หุ่นจะฉลาดกว่มนุษย์ในปี 2029

Robots smarter than humans by 2029 (26th February, 2014)

นักวิทยาศาสตร์พูดว่าหุ่นยนต์จะฉลาดกว่ามนุษย์ในปี 2029

A scientist said robots will be more intelligent than humans by 2029.

นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำนายคือ เรย์ เคิซเวล

The scientist’s name is Ray Kurzweil.

เขาทำงานเป็นผู้อำนวยการแผนกวิศวกรรมที่กูเกิ้ล

He works for Google as Director of Engineering.

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกด้านปัญญาประดิษฐ์

He is one of the world’s leading experts on artificial intelligence (A.I.) .

นายเคิซเวลเชื่อว่าคอมพิวเตอร์จะสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ได้เช่นเดียวกับมนุษย์

Mr Kurzweil believes computers will be able to learn from experiences, just like humans.

เขาคิดว่า หุ่นยนต์จะพูดตลก และเล่าเรื่องได้ หรือแม้แต่เกี้ยวพาราสี

He also thinks they will be able to tell jokes and stories, and even flirt.

การทำนายนี้ มีผู้คนมากมายเชื่อว่ากำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า

Kurzweil’s 2029 prediction is a lot sooner than many people thought.

ปี 1999 ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์พูดว่าคงอีกหลายร้อยปีก่อนที่คอมพิวเตอร์จะฉลาดกว่ามนุษย์

The scientist said that in 1999, many A.I. experts said it would be hundreds of years before a computer was more intelligent than a human.

เขาว่า เป็นการพูดที่เกิดขึ้นไม่นาน ก่อนที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำงานได้ถึงพันล้านเท่าของสมองมนุษย์

He said that it would not be long before computer intelligence is one billion times more powerful than the human brain.

เขาพูดตลกว่า หลายปีมาแล้ว ผู้คนคิดว่าเขาเริ่มบ้าแล้ว ที่ไปทำนายว่าคอมพิวเตอร์ฉลาดได้เท่ามนุษย์

Mr.Kurzweil joked that many years ago, people thought he was a little crazy for predicting computers would be as intelligent as humans.

การคิดของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ทุกคนเปลี่ยนความคิดของพวกเขาเอง

His thinking has stayed the same but everyone else has changed the way they think.

เขาว่า มุมมองของฉันไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด

He said: “My views are not radical any more.

ฉันยังมีความคิดมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

I’ve actually stayed consistent.

ส่วนอื่นของโลกกำลังเปลี่ยนมุมมองไป

It’s the rest of the world that’s changing its view.”

เขาย้ำตัวอย่างสิ่งที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ว่าเราต่างก็ใช้ เห็น หรืออ่านสิ่งเหล่านั้นอยู่ทุกวัน

He highlighted examples of high-tech things we use, see or read about every day.

สิ่งเหล่านั้นทำให้เราเชื่อว่าคอมพิวเตอร์มีปัญญา

These things make us believe that computers have intelligence.

เขาว่า เดี๋ยวนี้ทุกคนคิดต่าง เพราะเห็นสิ่งที่เรียกว่า สิริ ซึ่งคอมพิวเตอร์พูดได้ เห็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองของกูเกิ้ล

He said people think differently now: “Because the public has seen things like Siri [the iPhone’s voice-recognition technology] where you talk to a computer; they’ve seen the Google self-driving cars.”

Google assistant = ระบบผู้ช่วยกูเกิ้ล

http://www.breakingnewsenglish.com/1402/140226-artificial-intelligence.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1402/140226-artificial-intelligence.mp3
http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

ส่งข้อความไปเดินไปอันตรายนะ เข้าโรงพยาบาลกว่า 6000 คนทีเดียว

Texting while walking is dangerous   (12th March, 2014)

การอ่านหรือการเขียนข้อความตัวอักษรขณะกำลังเดินเป็นอันตราย

Reading or writing text messages while you are walking is dangerous.

ผลการศึกษาใหม่ รายงานว่ามันอันตรายมากกว่าการพิมพ์ข้อความขณะขับรถซะอีก

A new study says it is more dangerous than texting while driving.

เป็นการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโร่ในสหรัฐอเมริกา

The study is from the University of Buffalo in the USA.

ผู้วิจัยพบว่า มีการได้รับบาดเจ็บต่อกิโลเมตรในการเดินข้ามทางม้าลายมากกว่าการพิมพ์ข้อความขณะขับรถยนต์

Researchers found that there are more injuries per kilometer to texting pedestrians than there are to texting motorists.

รายงานของพวกเขาบอกว่าการเดินไม่ง่ายอย่างที่เราคิด

Their report says walking is not as easy as we think it is.

เราจำเป็นต้องมุ่งสนใจมีสมาธิไปกับหลายสิ่งในเวลาเดียวกันเพื่อให้เดินได้อย่างปลอดภัยเป็นเส้นตรง

We need to focus on many things at the same time to walk safely in a straight line.

ทีมวิจัยพูดว่าผู้คนลืมที่จะเดินอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดอันตรายขึ้นหลายอย่างในพวกเขา

The research team said that people forget how to walk properly, so dangerous things happen to them.

อาจเดินชนกำแพง หรือคนอื่น ชนรถ ตกถนน ตกหลุม หรือบันได

They bump into walls and other people, walk into cars, fall over things in the street, and even fall into holes or down stairs.

ศาสตราจารย์ที่บัฟฟาโร่พูดว่าการเดินเป็นกริยาที่ซับซ้อน

A University of Buffalo professor said walking is a complex action.

เขาว่ามีหลายเหตุผลที่ต้องหยุดพิมพ์เพื่อให้เดินได้อย่างปลอดภัย

He said there are several reasons why texting stops people from walking properly.

เหตุผลหนึ่งคือไม่เห็นทางข้างหน้าที่พวกเขาเดิน

One reason is that they cannot see the path ahead of them.

อีกเหตุผล คือ พวกเขาต้องเพ่งเล็งไปที่นิ้วบนโทรศัพท์ แทนที่จะโฟกัสไปที่เท้าของเขาบนถนน

Another is that they are focused on their fingers on their mobile phone keyboard instead of their feet on the street.

เหตุผลสุดท้าย คือ จิตใจไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้จดจ่ออยู่กับการเดินอย่างปลอดภัย

A final reason is that their minds are somewhere else and not on thinking about walking from A to B safely.

ศาสตราจารย์กล่าวว่า มีคนมากกว่า 6000 คนที่เข้าโรงพยาบาลเมื่อปีที่แล้วเพราะบาดเจ็บขณะพิมพ์ข้อความ

The professor said over 6,000 people visited his hospital last year because they were injured while texting.

กรณีที่แย่ที่สุด คือ บาดเจ็บที่หัว

He said the worst cases are head injuries.

เมื่อเดินข้ามทางม้าลาย แล้วถูกเหวี่ยงไปในอากาศโดยรถยนต์ที่พุ่งมาชน พวกเขาไม่มีอะไรปกป้องหัวและเสียหายอย่างหนัก

When a pedestrian is tossed into the air after being hit by a car, he/she has nothing to protect the head, and the damage can be serious.

http://www.breakingnewsenglish.com/1403/140312-texting-while-walking.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1403/140312-texting-while-walking.mp3
http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

อียูโหวตให้มีการใช้ที่ชาร์ตโทรศัพท์แบบมาตรฐาน


EU votes for universal phone charger   (18th March, 2014)

คุณเคยประหลาดใจบ้างไหม ทำไมทุกบริษัทสมาร์ทโฟนต้องทำที่ชาร์ตต่างกันในแต่ละรุ่น ซึ่งต่างไปจากตัวเดิมก่อนหน้านั้น

Have you ever wondered why every smartphone manufacturer makes a charger for its phone that is different from the rest?

ฝ่ายนิติบัญญัติของสหภาพยุโรปได้ไตร่ตรองเรื่องลึกลับเหมือน ๆ กัน

Lawmakers at the European Union have also been pondering the same mystery.

ผู้บริโภคควรยินดี และที่จะโหวตให้กับความคิดริเริ่มของนักการเมืองยุโรป

Consumers should welcome a new, common-sense initiative voted for by European politicians.

อียูตัดสินใจว่าบริษัทผู้ผลิตต้องทำที่ชาร์ตที่ใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมดแบบมาตรฐาน

The EU has decided that all smartphone companies will soon have to make the plug adaptor that connects to the electricity supply the same.

พวกเขาจะไม่เห็นชอบให้กับปลายสายแบบอื่น ส่วนที่เชื่อมต่อของอุปกรณ์ต้องเหมือนกัน

They did not vote on making the other end of the cable, the part that connects to the phone itself, the same.

เรื่องนี้ปลดปล่อยผู้บริโภคจากความสับสน

This will leave many consumers feeling somewhat perplexed.

พวกเขารู้สึกดีเมื่อกฎหมายถูกยกร่างมาได้ครึ่งทางแล้ว

They may well view the upcoming law as a half measure.

นั่นจะเรียกว่ามาตรฐานการเชื่อมต่อสำหรับโทรศัพท์

There were calls to also standardize the connector that fits into the phone.

ความแตกต่างที่น่าเวียนหัวในการออกแบบตัวเชื่อมต่อหรือตัวแปลงที่หลากหลายเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม

The dizzying variety in designs of current adaptors is detrimental to the environment.

ทุกครั้งที่ผู้บริโภคซื้อโทรศัพท์ใหม่ พวกเขาต้องทิ้งที่ชาร์ตเก่าไป และจ่ายให้กับที่ชาร์ตสำหรับอุปกรณ์ใหม่

Every time someone buys a new phone, they usually end up throwing away their old charger and paying for another one that fits their new device.

บาบาร่า ไวเลอร์ นักการเมืองอียู กล่าวว่า กฎหมายใหม่จะช่วยสภาพแวดล้อม และลดการก่อขยะอิเล็กทรอนิกส์

EU politician Barbara Weiler said the new law would help the environment by cutting down on electronic waste.

เธอบอกผู้รายงานข่าวว่า  มันถึงจุดสิ้นสุดของขยะกลุ่มที่ชาร์ตและขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 51000 ตันต่อปี

She told reporters: “It will put an end to charger clutter and 51,000 tons of electronic waste annually.”

หล่อนเพิ่มเติมว่า ความไม่เข้ากันของที่ชาร์ตในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นฝันร้าย และความไม่สะดวกสบายของผู้ใช้จริง ๆ

She added: “The current incompatibility of chargers for mobile phones, smart phones, tablets, digital cameras and music players is a nightmare and a real inconvenience for consumers.”

ผู้ผลิตจะเปลี่ยนอุปกรณ์ไปใช้ที่ชาร์ตใหม่ตามมาตรฐานในปีพ.ศ.2560

Manufacturers have until 2017 to comply with the new directive.

http://www.breakingnewsenglish.com/1403/140318-phone-charger.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1403/140318-phone-charger.mp3
http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

กูเกิ้ลออกอุปกรณ์ตรวจสอบสุขภาพแบบสวมใส่

Google to launch wearable health monitor   (18th June, 2014)

กูเกิ้ลกำลังเล่น ไล่ตาม แอ็บเปิ้ล และซัมซุง ในการแข่งขันการเป็นผู้นำในซอฟท์แวร์สำหรับอุปกรณ์สวมใส่เพื่อดูแลสุขภาพ

Google is playing catch-up to Apple and Samsung in the race to be market leader in wearable health software.

ยักใหญ่ด้านเทคโนโลยีทำงานกับอุปกรณ์ที่เรียกกูเกิ้ลฟิตเพื่อแข่งกับเฮลท์คิดของแอปเปิ้ล และซัมซุงกาแลกซี่เกียร์ 2  และกาแลกซี่เกียร์ฟิต

The tech giant is working on a device called Google Fit to rival Apple’s HealthKit and Samsung’s Galaxy Gear 2 and the Galaxy Gear Fit.

แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทกำลังรีบเร่งทำเวลาเพื่อออกสินค้า ดังนั้นจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

Sources say the company is working overtime to launch its product so it is not left behind.

กูเกิ้ลหวังเป็นบริษัทแรกที่จะทำให้อุปกรณ์ใช้งานกับระบบปฏิบัติการแอนดรอย

Google is hoping to be the first company to provide a device using the Android operating system.

นี่เป็นการโจมตีตลาดอีกครั้งของกูเกิ้ลในตลาดนี้

This is Google’s second foray into this market.

ตัวแรกเรียกว่า กูเกิ้ลเฮลท์ ซึ่งไม่มีแรงฉุดลูกค้าให้อยู่กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งมันไม่ให้ข้อมูลสำหรับผู้ชื่นชอบการออกกำลัง หรือรักในสุขภาพในภายหลังการออกกำลังกาย

The first product was called Google Health, which did not gain traction with consumers as it did not offer the kind of information fitness enthusiasts and health buffs were after.

คนในอุตสาหกรรมนี้เปิดเผยว่า กูเกิ้ลฟิตก็เหมือนกัน

An industry insider revealed what Google Fit might look like.

พวกเขาว่ามันเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่วัดข้อมูลสุขภาพ จำนวนก้าวเดิน วิ่ง หรือการเต้นของหัวใจ

They said it would be a wearable device that measures bio-rhythmic data like the number of steps someone walks or runs, or heart rate.

สารสนเทศเหล่านี้จะเชื่อมกับบริการในกูเกิ้ลคลาวด์

This information will be linked with Google’s cloud-based services.

บริษัทพยายามจะเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จที่บรรจุหีบห่อพร้อมส่ง

The company is trying to keep further details of the final product under wraps.

เว็บเท็คครัช เขียนว่า จากการได้ยิน กูเกิ้ลฟิตจะเก็บรายละเอียดข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก การเต้นของหัวใจ เวลาวิ่ง สถานะร่างกาย และอีกหลายอย่าง

The TechCrunch website wrote: “From what we’re hearing, Google Fit will track all sorts of health data, such as weight, heart rate, run times, body-building stats and more.”

ผู้ใช้จะสามารถประสานถ่ายโอนข้อมูลของเขากับกูเกิ้ลไอดี ทำให้ข้อมูลถูกพกพาไปใช้ได้ง่ายไม่ผูกกับแอพหรืออุปกรณ์ที่ใช้

It added: “End users will be able to sync their Google Fit profiles to their Google IDs, which will make their data portable no matter what app or device they’re using.”

http://www.breakingnewsenglish.com/1406/140618-wearable-health-device.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1406/140618-wearable-health-device.mp3

http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

ยิ่งใช้เทคโนโลยีมาก ยิ่งหลับน้อยลง

หัวข้อข่าวว่า “ยิ่งใช้เทคโนโลยีมาก ยิ่งหลับน้อยลง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ

ศูนย์วิจัย พบว่าชาวอังกฤษใช้เทคโนโลยีมากกว่านอนหลับไป 20 นาที
เพราะใช้เวลากับเทคโนโลยีไป 8 ชั่วโมง 41 นาที
แต่ใช้เวลานอนเฉลี่ย 8 ชั่วโมง 21 นาที
แล้วเขายังพบอีกว่า เด็กหกขวบ รู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรในระดับเดียวกับผู้ใหญ่วัย 45 ขวบ
แล้วยังพบว่าใช้เทคโนโลยีมากสุดตอนอายุ 14 – 15 ขวบ

People use technology more, sleep less   (9th August, 2014)

ผู้คนในอังกฤษเดี๋ยวนี้ใช้เวลาในการดูทีวี เล่นเกม และสมาร์ทโฟน และเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่านอนหลับซะอีก

People in Britain now spend more time watching TV, gaming, and using their mobile phones and computers than sleeping.

ผลวิจัยโดยบริษัทออฟคอม พบว่า ชาวอังกฤษใช้เทคโนโลยี มากกว่านอนหลับ 20 นาที

Research by the British communications agency Ofcom found that Britons use technology for 20 minutes longer than they spend sleeping.

เฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ใช้เทคโนโลยี 8 ชั่วโมง 41 นาทีในแต่ละวัน

The average U.K. adult uses technology for eight hours and 41 minutes a day.

พวกเขาหลับประมาณ 8 ชั่วโมง 21 นาที

They sleep for an average of eight hours and 21 minutes.

เหตุผลหนึ่งที่ใหญ่ที่สุด คือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และใช้ไวไฟ

One of the biggest reasons for this is broadband and wi-fi.

ผู้คนสามารถได้รับการเชื่อมต่อเกือบทุกที่ ดังนั้นจึงใช้เวลาเชื่อมต่อออนไลน์ยิ่งขึ้น

People can get online almost anywhere, so they spend more time online.

คนจำนวนมากใช้โทรศัพท์ หรือท่องเว็บ ขณะกำลังนั่งดูทีวี

Many people make telephone calls or surf the web while watching television.

ดูทีวีเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมที่สุด

Television was the most popular activity.

ผู้ใหญ่ดูทีวีราว 3 ชั่วโมงในแต่ละวัน

Adults watched an average of three hours a day.

ผลการศึกษาพบว่าการใช้เทคโนโลยีแตกต่างไปตามกลุ่มอายุ

The study looked at technology and different age groups.

เด็ก 6 ขวบจะเข้าใจวิธีใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงกับคนอายุ 45 ปี

It found that six-year-olds understand how to use technology at the same level as 45-year-olds.

การค้นพบอีกอย่าง คือ คนที่เข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัลที่สุดคือ 14 หรือ 15 ปี

Another finding was that people understand digital technology most when they are 14 or 15.

หมอพูดว่าเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนวิธีในการติดต่อสื่อสารกัน

A doctor said technology is changing the way people communicate with each other.

ดอกเตอร์อาร์เทอร์เตือนว่า เรากำลังต่อต้านสังคมมากขึ้นและมากขึ้น

Dr.Arthur Cassidy warned that we are becoming more and more anti-social.

เขาว่า เรากำลังถอยห่างจากการสื่อสารแบบเผชิญหน้าเพราะเทคโนโลยี

He said we are moving away from face-to-face conversations because of technology.

เขาเพิ่มเติมว่า ผู้คนกำลังเสพติดสมาร์ทโฟนของพวกเขา

He added that people are becoming addicted to their smart phones.

เทคโนโลยีทำให้ผู้คนทำงานที่บ้านหลังจากพวกเขากลับจากที่ทำงาน

Technology also means people are working at home after they get home from work.

http://www.breakingnewsenglish.com/1408/140809-sleeping.html
http://www.breakingnewsenglish.com/1408/140809-sleeping.mp3

http://www.breakingnewsenglish.com/technology.html

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

น้ำดอกอันชัน

น้ำดอกอัญชันตากแห่งต้ม ผสมกับน้ำผึ้งผสมมะนาว
น้ำดอกอัญชันตากแห่งต้ม ผสมกับน้ำผึ้งผสมมะนาว

8 ส.ค. 57 คุณเรณู อินทะวงศ์ ให้ดอกอัญชันตากแห้งมา 1 กำมือใหญ่ ๆ
ตอนไปงานวันคล้ายเกิด อ.สุวรรณ ตรีมานะพันธุ์ อดีตหัวหน้าและอาจารย์ของพวกเรา
ที่ร้านของคุณปรีชา ธรรมเมือง ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยโยนก

น้ำอัญชันที่ร้านอาหาร
น้ำอัญชันที่ร้านอาหาร

แล้วเด็กที่บ้านก็หยิบดอกอัญชัญตากแห่งใส่ลงไปในหม้อทั้งหมด
จึงได้น้ำดอกอัญชันมา 1 หม้อ แบบไม่เติมน้ำตาล
ตั้งใจเก็บไว้ดื่มหลาย ๆ วัน วันนี้ชงดื่มโดยผสมกับน้ำผึ้งผสมมะนาว
ก็เป็นรสชาติที่ถูกปาก แล้วผมก็หยิบกล้องมาถ่ายภาพแนว selfie
ที่เกือบไปทาง usie แล้ว แต่คนในภาพไม่ยอมมาเข้ากล้อง

จรรยาบรรณของอาจารย์ที่ปรึกษา ในคู่มืออาจารย์ที่ปรึกษา

handbook
handbook

จรรยาบรรณของอาจารย์ที่ปรึกษา ในคู่มืออาจารย์ที่ปรึกษา
advisor handbook of yonok university
ของมหาวิทยาลัยโยนก มีดังนี้

1. อาจารย์ที่ปรึกษาต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพและสิทธิประโยชน์ของนักศึกษา
โดยจะต้องไม่กระทำการใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายแก่นักศึกษาอย่างไม่เป็นธรรม
2. อาจารย์ที่ปรึกษาต้องรักษาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของนักศึกษา
ในความดูแลให้เป็นความลับ
3. อาจารย์ที่ปรึกษาต้องพยายามช่วยเหลือนักศึกษาจนสุดความสามารถ
หากมีปัญหาใดที่เกินความสามารถที่จะช่วยเหลือได้ก็ควรดำเนินการส่งนักศึกษา
ไปรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
4. อาจารย์ที่ปรึกษาไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์บุคคลหรือมหาวิทยาลัย
ให้นักศึกษาฟังในทางที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่บุคคลหรือมหาวิทยาลัย
5. อาจารย์ที่ปรึกษาต้องเป็นผู้มีความประพฤติที่เหมาะสมตามจรรยาแห่งวิชาชีพ
และมีศีลธรรมจรรยาที่ดีงาม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักศึกษา
6. อาจารย์ที่ปรึกษาต้องปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำปรึกษาวิชาการแก่นักศึกษา
ในความดูแลทุกคนด้วยความเสมอภาค
7. อาจารย์ที่ปรึกษาต้องปฏิบัติตนด้วยความรับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่น สังคม และประเทศชาติ

ชี้แจงสาเหตุที่อีเมลล่าช้าเป็นประจำ (delay)

delay
delay
เล่าสู่กันฟังเรื่อง “อีเมลถึงผู้รับล่าช้าเป็นประจำ
ในองค์กรที่ผมทำงานอยู่ใช้บริการอีเมลของ gmail.com แล้วพบปัญหาว่า
บางฉบับส่งถึงทันที บางฉบับช้าไปเกือบ 2 วัน แบ่งหัวข้อชี้แจงดังนี้
1. ที่มา
มีเพื่อนร่วมงานหลายท่านโทรเข้ามาถามว่าทำไมส่งอีเมลไม่ถึงผู้รับทันที
และมีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ไอทีบ่อยครั้งว่าทำไมอีเมลส่งแล้วถึงช้า
เป็นผลให้ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
เมื่อได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้าก็ไม่ได้ทำ เพราะไม่ได้รับเมลในกรอบเวลา
เช่น ส่งเอกสารการประชุม ก่อนเข้าประชุม 10 นาที ก็ไม่ได้นำเข้าประชุมด้วย
เพราะอีเมลถึงผู้รับช้าบ้าง เร็วบ้าง ไม่แน่นอน
แม้ส่งถึง mailgroup ผู้รับในกลุ่มก็จะได้รับไม่พร้อมกัน
2. ชี้แจงปัญหา
เรื่องอีเมลส่งถึงผู้รับล่าช้า (delay) เป็นกับระบบอีเมลฟรีระดับโลก
ทั้ง hotmail และ gmail ต่างก็เป็น และเขาก็ชี้แจงว่าเกิดขึ้นจริง
เพราะอีเมลหนึ่งฉบับต้องผ่าน server ของเขา 4 – 5 เครื่อง
อาจมีบางเครื่องเสีย แต่เจ้าหน้าที่ของเขาจะแก้ไขอย่างรวดเร็ว
ใน 100 ฉบับมีเพียง 2% ที่ช้าเกิน 2 ชั่วโมง
และมี 71% ที่จะถึงผู้รับเกือบทันที
ผมเคยตรวจฉบับหนึ่งที่รออยู่ พบว่าช้าไป 13 ชั่วโมง
ถ้าพบอีเมลใน inbox เข้าตอนตี 4 นั่นก็จะช้าไปกว่า 10 ชั่วโมง ตรวจสอบได้ครับ
บริการตรวจสอบว่าอีเมลล่าช้ากี่ไปชั่วโมง ตามลิงค์ด้านล่างนี้
3. คำอธิบายของ gmail.com
มีข้อมูลทางสถิติชี้แจงจาก gmail.com ว่า
ปัญหานี้จะเกิดแค่ 29% ส่วนอีก 71% ไม่พบปัญหา
แล้วมีประมาณ 1.5% ที่ล่าช้าเกิน 2 ชั่วโมง
อ่านเพิ่มเติมที่
4. คำแนะนำในการแก้ไข เพื่อลดความเสี่ยงของการ delay
– ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เร่งด่วน ก็ใช้อีเมลตามปกติได้ครับ
เพราะเท่าที่ทราบ ช้าไม่เกิน 1 วัน และกว่า 70% ก็ถึงทันที
– แต่ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ขอให้ upload เอกสารเข้า e-document หรือ cloud storage
แล้วแจ้งทางโทรศัพท์ หรือทำทั้ง 2 ทาง หรือส่งอีเมลหลายครั้ง
เพราะระบบของ gmail.com ไม่รับประกันว่าฉบับใดจะช้าหรือเร็ว
ฉบับที่ส่งสุดท้ายอาจถึงก่อนฉบับแรกก็ได้

ความต่าง 5 เรื่องของ word 2013 และ 2010

ความต่าง 5 เรื่องของ word 2013 และ 2010

onedrive on word 2013
onedrive on word 2013

แน่นอนว่าโปรแกรมทั้ง 2 รุ่นห่างกัน 3 ปี (2013 – 2010)
ย่อมมีอะไรแตกต่างกันมากมาย เมื่อสำรวจในเบื้องต้น
พบว่าผลการเปรียบเทียบ microsoft word มีอย่างน้อย 5 เรื่องต่อไปนี้ที่ต่างกัน
1. ชื่อ TAB ใน ribbon menu เป็นพิมพ์ใหญ่ เห็นได้เด่นชัดขึ้น
2. ชื่อ TAB : Page Layout เดิมถูกแยกออกเป็น DESIGN กับ PAGE LAYOUT
3. เปลี่ยนรูปแบบของ icon ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นแบบ rich surface
4. เปิดแฟ้ม pdf มาอ่าน หรือมาแก้ไขได้ แต่ยังมีปัญหากับภาษาไทย
5. เปิดหรือจัดเก็บแฟ้มใน onedrive (ชื่อเดิม skydrive) ได้

หัวข้อต่าง ๆ ในหนังสือการจัดการความรู้เก่า 7 เล่ม

หัวข้อต่าง ๆ ในหนังสือการจัดการความรู้เก่า 7 เล่ม
มีเหตุผลมากมาย ที่คนไทยสนใจเรื่องการจัดการความรู้
พบในหนังสือการจัดการความรู้ ฉบับขับเคลื่อน LO ของ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
หน้า 16 ว่า ตามที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
พ.ศ.2546 (หมวด 3 มาตรา 11) ดังใจความตอนหนึ่งว่า
"ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ"
โดยที่สำนักงาน ก.พ.ร. ได้กำหนดให้ทุกส่วนราชการดำเนินการเรื่อง KM และ LO
ตามที่ระบุไว้ในคำรับรองปฏิบัติราชการ (มิติที่ 4 -มิติด้านการพัฒนาองค์กร)

ผมสนใจเรื่องนี้เพราะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบฐานข้อมูล ตามแนวทางการจัดการความรู้
แล้วก็ไปค้นหนังสือเก่า ๆๆๆ ในห้องสมุดพบ 7 เล่ม
แล้วนำชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่งไปสอบถามกับ se-ed.com พบว่าเหลือเล่มเดียว
ของ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช แล้วนอกนั้นก็ขายหมดแล้ว และไม่พิมพ์ใหม่ มีดังนี้
1. การจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ วิจารณ์ พานิช 9744096861
พิมพ์ครั้งที่ 4 กันยายน 2551
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
บทที่ 1 ปฐมบท
บทที่ 2 คนสำคัญของการจัดการความรู้
บทที่ 3 การจัดระบบการจัดการความรู้
บทที่ 4 การฝึกอบรม
บทที่ 5 การเริ่มต้นการจัดการความรู้
บทที่ 6 การดำเนินการจัดการความรู้
บทที่ 7 เครื่องมือ
บทที่ 8 ฐานข้อมูลความรู้
บทที่ 9 เครือข่ายจัดการความรู้
บทที่ 10 ทางแห่งความล้มเหลว
บทที่ 11 แนวทางแห่งความสำเร็จ
บทที่ 12 การจัดการความรู้ในสังคมไทย

2. การจัดการความรู้ ฉบับขับเคลื่อน ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด 9744914998
พิมพ์ครั้งที่ 6 กันยายน 2550
สำนักพิมพ์ใยไหม
บทนำ มองภาพใหญ่ เข้าใจภาพรวม
บทที่ 1 สิ่งที่แตกต่างระหว่างความรู้สองประเภท
บทที่ 2 การจัดการความรู้ไม่รู้จบ "infinity KM"
บทที่ 3 โมเดลปลาทู สำหรับผู้ที่เป็น "มือใหม่"
บทที่ 4 LO คืออะไร เกี่ยวข้องกับ KM อย่างไร
บทที่ 5 ประสบการณ์จากหน่วยงานที่ "ทำจริง"
บทที่ 6 ไขข้อข้องใจ ก่อนใส่เกียร์ "เดินหน้า"
บทส่งท้าย ไหลลื่นไปกับคลื่นแห่งปัญญา

3. KM วันละคำ "จากนักปฏิบัติ KM สู่ นักปฏิบัติ KM" ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช 9744098384
พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2549
ฝ่ายโรงพิมพ์ บริษัทตถาตา พับลิเคชั่น จำกัด
หมวดที่ 1 ความสำคัญในการจัดการความรู้
- ผู้บริหารกับการจัดการความรู้
- คุณเอื้อ
- คนสำคัญอื่น ๆ
- ความสำคัญอื่น ๆ
หมวดที่ 2 เครื่องมือเรียนรู้
- โมเดล
- เครื่องมือชุดธารปัญญา
- เครื่องมืออื่น ๆ
- Appreciative Inquiry (AI)
หมวดที่ 3 อภิธาน KM : สร้างบ้าน KM
- เสาเข็มและคาน
- เสาและฝา
- หลังคา
หมวดที่ 4 กลเม็ด KM
หมวดที่ 5 กระบวนทัศน์ KM
หมวดที่ 6 เครือข่าย KM
หมวดที่ 7 หลากมิติหลายมุมมองของ KM

4. การจัดการความรู้ จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ นงลักษณ์ ประสพสุขโชคชัย บุญดี บุญญากิจ 9749239598
พิมพ์ครั้งที่ 2 พฤษภาคม 2548
บริษัท จิรวัฒน์ เอ็กซ์เพรส จำกัด
บทที่ 1 ความสำคัญของการจัดการความรู้
บทที่ 2 ความหมายของการจัดการความรู้
บทที่ 3 กรอบความคิดการจัดการความรู้
บทที่ 4 วงจรการจัดการความรู้แบบ 3 มิติ
บทที่ 5 จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ
บทที่ 6 เรียนรู้เพื่อปรับปรุง ภาคผนวก
ภาคผนวก ก.ความสำคัญของการจัดการความรู้ต่อองค์กร
ภาคผนวก ข.Most Admired Knowledge Enterprises(MAKE)
ภาคผนวก ค.เครื่องมือในการจัดการความรู้
ภาคผนวก ง.แบบประเมินการจัดการความรู้ขององค์กร
ภาคผนวก จ.บรรณานุกรมเว็บไซต์

5. องค์การแห่งความรู้ จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ
The Knowledge Organization : From Concept to Practice รศ.ดร.ทิพวรรณ  หล่อสุวรรณรัตน์ 9742316589
พิมพ์ครั้งที่ 5 เมษายน 2552
สำนักพิมพ์รัตนไตร กรุงเทพมหานคร
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 2 ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และความรู้
บทที่ 3 คุณลักษณะของความรู้
บทที่ 4 แนวคิดการจัดการความรู้
บทที่ 5 กระบวนการจัดการความรู้
บทที่ 6 การเรียนรู้ขององค์การและการจัดการความรู้
บทที่ 7 กลยุทธ์การจัดการความรู้
บทที่ 8 การจัดการทรัพยากรมนุษย์กับการจัดการความรู้
บทที่ 9 เทคโนโลยีสารสนเทศกับการจัดการความรู้
บทที่ 10 การประเมินผลการจัดการความรู้
บทที่ 11 กรณีศึกษาองค์การแห่งความรู้

6. การจัดการความรู้ พื้นฐานและการประยุกต์ใช้ Knowledge management พรธิดา วิเชียรปัญญา 9749209087
พิมพ์ครั้งที่ 1 เมษายน 2547
ธรรกมลการพิมพ์
บทที่ 1 บทนำ การจัดการความรู้ สังคมแห่งความรู้ และการบริหารองค์การยุคใหม่
บทที่ 2 แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการความรู้
บทที่ 3 การจัดการความรู้กับการบริหารองค์การยุคใหม่
บทที่ 4 การประยุกต์ใช้การจัดการความรู้ในสังคมไทย

7. การจัดการความรู้กับคลังความรู้
Knowledge management and Knowledge center ผศ.ดร.น้ำทิพย์ วิภาวิน 9749191595
พิมพ์ครั้งที่ 1 2547
บริษัท เอสอาร์ พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์ จำกัด
บทนำ การแสวงหาความรู้
บทที่ 1 การจัดการความรู้
บทที่ 2 ความรู้ในองค์กร
บทที่ 3 องค์กรจัดการความรู้
บทที่ 4 เทคโนโลยีกับการจัดการความรู้
บทที่ 5 คลังความรู้