ภาพลักษณ์พนักงาน (itinlife531)

นอนเล่นบนกองขนมปังที่ใช้ทำเบอร์เกอร์
นอนเล่นบนกองขนมปังที่ใช้ทำเบอร์เกอร์

เคยอ่านโพสต์ของคุณอนัณทินี จิตจรุงพร เป็น Image and branding consultant แล้วสนใจคำว่า Personal branding บอกว่า ภาพลักษณ์พนักงานมีผลต่อภาพลักษณ์องค์กร ทำให้นึกถึงภาพลักษณ์ของพนักงานในเครือข่ายสังคม ทั้งเฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตาแกรม หรือกูเกิ้ลพลัส ซึ่งมีพนักงานจำนวนหนึ่งเชื่อว่าตนเองไม่ใช่เจ้าขององค์กร เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ขององค์กร จึงไม่มีความจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเองในบทบาทที่เป็นพนักงานองค์กร ซึ่งก็ใช่ถ้าพนักงานไม่คิดจะก้าวหน้าในองค์กร และไม่มีกลุ่มเป้าหมายขององค์กรเข้าถึงตัวคุณ หรือรับรู้ว่าคุณคือพนักงานขององค์กร
เมื่อถึงเวลาประเมินการปฏิบัติงานประจำปี ที่ต้องพิจารณาผลการดำเนินงานเชิงปริมาณตามที่ตกลงกันไว้แล้ว เช่น ความสำเร็จตามตัวบ่งชี้ ทำยอดทะลุเป้า ทำงานที่มอบหมายได้ครบถ้วน คุณภาพของชิ้นงาน การขาดลาสายหรือไม่ อีกปัจจัยที่มักใช้ประกอบการประเมินคือหัวหน้ามักมองภาพรวมด้วยเช่นกัน ว่าพนักงานแต่ละคนมีภาพลักษณ์ที่เหมาะสมหรือไม่ อาจดูรูปลักษณ์ภายนอก มีบุคลิกที่ดี แต่งหน้าทำผมมาทำงาน ยิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาศัยที่ดี มีจิตอาสา มีจิตสำนึกสาธารณะ แลกเปลี่ยนกับเพื่อนและหัวหน้าเชิงบวกเป็นประจำ รีดเสื้อผ้าและสะอาดเสริมภาพลักษณ์องค์กร ทำห้าสอเป็นประจำ สมเป็นพนักงานของบริษัทที่ส่งเสริม Brand Ambassador
มีคำกล่าวว่า ไม่ทำดี ก็อย่าทำเสีย ซึ่งเกี่ยวกับการรักษาภาพลักษณ์พนักงาน เมื่อมีการใช้เครือข่ายสังคมก็จะพบเห็นพฤติกรรมพนักงานจำนวนหนึ่งที่ไม่ให้ความสำคัญกับการรักษาภาพลักษณ์ ไม่สนใจกลุ่มเฟสองค์กร ไม่สนใจแฟนเพจองค์กร แล้วคิดว่าได้กำหนดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะเพื่อนแล้ว จะทำให้การแสดงความคิดเห็นของตนไม่รั่วไหล ไม่รับหัวหน้า หรือลูกค้าขององค์กร หรือคนที่ไม่หวังดีต่อตนมาเป็นเพื่อน แล้วบ่น ระบาย โพสต์ความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจเป็นภาพลักษณ์เชิงลบในมุมมองขององค์กร หรือปล่อยเกียร์ว่าระหว่างทำงาน เช่น แชทในเวลางานถูกเชิญออกได้ ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้สิทธินายจ้างบอกเลิกจ้างได้ทันที เมื่อพบพฤติกรรมการแชทออนไลน์เรื่องส่วนตัวในที่ทำงาน

อธิบายยากครับ ว่าทำไปทำไม
อธิบายยากครับ ว่าทำไปทำไม

คุณอนัณทินี จิตจรุงพร เป็น Image and branding consultant
https://www.facebook.com/imageinspirationbytinee/posts/1490879257880081
สัมภาษณ์แอร์โฮสเตส
https://www.youtube.com/watch?v=8aVjfSnwRvc
การเลือกคนไปทำงาน ความสามารถไม่ใช่สิ่งเดียว ภาพลักษณ์ก็เป็นปัจจัย
https://www.youtube.com/watch?v=Pbid7WRw1mc

ขอเตือน .. เซ็กซี่มีเสน่ห์เกินไป ก็ถูกไล่ออกได้

http://www.happyindress.com/%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%87/
http://www.happyindress.com/

รอยเตอร์ – ศาลสูงสุดไอโอวาชี้ขาด นายจ้างสามารถไล่พนักงานออกได้อย่างถูกกฏหมาย ถ้าลูกจ้างเหล่านั้นสวยหรือหล่อเตะตามากเกินไป โดยการตัดสินให้ หมอฟันรายหนึ่งไม่มีความผิดฐานละเมิดสิทธิพลเรือน หลังเลิกจ้างผู้ช่วยสาว เนื่องจากภรรยาของเขามองว่าเธอเป็นภัยคุกคามชีวิตการแต่งงาน

เมลิสซา เนลสัน ผู้ช่วยทันตแพทย์สาว ซึ่งทำงานให้กับหมอ เจมส์ ไนท์ มานานกว่า 10 ปี ยื่นฟ้องต่อศาลโดยกล่าวว่า เธอจะไม่ถูกไล่ออกหากเธอเป็นผู้ชาย พร้อมกับยืนยันว่า เธอไม่เคยให้ท่าเขา

ขณะที่ทันตแพทย์ไนท์เผยในชั้นศาลว่า เขาบ่นเนลสันไปหลายครั้งว่าเสื้อผ้าของเธอรัดรูปเน้นส่วนสัดมากเกินไป และยังทำให้เสียสมาธิ

อย่างไรก็ตาม จากคำให้การ หมอฟันหนุ่มเริ่มส่งข้อความพูดคุยกับผู้ช่วยสาวในช่วงปี 2009 แม้ว่าข้อความส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงาน และไม่มีพิษมีภัย แต่บางข้อความก็มีเนื้อหาอนาจาร โดยหนึ่งในนั้น ไนท์เอ่ยถามเนลสันว่า เธอถึงจุดสุดยอดบ่อยแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น

ปลายปี 2009 ภรรยาของหมอไนท์เจอข้อความโต้ตอบระหว่างทั้ง 2 คน และเรียกร้องให้สามีของเธอเลิกจ้างผู้ช่วยสาวคนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า “เธอกำลังเป็นภัยร้ายแรงต่อชีวิตการแต่งงานของพวกเขา” และในช่วงต้นปี 2010 เขาก็ไล่เธอออก

หลังจากนั้น เนลสันจึงยื่นฟ้องดำเนินคดี โดยว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอคิดเสมอว่านายแพทย์เป็นเหมือนเพื่อน และพ่อ โดยชี้ว่า เธอจะไม่ถูกเลิกจ้างหากเธอเป็นเพศชาย

ด้านหมอไนท์แย้งว่า เนลสันไม่ได้ถูกไล่ออกเพราะเพศ เนื่องจากลูกจ้างทั้งหมดของเขาก็เป็นผู้หญิง แต่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเริ่มพัฒนาไปจนอาจทำลายครอบครัวของเขา

คณะผู้พิพากษา 7 คน ซึ่งเป็นชายทั้งหมด ชี้ว่า คำถามพื้นฐานในคดีนี้อยู่ที่ว่า ลูกจ้างซึ่งไม่ได้กระทำการอันเป็นการยั่วยวนให้ท่า อาจถูกเลิกจ้างได้อย่างถูกกฏหมาย เพียงเพราะนายจ้างมองว่าลูกจ้างเหล่านั้นมีเสน่ห์จนไม่สามารถต้านทานได้

ทั้งนี้ ศาลสูงพิพากษาว่า นายจ้างสามารถไล่พนักงานออกได้ หากพวกเขามองว่าลูกจ้างเหล่านั้นน่าดึงดูดใจเกินไป และการกระทำเช่นนั้นไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ผิดกฏหมาย

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000155212

wonder woman
wonder woman

REUTERS – The Iowa Supreme Court ruled on Friday that employers in the state can legally fire workers they find too attractive.

In a unanimous decision, the court held that a dentist did not violate the state’s civil rights act when he terminated a female dental assistant whom his wife considered a threat to their marriage.

The dental assistant, Melissa Nelson, who worked for dentist James Knight for more than 10 years and had never flirted with him, according to the testimony of both parties, sued, saying she would not have been fired if she were a man.

At trial, Knight testified he had complained to Nelson on several occasions that her clothing was too tight, revealing and “distracting.”

But sometime in 2009, he also began exchanging text messages with Nelson. Most of these were work-related and harmless, according to testimony. But others were more suggestive, including one in which Knight asked Nelson how often she had an orgasm. She never answered the text.

In late 2009, Knight’s wife found out about the text exchanges and demanded her husband terminate the dental assistant because “she was a big threat to our marriage.

In early 2010, he fired her, saying their relationship had become a detriment to his family.

Nelson sued, saying that she had done nothing wrong, that she considered Knight a friend and father figure, and that she would not have been terminated but for her gender.

Knight argued that Nelson was terminated not because of her gender – all the employees of his practice are women – but because of the way their relationship had developed and the threat it posed to his marriage.

The seven justices, all men, said the basic question presented by the case was “whether an employee who has not engaged in flirtatious conduct may be lawfully terminated simply because the boss views the employee as an irresistible attraction.

The high court ruled that bosses can fire workers they find too attractive and that such actions do not amount to unlawful discrimination.

The case was Melissa Nelson v. James H. Knight DDS, PC and James Knight. (Reporting by James B. Kelleher in Chicago; Editing by Eric Beech)

http://in.reuters.com/article/2012/12/22/usa-law-iowa-sex-idINDEE8BL00J20121222

http://www.comicvine.com/forums/battles/7/superwoman-vs-wonder-woman/608741/

ปลดพนักงานไม่ถูกปกปิดอีกต่อไป (itinlife372)

ความผิดของผู้เหลือรอด
ความผิดของผู้เหลือรอด

8 ธ.ค.55 ในอดีตข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ผ่านสื่อในทุกประเภทยังไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย  ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยี และการคมนาคมที่ไม่สะดวก ทำให้ผู้คนไม่อาจรับรู้ถึงข้อมูล หรือไม่สามารถเข้าถึงข่าวสารที่หลั่งไหลออกมาจากแหล่งข่าวได้ ทำให้เรื่องราวมากมายเป็นเหมือนเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น จนกลายเป็นเรื่องลี้ลับโดยปริยาย ถ้าผู้ส่งสารไม่สื่อออกไปอย่างเหมาะสม ผู้ทำสื่อไม่เผยแพร่ หรือผู้รับปฏิเสธข่าวสาร การรับรู้ข้อมูลข่าวสารแล้วนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างเหมาะสมก็จะไม่เกิดขึ้น เดิมชาวโลกมีระบบการสื่อสารที่ไม่สมบูรณ์ อาทิ ข่าวที่องค์กรขนาดใหญ่มีแผนปลดพนักงาน หรือปิดกิจการมักเผยแพร่ไม่ทั่วถึง ผู้เขียนเริ่มคุ้นเคยคำว่าข้อมูลข่าวสารในช่วงฟองสบู่แตกปี 2540 แล้วมีผลพวงเป็นข่าวปลดพนักงานคราวละหลายพันคน ข้อดีของข่าวปลดพนักงานทำให้องค์กรมากมายตระหนัก เริ่มเรียนรู้ทั้งรู้เขา รู้เรา นำไปสู่การหามาตรการป้องกัน หรือจัดการความเสี่ยง

ปี 2555 มีข่าวปลดพนักงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และปลดครั้งละหลายพันคน ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป ล่าสุด CITIGroup ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ขายความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นองค์กรทางการเงินที่ส่วนหนึ่งบริการเกี่ยวกับการรับฝากถอน และปล่อยกู้ ได้ให้ข่าวว่ามีแผนปลดพนักงานหนึ่งหมื่นหนึ่งพันคน จากก่อนหน้านี้ก็มีข่าวปลดพนักงานระดับหมื่นคนในหลายองค์กรมาแล้ว จึงเป็นเรื่องน่าศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้น และทำอย่างไรไม่ให้เกิดแบบนั้นในองค์กรของเรา

สำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายแหล่งที่ก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยนวัตกรรม ก็พบปัญหาพ่ายแพ้ต่อนวัตกรรมของบริษัทอื่นในตลาดที่ผู้บริโภคเปลี่ยนใจง่าย  สินค้ารูปแบบเดิมไม่อาจตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค  ประกอบกับกำลังซื้อมีจำกัด เพราะคนหนึ่งจะซื้อทุกอย่างในโลกไม่ได้ หากมีบริษัทที่เป็นเบอร์ 1 ก็ย่อมมีบริษัทที่เป็นเบอร์สุดท้าย แล้วผลคือบริษัทที่ยอดขายต่ำต้องปรับเปลี่ยนไปในแนวกระทบความมั่นคงในอาชีพ และสวัสดิการของบุคลากรในองค์กร การจัดการความเสี่ยง การจัดการความรู้ การจัดการลูกค้า และตอบสนองเร็วต่อปัจจัยภายนอก จึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้บริหารองค์กรในปัจจุบัน ดังนั้นการบริหารองค์กรให้อยู่รอดย่อมส่งผลถึง ความเป็นความตายในอาชีพของพนักงานนับหมื่นคนในองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีบทเรียนขององค์กรที่ไปไม่รอดให้เรียนรู้มาแล้วมากมาย และหาอ่านได้ไม่ยากนัก

http://www.usatoday.com/story/money/2012/12/05/citi-cuts-11k-jobs/1747897/

http://video.cnbc.com/gallery/?video=3000133496&__source=yahoo|headline|quote|video|&par=yahoo

ถูกไล่ออกเพราะไม่คิดก่อนโพส

ถูกไล่ออกเพราะไม่คิดก่อนโพส
ถูกไล่ออกเพราะไม่คิดก่อนโพส
สมัยผมเป็นเด็ก ได้ยินคำพูดว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” เป็นคติพจน์ที่น่าสนใจ ผมจึงคัดลอกบันทึกเรื่องหนึ่งจาก โครงการรณรงค์คิดก่อนโพส (Think-before-you-post Campaign) มาเผยแพร่ต่อ ดังนี้
หญิง: OMG (Oh My God) ฉันเกลียดงานตัวเอง! เจ้านายฉันเป็นพวกน่ารำคาญ จุกจิก ชอบสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ชอบกวนโมโห น่ารังเกียจ Wanker!
(ปล. คำว่า wanker เป็นคำด่าแสลง หยาบคายพอสมควร สามารถเอาไว้ใช้เรียกพวกจิตวิปริต ที่ชอบแก้ผ้าสำเร็จความใคร่ในที่สาธารณะได้ สามารถใช้หมายถึงคนที่น่ารังเกียจได้)
ชาย: สวัสดี ญ. เธอคงลืมไปแล้วมั้งว่าเธอ add ฉันไว้ใน Facebook
ประเด็นแรกสุด ฉันขอบอกเลยนะที่รัก ว่าอย่าหลงตัวเองให้มาก
ประเด็นที่สอง เธอทำงานมาได้ 5 เดือน เธอไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นเกย์ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ลอยไปลอยมาเป็น Queen แต่ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร เธอน่าจะดูออก
ประเด็นที่สาม ไอ้ที่เธอบอกว่าถูกสั่งให้ “ทำโน่นทำนี่” น่ะ คนทั่วไปเขาเรียกกันว่า “ทำงาน” เขาจ้างเธอมาทำงาน แต่ก็เอาเหอะ ฉันเข้าใจดี เพราะขนาดงานง่ายๆ เธอยังทำไม่ได้เลย ประสาอะไรกับงานอื่นๆ
ประเด็นสุดท้าย เธอคงลืมไปว่ายังเหลืออีก 2 สัปดาห์ถึงจะหมดระยะเวลาพ้นโปร 6 เดือน ก็เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ เดี๋ยวฉันจะเขียนใบประเมินทิ้งไว้ในตู้เอกสารของเธอ แล้วก็มาเก็บของกลับบ้านไปด้วย
“ฉันไม่ได้พูดเล่น”
ปล. ขอขอบคุณ http://www.passiveaggressivenotes.com/ สำหรับรูปภาพและข้อมูล

ผู้ผลิตแบล็คเบอร์รี่ปลดห้าพัน

heavyweight กับ lightweight ศึกสมาร์ทโฟน
heavyweight กับ lightweight ศึกสมาร์ทโฟน

ศึกสมาร์ทโฟน

30 มิ.ย.55 สองปีก่อนมีลูกศิษย์นำโทรศัทพ์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีสหรัฐใช้ คือ โทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่ (BB = Black Berry) ของบริษัทริม (RIM = Research in motion) มีความสามารถเด่นกว่าทุกรุ่นในขณะนั้น และตอนนั้นผู้เขียนก็ตอบไปว่ามีโทรศัพท์เครื่องละพันอยู่ในกระเป๋ากางเกงยังใช้ไม่คุ้มพันเลย ส่วนในใจก็แอบคิดว่า ถ้าโทรศัพท์ที่มีอยู่เสียเมื่อใดจะนำแบล็คเบอร์รี่เข้าไปอยู่ในตัวเลือก แล้วเข้าตารางการตัดสินใจ (Decision Table) เพื่อพิจารณาว่าจะซื้อแบบใด แต่ถึงวันนี้โทรศัพท์เครื่องละพันก็ยังไม่เสีย แต่ผู้ผลิตโทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่กลับส่งสัญญาณการปราชัยในสงครามโทรศัพท์ซะแล้ว

มีข่าวปลายเดือนมิถุนายน 2555 ว่า Thorsten Heins ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทริมให้ข่าวเลื่อนเปิดตัวแบล็คเบอร์รี่ 10 ไปต้นปี 2556 เนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามแผน และคาดว่าจะขาดทุนสูงกว่าที่ทำนายไว้ ทำให้มีแผนปลดพนักงานเพิ่มอีก 5000 ตำแหน่งหรือร้อยละ 30 ของที่มีอยู่ หลังจากกลางปีที่แล้วเคยปลดไปแล้ว 2000 ตำแหน่ง แล้วข่าวเชิงลบเช่นนี้ก็ทำให้หุ้นของบริษัทลดลงทันทีร้อยละ 14 โดยแนวทางแก้ปัญหาด้วยการลดพนักงานนั้น เป็นกลไกที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน ซึ่งบริษัทโนเกียก็ประสบปัญหาคล้ายกัน แล้วมีแผนจะปลดคนงานกว่า 10000 คนเช่นกัน

การร่วมมือกับบริษัทไมโครซอฟท์เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ตามข่าวพบว่าจะเปลี่ยนบริการสืบค้นข้อมูลในบีบี (BB) จาก google.com ไปเป็น bing.com ซึ่งเป็นอีกความพยายามของไมโครซอฟท์ที่จะเข้าสู่ตลาดโมบายล์เสิร์ช ซึ่งมีคู่แข่งสำคัญคือ google.com นั้นเอง ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับบริษัทโนเกีย และลงทุนไปกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า ทั้งบริษัทโนเกีย และบริษัทริม จะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร หลังประกาศปลดพนักงานหลายพันคน แล้วจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พอจะเข้ามาแข่งขันในตลาดโทรศัพท์ระดับสมาร์ทโฟนได้หรือไม่ รายงานต้นปี 2555 พบว่า บริษัทซัมซุงเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่ง เมื่อรวมยอดขายกับบริษัทแอ็พเปิ้ลกินส่วนแบ่งตลาดไปมากกว่า 50% และ 2 ค่ายนี้รวมกันก็มีกำไรกว่า 90% ของตลาดแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับการชกมวยก็เหมือนกับนำนักมวยรุ่น heavy weight ไปชกกับ light weight ที่ผลการชกไม่น่าเปลี่ยนไปจากที่ทำนายไว้ ก็หวังแต่ปาฎิหาริย์ของนวัตกรรมเท่านั้นที่จะช่วยกู้วิกฤตของทั้งสองบริษัทไว้ได้

บริษัทโนเกียปลดคนงานเป็นหมื่น (you are fired)

บริษัทโนเกียปลดคนงานเป็นหมื่น
บริษัทโนเกียปลดคนงานเป็นหมื่น

บริษัทโนเกียปลดคนงานเป็นหมื่น

ปัจจุบันมีบริษัทขนาดใหญ่มากมายเกิดขึ้นในโลก โดยอาศัยแรงผลักจากนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด แต่จากการติดตามข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีก็พบว่าบริษัทขนาดใหญ่ไม่น้อยยุบรวมเข้าด้วยกัน ทำให้สัมผัสได้ถึงความสำเร็จที่ไม่แน่นอน แม้แต่บริษัทแอบเปิ้ลก็เคยสั่นคลอนมาก่อนที่สตีฟ จ็อบ จะเข้าไปรับตำแหน่งบริหารในรอบสอง แล้วด้วยความนิยมในผลิตภัณฑ์ อาทิ ipod iphone และ ipad ทำให้มีบริษัทมากมายต้องล้มหายไปจากการพ่ายแพ้ในการแข่งขัน บริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ระดับโลกอย่างบริษัท HP และ Compaq ก็ยุบรวมกันมาหลายปีแล้ว แต่หลังยุบรวมก็ยังมีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก เพราะลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย
มาตรการลดค่าใช้จ่ายถูกนำมาใช้กับบริษัทโนเกีย ซึ่งคนไทยทุกคนน่าจะรู้จัก เพราะเป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดยุคหนึ่ง ถ้าจะใช้โทรศัพท์ไฮโซก็ต้องยี่ห้อโนเกีย แต่มาวันนี้มีข่าวว่า Stephen Elop ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท ประกาศจะลดพนักงานลงกว่า 10,000 คน จากก่อนหน้านี้ลดไปแล้วหลายพันตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยให้โนเกียมีศักยภาพในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในระยะยาว ตั้งแต่บริษัทประกาศในต้นปี 2554 ว่าจะยกเลิกระบบปฏิบัติการซิบเบียน (Symbian) แต่ไปใช้ระบบวินโดว์โฟน (Windows Phone) ของไมโครซอฟท์สำหรับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของบริษัท ทำให้หุ่นตกลงอย่างต่อเนื่องกว่า 70%
เมื่อต้นปี 2012 มีรายงานว่าบริษัทโนเกียเคยเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของโลกติดต่อกัน 14 ปี แต่ถูกบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทน จากการคาดการณ์เชื่อว่ามาตรการลดค่าใช้จ่าย (Reduce Cost) จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้อ iPhone ยังไม่มีทีท่าชะลอตัว ประกอบกับกระแสของ Windows 8 จะส่งเสริมให้ TabletPC เป็นทางเลือกใหม่ของการสื่อสาร แล้ว อ.ธวัชชัย แสนชมภู แนะนำว่า Samsung Galaxy Tab 10.1 ที่มหาวิทยาลัยเนชั่นจัดให้นั้น สามารถใช้เป็นโทรศัพท์แบบเห็นหน้าที่โทรออกผ่านซิม 3G หรือ Wi-Fi ด้วย Tango Apps ได้ เป็นอีกนวัตกรรมของการสื่อสารที่กระทบสมาร์ทโฟนแบบเดิมอย่างแน่นนอน