ฟักทอง ถือเป็นพืชที่เป็นทั้งผักและผลไม้ มีสีเหลือง สำหรับฟักทองนั้นเราสามารถใช้เป็นผักได้เช่นเอามาแกง อย่างนี้เขาเรียกฟังทองเป็นผัก แต่ถ้าเอามานึ่งทานทำขนม อันนี้เรียกเป็นผลไม้ นอกจากนี้ ฟักทองนั้นเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงตัวหนึ่งที่เราควรทำความรู้จัก ทั้งในแง่ของสารอาหารและในแง่ของพืช สมุนไพรไทย
1.เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ในฟักทองไม่ได้มีเพียงแค่วิตามินเอแต่เพียงเท่านั้น หากยังมีวิตามินซีอยู่มากและวิตามินซีก็จะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย โดยเฉพาะการป้องกันหวัด ใครไม่อยากเป็นหวัดง่ายๆ แนะนำให้หมั่นกินฟักทองเป็นประจำค่ะ
2.ช่วยบำรุงสายตา
เพราะฟักทองนั้นมีวิตามินเอสูงมาก โดยฟักทองบด 1 ถ้วยจะให้วิตามินเอสูงมากถึง 200% จากปริมาณที่แนะนำใน 1 วัน และเราก็ทราบกันดีแล้วใช่มั้ยล่ะว่าวิตามินเอจะช่วยบำรุงสายตา ทำให้การมองเห็นแม้แต่ในที่มืดชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มันยังช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ในลูกตาได้อีกด้วย
3.ลดน้ำหนักได้ผล
อาหารลดน้ำหนักนั้นมีมากมายและฟักทองก็คือ หนึ่งในอาหารที่สาวๆ สามารถกินยามลดน้ำหนักได้ผล เพราะฟักทองมีไฟเบอร์สูงมากถึง 3 กรัมต่อ 1 ถ้วย และยังให้แคลอรี่แค่ 49 แคลอรี่เท่านั้น กินแล้วจึงรู้สึกอิ่มท้องนานและช่วยลดอาการหิวโหยระหว่างมื้อได้ดีทีเดียว
4.ดูแลสุขภาพหัวใจ
งานวิจัยได้ชี้แจงอย่างแน่ชัดแล้วว่า สารจากธรรมชาติที่ชื่อว่า ‘ไฟโตสเตอรอล’ (Phytosterols) ที่พบจากเมล็ดธัญพืชและถั่วเปลือกแข็งจะมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ได้ ดังนั้น มันจึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งแน่นอนว่าเมล็ดฟักทองก็คือ หนึ่งในเมล็ดธัญพืชที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
5.ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
ในฟักทองยังพบว่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งนอกจากจะช่วยด้านการบำรุงสายตาแล้ว มันยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ดีอีกด้วย โดยมีผลการวิจัยบอกไว้ว่า สารดังกล่าวจะสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุในการเกิดโรคมะเร็ง และกรดโปรไพโอนิคจากฟักทองก็ยังช่วยให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ทั้งนี้ ในผู้ชายการกินฟักทองเป็นประจำจะช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากโตและช่วยป้องกันการเป็นหมันได้
6.บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
อนุมูลอิสระเป็นตัวการทำลายเซลล์ให้เสื่อมสภาพและกลายมาเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด เช่นเดียวกันกับเซลล์ผิว หากมันถูกทำลายไปแล้ว สภาพผิวพรรณก็ย่อมหม่นหมอง ไม่เปล่งปลั่งสดใสและยังเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย แต่หากสาวๆ หมั่นกินฟักทองซึ่งมีสารแคโรทีนอยด์ก็จะช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ลงได้ ดังนั้น มันจึงช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
9.ป้องกันการเกิดนิ่ว
เมล็ดฟักทองเม็ดเล็กๆ ที่หลายคนอาจเคยมองข้าม ไม่เพียงจะมีแป้ง โปรตีน วิตามินและฟอสฟอรัสแต่เพียงเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีสารที่ชื่อว่า “คิวเคอร์บิติน” ซึ่งสารนี้เป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยฆ่าพยาธิตัวตืดได้ และยังทำหน้าที่ช่วยขับปัสสาวะ จึงสามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วและโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้นั่นเอง
10.ฟื้นพลังหลังออกกำลังกาย
ใครที่ชอบออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างกายก็มักอ่อนเพลียเป็นธรรมดาและแน่นอนค่ะว่าเรามักจะต้องกินอาหารเสริมพลังเข้าไป หลายคนนิยมหันมากินกล้วยเติมพลัง ทว่าหากใครที่ไม่ชอบกล้วย คุณสามารถกินฟักทองนึ่งแทนได้นะคะ เพราะฟักทองนั้นมีโพแทสเซียมสูงถึง 564 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่ากล้วยที่มีแค่ 422 มิลลิกรัมเท่านั้น สารโพแทสเซียมจะเข้าบำรุงและฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากออกกำลังกายมาอย่างหนักได้ดี อีกทั้งยังดูแลการทำงานของกล้ามเนื้อให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเดิมได้ด้วย
ข้อควรระวังในการทาน “ฟักทอง”
เนื่องจาก “ฟักทอง” มีฤทธิ์อุ่น ดังนั้นคนที่ “กระเพาะร้อน” คือมีอาการเช่นกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้นั่นเอง หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เช่นกัน
ใครที่อยากสุขภาพดีห่างไกลจากโรค ก็อย่าลืมหาซื้อมาประกอบอาหารกินกันบ้างนะคะ อย่างน้อยฟักทองก็ยังเป็นผักที่หาซื้อง่ายและราคาถูก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.kaewsaiidea.com/