21 พ.ย.52 ช่วงนี้มีใครหลายคน แซวและชวนภรรยาของผมไปเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ หรืออาจได้รับตำแหน่งใหม่ในเร็ววันนี้ ผมได้แต่ดีใจด้วย ด้วยทัศนคติส่วนตัวคิดว่าเธอ เลื่อนตำแหน่งแบบวาร์ปไป (warp) มิใช่ก้าวกระโดด (jump) มีหลายประเด็นให้ได้พิจารณาคือ 1)ทำงานมา 10 กว่าปี เปลี่ยนหัวหน้ามา 11 คนในองค์กรเดียว เปลี่ยนหน่วยงานมา 4 หน่วย มีประสบการณ์มากในการเป็นเลขาฯ 2)สำเร็จการศึกษา ป.ตรี ด้านการจัดการ จากราชภัฏ ทำงาน เป็น เจ้าหน้าที่ในสำนักรับนักศึกษา เลขานุการในฝ่ายวิชาการ เลขานุการในสถาบันวิจัย เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์และธุรการในสำนักประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ในสำนักรับนักศึกษา แล้วกำลังจะวาร์ปไปเป็น หัวหน้างานประชาสัมพันธ์และรับนักศึกษา ซึ่งมีภาระรับผิดชอบงานที่ชี้ชะตาองค์กร ตามผลการวิเคราะห์ risk โดยกลุ่มผู้บริหาร แสดงว่าเธอเป็นตัวเลือกเดียวที่ดีที่สุดเป็นแน่ 3)หลายท่านให้กำลังใจว่าไม่ต้องเป็นกังวลเพราะเราทำงานในรูปคณะกรรมการ บูรณาการ ทุกคนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีผู้เชี่ยวชาญทั้ง ด้านการตลาด (marketing) ด้านประชาสัมพันธ์ (public relation) ด้านการออกแบบ (design) ที่พร้อมให้คำแนะนำอยู่ใกล้ชิด อย่างอบอุ่น 4)ใจของเธอในฐานะปุถุชนยังกังวลในการได้รับความไว้วางใจในครั้งนี้ ว่าจะภูมิใจภาระใหม่ที่ไหลมาตามกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือหนักใจที่ได้รับภาระในภาวะวิกฤต ซึ่งเคยปราบทุกเซียนมาแล้ว ก็ดูว่าเธอจะใช้อะไรมาต่อสู้กับสถานการณ์ที่เป็นอีกหนึ่งวิกฤตขององค์กร .. งานนี้มีแต่ต้องเอาใจช่วย เพราะเป็นงานใหม่ที่ท้าทายอีกงานหนึ่ง
Author: บุรินทร์ รุจจนพันธุ์
เวทีวิจัยจากทุน CBPUS เกี่ยวกับสื่อขยายองค์ความรู้งานศพ
คืนวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.52 นักศึกษามหาวิทยาลัยโยนก ได้แก่ นายกร ศิริพันธุ์ และ น.ส.อรพรรณ สงเคราะห์ธรรม และ ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ ตามทุนวิจัยโครงการ “แนวทางการผลิตสื่อวีดีทัศน์เพื่อขยายผลองค์ความรู้เรื่องการจัดการงานศพบ้านไหล่หิน ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง” ได้จัดเวทีวิจัย ณ ศาลาหมู่ 2 บ้านไหล่หิน มีตัวแทนชาวบ้านที่จะเป็นผู้แสดงและเคยเป็นนักวิจัยในโครงการ “รูปแบบการจัดการงานศพโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง บ้านไหล่หิน ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง” จากทุน CBR มาพิจารณาวิเคราะห์ความสอดคล้องของโครงวีดีโอ และสคริปต์ร่วมกัน ก่อนดำเนินการถ่ายทำและตัดต่ออย่างเป็นระบบ ที่เป็นกิจกรรมที่ 5 ของโครงการจากทั้งหมด 8 กิจกรรมหลัก และเตรียมสำหรับการนำเสนอความก้าวหน้าต่อผู้ให้ทุน ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 ณ สกว.ศูนย์ลำปาง
วาระในเวทีประกอบด้วย 1)ทบทวนวัตถุประสงค์ และกิจกรรมโครงการ 2)นำเสนอการดำเนินการที่ผ่านมาของนักศึกษากับชุมชน 3)นำเสนอโครงวีดีโอ 2 เรื่องคือ “ประเด็นปัญหา การแก้ไข และผลที่ได้” และ “กระบวนการวิจัย” 4)พิจารณาปรับปรุงโครงวีดีโอ บทวิเคราะห์โครง สคริปต์บทพูด 5)นัดหมายเพื่อถ่ายทำวีดีโอแต่ละท่านตามแผนในสคริปต์บทพูด
กว่าจะถึงวันนี้ นักศึกษาทำงานไปแล้วตามขั้นตอน ดังนี้ 1)เข้าไปศึกษาชุมชน เดินสำรวจหมู่บ้าน สำรวจแหล่งทุนชุมชน นอนวัด นอนบ้าน เข้าพบ ผู้นำชุมชน และพระสงฆ์ 2)ศึกษาวรรณกรรมจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่นประวัติชุมชน กระบวนการวิจัย และการจัดงานศพ 3)เข้าเรียนรู้งานศพในบ้านไหล่หิน 2 งาน 4)เข้าสัมภาษณ์และบันทึกวีดีโอการนำเสนอองค์ความรู้จากนักวิจัยโครงการ CBR 5)ฝึกตัดต่อวีดีโอต้นแบบที่บันทึกมาแล้ว 6)ยกร่างโครงวีดีโอทั้ง 2 เรื่อง คือ “ประเด็นปัญหา การแก้ไข และผลที่ได้” และ “กระบวนการวิจัย” 7)ยกร่างสคริปต์บทพูด 8)จัดทำบทวิเคราะห์ และปรับแก้ทั้งความสัมพันธ์ของบท จัดวางพระเอกนางเอกให้เหมาะ กับบทพูด จัดลำดับ แก้ไขประเด็นคำพูด 9)นำสคริปต์บทพูดเข้าเวทีพิจารณาอีกครั้ง 10)เรียบเรียงทั้งหมดเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.webprodee.com/research
+ ตากล้องวันนี้คือ นายสุทัศน์ หรือบอย เพื่อนของกรกับปรางที่รับอาสาบันทึกภาพ
ร้องเพลงชาติที่ลำปาง 18.00น.
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2552 ชาวจังหวัดลำปางหลายแสนคน ที่มาจากทุกองค์กร ๆ ละประมาณ 500 คน ไปรวมตัวกันที่ข่วงนคร หรือห้าแยกหอนาฬิกา เพื่อร้อง เพลงชาติไทย ออกทีวีให้คนทั้งประเทศฟัง มีบุคลากรมหาวิทยาลัยโยนกที่นำโดย ผศ.ดร.จินดา งามสุทธิ อธิการบดี และครอบครัวของผมไปร่วมร้องเพลงในครั้งนี้ ตอนไปถึงผมแยกออกไปต้องหาที่จอดรถ ได้พยายามเดินเข้าจุดนัดหมาย แต่ไปไม่ถึงเพราะมีผู้คนมากมายทั้งเด็ก สตรี ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนไปรวมแสดงพลังในครั้งนี้ ก็ได้ภาพหลังเวทีมาฝาก เพราะจุดที่กล้องทีวีจะเก็บภาพอยู่หน้าเวทีทั้งหมด ซึ่งมีชาวลำปางแน่นขนัดแบบที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน กว่าการจราจรจะคลายตัวลงจากข่วงนครก็ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง เป็นเหตุกาณ์ในประวัติศาสตร์อีกครั้งที่จะต้องบันทึกและจดจำไว้
คำร้องโดย พันเอก หลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ในนามกองทัพบก “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย“
วิพากษ์ระบบอินทราเน็ต(1)
19 พ.ย.52 คุณธรณินทร์ สุรินทร์ปันยศ ได้พัฒนาระบบอินทราเน็ต พยายามเชื่อมโยงระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยเปิดให้มีการวิพากษ์ภายในสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย คุณอรรถชัย เตชะสาย และ คุณอนุชิต ยอดใจยา โดยเริ่มจาก 1)ระบบฐานข้อมูลบุคลากรเป็นระบบฐาน ที่เปิดให้บุคลากรเข้าไปจัดการข้อมูลของตน 2)ระบบสารสนเทศบุคลากร ที่อ่านตรงมาจากระบบฐานข้อมูลบุคลากร ให้บุคคลทั่วไป หรือนักศึกษา ได้เข้าค้นข้อมูลตั้งแต่รายชื่อผู้บริหาร คณะวิชา ไปถึงข้อมูลบุคคล ที่สามารถเชื่อมตรงกับเว็บไซต์คณะวิชา 3)รายชื่อเว็บไซต์อีเลินนิ่ง รายชื่อบทความ รายชื่องานวิจัย รายชื่อเว็บบล็อก หรือรายชื่อระบบแฟ้มเอกสาร ที่แสดงในภาพรวมขององค์กร ผ่านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เชื่อมโยงใช้ร่วมกัน โดยกำหนดให้นำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบฐานข้อมูลฯ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา 13.00น. – 14.30น. นี่เป็นอีกก้าวย่างที่สำคัญของการระบบฐานข้อมูลในมหาวิทยาลัย
บ่นเรื่องลูกศิษย์ให้เขาฟังทางโทรศัพท์
19 พ.ย.52 เรื่องเล่าว่า ผมนัดลูกศิษย์ชายมาคุยงานวิชาโครงงานคอมพิวเตอร์ที่บ้านครั้งที่ 3 แต่ล้มเหลวอีกแล้ว ลูกศิษย์ลงทะเบียนมาแล้ว 3 ภาคเรียนในวิชาโครงงานฯ ที่ผ่านมาลงแล้วก็หายไปเป็นภาคเรียน แต่มีข่าวว่าเขาติดเกม ผู้ปกครองจึงเปิดร้านเกมให้ที่บ้านก็น่าจะเป็นการส่งเสริมให้ใช้ความสนใจ ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองได้ในระดับหนึ่ง นัดไปที่มหาวิทยาลัยก็ไม่สะดวก เพราะต้องดูแลร้านในเวลากลางวัน ตกเย็นต้องรอคุณพ่อคุณแม่มาดูร้านต่อ จะสะดวกก็ค่ำแล้ว
มีเล่าต่อว่า ครั้งแรก เป็นวันสุดสัปดาห์ที่นัดลูกศิษย์มาคุย แต่เขามาไม่ได้เพราะฝนตกเดินทางไม่สะดวก ซึ่งเป็นวันที่ผมต้องเลื่อนนัดครอบครัวไปทานข้าวนอกบ้าน ครั้งที่สอง เป็นวันจันทร์ซึ่งผมเลื่อนนักลูกศิษย์อีก 2 คนออกไป เพราะลูกศิษย์คนนี้ต้องมาก่อนเนื่องจากมีปัญหาชัดเจน แต่เขาก็ไม่สะดวกที่จะมาพบ ครั้งที่สาม คือวันนี้ได้นัดไว้หลายวันแล้วและย้ำอีกครั้งเมื่อตอนกลางวันว่าพบกันเย็นนี้ แล้วผมก็ต้องเลื่อนไปส่งคุณแม่ที่ต่างอำเภอ เพราะไม่กล้าเลื่อนลูกศิษย์คนนี้ที่นัดไว้หลายวัน แต่สุดท้ายผมก็ต้องโทรไปถามว่าดึกแล้วทำไมยังมาไม่ถึง ก็พบคำตอบที่ไม่ประทับใจว่าวันนี้ไม่สะดวกขอเป็นพรุ่งนี้ .. ทำให้ผมต้องอธิบายเรื่องความผิดหวังต่อตัวเขาในฐานะเยาวชนของชาติที่ผมพยายามจะช่วยให้เขาสามารถสำเร็จการศึกษาและออกไปรับใช้ชาติของผมตามระบบและกลไกที่มหาวิทยาลัยได้วางไว้ แต่ผมก็ล้มเหลวเนื่องจากองค์ประกอบของความสำเร็จมีเขาเป็นปัจจัยสำคัญ .. ก็บ่นไปตามประสาของมนุษย์ผู้ยังมีหวังต่ออะไรอะไรอีกมากมาย
เปลี่ยนหัวหน้าอีกแล้ว เป็นความต่างของคนสองคน
19 พ.ย.52 วันนี้ภรรยาของผม น้องนก น้องจ๋อม น้องตุ๊ก ตามแต่เธอจะตั้ง ได้ปรารภให้ฟังว่า เปลี่ยนหัวหน้าอีกแล้ว โดย เปลี่ยนหน่วยงานมา 5 หน่วย คือ 1)รับน.ศ. 7 ปี 2)วิชาการ 3 ปี 3)วิจัย 1 ปี 4)ปชส 1 ปี 5)รับน.ศ. 1ปี และ เปลี่ยนหัวหน้าถึง 11 ครั้ง คือ 1)ปี39 อ.เอ 2)ปี40 พี่ดล 3)ปี41 พี่ตา 4)ปี42 อ.ศิริ 5)ปี43 อ.ปภัส 6)ปี43 อ.เดชา 7)ปี44 พี่ปอง 8)ปี45 อ.ศรี 9)ปี51 อ.เอก 10)ปี51 อ.ติ 11)ปี52 อ.เอก สำหรับตัวสามีเปลี่ยนหัวหน้ามาก็ไม่น้อย มีหัวหน้าสายตรงในบทบาทอาจารย์ เปลี่ยนมา 8 ท่าน คือ 1)ปี37 อ.สุวรรณ 2)ปี43 อ.บุ๋ม 3)ปี44 อ.นิยม 4)ปี45 อ.สุจิน 5)ปี46 อ.ศรีนวล 6)ปี47 อ.บุ๋ม 7)ปี อ.สันติ 8)อ.ศศิ
ทัศนคติในการทำงาน ของผมกับภรรยาไม่ค่อยต่างกันนัก ได้แก่ “ชีวิตคืองานบันดาลสุข” เราเคยทำงาน side line มาไม่น้อย เช่น 1)ขายแอมเวย์ 2)ขายยูนิรีเวอร์ 3)ขายประกัน 4)ทำสวนมะลิ 5)เปิดร้านขายเสื้อผ้า 6)ขายโดเมนเนม 7)ขายโฮสติ้ง 8)รับทำเว็บไซต์ 9)ขายผ้าห่ม 10)เล่นหุ้น แต่งานประเภทอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วรวยอย่าง work at home นี่ไม่เคยทำ จากการมีประสบการณ์ไม่น้อยในการล้มเหลวจากการทำธุรกิจ มีงานอะไรเข้ามาก็มักไม่ค่อยจะขัดแข้งขัดขากัน จากการล้มเหลวมาหลายครั้ง ผมกับภรรยามีสิ่งที่เหมือนกัน คือ 1)ไม่ชอบเห็นความล้มเหลวของคนรอบตัวเป็นของสนุก เราจึงชอบไม่ดูมวยที่มีความสุขกับการห้ำหั่นกัน 2)ไม่สนับสนุนการทำลายองค์กรที่เกิดการเห็นแก่เล็กแก่น้อยบนความโลภส่วนบุคคลที่เกิดในสังคม เพราะเข็ดขยาดที่เห็นความล้มเหลวของปุถุชนเผยแพร่ในสื่อมานับไม่ถ้วน
ส่งผลออก 2 จอภาพ มีเทคนิคเสริมใน PPT
17 พ.ย.52 ได้รับคำแนะนำจาก อ.วิเชพ ใจบุญ ว่าการใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ส่งผลลัพธ์ออก 2 จอภาพ สามารถทำได้ และมีเทคนิคเสริมใน Powerpoint เพราะทดสอบกับ อ.อติชาต หาญชาญชัย และ อ.เกศริน อินเพลา แล้วพบว่าส่ง Powerpoint ออกได้เฉพาะจอภาพที่ 1 แต่โดยปกติเราจะส่งออกจอภาพที่ 2 และจอภาพที่ 1 จะใช้สำหรับค้นข้อมูล พิมพ์งาน หรือแก้ไขเอกสาร เป็นต้น
วิธีส่งผลออกจอภาพที่ 2 คือ 1)เข้าเมนูบาร์ 2)เลือกการนำเสนอภาพนิ่ง 3)การตั้งค่าการนำเสนอ 4)แก้ไขตัวเลือกใน แสดงภาพนิ่งบน เท่านี้ก็เลือกได้แล้วว่าจะให้แสดงที่จอภาพที่ 1 หรือจอภาพที่ 2
มองก้าว การจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ ม.โยนก
เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ย.52 คณะบริหารฯ ดำเนินการตามแผนการจัดการความรู้ เห็นในขั้นตอนที่ 1 “การบ่งชี้ความรู้” เป็นที่ประจักษ์ คือ การระบุประเด็นความรู้ รูปแบบ และผู้รู้ที่สอดรับกับนโยบาย ขอบเขตและเป้าหมายขององค์กร โดยกำหนดเรื่องของ KM ว่า “การบริหารจัดการยุคใหม่” ตามนโยบายของท่านอธิการที่จะมี KM คณะละเรื่อง ซึ่งคณะบริหาร มีองค์ความรู้ มีความเข้าใจ มีความชำนาญ และผู้ที่ชำนาญในเรื่องที่กำหนดขึ้นก็มีอยู่หลายท่าน ก็ต้องเอาใจช่วยใน 2 เรื่อง คือ 1)กำหนดเป้าหมายที่จะวัดให้ชัดเจน (Desired State) 2)หน่วยที่วัดผลได้เป็นรูปธรรม เพราะการวัดผลสมัยนี้เป็นไปในแนวนี้ทั้งสิ้น ก็เอาใจช่วยและหวังจะเห็นคณะบริหารฯ เป็น good practice ขององค์กร เนื่องจากเริ่มต้นอย่างมีกระบวนการและเรื่องที่ชัดเจน ผ่านบทบาทของ อาจารย์บอย และ อาจารย์นิยม ในระดับคณะเป็นคณะแรกของมหาวิทยาลัย
จากการชวน อ.บอย แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง แผนการจัดการความรู้ ซึ่งมี 7 ขั้นตอน ตามแนว กพร. และ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ที่ได้จัดทำคู่มืออบรมไว้โดยละเอียด พบว่า การดำเนินการตามแผนที่ได้รับการยอมรับในแวดวงประกันคุณภาพ น่าจะเป็นแนวทางที่น่าสนใจ ซึ่งผมมอบแผน KM ที่ อาจารย์อติชาต หาญชาญชัย ท่านเขียนใช้ในคณะวิทย์ฯ ให้แก่อาจารย์บอยได้ศึกษาประยุกต์ ซึ่งอาจเป็นแนวทางให้มหาวิทยาลัยใช้แนวนี้ก็ได้
+ http://www.thaiall.com/km/indexo.html
+ http://www.yonok.ac.th/business/showword.php
+ http://www.thaiall.com/km/handbook_2549.doc
ส่งข่าวบริการวิชาการ อบต.ทุ่งกว๋าว ลงนสพ.
17 พ.ย.52 อาจารย์เกศริน อินเพลา หัวหน้าสาขาวิชาระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ และอาจารย์ทนงศักดิ์ เมืองฝั้น หัวหน้าสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยโยนก ได้เป็นวิทยากรให้บริการวิชาการในโครงการความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และโครงการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย แก่บุคลากรอบต.ทุ่งกว๋าว อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ณ ที่ทำการอบต.ทุ่งกว๋าว ห่างจากเมืองลำปาง 32 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 โดย นายทวีศักดิ์ นพคุณ ปลัดอบต. และ นายธีระ สุดประเสริฐ ให้การต้อนรับ มีบุคลากรทุ่งกว๋าวเข้ารับการอบรมรวม 21 คน เป็นข่าวการแสดงบทบาทของนักวิชาการที่ออกไปรับใช้สังคม จึงส่งภาพข่าวไปยังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในลำปาง
+ http://www.thungkaow.org (http://www.mkportal.it)
+ http://www.thaiall.com/yonok/52_service_thungkaow.zip (5MB)
สองจอภาพสองโปรแกรมจากหนึ่ง notebook
15 พ.ย.52 การต่อ 2 จอภาพออกจาก notebook ก็ใช้หลักเดียวกับการต่อ notebook กับเครื่องฉาย projector คือ ต่อผ่าน vga port แล้ว ก็เห็นทั้งจอ projector และ จอ notebook เหมือนกัน ถ้าต้องการเห็นต่างกัน คือ ออก 2 จอแล้วแสดงผล 2 โปรแกรมที่ต่างกัน ก็ทำได้ไม่ยากเลยด้วย 4 ขั้นตอน
มีขั้นตอนดังนี้ 1)กดปุ่ม fn + f8 สั่งให้แสดงผลทั้งทางจอ projector และจอ notebook ซึ่งให้ผลเหมือนกัน ได้ทดสอบกับ ASUS Notebook แล้วใช้ได้ แต่ยี่ห้ออื่นอาจใช้ fn + f5 2)right click บน desktop เลือก Properties, Settings จะพบจอที่มีเลข 1 ขนาดใหญ่ทางซ้าย และจอที่มีเลข 2 ขนาดเล็กกว่าทางขวา 3)click บนจอเลข 2 และ click checkbox หน้าคำว่า Extend my Windows desktop onto this monitor และกดปุ่ม Apply แล้วกดปุ่ม Identity จะพบเลข 1 บนจอ Notebook และพบเลข 2 บนจอ Projector 4)การทดสอบใช้จอเลข 2 ของจอ Projector ซึ่งอยู่ทางขวา คือ เปิดโปรแกรม Internet Explorer แบบย้ายได้ แล้วก็ย้าย (move) ด้วยการใช้ mouse กด title bar แล้วย้ายให้เลยขอบออกไปด้านขวา ผลคือโปรแกรม Internet Explorer จะไปแสดงผลในจอ Projector ซึ่งการใช้งานก็เสมือนกับจอ 2 จอนี้ติดกันอยู่ แล้วใช้ mouse เลื่อนไปมาระหว่าง 2 จอได้โดยอิสระ สิ่งที่ต่างกันชัดเจนคือจอเลข 2 ไม่มี taskbar เป็นของตัวเอง
พบเรื่องนี้ เพราะซื้อสาย VGA M/M เส้นละ 150 ในงาน motorshow 2009 มาต่อ notebook ออกแอลซีดีทีวี เพื่อทดสอบการใช้โปรแกรม Virtual Box ที่ติดตั้ง Windows 2003 บน Windows XP ทำให้ผลการทดสอบครั้งนี้ได้ 2 ระบบปฏิบัติการที่ประมวลผลพร้อมกันออกได้ 2 จอภาพ จากคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว .. จะได้แนะนำใครต่อใครว่าเวลาฉายออก projector ไม่ต้องใช้ปุ่ม freeze projector เพราะวิธีนี้ทำให้สามารถทำงาน 2 อย่างในเวลาเดียวกันได้เลย