สงสัยว่ามนุษย์ไม่มีมาตรฐานเป็นเรื่องปกติ

matrix avatar surrogates

20 ก.พ.53 เพราะมนุษย์เราจำอดีตไม่ได้ ทำให้ขาดความสามารถในการนำสารสนเทศ หรือองค์ความรู้มาใช้เป็นฐานคิด เพื่อตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้บริหารมากมายที่มีประสบการณ์แต่ล้มเหลวในการบริหาร เพราะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่อาจบูรณาการ ไม่ละอัตตา ไม่ยอมรับฟังผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้บังคับบัญชา 1) ผู้บริหารมากมายดื่มสุรา ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นผลเสียต่อสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต 2) คนคอรัปชั่นคือคนที่มองไปไม่พ้นเงา แม้มีตัวอย่างของผลที่อาจได้รับ แต่ก็ยังกล้าที่จะทำสิ่งไม่ถูกต้องได้ 3) คนเชื่อราศีคือไม่รู้จักใช้ประสบการณ์หรือสารสนเทศที่ได้มาทั้งชีวิต แล้วเลือกเชื่ออย่างไม่สมเหตุสมผล 4) พระสงฆ์คือผู้ที่เข้าถึงความสุขบนความสงบ แต่บางรูปละทิ้งโอกาสแล้วแสวงหายศฐาบรรดาศักดิ์ ชื่นชมกับตำแหน่ง หรือการถูกกราบไว้บูชา 
    อดนึกไม่ได้ว่า เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ไม่มีมาตรฐาน เพราะมนุษย์จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรเคยทำ อะไรไม่ควรทำ ไม่สามารถพิจารณาบนสารสนเทศ หรือข้อมูลที่มีมาทั้งหมด มักจะใช้ความคิดชั่วครู่ ความสุขชั่วคราว มองผลด้านเดียวในขณะใดขณะหนึ่งเป็นฐานคิด ตัวอย่างเช่นเครื่องตรวจหาระเบิด ADE-651 หรือ GT-200 ที่มักถูกถามว่าใช้มาตรฐานอะไรจัดซื้อ .. เมื่อผมอยู่ในสถาบันก็มักใช้คำถามนี้กับหลายคน เพราะเป็นฝ่ายถูกกระทำ หรือรับผลของการกระทำที่ยังขาดมาตรฐานมากมาย ที่หนักไปกว่าความไม่มีมาตรฐานคือ การไม่ศรัทธาในมาตรฐาน เช่น ฝ่าไฟแดง ไม่ยึดนโยบายผู้บริหาร ไม่มีศีลกำกับชีวิต ยังเล่นการพนัน ยังดื่มสุรา ยังใช้ทรัพยากรอย่างไม่ประหยัด เป็นต้น

พบความจริงข้อหนึ่งว่า อดีตไม่แจ่มชัดเท่าจินตนาการ .. น่าแปลกนะ
สงสัยต่อไปว่า อดีตเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรืออนาคตเกิดขึ้นแล้ว ..
ต้นคิดมาจาก matrix , avatar , surrogate , knowing

ปรับแว็บไซต์ (wap site) และเพิ่มข้อสอบ

ข้อสอบใน wap site

20 ก.พ.53 ตรวจสถิติจากไซต์ของผู้ให้บริการโฮส พบว่า เว็บเพจโปรแกรมข้อสอบผ่าน wap ถูกใช้บริการมีปริมาณการเข้าใช้สูงมากในเดือนมกราคม 2553 เป็นเว็บเพจที่ไม่มีระบบสถิติใด ๆ วางไว้ เพราะต้องการให้เข้าถึงด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ครั้งแรกที่ออกแบบโปรแกรมนั้นมีความตั้งใจให้ลูกได้เข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์อย่างง่ายเท่านั้น
     การปรับปรุงโปรแกรมในชุดแว็บไซต์ มีดังนี้ 1) ให้ลูกช่วยพิมพ์ศัพท์ 5 ตัวอักษรร้อยกว่าตัว เป็นข้อสอบร้อยกว่าข้อ 2) ตรวจข้อสอบศัพท์ 4 ตัวอักษรแล้วเพิ่มเป็น 316 ข้อ 3) ปรับโปรแกรมทั้งหมดเข้ามาตรฐาน xml ให้ใช้ได้กับ wapsilon.com ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าไปเพิ่มศัพท์ 6 ตัวอักษร และ 7 ตัวอักษรต่อไป
+ http://www.thaiall.com/wap
+ http://www.wapsilon.com
+ http://tagtag.com/site/emulator
+ http://www.mobilerunner.net/emu_wap3/p/wap3/

เกณฑ์สำหรับประเมินความพึงพอใจ

เกณฑ์การให้คะแนน และ เกณฑ์ประเมิน

18 ก.พ.53 มีกลุ่มเพื่อนจัดทำโครงการอบรม แล้วใช้แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจโดยใช้ scale 5 ระดับ หรือที่เรียกว่าวัดเจตคติตามเทคนิคของของลิเคิร์ท (Likert technique) หรือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับของลิเคิร์ทสเกล สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดไว้ 2 แบบคือ เกณฑ์การให้คะแนน และเกณฑ์การประเมิน (โดยนำระดับสูงสุดลบระดับต่ำสุดแล้วหารด้วยจำนวนช่วงที่ตั้งไว้) ซึ่งผลการใช้เกณฑ์ทั้งสองมีตัวอย่างการเขียน (อันที่จริงผมพบปัญหาในตัวอย่างนี้ แต่ไม่ได้แก้ไข .. ท่านมองเห็นหรือไม่ .. ผมเพียงแต่ถามนะครับ) ดังนี้ มีการจัดทำแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละครั้ง โดยใช้คำถามที่แบ่งระดับความพึงพอใจ ๕ ระดับ มีคำถามจำนวน ๘ คำถาม ดังนี้ ๑) ความเข้าใจก่อนเข้ารับการอบรม  ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง (X = ๓.๑๖ , S.D = ๑.๑๗)   ๒) ห้องอบรม ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (X = ๔.๐๔ , S.D = ๐.๖๕) ๓) วิทยากร ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (X = ๔.๒๔ , S.D = ๐.๖๕)  ๔) หัวข้อการบรรยาย  ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (X = ๔.๒๑ , S.D = ๐.๖๐)  ๕) ช่วงเวลาในการจัดกิจกรรม ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (X = ๓.๘๘ , S.D = ๐.๗๗)  ๖) สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์  ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (X = ๔.๓๓, S.D =๐.๖๕)  ๗) ความเข้าใจหลังรับการอบรม ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (X =๔.๓๑, S.D =๐.๖๙) ๘) ภาพรวมของโครงการ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (X = ๔.๓๓, S.D =๐.๖๑) โดยสรุปผลประเมินทั้งหมดมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (X = ๔.๐๖ , S.D = ๐.๕๒)
+ http://sunee5.multiply.com/journal/item/2 รวมบทความวิจัย
+ http://en.wikipedia.org/wiki/Likert_scale
+ http://tulip.bu.ac.th/~wathna.s/reliability.htm วิเคราะห์ข้อสอบ

ความกว้างของอันตรภาคชั้น = คะแนนสูงสุด – ต่ำสุด หารด้วย จำนวนชั้น
Class Interval (ชัชวาลย์ เรืองประพันธ์, 2543,หน้า 30)
ชัชวาลย์ เรืองประพันธ์. (2543). สถิติพื้นฐานพร้อมตัวอย่างการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม Minitab SPSS และ SAS. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ชัชวาลย์ เรืองประพันธ์. (2539). สถิติพื้นฐาน . ขอนแก่น : โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา.
http://digi.library.tu.ac.th/thesis/sw/2680/13REFERENCES.pdf
http://pru3.pnru.ac.th/offi/graduate/upload-files/pictures/63/H_711_7586.pdf
http://prezi.com/p9x1rkhj_cej/presentation/

ลิเคิร์ทสเกล (Likert Scale) 5 ระดับ โดย เร็นสิส เอ. ลิเคิร์ท (Rensis A. Likert)
Likert, Rensis A. (1961). New Patterns of Management. New York: McGraw-Hill Book Company Inc.

สมการกำหนดกลุ่มตัวอย่าง
Yamane, Taro. (1967). Statistics: An Introductory Analysis.(2 ed.). New York: Harper and Row.

นางแบบรีเจนซี่

ผู้หญิงรีเจนซี่ กับกาแฟ ไปกันได้นะ

17 ก.พ.53 นางแบบรีเจนซี่แต่ละปีก็จะแตกต่างกันไป มาดูชื่อนางแบบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ คือ 1)Erika Valencia เป็นนางแบบรีเจนซี่ชุด มรดกโลก 2)Renata Emi Sakamoto และ 3)สุษิรา แอนจิลีน่า แน่นหนา เป็นนางแบบรีเจนซี่ชุด สุวรรณภูมิ 4)สเตฟานี มิเชล ปีเตอร์สัน เป็นนางแบบรีเจนซี่ชุด ดนตรี  (สาวในโฆษณากาแฟ) ที่บันทึกข้อมูลไว้ เพราะไปพบเว็บไซต์การศึกษาแห่งหนึ่งใช้ภาพนางแบบสุรา มาเป็นภาพประกอบเว็บไซต์ภาษาจีนของสถาบัน จึงไปค้นดูก็พบข้อมูลว่าเป็นนางแบบปฏิทินรีเจนซี่ บางทีก็คิด ได้ว่าครีเอทีปนะครับ … อันนี้ผมเข้าใจ
+ http://www.youtube.com/watch?v=9O9hFgE7fHA
+ http://www.youtube.com/watch?v=PCDqSAIAGq0
+ http://album.teenee.com/LINNA/52/

ความทุกข์จากความรัก

การลงมือปฏิบัติจนพบว่าการอด มิใช่ทางออกเสมอไป

16 ก.พ.53 คำว่า action = reaction เมื่อใช้เวลากับอะไรสักอย่าง เช่น 1) ให้เวลากับเพื่อนก็ย่อมต้องการให้เพื่อนรัก 2) ให้เวลากับองค์กรก็ย่อมต้องการเห็นองค์กรรุ่งเรือง 3) ให้เวลากับการดูแลตนเองก็ย่อมรักตัวกลัวตาย 4) ให้เวลากับสิ่งใดก็ย่อมคาดหวังผลจากสิ่งนั้น 5) ชื่นชอบกับการกินเนื้อสัตว์ก็ย่อมต้องฆ่าสัตว์เป็นเงาตามตัว .. ถ้าลดอาหารลงสักมื้อสองมื้อ น่าจะลดการฆ่าสัตว์ลงได้ร้อยละสามสิบถึงหกสิบทีเดียว .. มีคำกล่าวว่าเราหยุดแล้วแต่ท่านยังไม่หยุด .. จึงมีคำถามน่าตอบว่า แล้วเราหยุดอะไรไปบ้างหรือยัง เพื่ออะไรต่อมิอะไร
     ปัจจุบันพฤติกรรมของมนุษย์สามารถจำแนกตามเป้าหมายของความสัมพันธ์ได้ 8 แบบ คือ ตนเอง ครอบครัว องค์กร เพื่อน ชุมชน ประเทศ โลก และธรรมชาติ การจัดลำดับความสำคัญคือสิ่งที่มนุษย์ต้องเลือก และมีเหตุผลในการเลือกแตกต่างกันไป แต่เท่าที่สังเกตมนุษย์ให้เหตุผลในการเลือกแตกต่างกัน เช่น 1) บางคนดื่มสุราโดยไม่สนใจผลข้างเคียงต่อร่างกาย 2) บางคนรักเพื่อนไปอยู่กับเพื่อนแต่ทิ้งลูกภรรยาและบุพการีไว้ที่บ้าน 3) บางคนทิ้งครอบครัวเดิมไปมีครอบครัวใหม่ 4) บางคนทิ้งครอบครัวไปทำงานในที่ห่างไกล 5) บางคนมองต่างประเทศเป็นสวรรค์เป็นฝันสูงสุดในบั้นปลายของชีวิต .. และผมก็เชื่อว่าทุกคนต่างไม่ผิดแต่ความคิดเราต่างกัน
     อย่างเช่นคนสองกลุ่มที่เชื่อในหลักนิติศาสตร์ กับหลักรัฐศาสตร์ มักคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะมีธงกันคนละผืน นิติศาสตร์จะให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ส่วนรัฐศาสตร์จะให้ความสำคัญกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่เห็นไม่ตรงกันก็เพราะรักและเชื่อกันคนละด้าน แต่ละคนย่อมมีเหตุผล และจมอยู่ในเหตุผลที่ยึดถือ ถ้าปล่อยวาง ปล่อยให้เป็นไป ปล่อยเกียร์ว่าง วางเฉย อาจทำให้ทุกสังคมที่มีความขัดแย้งสงบลงได้ .. ถ้าไม่สงบก็จะมีปัญหาเหมือนข่าวในทีวี

ตรุษจีน (Chinese New Year’s Day)

วันตรุษจีนของครอบครัว

13 ก.พ.53 เล่าสู่กันฟังเรื่องกิจกรรมในวันตรุษจีน วันสำคัญของคนไทยเชื่อสายจีน
      ตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันวาเลนไทน์ สำหรับผมวันตรุษจีนไม่แตกต่างกับทุกปีที่ผ่านมา ในวันจ่ายก็จะไปนอนค้างที่บ้านคุณย่าของหลานที่ต่างอำเภอ เพราะคุณย่าจะเป็นคนดูแลเรื่องการจับจ่ายทั้งหมดร่วมกับพี่น้องของท่านอย่างมีความสุขทุกปี เช้าวันไหว้ก็ตื่นแต่ตีสี่ ภรรยาของผมก็จะตื่นไปช่วยเตรียมเครื่องเซ่นอย่างไม่เคยบ่น(ให้ฟัง) จัดเตรียมสำรับไหว้เจ้าบริเวณหน้าบ้านเสร็จประมาณ 7.30น. และมีสำรับสำหรับถวายพระ 2 ชุดคือพ่อของผม กับพ่อของคุณย่า โดยมีปู่เปี๊ยกทำหน้าที่ของท่านร่วมกับผมไปถวายพระที่วัด เมื่อไหว้เจ้าที่บ้านคุณย่าเสร็จก็จะจุดประทัดดังลั่นหมู่บ้าน จากนั้นจะเดินทางเข้าเมืองไปไหว้เจ้าที่บ้านคุณย่าของผม เริ่มประมาณ 10.30น. เสร็จพิธีจะเผาเงินทองกงเต็กหน้าบ้าน แล้วจึงทานข้าวเที่ยงด้วยกันเป็นอย่างนี้ทุกปีอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ในวันต่อมาที่เรียกว่าวันเที่ยวหรือวันตรุษจีน ครอบครัวของเรามักไม่ไปที่ไหน เพราะครอบครัวไม่ได้ยึดติดเรื่องการไปเที่ยวมากนัก เนื่องจากเราเที่ยวแบบไม่ยึดติดเทศกาล หรือไม่เที่ยวตามเทศกาล ประกอบกับที่ทำงานไม่ประกาศวันตรุษจีนเป็นวันหยุด ทำให้บางปีที่ตรงกับวันทำงานก็จะไม่สะดวกไปไหว้
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=147581&id=814248894

อีวาน มันซี ทำให้ผมมีคำถามชวนให้คิด

11 ก.พ.53 เพียงแค่ชวนให้คิด เพราะมีข่าวว่า นายอีวาน มันซี (Evan Muncie) ชายวัย 28 ปี รอดชีวิตหลังแผ่นดินไหวที่เฮติ (haiti) เมื่อ 12 ม.ค.53 หลังติดในซากอาคารกว่า 27 วัน แสดงว่าอัตราการหายใจและการเผาผลาญของเขาไม่ทำงานตามปกติ ถ้าหายใจน้อยลงร่างกายจะใช้แร่ธาตุหรือพลังงานที่สะสมอยู่น้อยลง ส่วนคนที่ออกกำลังกายนับชั่วโมงย่อมต้องการน้ำและสารอาหารมากกว่าคนนอนหลับ ดังนั้นจำเป็นแค่ไหนที่คนเราขาดน้ำและอาหารต้องตายในสิบห้าวัน  คำว่า จำเป็นแค่ไหนถูกใช้ในหลายโอกาส อาทิ 1)นักศึกษาบางคนถามพ่อแม่ว่าจำเป็นแค่ไหนต้องเรียนหนังสือ 2)ครูบางคนสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหนต้องสอนนักเรียนทุกคนชั้นให้เป็นยอดคน 3)พระสงฆ์บางรูปสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหนต้องรักษาศีลข้อสาม 4)การลดอาหารลงเหลือสองมื้อต่อวันจำเป็นแค่ไหน 5)จำเป็นแค่ไหนต้องทุ่มเทเพื่อองค์กร 6)จำเป็นแค่ไหนต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ 7)จำเป็นแค่ไหนต้องซื่อสัตย์ต่อภรรยาและประเทศชาติ 8)จำเป็นแค่ไหนต้องกินอาหารกลางวัน 9)จำเป็นแค่ไหนที่พระสงฆ์ต้องเรียนปริญญาโท 10)จำเป็นแค่ไหนต้องหายใจเหมือนที่เป็นมา เปลี่ยนวิธีหายใจได้ไหม น่าแปลกที่ผมเห็นสารสนเทศจากหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ว่ามีมนุษย์ที่ตอบคำถามมากมายอย่างไม่สมเหตุสมผล .. แปลกนะ

bynoir 2549 และ 2548

ภาพจาก bynior ปีก่อนก่อนนู้น

11 ก.พ.53 เคยถ่ายภาพนักศึกษาร่วมงาน bynior เป็นที่ระลึก หลักจากนี้อีกสิบปีจะได้มีหลักฐานให้ชวนระลึกแสดงว่าพวกเขาเคยมีตัวตนจริงอยู่บนโลกนี้ อยู่ในมหาวิทยาลัยโยนก อยู่ในจังหวัดลำปาง ร่วมกับเพื่อน พี่ น้องและอาจารย์ เห็นใบหน้าเปื้อนฝุ้นสีขาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใจ โชว์สิ่งที่ใครต่อใครอยากมอง ก็ชวนให้ประทับใจ จึงส่งเข้า facebook  แบ่งปั้นให้พี่น้องร่วมสถาบันได้ชื่นชม ในปีพ.ศ.2553 วันที่ 12 ก.พ.53 มีการจัดงาน bynior ขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่มีโอกาสไปร่วมเก็บภาพประทับใจหรือแสดงความยินดีกับพี่ปี 4 ที่กำลังจะลารั้วสถาบันออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง เพราะติดภารกิจกตัญญู ต้องไปไหว้ตรุษจีนและนอนบ้านแม่ที่ต่างอำเภอกับครอบครัว
     กำหนดการวันปัจฉิมนิเทศที่พอทราบ คือ งานเริ่มรับลงทะเบียนพี่บัณฑิต ตอน 12.00น. มีการบรรยายพิเศษโดย ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ เพื่อให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มีความรู้ความเข้าใจ และพร้อมออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงพี่ปีสี่ และมีรุ่นน้องเข้าร่วมฉายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะอำลากันไปคนละทิศละทาง และได้พบกันอีกครั้งเมื่อบุญพาวาสนาส่งจนได้พบกันในโอกาสต่อไป .. ขอให้ทุกคนมีความสุขตามกระแสเวลาที่กำลังไหลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
http://www.facebook.com/album.php?aid=147094
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=147102

แปลงเลขอารบิกเป็นเลขไทย

การแปลงเลขอารบิกเป็นเลขไทยด้วย macro

10 ก.พ.53 เรื่องนี้ควรเขียนเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ เพราะ ผศ.ดร.จินดา งามสุทธิ ท่านอธิการบดี รณรงค์ให้ใช้เลขไทยในบันทึกข้อความ แต่ความไม่ชินและความมักง่าย ทำให้ผมเลือกใช้วิธีแปลงเลขอารบิกด้วยการ replace ถึง 10 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนตัวเลขทีละตัว แต่ถ้าให้อัตโนมัติก็จะเข้าไปกำหนดใน autocorrect สำหรับแต่ละตัวเลข แต่ใช้ได้กับเลขหลักเดียว ก็ช่วยได้เพียงระดับหนึ่ง (วันนี้ผมเคลียร์งานเขียนแผน km ของมหาวิทยาลัยล้อกับโครงการอบรมประกันฯของ อ.ศศิวิมล แรงสิงห์ เสร็จเร็วกว่าที่คาด) จึงคิดว่าถึงเวลาที่ไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป เมื่อศึกษาวิธีการแทนที่ตัวเลขด้วย macro ที่เขียนแบบใช้ใน word กับ excel เผยแพร่ใน thaiall.com/vb เพราะ macro ใช้ visual basic script ใน module สำหรับการประมวลผล
แหล่งเก็บ macro มี 2 แบบคือ ใน normal หรือ ใน document ถ้าเป็นแบบใน document เมื่อสร้างเอกสารก็จะติดเอกสารไป เปิดเอกสารใหม่จะไม่พบ macro เดิม แต่ถ้าเป็นแบบใน normal จะมี macro ติดอยู่ใน template ของ word ทำให้เปิด word แล้วเรียกใช้ macro ได้ทุกครั้ง สำหรับวิธีสร้างและใช้ macro นั้นเริ่มต้นด้วยการคัดลอกโค้ดไปใส่ใน module ของ macro แล้วสั่ง run ใน macro เมื่อต้องการเปลี่ยนตัวเลขทั้งหมดเป็นเลขไทย ซึ่งโค้ดได้สั่งแทนที่ทั้ง 10 ตัวอักษรเป็นเลขไทยอัตโนมัติ การนำไปใช้สำหรับ word กับ excel ต่างกันเล็กน้อย ถ้านำไปใส่ไม่ได้ โปรดติดต่อช่างเทคนิคใกล้บ้าน เพราะส่งเข้า word ครั้งเดียว แต่ใช้งานได้ตลอดไป .. ต่อไปผมก็จะเริ่มใช้แล้ว เพราะ replace 10 ครั้ง ไม่ดีแน่

source code : macro of word

Sub arabictothai()
For i = 0 To 9
With Selection.Find
.Text = Chr(48 + i)
.Replacement.Text = Chr(240 + i)
.Wrap = wdFindContinue
End With
Selection.Find.Execute Replace:=wdReplaceAll
Next
End Sub

source code : macro of excel

Sub arabictothai()
For i = 0 To 9
Cells.Replace What:=Chr(48 + i), Replacement:=Chr(240 + i)
Next
End Sub

การแปลงเลขใน excel

1. ถ้าเป็น excel ไม่ต้องใช้ function ให้กด Ctrl-A แล้วกำหนด format ของ cell ใน Number,  Custom เป็น [$-D07041E]0 ก็จะทำให้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขทั้งหมดเป็นเลขไทย
2. ถ้าต้องการมี , กั้นหลักพันก็ใช้ [$-D07041E]#,###,##0 อะไรทำนองนี้ ok ไหมครับ

สาธิต : http://www.youtube.com/watch?v=JNy15bLnt9k
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiall.com/blog/burin/1496/

ร่ำเปิงเรื่องเวทีของสุนัข

เรื่องของสุนัข

9 ก.พ.53 ร่ำเปิง คือรำพึงหรือระลึก เมื่อผมอายุมากขึ้นก็จะมีเรื่องให้นึกถึงมากมาย เรื่องหนึ่งคือบทเรียนจากการอ่านการ์ตูนเรื่องสุนัขกัดกัน ต่อสู้กันในเวทีที่มีคนจัดให้ แล้วคนก็ไปมุงดู เสียเงินดูและพนันขันต่อว่าตัวไหนจะชนะ ไปเชียร์ด้วยความเมามันส์ ไม่นึกกันเลยว่าสุนัขก็มีชีวิต ไหนไหนก็เกิดมาในยุคเดียวกันแล้ว ถ้าเราไม่กินเขาเป็นอาหารก็ไม่ควรเอาความทุกข์ของเขามาเป็นความสุขของเรา ปัจจุบันมีมนุษย์บางกลุ่มชอบเห็นเผ่าพันธุ์ของตนต่อสู้ฮั่มหั่นกันและชื่นชอบกับการเฝ้าดูฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มกันไปข้างหนึ่ง .. น่าแปลกที่เสี้ยวเวลาน้อยนิดที่เรามาใช้เวลาร่วมกัน กลับไม่มุ่งมั่นที่จะใช้เวลาที่เหลืออย่างมีคุณค่าที่สุด