร่องแก้มในที่สุด ดังนั้นสาว ๆ จึงควรหันมาดูแลผิวหน้าโดยเร็วที่สุด ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้….

ผิวสวย
ผิวสวย

1. เติมความชุ่มชื่นให้ผิวมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างการทำงานและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง สาว ๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงให้เหมาะกับสภาพผิว รวมถึงควรเติมความชุ่มชื่นให้ผิวให้อยู่เสมอ แม้ว่าคุณจะมีผิวมันก็ตาม อาจเลือกใช้เป็นเดย์ครีมและไนท์ครีมที่สกัดมาจากสมุนไพรอย่าง ว่านหางจระเข้ กรดผลไม้ น้ำมันสกัด เพื่อช่วยเติมวิตามินให้ผิวสวยใสดูดีอยู่เสมอ

2. เสริมการบำรุงด้วยวิตามินแบบจัดเต็ม ด้วยการเลือกใช้สารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่มีส่วนช่วยลดและต้านอนุมูลอิสระในผิวอย่าง วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ คอลลาเจน และโคเอนไซน์คิว อาจเป็นมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าหรือมาส์กหน้า เพื่อช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้ดูสดชื่นเปล่งปลั่ง

3. ครีมกันแดด ห้ามขาด ! เพราะอากาศและแสงแดดในบ้านเรานับว่า ร้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผิวหน้าโดนรังสียูวีทำร้ายผิวให้เหี่ยวย่นเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ สาว ๆ ควรปกป้องก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง (แม้ว่าจะไม่มีแดดก็ตาม) โดยการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปทาบาง ๆ ให้ทั่วหน้าและลำคอ จากนั้นจึงแต่งหน้าหรือทาแป้งตามปกติ

4. เลือกใช้เครื่องสำอางที่ผสมสารบำรุงสำหรับผิวที่มีริ้วรอย จำเป็นอย่างยิ่งกับสาว ๆ ที่ต้องแต่งหน้าเจอเครื่องสำอางหลากสีหลากชนิดทุกวัน ทางที่ดีสาว ๆ จึงควรแต่งหน้าควบคู่ไปกับการบำรุงผิวที่มีริ้วรอย โดยการเลือกซื้อเครื่องสำอางประเภทรองพื้น ไพรเมอร์ เบส และแป้งที่มีสารบำรุงซึ่งช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย และเติมเต็มร่องลึกร่องรอยต่าง ๆ บนผิวให้ดูตื้นและเนียนสนิทมั่นใจ

5. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินแก่ผิวพรรณ และออกกำลังกาย หลังจากดูแลผิวภายนอกกันไปเยอะแล้ว คราวนี้เรามาดูแลผิวสวยตึงกระชับจากภายในกันบ้าง ด้วยการเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี รวมถึงอาหารจำพวกนมและธัญพืชเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวันอีกด้วย นอกจากนี้ยังควรออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในร่างกาย รวมถึงนอนพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วยค่ะ

6. Face yoga มาทำโยคะบริหารผิวหน้ากันเถอะ ! นับเป็นเคล็ดลับหน้าเด็กง่าย ๆ ที่สาว ๆ สามารถทำเองได้ทุกวันและทุกเวลา เพียงแค่ออกเสียงหรืออ้าปากในท่า อะ อิ อุ เอะ โอะ ค้างไว้ท่าละ 5 วินาที ทำทุกวันจะช่วยยกกระชับแก้มย้อย หน้าเหี่ยวให้ดูเด้งเต่งตึงแน่นอนจ้า

7. ทำทรีทเม้นท์หรือเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า ได้แก่ ทำ AHA, IPL, Thermage, Nd:YAG, Fine Scan และ RF ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ปรับสภาพผิวให้ผิวดูเต่งตึงกระชับขึ้นได้อย่างชัดเจน

8.  เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย สำหรับสาว ๆ คนไหนที่รู้ตัวชอบสะสมความเครียด นอนน้อย ดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าน้ำเปล่า ควรเปลี่ยนหรือเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้นโดยเด็ดขาด เพราะนี่แหละคือตัวการที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่นทำให้คุณดูแก่กว่าอายุจริง นอกจากนี้สาว ๆ ยังไม่ควรขยี้ตา ล้างเครื่องสำอาง หรือเช็ดถูหน้าแรง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดรอยย่นหย่อนยานเพิ่มมากขึ้น

ทราบวิธีดูแล รวมถึงทางแก้ผิวเหี่ยวย่นและริ้วรอยกันไปแล้ว คงต้องบอกว่าสาว ๆ จะละเลยผิวหน้าไม่ได้อีกต่อไป เพราะเมื่อริ้วรอยมาเยือนแล้วกว่าจะปรับเปลี่ยนหรือฟื้นฟูให้ดีขึ้น นับว่าต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ยังไงกันไว้ก่อนเสียแต่ตอนนี้ อาจดีกว่าต้องมานั่งแก้กันทีหลังนะคะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://women.kapook.com/view85253.html

วิธีถนอมสายตา ‘จ้องคอม-แท็บเล็ต-สมาร์ทโฟน’

ทุกวันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายสามารถแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืนและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนสังคมในปัจจุบัน ด้วยความสามารถที่รวมการใช้งานหลายประเภทเข้ามารวมไว้ในอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว จึงไม่ยากที่สมาร์ทโฟนและเเท็บเล็ตจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของใครหลายคนไปแล้ว ภาพที่ใครต่อใครง่วนกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอแท็บเล็ตดูจะเป็นภาพที่คุ้นชินในสังคมยุคใหม่ ซึ่งอาจเรียกได้ว่ายุค ‘Gen S’ หรือ ‘Generation of Screen’

56330

ด้วยความต้องการขนาดพกพาที่เหมาะสม หน้าจอแสดงผลจึงมีขนาดไม่ใหญ่นัก   ซึ่งทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือออนไลน์ การพิมพ์เอกสาร หรือพิมพ์ตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไม่ค่อยสะดวกนัก นอกเหนือจากหน้าจอที่มีขนาดเล็กแล้ว ระยะเวลาการใช้งานอย่างต่อเนื่องก็ดูจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานไม่น้อย การก้มคอนานๆ  การใช้ข้อนิ้วมือจิ้มแป้นพิมพ์ รวมไปถึงการจ้องมองหน้าจอขนาดเล็กนานเป็นชั่วโมง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ เช่น อาการตาแห้ง แสบตา ปวดเมื่อยสายตา ตาพร่า ตาล้า หรือใช้สายตาได้ไม่ทน รวมไปถึงมีอาการปวดรอบกระบอกตา ปวดขมับ ปวดคอ และปวดศีรษะได้ จึงขอแนะนำวิธีการใช้สายตาอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องดูหน้าจอเป็นเวลานานๆ ดังนี้

1. ควรจะอยู่ในท่าทางที่เหมาะสมในการอ่าน และแนะนำให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ก้มคออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป

2. พักสายตาเป็นระยะทุกครึ่งชั่วโมง ด้วยการทอดสายตาไปไกลๆ มองสิ่งของที่ห่างไปไม่น้อยกว่า 20 ฟุตหรือหลับตานิ่งๆ ประมาณห้านาที ก่อนกลับมาใช้งานหน้าจอต่อ

3. ไม่ฝืนอ่านตัวอักษรที่มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งทำให้ต้องเพ่ง ควรปรับขนาดตัวอักษรให้อ่านง่าย สบายตา

4. หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอในขณะอยู่บนยานพาหนะที่มีการสั่นสะเทือนซึ่งจะทำให้ภาพหรือตัวอักษรสั่นไปด้วย

5. ปรับความสว่างของหน้าจอให้สบายตา ไม่สว่างจ้าเกินไป

6. ผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ ควรมีแว่นสำหรับอ่านหนังสือที่เข้ากับค่าสายตาและเหมาะสมกับระยะ ในการมองหน้าจอ

7. ควรหาตำแหน่งในห้องหรือสถานที่ที่เรากำลังใช้งานหน้าจอ ให้แสงตกกระทบเฉียงๆ กับหน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนรบกวน

8. อย่าใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกินไปในแต่ละวัน ควรสังเกตว่าการใช้งานหน้าจอนานเท่าใด ที่ทำให้รู้สึกตาล้า และมีตาพร่า

9. กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อลดอาการตาแห้ง และหลีกเลี่ยงการใช้สายตานานๆ ในที่ที่มีอากาศแห้ง หรือลมพัดเข้าสู่ดวงตา

10. ผู้ที่ทราบอยู่แล้วว่าตาแห้งหรือผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ควรใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เมื่อต้องใช้งานหน้าจอ สมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ จะช่วยลดปัญหาตาแห้งได้

แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตทำให้เกิดโรคตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาเสื่อม แต่ในอนาคตหากเราติดตามและเฝ้าระวังการเกิดโรคเป็นระยะเวลานานหลายๆ ปี อาจพบข้อมูลว่าการใช้งานหน้าจออุปกรณ์ดิจิตอลเหล่านี้ทำให้เกิดโรคตาก็เป็นได้ ดังนั้นการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตอย่างเหมาะสมดูจะเป็นแนว ทางที่ช่วยให้เราใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน ไม่เพียงแต่เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตาที่ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดในขณะนี้ แต่ยังช่วยถนอมรักษาสายตาของเราไว้ใช้ได้นานๆ อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.thairath.co.th/content/384355

คนสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไร อย่างไรคือคนปกติ ?

หลายๆ ครั้งเวลาที่เราพูดถึงสุขภาพจิตเรามักรู้สึกเหมือนกับว่าเรารู้ว่าสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไรหรือสุขภาพจิตไม่ดีเป็นอย่างไร แต่บางครั้งเมื่อเราต้องตอบคำถามว่าสุขภาพจิตที่ดีหรือคนปกติที่มีสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไรเรามักจะตอบไม่ถูก จริงๆแล้วคำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่ตอบไม่ง่ายนักและก็มีคนช่วยเราคิดกันมาก่อนหน้านี้มากมายโดยพอสรุปแนวความคิดได้ดังนี้

อารมณ์ดี

1. คนปกติก็คือคนที่มีอะไรๆอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย มีความรู้สึกนึกคิดและทำอะไรๆได้เหมือนคนทั่วๆไปในสังคมนั้น แนวคิดแบบนี้ก็ง่ายดี แต่ในบางสังคมที่มีคนสุขภาพจิตไม่ดีหรือมีคนที่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาอยู่มากๆ เช่น สังคมที่ชอบใช้ความรุนแรง สังคมที่ใช้การฆ่าตัวตายเป็นทางแก้ปัญหา หรือสังคมที่มีการดื่มเหล้ามากๆ เราก็จะถือว่านั่นเป็นสิ่งปกติเพราะคนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น

2. คนที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ไม่ป่วย ไม่มีโรคทางจิตเวช แนวคิดแบบนี้ถือว่าถ้าคนๆนั้นไม่มีอาการหรือพฤติกรรมที่แสดงถึงโรคทางจิตเวชก็ให้นับว่าเป็นคนปกติที่มีสุขภาพจิตดี แต่ในความจริงสุขภาพจิตดีควรเป็นอะไรที่มากกว่าการไม่ป่วย คนสุขภาพจิตดีนั้นนอกจากจะต้องไม่ป่วยแล้วต้องสามารถมีความรู้สึกเป็นสุข สามารถทำอะไรๆได้เต็มที่ตามศักยภาพของตนทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ความรู้สึก คนที่หัวดี เรียนเก่ง ไม่ป่วย แต่อยู่กับใครหรือทำงานกับใครก็มีปัญหาไปหมดไม่ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี

3. สุขภาพจิตที่ดีและที่ไม่ดีเป็นสิ่งเดียวกันแต่ต่างกันในเชิงปริมาณหรือความรุนแรงเท่านั้น ในคนปกติบางครั้งก็มีอาการของโรคทางจิตเวชได้ เช่น บางครั้งเราล็อคประตูก่อนออกจากบ้านตามปกติแล้วแต่ในใจก็ยังเกิดความไม่แน่ใจจนอดไม่ได้ที่จะกลับมาตรวจดูใหม่ว่าล็อคประตูแล้วแน่นะ ซึ่งเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำ แต่ถ้าอาการนั้นเป็นไม่รุนแรงและเกิดไม่บ่อยจนเกิดปัญหาเราก็ยังถือว่าเป็นพฤติกรรมปกติอยู่

4. คนปกติที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ปรับตัวได้ คนที่ปรับตัวได้ดีไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ต่อสังคม หรือเป็นคนดี คนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ สามารถอยู่ได้ สามารถหาความสุขใส่ตัวและหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆได้ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพ จิตดีตามแนวคิดนี้ สังคมที่ดีต้องการมากกว่าการมีคนที่ปรับตัวได้มาอยู่รวมๆกัน

5. คนที่มีสุขภาพจิตดีต้องมีความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ แนวคิดนี้คิดว่าคนที่มีสุขภาพจิตดีควรจะมีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม และสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่สามารถปรับตัวอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ได้ เช่น ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนชอบแกล้ง คนที่มีสุขภาพจิตดีตามแนวคิดที่ 4 ก็จะทนเอา คอยระวังตัวอย่าให้เขาแกล้งได้ แต่คนที่มีสุขภาพจิตดีตามแนวคิด (ที่ 5) นี้ควรจะสามารถหาวิธีจัดการให้เขาเลิกแกล้งหรือไม่มาแกล้งได้

6. คนที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง (good ego strength) คนที่มีจิตใจที่เข้มแข็งจะสามารถทนความเครียดได้มากและจะสามารถจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าคนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง คนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งนั้นถึงแม้ว่าจะยังไม่ป่วย ถึงแม้ว่าจะยังปรับตัวได้ดีอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตมากกว่าคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง

คนปกติที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ไม่มีโรคทางจิตเวช มักมีความรู้สึกเป็นสุข สามารถทำอะไรๆได้อย่างเต็มศักยภาพของตนเอง มีความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งแวดล้อม และมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ชีวิตของคนที่มีสุขภาพจิตดีไม่จำเป็นจะต้องประสบแต่ความสุขสมหวังไปเสียหมดเพราะชีวิตของคนเราคงจะยากที่จะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ในขณะที่ชีวิตมีปัญหาคนที่มีสุขภาพจิตดีก็เกิดความเครียดได้และอาจมีอาการบางอย่างของโรคทางจิตเวชได้ เช่น อาการย้ำคิดย้ำทำ อาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า ในขณะที่ชีวิตมีปัญหาคนที่มีสุขภาพจิตดีจะหาทางจัดการกับปัญหาโดยใช้ทั้งเหตุผลและความรู้สึก บางครั้งก็แก้ปัญหาได้บางครั้งก็แก้ไม่ได้ แต่ไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไรโดยรวมแล้วคนที่มีสุขภาพจิตดีจะมีความรู้สึกที่ดีและรู้สึกเป็นสุขมากกว่าเป็นทุกข์

ที่มา…แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

http://variety.teenee.com/foodforbrain/60727.html

“สายน้ำผึ้ง”เผยทริคผิวสวยรับซัมเมอร์ จน “กะรัต” ต้องอิจฉา

นาทีนี้หากจะพูดถึงนางร้ายแห่งปี คงไม่มีใครไม่รู้จัก จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา หรือ “สายน้ำผึ้ง” แห่ง “สามีตีตรา” ที่เล่นเอาคนดูอินตามจนหมั่นไส้ทั่วบ้านทั่วเมือง วันนี้เดี๊ยนเลยขออาสามาสอบถามถึงเรื่องความสวย ความงามในซัมเมอร์นี้ซะเลยว่าสายน้ำผึ้งจะเตรียมจัวจี๊ดจ๊าดในซีซั่นนี้ขนาด ไหน

Cinda: กิจกรรมที่ชอบทำในวันหยุด

จุ๋ย: ส่วนตัวชอบไปสปาเพื่อนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และดูแลผิวไปในตัว

Cinda: สถานที่สายน้ำผึ้งขอแนะนำให้ไปดับร้อนในซัมเมอร์นี้

จุ๋ย: ต้องภาคตะวันออกเลยค่ะ เพราะมีทะเลเยอะ โดยเฉพาะเกาะกรูด ซึ่งธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่มาก ไปทีไรประทับใจทุกครั้ง

อุต๊ะ…แบบนี้จะแอบชวนคุณพิศุทธิ์ไปสวีสกันสองต่อสองหรือเปล่านร้า…

Cinda: แต่งตัวรับซัมเมอร์สไตล์สายน้ำผึ้ง

จุ๋ย: อากาศร้อนขนาดนี้ ต้องใส่เสื้อผ้าที่บางเบา เนื้อผ้านุ่ม ให้ความรู้สึกสบายเลยค่ะ

Cinda: Must Have ที่สายน้ำผึ้งขอบอกว่าต้องมีติดกระเป๋าเพื่อนความจี๊ดในซัมเมอร์นี้

จุ๋ย: สิ่งที่กันแดดได้ทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ว่าครีมกันแดด หมวก แว่นตากันแดด ลิปมันกันแดด และสุดท้ายเลย คือ น้ำเปล่า ยิ่งหน้าร้อนยิ่งต้องติดเป็นประจำเลยนะคะ เพราะร่างกายของเราสูญเสียน้ำไปกับเหงื่อ แถมความร้อนจากแสงแดดก็พาความชุ่มชื่นไปจากผิวอีก ดังนั้นน้องดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายของเรามีน้ำหล่อเลี้ยงความชุ่มชื่นให้ผิว แถมช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสด้วยค่ะ

ได้รู้ความลับความสวยของสายน้ำผึ้งแล้ว สาวๆ คนไหนที่สนใจก็ลองเอาไปใช้ดูนะจ้ะ ส่วนตัวเดี๊ยนขอบอกว่าทำตามแล้วได้ผลมากๆ คอนเฟิร์มได้จากหนุ่มๆ รอบตัวที่ชมว่าสวยขึ้นคร่า…

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://lifestyle.th.msn.com/beauty/%E2%80%9C%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E2%80%9D%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%99-%E2%80%9C%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E2%80%9D-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2