ทพ.ศิริชัย ธรรมชาติอารี
งานทันตกรรม
การดูแลสุขภาพปากและฟัน ปัจจุบันได้รับความนิยมจนกลายเป็นแฟชั่นการจัดฟัน ซึ่งมาพร้อมกับอันตรายที่หลายท่านยังไม่รู้
การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือเข้าไปในช่องปากเลียน แบบการจัดฟันที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโดยผู้ที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ ซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและฟัน
การจัดฟันแฟชั่นที่พบทั่วไปมีอยู่หลายลักษณะ ตั้งแต่ใช้ลวดเส้นเล็กๆ ร้อยลูกปัดสีต่างๆ ซึ่งวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เองหรือให้คนขายใส่ให้ หรือใช้เครื่องมือแบบติดแน่นโดยนำเครื่องมือที่เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องสำหรับใส่ลวดและคล้องยางสีสันต่างๆ ลงไป กระทั่งใช้เครื่องมือแบบถอดได้ ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องมือคงสภาพฟันที่ทันตแพทย์ใช้ภายหลังการจัดฟัน
สำหรับอันตรายที่เกิดจากการจัดฟันแฟชั่น พบได้หลายส่วน ทั้งจากการใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาดเพียงพอ เช่น ถาดพิมพ์ฟันไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่ติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ วัณโรค อันตรายจากวัสดุที่ใช้จัดฟันแฟชั่น เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นที่มีคุณภาพต่ำ มักปนเปื้อนสารเคมีรุนแรง เช่น สารปรอท สารตะกั่ว แคดเมียม หรือสารหนูที่จะไปสะสมในร่างกายมาก จนก่อให้เกิดอันตรายหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ตามมาได้ และที่สำคัญคืออันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก โดยเฉพาะลวดที่ใส่เข้าไปในช่องปาก หากปรับแต่งโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ จะทำให้เกิดแรงกดตัวฟันมากเกินไป ฟันเคลื่อนผิดตำแหน่ง ไม่เป็นระเบียบ ทำให้มีอาการปวดฟันมาก มีฟันตายและเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือมีรากฟันละลาย จนถึงขั้นต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป
นอกจากนี้เครื่องมือจัดฟันแฟชั่น อาจทำให้เกิดการบาดที่กระพุ้งแก้ม หรือพลาสติกกดเหงือกจนกลายเป็นแผลเรื้อรัง ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการทำความสะอาดฟัน ทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบบวมแดง มีกลิ่นปากได้ นอกจากนี้เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นยังมีโอกาสหลุดลงคอหรือหลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้คนมากมายทุ่มเทจัดฟันแฟชั่น เพื่อความสวยงามที่แฝงไว้ด้วยอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ความจริงแล้ว การจัดฟันเป็นการรักษาทางทันตกรรม เพื่อแก้ไขความผิดปกติการเรียงตัวของฟัน เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฟันยื่น ซึ่งส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร สุขภาพของช่องปาก รวมถึงความสวยงามของใบหน้าที่ดีขึ้น ซึ่งผู้ให้การรักษาควรเป็นทันตแพทย์จัดฟันจึงจะปลอดภัย
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000024434