ความสำเร็จในการจำหน่ายเฟอร์บี้ (itinlife391)

furby
furby

เฟอร์บี้ (Furby) คือ ของเล่นไฮเทคประเภทตุ๊กตาใส่ถ่ายที่สามารถโต้ตอบกับเจ้าของได้ในหลายรูปแบบ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารสมาร์ทโฟน หลายคนบอกว่าเหมือนสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิต เพราะเสมือนป้อนอาหารได้ เรียนรู้ภาษาได้ และมีปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อสัมผัส ซึ่งเฟอร์บี้เคยประสบความสำเร็จในการทำตลาดราวปี 1998 มียอดขายกว่า 40 ล้านตัวใน 3 ปี แล้วในปี 2012 ก็กลับมาประสบความสำเร็จผ่าน social media อีกครั้ง เราพบเฟอร์บี้ได้ใน facebook, twitter, instagram, youtube, pinterest หรือ tumblr เพราะกระแสคลั่งไคล้ดารา ทำให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่าง เมื่อมีดาราถ่ายรูปกับเฟอร์บี้แล้วส่งรูปเข้าเครือข่ายสังคมก็ทำให้ความนิยมต่อเฟอร์บี้ก้าวกระโดดในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว

ตามหลักของอุปสงค์และอุปทานที่ความต้องการมาก แต่สินค้ามีจำกัดย่อมทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ดังนั้นเฟอร์บี้ที่เคยมีราคา 4,000 บาท จึงมีราคาพุ่งไปถึง 6,000 บาท เมื่อได้มาแล้วก็ต้องนำมาถ่ายรูปแล้วอัพโหลดเข้าเครือข่ายสังคมว่ามีตุ๊กตาใส่ถ่านตัวนี้ไว้ในครอบครองแล้ว เป็นผลให้ผู้ที่พบเห็นกดไลค์ และพยายามหามาไว้ในครอบครองตามกันไป เป็นแฟชั่นที่มีอัตราการขยายตัวผ่านแรงหนุนจากเครือข่ายสังคมที่ชัดเจน ค่านิยมที่คล้ายกันเคยเกิดกับ Tamagotchi ในปี 1996 แต่ก็ยังไม่เท่าองค์จตุคามรามเทพที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ใหญ่ส่งผลให้นักเลงพระหลายคนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามเดือน ในช่วงปี 2007 ที่ชาวบ้านยอมจ่ายเงินบูชาองค์จตุคามรามเทพคองค์ละหลายพันบาทมาแล้ว

ความนิยมเกิดจากความพึงพอใจที่ห้ามกันไม่ได้ เพราะคำว่าชอบเป็นการส่วนตัว เป็นคำตอบที่สำคัญกว่าเหตุผลใด เหมือนกระแสคลั่งไคล้ดาราที่มีคนยอมจ่ายเงินหลายพันบาทไปดูดาราไม่กี่ชั่วโมงปรากฎตัวบนเวที ก็ล้วนเกิดจากความชอบ และเชื่อว่าคุ้มค่ากับการจ่าย ตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็เป็นอีกกระแสผลิตภัณฑ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และกำลังจะดับไป เหมือนกับกระแสผลิตภัณฑ์อื่นที่กล่าวไว้ และเชื่อได้ว่าจะมีกระแสใหม่เกิดขึ้นในอีกไม่ช้าในสังคมไทย เพราะเคยมีคนบอกว่าคนไทยเป็นฝ่ายรับที่ดีและเร็วอย่างน่าประหลาด ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม การแต่งกาย วัฒนธรรม และเทคโนโลยี จนนับวันนับจะหาอะไรที่เป็นไทยแท้ได้ยากขึ้นทุกวัน

http://en.wikipedia.org/wiki/Furby

เกมส์ความคิดสร้างสรรค์

พบใน http://www.ce-kmitl.net/index.php?topic=4815.0
มีข้อความดังนี้

เพื่อนคุณได้ส่งคำเชิญให้คุณมาร่วมเล่นเกมส์ความคิดสร้างสรรค์
ชิงรางวัล IPOD ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www….ac.th
วันนี้ ถึง
16 พฤษถาคม 2553

creative game
creative game

กติกาการแข่งขัน :
สุดยอดนักคิดต้องลงทะเบียนและเข้ามาตอบคำถาม
ใน Creative Game with Creative Campus@YONOK
ได้ที่ www…..ac.th
ทีมงานจะออกคำถามไม่น้อยกว่าวันละ 1 คำถามโดยไม่ระบุเวลา
คำถามจะทยอยขึ้นมาให้ตอบเรื่อย ๆ สุดยอดนักคิดทุกคนมีสิทธิ์ตอบคำถามตามเวลาและอารมณ์ของสุดยอดนักคิด
และสามารถติดตามคำถามได้
ที่ Facebook : Creative Campus @ YONOK University
หรือที่เว็บไซต์ www…..ac.th

วิธีคิดคะแนนสุดยอดนักคิด :

ผู้ที่ตอบถูกคนแรก ได้ข้อละ 200 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สองได้ข้อละ 190 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สามได้ข้อละ 180 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สี่ได้ข้อละ 170 คะแนน
เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ จนถึงผู้ที่ตอบถูกคนที่ 20 และผู้ที่ตอบถูกหลังจากคนที่ 20
คือคนที่ 21, 22 ….. จะได้คนละ10 คะแนน

มาดูตัวอย่างคำถามฝึกความคิดสร้างสรรค์

– นายป่วยพบต้นไม้ ถอดรหัสเป็นเลขสี่หลัก
ตอบ …………….9653……………………..
เหตุผล ………Nine Six find Tree

– ลองมาทำสมการแบบกวนๆดูนะ SinX = nA Aมีค่าเท่ากับเท่าไร
ตอบ …………..6
เหตุผล ……….SinX = nA ( n ตัด n = Six = A )

กำหนดการรับสมัครสุดยอดนักคิด :
รับสมัครสุดยอดนักคิดตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษถาคม 2553

กำหนดการวันประกาศผลสุดยอดนักคิด :
วันที่ 17-18 พฤษถาคม 2553 ทางเว็บไซต์ http://www…..ac.th

กำหนดการมอบของรางวัลสุดยอดนักคิด :

วันที่ 9 มิถุนายน 2553 ณ มหาวิทยาลับ

ของรางวัลสำหรับสุดยอดนักคิดนักค้น :
รางวัลที่ 1 : iPod Touch พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลที่ 2 : Samsung Candy Chat พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลที่ 3 : ตั๋วเครื่องไปกลับกรุงเทพฯ-ลำปางและที่พักในจังหวัดลำปาง
พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลประจำสัปดาห์อีกมากมาย

http://www.facebook.com/yonoklampang
http://www.weekendhobby.com/ict/webboard/questionn.asp?id=45
http://www.ce-kmitl.net/index.php?topic=4815.0

ประกวดภาพถ่าย

photo contest
photo contest

การส่งภาพประกวด Nation U Photo Contest กับคอนเซ็บต์
Fun Fin Feel @Songkran Festival 2013

เงื่อนไขการร่วมสนุก
• ผู้ร่วมกิจกรรมต้องมีบัญชีเฟสบุ๊ค (Facebook Account) เป็นของตนเอง
• ผู้ร่วมกิจกรรมต้องกด Like เพื่อเป็น Fan ของหน้าเพจ Nation U News ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
• ผู้เข้าประกวดต้องเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย, ปวช, หรือ ปวส. หรือเทียบเท่า (เท่านั้น)
• ผู้ร่วมสนุกต้องทำตามกติกาให้ครบถ้วนตามที่ระบุ
• ผู้ได้รับรางวัลต้องติดต่อกลับเพื่อมารับรางวัลภายในเวลา 15 วันนับจากประกาศผล หากผู้ได้รับรางวัลไม่มารับรางวัลภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าผู้ได้รับรางวัลสละสิทธิ์
• มหาวิทยาลัยขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด และเงื่อนไขเหล่านี้ได้ทุกเมื่อโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผลให้ทราบ โดยอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของทีมงาน คำตัดสินของคณะกรรมการและมหาวิทยาลัยถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง หรือขอให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
• ผู้ร่วมกิจกรรมรับทราบ และยินยอมปฏิบัติตามกติกาการร่วมสนุกฉบับนี้

กติกา
• ต้องเป็นภาพประเพณีสงกรานต์ ปี 2556 ถ่ายจากกล้อง DSLR หรือกล้องดิจิตอลคอมแพ็ค ที่มีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านพิกเซล
• จำกัดจำนวนภาพที่ส่งเข้าประกวดของผู้เข้าประกวด 1 USERNAME ต่อ 1 ภาพ
• ภาพที่ส่งประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆมาก่อน และต้องเป็นผลงานของผู้เข้าประกวดเองเท่านั้น
• ผู้ส่งภาพเข้าประกวดสามารถใช้เทคนิคการถ่ายภาพได้อย่างอิสระ แต่ห้ามตัดต่อ เพิ่มเติม หรือบิดเบือนภาพไปจากเดิม ยกเว้นการปรับสี ความอิ่มตัวสี แสง และคอนทราสต์ของภาพที่ไม่เกินจากความเป็นจริง
• ผู้ได้รับรางวัล กรุณาถือไฟล์ภาพจริงมาแสดงให้แก่คณะกรรมการตัดสิน
• ลิขสิทธิ์ภาพที่ส่งประกวด ตกเป็นของมหาวิทยาลัยเนชั่น เพื่อใช้จัดพิมพ์ เผยแพร่ ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของมหาวิทยาลัย
• การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ส่งภาพประกวดไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น
• ภาพทั้งหมดจะได้รับโพสต์ ลงเว็บไซค์มหาวิทยาลัยเนชั่น และโซเชียวมีเดียของมหาวิทยาลัย

กำหนดปฏิทินการประกวด
• ส่งภาพเข้ามาภายในวันที่ 22 เมษายน 2556
• กรรมการตรวจตัดสินการประกวดภาพถ่าย วันที่ 29 เมษายน 2556
• ประกาศผลภาพถ่ายผ่าน www.nation.ac.th และทางแฟนเพจ www.facebook.com/NationUNews
และมอบรางวัล วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 ณ มหาวิทยาลัยเนชั่น ศูนย์เนชั่นบางนา

เผยแพร่
http://www.nation.ac.th/
http://www.facebook.com/NationUNews
http://www.facebook.com/CommartsNationuBangkok

รางวัลการประกวด
• รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 5,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท

สีรถ สีขาว

white car
white car

เวลาเพื่อน ๆ เลือกสีของรถ เลือกันอย่างไรนะ
ปัจจุบันมีสีให้เลือกมากมาย ในการออกแบบเว็บไซต์มีให้เลือก 16 ล้านสี
ในโทรศัพท์ก็มี 16 สีบ้าง 256 สีบ้าง แล้วแต่รุ่น
ปัจจุบันก็เลือกสีตามความเชื่อต่าง ๆ นานา
ตามพระสงฆ์ ตามคู่มือ ตามหนังสือดูดวง ตามอารมณ์ ตามเหตุผล เป็นต้น
อาจเลือกแดงเพราะสดดี เลือกเหลืองเพราะเป็นสีพระอาทิตย์
.. อะไรทำนองนั้น
.. ก็เอาขาวล้วนกับรูปทรงต่าง ๆ มาแบ่งปันครับ

พงษ์เทพ บอกว่า ซุปเปอร์ฮีโร่มีแต่ในนิยาย

้have not the superhero
้have not the superhero

พงษ์เทพชี้ รธน.ปี2540 คิดผิด สร้างองค์กรอิสระบ้าอำนาจ

มีกฎที่เล่าต่อกันมาว่า
กฎข้อ 1 รธน. คือ กฎหมายสูงสุด
กฎข้อ 2 ถ้ามีอะไรขัดกับกฎข้อ 1 ให้ย้อนกลับไปดูกฎข้อ 1

1 มี.ค.56 องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมกับเว็บไซต์ประชาไท จัดสัมมนา 15 ปี องค์กรอิสระฯ สำรวจธรรมาภิบาลไทย สำรวจประชาธิปไตย โดยมีนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประเทศไทย พร้อมด้วยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะอดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2540 (ส.ส.ร. 40) กล่าวในหัวข้อ “พัฒนาการองค์กรอิสระฯกับประชาธิปไตยไทย”

http://www.naewna.com/politic/43322

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า องค์กรอิสระกับธรรมาภิบาล ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ประเทศไทยต้องระดมความคิด เพื่อให้เกิดกลไกลการใช้อำนาจอย่างโปร่งใส องค์ที่น่าเชื่อถือที่สุด คือองค์กรตุลาการ แต่ที่ผ่านมาจะเห็นตัวอย่างต่างๆ มากมาย ทำให้มั่นใจว่าไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ตนเองถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำให้องค์กรอิสระเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นหนึ่งในการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในขณะนั้น ส.ส.ร.40 คิดกันว่า จะทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดองค์กรในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างโปร่งใส โดยมีผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กรอิสระ

“แต่ตอนนี้เชื่อว่า ส.ส.ร.ปี 40 คงคิดว่า การร่างรัฐธรรมนูญให้มีองค์กรอิสระเกิดขึ้น เป็นความคิดที่ผิดมาก ที่ทำให้เกิดองค์กรอิสระขึ้น เนื่องจากคนที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ มีแต่ในนิยาย เพราะจะเห็นได้ว่า เมื่อคนเหล่านี้มีอำนาจอย่างล้นมือ จะใช้อำนาจฉ้อฉลแบบเบ็ดเสร็จ จนทำให้ไม่สามารถมีองค์กรใดเข้ามาตรวจสอบได้ เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้สร้างกลไกอย่างประหลาด โดยการที่รัฐสภา ไม่สามารถเรียกฝ่ายตุลาการ เข้ามาสอบถามการใช้อำนาจได้ ดังนั้น ต้องมาระดมความคิดกันว่า จะทำอย่างไรให้องค์กรอิสระ ยึดโยงกับประชาชนและสามารถตรวจสอบได้มากที่สุด”

ทีวีดิจิตอล 48 ช่อง จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจริงหรือ

เสียงคุณตาคนหนึ่งดังแว่วมาจากร้านรถเข็นริมฟุตบาธ
ว่า “ทีวีดิจิตอล 48 ช่อง จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจริงหรือ…
เป็นคำถามที่ดูเหมือนง่ายแต่ตอบยาก
อัญญาวีร์ อุนสวัสดิ์อาภา
อัญญาวีร์ อุนสวัสดิ์อาภา
เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมไทยคำว่า “ปริมาณ” กับ “คุณภาพ” อาจไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกัน และบ่อยครั้งคำว่าคุณภาพก็มักไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของคนด้อยโอกาสในสังคม
หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 50 ปี ที่แล้ว การเข้ามาของโทรทัศน์ระบบอนาล็อกภาคพื้นดินในประเทศไทยนับว่าเป็นสิ่งแปลก ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับคนในสังคมไทยไม่น้อย และถ้ากลับไปถามคนรุ่นปู่ย่าตายายในครอบครัวของเราว่าเริ่มดูโทรทัศน์ครั้ง แรกเมื่อใด หลายท่านอาจจะตอบว่า “ไม่รู้” เพราะไม่ได้จดจำหรืออาจหลงลืมไปแล้ว แต่บางท่านที่ความจำยังดีก็อาจจะตอบด้วยแววตาเป็นประกายและบอกเล่าเรื่องราว ได้อย่างละเอียดว่า ประเทศไทยเริ่มออกอากาศรายการโทรทัศน์ในระบบขาวดำเป็นครั้งแรกในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยใช้ชื่อว่า “สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม” แต่ถ้าหากถามท่านต่อไปอีกนิดว่า แล้วโทรทัศน์ในยุคแรกนั้นมีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด ผู้สูงอายุหลายท่านก็อาจตอบคำถามนี้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและตอบอย่างมั่นใจ มากกว่าเดิมว่า “ก็เพื่อความบันเทิงนะซิ”
คำถามดังกล่าว หลายคนอาจตอบได้ไม่ยากนักเนื่องจากบทบาทหน้าที่ ดังกล่าวของโทรทัศน์ได้ถูกตอกย้ำและรับรู้กันอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่ยุคแรก เริ่มของการเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันสถานีโทรทัศน์ก็ยังคงทำหน้าที่ในการสร้างความ บันเทิงมาโดยตลอดแต่อาจมีรูปแบบ เนื้อหา และวิธีการนำเสนอแตกต่างกันไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยีการสื่อสาร เช่น รายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศในยุคแรกส่วนใหญ่เป็นการออกอากาศหรือแสดงสดในห้อง ส่ง (สตูดิโอ) ที่มีขนาดเล็กและมีฉากจำกัด แต่เมื่อมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสื่อสารในระยะต่อมา รายการโทรทัศน์จึงมีทั้งการออกอากาศสด การบันทึกเทป และผลิตรายการได้ทั้งในและนอกสตูดิโอ
อย่างไรก็ดี บทบาทหน้าที่ของโทรทัศน์ในยุคแรกไม่เพียงแต่ให้ ความบันเทิงเท่านั้นแต่ยังมีบทบาทหน้าที่แอบแฝงหรือซ่อนเร้นทางการเมือง เช่น ในยุคของจอมพล ป. พิบูลสงคราม รายการโทรทัศน์นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้วยังทำหน้าที่ในการปลูกฝังแนวคิด ชาตินิยมและในยุคสมัย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ใช้สถานีโทรทัศน์เป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อและสร้างความชอบธรรม จากการยึดอำนาจจากจอมพลป. พิบูลสงครามภายหลังจากการปฏิวัติสำเร็จ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้นำงบประมาณจากหน่วยงานทหารมาดำเนินการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เป็นแห่งที่ 2 ขึ้นในประเทศไทยและใช้ชื่อว่า “สถานีกองทัพบกช่อง 7” ระบบขาวดำในปี พ.ศ. 2500
ท่ามกลางกระแสการพัฒนา ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของ จอมพล พลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2504 เป็นต้นมา สถานีโทรทัศน์ก็ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาจากโทรทัศน์ระบบขาวดำมาสู่โทรทัศน์ระบบสีในปี พ.ศ. 2510 การพัฒนาช่องฟรีทีวีในประเทศไทยทั้ง 6 ช่อง ซึ่งประกอบด้วย ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 ช่อง NBT และช่อง Thai PBS รวมทั้งการพัฒนาระบบเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมแต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การพัฒนาสถานีโทรทัศน์ในสังคมไทยที่ผ่านมา (ก่อนการปฏิรูปสื่อปี พ.ศ. 2540) รัฐมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และคลื่นโทร คมนาคม รวมทั้งการให้สัมปทานช่องสถานีโทรทัศน์กับผู้ประกอบการทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนส่งผลให้สถานีโทรทัศน์โดยส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยกลุ่มองค์กรธุรกิจการ เมืองซึ่งมุ่งเน้นผลประกอบการทางธุรกิจและอำนาจทางการเมืองมากกว่าผล ประโยชน์ของประชาชน
จากการครอบงำสื่อ ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535 และการครอบงำสื่อของกลุ่มธุรกิจทางสถานีโทรทัศน์ช่องไอทีวี ปี พ.ศ. 2538 (ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสในยุคปัจจุบัน) ได้ปิดกั้นการทำหน้าที่ของสื่อที่ถูกต้องและเที่ยงตรง ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปสื่อในระยะต่อมา ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี พ.ศ. 2540 กำหนดให้คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศทั้งในระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 40 รวมทั้งการเกิดขึ้นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ปี พ.ศ. 2550 เพื่อทำหน้าที่จัดสรรโครงข่ายและแผนแม่บทกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการดำเนิน ธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย
อาจกล่าวได้ว่า การเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอล 48 ช่องปัจจุบันกำลังเป็นที่จับตามองเพราะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของ กสทช.ว่า จะนำพาสังคมไทยให้หลุดพ้นจากการครอบงำสื่อของรัฐและกลุ่มธุรกิจที่ ยาวนานกว่า 50 ปี หรือไม่ เนื่องจากหลักเกณฑ์ในการจัดสรรคลื่นให้กับบริการชุมชนบริการสาธารณะ และบริการธุรกิจยังอยู่ในช่วงโค้งสำคัญ รวมทั้งประเด็นการเข้าถึงพื้นที่สื่อสาธารณะของคนทุกกลุ่มโดยเฉพาะผู้ด้อย โอกาสก็ยังเป็นด่านสำคัญที่ กสทช.จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้

เรียบเรียงโดย อัญญาวีร์ อุนสวัสดิ์อาภา
บทความจากกรุงเทพธุรกิจ

“ไม่เป็นไร” ไม่ใช่วิสัยของใครทั้งสิ้น ยิ่งปราชญ์ก็ห้ามพูด

"ไม่เป็นไร" ไม่ใช่วิสัยของใครทั้งสิ้น ยิ่งปราชญ์ก็ห้ามพูด
"ไม่เป็นไร" ไม่ใช่วิสัยของใครทั้งสิ้น ยิ่งปราชญ์ก็ห้ามพูด

ตอนสองในบทความเรื่อง “พลาดอย่างมีเครดิต”

นักปราชญ์ตั้งแต่ยุคโบราณกาลท่านหนึ่งกล่าวไว้ในทำนองที่ว่า
คุณภาพของงานของใครสักคนหนึ่ง
มาจากนิสัยที่คนนั้นแสดงออกให้ผู้คนได้ประจักษ์

ถ้าเชื่อนักปราชญ์ที่ได้กล่าวถ้อยคำนี้ไว้
ใครก็ตามที่อยากให้คนเชื่อเวลาที่งานการผิดพลาดไปนั้น
ต้องสร้างนิสัยการทำงานที่ส่อให้เห็นคุณภาพให้คนอื่นได้เห็นเป็นประจำให้ได้
ต้องทำเป็นนิสัยไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็แล้วแต่
ถ้าแสร้งทำไม่นานวันก็หลุดอาการไร้คุณภาพมาให้เห็น
คนเห็นความไม่มีคุณภาพในงานของเราสักครั้งสองครั้ง
เครดิตในด้านคุณภาพของเราก็หดหายไปหมด

เครดิตด้านคุณภาพสร้างให้คนอื่นเชื่อได้ยาก แต่ทำลายให้หมดไปได้ง่าย
หนทางเดียวที่จะรักษาเครดิตความน่าเชื่อถือว่าเราทำงานโดยเน้นคุณภาพไว้ได้
คือทำให้เป็นนิสัย โดยเริ่มต้นจากการลดนิสัย “ไม่เป็นไร” ในการทำงานให้มากที่สุด

(2/3)
จากเรื่อง “พลาดอย่างมีเครดิต” โดย ดร.บวร ปภัสราทร
http://bit.ly/WtjtXG

บล็อกช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว (itinlife382)

tourism information
tourism information
บล็อก (Blog) คือเครื่องมือหนึ่งในการจัดการความรู้ และเป็นเครื่องมือเพื่อบันทึกเรื่องราว แล้วนำบันทึกที่เขียนล่าสุดมาแสดงผลเป็นอันดับแรก การเขียนบันทึกในบล็อกต้องใช้บริการผ่านเครื่องบริการ (Web Server) ซึ่งมีทั้งแบบในเครื่องบริการของตน (Personal Server) กับเครื่องบริการสาธารณะ (Public Server) แล้วระบบบล็อกก็ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้พัฒนาเว็บไซต์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จนเริ่มเข้ามาทดแทนระบบเว็บไซต์แบบอื่น เนื่องจากเนื้อหาในระบบบล็อกมีความสมบูรณ์ ระบบมีความเป็นมาตรฐาน และรองรับการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเข้ากับระบบอื่นได้ง่าย
ความสมบูรณ์ของเนื้อหาเกิดจากระบบบล็อกกำหนดว่าการเขียนบันทึกต้องประกอบด้วย ผู้รับผิดชอบที่ต้องลงทะเบียน และล็อกอินเข้าระบบเพื่อเขียน แล้วบันทึกต้องมีรายละเอียดครบถ้วน อาทิ หัวข้อ (Subject) เนื้อหา (Content) รูปประกอบ (Image) คลิ๊ปภาพ (Video) แฟ้มเสียง (Sound) กำหนดกลุ่มเรื่อง (Category) และคำสำคัญ (Keyword) เป็นผลให้การเข้าถึงบันทึกได้หลายวิธีทั้งผ่านเลขบันทึก ระบบสืบค้น คำสำคัญ หรือกลุ่มเรื่อง ซึ่งการเขียนบันทึกมักคล้ายกับการเขียนข่าว หรือบทความทั่วไปที่มักมีรายละเอียดสำคัญ 3 ส่วนประกอบด้วย ส่วนนำ ส่วนเนื้อหา และส่วนสรุป แต่การเขียนบล็อกมีข้อเด่นกว่าคือ กลับไปแก้ไข หรือปรับปรุงให้ทันสมัยได้
ประเด็นการท่องเที่ยว (Tourism) มีมุมให้เขียนบันทึกได้หลากหลาย อาจเขียนในมุมของนักท่องเที่ยว เจ้าของพื้นที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้ที่กำลังหาข้อมูล อาจเขียนก่อนไปเที่ยว ขณะเที่ยว หรือหลังเที่ยว หัวข้อมีทั้งที่พัก ที่กิน ที่ชม ผู้คน หน่วยงาน สภาพอากาศ การเดินทาง ความปลอดภัย ความสะดวก และความรู้สึก ซึ่งภาพถ่ายและคลิ๊ปวีดีโอเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยในการเขียนบันทึก เพราะช่วยให้นำเสนอมีความชัดเจน มุมมองของนักท่องเที่ยวแต่ละคนนำเสนอผ่านภาพที่แตกต่าง แต่ละภาพแทนคำพูด ความรู้สึกที่เกินกว่าจะบรรยายด้วยถ้อยคำได้หมด แต่การมีบันทึกเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมักเริ่มต้นจากคนเขียนที่มักถูกเรียกว่าบล็อกเกอร์ที่สวมหมวกเป็นนักท่องเที่ยว แล้วท่านก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เป็นบล็อกเกอร์ (Blogger) ได้เช่นกัน

สวดมนต์ข้ามปี 2555 – 2556

New year 2555 - 2556
New year 2555 - 2556

31 ธ.ค.55 ไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดป่าชัยมงคล ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง
นำโดยพระครูสังฆรักษ์วิชพงษ์ เทศหลายเรื่อง

มีประเด็นเบื้องต้น ดังนี้
1) สุขเกิดจากใจ มิใช่กิน หรือเที่ยว แต่ไม่ไกลจากวัดนักมีคาราโอเกะหลายบ้าน ในหมู่บ้านจุดประทัดสนั่นหวั่นไหว เสียงกระทบเข้ามาขณะเจริญสติ
2) ผลของทำบุญ จะขอเป็นรางวัลก็คงไม่ใช่ เพราะไม่เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ทำบุญเจริญสติ ใครทำใครก็ได้ จะทำเผื่อกันคงไม่ได้
3) จงใช้ชีวิตกันอย่างอดทน และมุ่งมั่น อย่างการทำบุญ หรือเจริญภวนาจะขอให้เห็นผลใน 3 วันคงไม่ได้ ครูที่เงินเดือนสูง และประสบความสำเร็จในงานก็เพราะอดทน ค่อย ๆ ทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่วิศวะที่เปลี่ยนงานหลายครั้งไม่อดทนก็เหมือนย่ำอยู่กับที่
4) มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา สอนให้รู้ว่าลดการยึดมั่นถือมั่นลงบ้าง ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นภาพลวงตา มาแล้วก็ไป
5) ทำบุญตอนมีพร้อม ทั้งเวลา และร่างกายดีกว่าทำตอนเหลือเวลาน้อยและไม่พร้อม เพราะอายุน้อยขันธ์ 5 ยังพร้อม
โดยขันธ์ 5 ประกอบด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
6) ก่อนถึง 24.00น. เทศมหาชาติ คือ เทศนาเวสสันดรชาดก มีทั้งหมด 13 กัณฑ์  ครั้งนี้เทศน์ กัณฑ์ทศพร
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXlOVEV5TURrMU13PT0
1.กัณฑ์ทศพร
เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์ประสาทพรแก่นางผุสดี ก่อนที่จะจุติลงมาเป็นพระราชมารดาของพระเวสสันดร โดยให้พร 10 ประการ
2.กัณฑ์หิมพานต์
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรบริจาคทานช้างปัจจัยนาค ประชา ชนชาวเมืองสีพีโกรธแค้น จึงขับไล่ให้ไปอยู่เขาวงกต
3.กัณฑ์ทานกัณฑ์
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงแจกสัตสดกมหาทาน คือ การแจกทานครั้งยิ่งใหญ่ ก่อนออกจากพระนคร
4.กัณฑ์วนปเวศน์
เป็นกัณฑ์ที่เสด็จถึงเขาวงกต ได้พบศาลาอาศรม ซึ่งท้าววิษณุกรรมเนรมิตให้ พระเวสสันดร พระนางมัทรี ชาลีและกัณหา จึงทรงผนวชเป็นฤาษีพำนักในอาศรมสืบมา
5.กัณฑ์ชูชก
เป็นกัณฑ์ที่ชูชกได้นางอมิตดามาเป็นภรรยา และหมายจะได้โอรสและธิดาพระเวสสันดรมาเป็นทาส
6.กัณฑ์จุลพน
เป็นกัณฑ์ที่พรานเจตบุตรหลงกลชูชก และชี้ทางอาศรมจุตดาบส ชูชกได้ชูกลักพริกขิงแก่พรานเจตบุตร อ้างว่าเป็นพระราชสาส์นของพระเจ้ากรุงสญชัย จึงได้พาไปยังต้นทางที่จะไปอาศรมฤาษี
7.กัณฑ์มหาพน
เป็นกัณฑ์ป่าใหญ่ ชูชกหลอกล่ออจุตฤาษีให้บอกทางสู่อาศรมพระเวสสันดร
8.กัณฑ์กุมาร
เป็นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรทรงให้ทานสองโอรสแก่เฒ่าชูชก
9.กัณฑ์มัทรี
เป็นกัณฑ์ที่พระนางมัทรีทรงได้ตัดความห่วงหาอาลัยในสายเลือด อนุโมทนาทานโอรสทั้งสองแก่ชูชก
10.กัณฑ์สักกบรรพ
เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์จำแลงกายเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี แล้วถวายคืนพร้อมถวายพระพร 8 ประการ
11.กัณฑ์มหาราช
เป็นกัณฑ์ที่เทพเจ้าจำแลงองค์ทำนุบำรุงขวัญสองกุมาร ก่อนเสด็จนิวัตถึงมหานครสีพี
12.กัณฑ์ฉกษัตริย์
เป็นกัณฑ์ที่ทั้งหกกษัตริย์ถึงวิสัญญีภาพสลบลงเมื่อได้พบหน้ากัน ท้าวสักกะเทวราชได้ทรงบันดาลให้ฝนตกประพรมหกกษัตริย์
13.กัณฑ์นครกัณฑ์
เป็นกัณฑ์ที่หกกษัตริย์นำพยุหโยธาเสด็จนิวัตพระนคร พระเวสสันดรขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา
http://www.thaiall.com/lovelampang/watchaimongkol.htm

ขอเตือน .. เซ็กซี่มีเสน่ห์เกินไป ก็ถูกไล่ออกได้

http://www.happyindress.com/%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%87/
http://www.happyindress.com/

รอยเตอร์ – ศาลสูงสุดไอโอวาชี้ขาด นายจ้างสามารถไล่พนักงานออกได้อย่างถูกกฏหมาย ถ้าลูกจ้างเหล่านั้นสวยหรือหล่อเตะตามากเกินไป โดยการตัดสินให้ หมอฟันรายหนึ่งไม่มีความผิดฐานละเมิดสิทธิพลเรือน หลังเลิกจ้างผู้ช่วยสาว เนื่องจากภรรยาของเขามองว่าเธอเป็นภัยคุกคามชีวิตการแต่งงาน

เมลิสซา เนลสัน ผู้ช่วยทันตแพทย์สาว ซึ่งทำงานให้กับหมอ เจมส์ ไนท์ มานานกว่า 10 ปี ยื่นฟ้องต่อศาลโดยกล่าวว่า เธอจะไม่ถูกไล่ออกหากเธอเป็นผู้ชาย พร้อมกับยืนยันว่า เธอไม่เคยให้ท่าเขา

ขณะที่ทันตแพทย์ไนท์เผยในชั้นศาลว่า เขาบ่นเนลสันไปหลายครั้งว่าเสื้อผ้าของเธอรัดรูปเน้นส่วนสัดมากเกินไป และยังทำให้เสียสมาธิ

อย่างไรก็ตาม จากคำให้การ หมอฟันหนุ่มเริ่มส่งข้อความพูดคุยกับผู้ช่วยสาวในช่วงปี 2009 แม้ว่าข้อความส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงาน และไม่มีพิษมีภัย แต่บางข้อความก็มีเนื้อหาอนาจาร โดยหนึ่งในนั้น ไนท์เอ่ยถามเนลสันว่า เธอถึงจุดสุดยอดบ่อยแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น

ปลายปี 2009 ภรรยาของหมอไนท์เจอข้อความโต้ตอบระหว่างทั้ง 2 คน และเรียกร้องให้สามีของเธอเลิกจ้างผู้ช่วยสาวคนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า “เธอกำลังเป็นภัยร้ายแรงต่อชีวิตการแต่งงานของพวกเขา” และในช่วงต้นปี 2010 เขาก็ไล่เธอออก

หลังจากนั้น เนลสันจึงยื่นฟ้องดำเนินคดี โดยว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอคิดเสมอว่านายแพทย์เป็นเหมือนเพื่อน และพ่อ โดยชี้ว่า เธอจะไม่ถูกเลิกจ้างหากเธอเป็นเพศชาย

ด้านหมอไนท์แย้งว่า เนลสันไม่ได้ถูกไล่ออกเพราะเพศ เนื่องจากลูกจ้างทั้งหมดของเขาก็เป็นผู้หญิง แต่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเริ่มพัฒนาไปจนอาจทำลายครอบครัวของเขา

คณะผู้พิพากษา 7 คน ซึ่งเป็นชายทั้งหมด ชี้ว่า คำถามพื้นฐานในคดีนี้อยู่ที่ว่า ลูกจ้างซึ่งไม่ได้กระทำการอันเป็นการยั่วยวนให้ท่า อาจถูกเลิกจ้างได้อย่างถูกกฏหมาย เพียงเพราะนายจ้างมองว่าลูกจ้างเหล่านั้นมีเสน่ห์จนไม่สามารถต้านทานได้

ทั้งนี้ ศาลสูงพิพากษาว่า นายจ้างสามารถไล่พนักงานออกได้ หากพวกเขามองว่าลูกจ้างเหล่านั้นน่าดึงดูดใจเกินไป และการกระทำเช่นนั้นไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ผิดกฏหมาย

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000155212

wonder woman
wonder woman

REUTERS – The Iowa Supreme Court ruled on Friday that employers in the state can legally fire workers they find too attractive.

In a unanimous decision, the court held that a dentist did not violate the state’s civil rights act when he terminated a female dental assistant whom his wife considered a threat to their marriage.

The dental assistant, Melissa Nelson, who worked for dentist James Knight for more than 10 years and had never flirted with him, according to the testimony of both parties, sued, saying she would not have been fired if she were a man.

At trial, Knight testified he had complained to Nelson on several occasions that her clothing was too tight, revealing and “distracting.”

But sometime in 2009, he also began exchanging text messages with Nelson. Most of these were work-related and harmless, according to testimony. But others were more suggestive, including one in which Knight asked Nelson how often she had an orgasm. She never answered the text.

In late 2009, Knight’s wife found out about the text exchanges and demanded her husband terminate the dental assistant because “she was a big threat to our marriage.

In early 2010, he fired her, saying their relationship had become a detriment to his family.

Nelson sued, saying that she had done nothing wrong, that she considered Knight a friend and father figure, and that she would not have been terminated but for her gender.

Knight argued that Nelson was terminated not because of her gender – all the employees of his practice are women – but because of the way their relationship had developed and the threat it posed to his marriage.

The seven justices, all men, said the basic question presented by the case was “whether an employee who has not engaged in flirtatious conduct may be lawfully terminated simply because the boss views the employee as an irresistible attraction.

The high court ruled that bosses can fire workers they find too attractive and that such actions do not amount to unlawful discrimination.

The case was Melissa Nelson v. James H. Knight DDS, PC and James Knight. (Reporting by James B. Kelleher in Chicago; Editing by Eric Beech)

http://in.reuters.com/article/2012/12/22/usa-law-iowa-sex-idINDEE8BL00J20121222

http://www.comicvine.com/forums/battles/7/superwoman-vs-wonder-woman/608741/