ABAC โพลชี้ คนรับกับการโกงที่ตนเองได้ประโยชน์

manager and corpution isolated on the white background
manager and corpution isolated on the white background

สำนักวิจัยเอแบคโพลมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลสำรวจ ระบุปชช.เกินร้อยละ 60 รับได้ถ้ารัฐบาลคอร์รัปชั่นแต่ตัวเองได้ประโยชน์

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เปรียบเทียบแนวโน้มทัศนคติอันตรายในหมู่ประชาชนว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น ถ้าตนเองได้ผลประโยชน์ด้วย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดของประเทศ พบว่า แนวโน้มทัศนคติอันตรายในหมู่ประชาชนว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในขั้นวิกฤต คือ ลดลงจากร้อยละ 69.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ มาอยู่ที่ร้อยละ 65.5 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือเกินกว่าร้อยละ 60 ยังคงยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วยตลอดการสำรวจตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 จนถึงปัจจุบัน

เมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่หรือเกินกว่าร้อยละ 60 เช่นกันคือร้อยละ 64.4 ในกลุ่มผู้หญิงและร้อยละ 66.9 ในกลุ่มผู้ชายที่ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

เมื่อจำแนกตามช่วงอายุ พบว่า กลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี มีสัดส่วนน้อยที่สุดที่จะยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย แต่ก็ยังมีสัดส่วนที่สูงเกินครึ่งคือร้อยละ 56.1 ในขณะที่ กลุ่มคนอายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 62.3 กลุ่มคนอายุระหว่าง 30-39 ปีร้อยละ 67.9 กลุ่มคนอายุระหว่าง 40-49 ปีร้อยละ 66.9 และกลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.5 ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

ที่น่าพิจารณาคือ ยิ่งกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูงขึ้นยิ่งมีแนวโน้มของคนที่ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นลดน้อยลง แต่ก็ยังเป็นจำนวนส่วนใหญ่ของทุกกลุ่มคือ กลุ่มคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.3 กลุ่มคนที่มีการศึกษาปริญญาตรีส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.3 และกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.6 ต่างก็ยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.0 กลุ่มพนักงานเอกชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.3 กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจส่วนตัวส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.3 กลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.8 กลุ่มรับจ้างใช้แรงงาน เกษตรกรส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.2 และกลุ่มแม่บ้าน เกษียณอายุส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.2 ต่างยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย

ดร.นพดล กล่าวว่า จากการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึกพบว่า กลุ่มคนที่ยอมรับรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นส่วนใหญ่ต่างระบุในทิศทางเดียวกันว่า คนที่ต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย กลับถูกข่มขู่คุกคามทำร้ายถึงชีวิต ถูกรังแกกลั่นแกล้งสารพัด ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจังต่อเนื่อง คนดีกลับไม่มีที่ยืนจนต้องทำตัวเป็นน้ำปล่อยให้ไหลตามกันไปเพื่อความอยู่รอด และเมื่อถามถึงการรับรู้เรื่องการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นกลับพบว่าไม่มีประโยชน์มากนักมีแต่การสร้างภาพให้จบๆ กันไป ยิ่งไปกว่านั้น การจัดอีเว้นท์ต่อต้านการทุจริตก็มีผลประโยชน์เชิงธุรกิจ บางคนที่ออกมารณรงค์ต่อต้านการทุจริตก็มีปัญหาแตกแยกในครอบครัว ความไม่ซื่อสัตย์กันในครอบครัวแต่ออกมารณรงค์ให้คนอื่นซื่อสัตย์สุจริต โดยสรุปของผลวิจัยเชิงคุณภาพคือ ส่วนใหญ่รู้สึกหดหู่ อยากเห็นอัศวินขี่ม้าขาว อยากเห็น “คนดีและเก่ง” มาปกครองบ้านเมืองแต่ยังหาไม่เจอตัวจริงเลยในสังคมไทย ทุกองค์กรแม้แต่ในกลุ่มที่น่าจะเป็นคนดีน่าเลื่อมใสศรัทธาแต่ก็มีปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ยักยอก ฉ้อโกง เงินบริจาคของประชาชนไปให้กับตนเองและพวกพ้องคนใกล้ชิด

เมื่อถามถึงหน่วยงานป.ป.ช. และป.ป.ท. พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเป็นหน่วยงานสำคัญและจำเป็นมากแต่ต้องการให้เร่งดำเนินการให้เป็นตัวอย่างที่ดีและทำให้ขบวนการทุจริตคอรัปชั่นหมดไปจากสังคมไทยให้ได้ด้วยบทลงโทษที่รุนแรงสูงสุด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ป.ป.ท. เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นหน่วยงานที่สร้างความหวังในหมู่ประชาชนเรื่องการเปิดโปงขบวนการทุจริตงบภัยพิบัติแต่คนเปิดโปงก็ถูกโยกย้ายพ้นอำนาจโดยตรงในการตรวจสอบหลังจากนั้นบทบาทของ ป.ป.ท.ก็ไม่อยู่ในการรับรู้ของประชาชนมากพอที่จะสร้างความวางใจและพลังต่อต้านของสาธารณชนต่อรัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นได้ ดังนั้นทางออกที่น่าพิจารณาคือ

ประการแรก ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นต้องเริ่มจากความซื่อสัตย์ของคนในครอบครัว พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีซื่อสัตย์ต่อกันและกันให้ลูกได้เห็น

ประการที่สอง คุ้มครองพยานและกลุ่มประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านขบวนการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยติดตามดูแลความปลอดภัยของกลุ่มประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐที่ออกมาแสดงตนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นมิให้พวกเขาถูกรังแกจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลของนักการเมือง นายทุนและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ

ประการที่สาม รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลทุกรัฐบาลเปิดเผยการใช้จ่ายงบประมาณบนเว็บไซต์ของทำเนียบรัฐบาลและสื่อมวลชนให้เห็นการกระจายของทุกเม็ดเงินในลักษณะให้สาธารณชนช่วยกันตรวจสอบแกะรอยเส้นทางการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลได้

ประการที่สี่ เสนอให้เพิ่มโทษรุนแรงสูงสุดต่อกลุ่มบุคคลสำคัญที่ทุจริตคอรัปชั่น และควรเร่งรัดไม่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ ไม่ปล่อยให้ขบวนการทุจริตคอรัปชั่นลอยนวลอยู่อย่างสง่างามในสังคมไทย

ประการที่ห้า จัดตั้งกองทุนสร้างเสริมความซื่อสัตย์และกตัญญูรู้คุณแผ่นดินสนับสนุนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชนและประเทศในการสนับสนุนเตรียมประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศให้มีคุณภาพทั้ง “ดีและเก่ง” ขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคตอย่างจริงจังต่อเนื่อง

http://news.voicetv.co.th/thailand/66862.html

17 มี.ค.2556 ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง จุดวิกฤตของปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในหมู่คนไทย จุดวิกฤตของประเทศและผลประโยชน์ของทุกคน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 10 ปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,561 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 12-16 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน โดยมีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่า

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.0 เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า โกหกบ้างไม่เป็นไรเพื่อความอยู่รอด และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 เคยโกหกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.5 เห็นด้วยกับการเลี้ยงดูปูเสื่อรับรองคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการทำธุรกิจ และพฤติกรรมที่น่ารังเกลียดของคนไทยที่ค้นพบคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.6 เคยลัดคิวเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการต่างๆ  นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.2 เคยให้สินบนสินน้ำใจตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อประโยชน์ของตนเองค่อนข้างบ่อยถึงบ่อยที่สุด

นอกจากนี้ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ค้นพบคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.4 เคยลอกการบ้านหรือรายงานของเพื่อนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และที่น่าเป็นห่วงคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.9 เคยลอกข้อสอบ แอบดูคำตอบ แอบนำเนื้อหาเข้าห้องสอบอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหันมาพิจารณาพฤติกรรมในกลุ่มแม่พิมพ์ของชาติหรือคณะครู พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.3 เชื่อว่ามีการทุจริตจริงในการโกงข้อสอบสอบครูผู้ช่วย โดยตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.4 ระบุรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการต้องรับผิดชอบต่อกรณีทุจริตโกงข้อสอบสอบครูผู้ช่วย

ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อพิจารณาข้อมูลที่ค้นพบในกลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.2 เคยมีพฤติกรรมคอรัปชั่นขณะปฏิบัติงาน เช่น เคยทำงานส่วนตัว ออกไปทำธุระส่วนตัวในเวลาทำงานโดยไม่ได้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.6 เคยคอรัปชั่นทรัพย์สินของสำนักงานเพื่อประโยชน์ส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานอีกด้วย ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.7 เคยพบเห็นเคยรับรู้ว่าคนในหน่วยงานทุจริตข้อสอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.6 คิดว่าปัจจุบันมีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นกับทุกหน่วยงานราชการ

ส่วนที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.0 เห็นด้วยที่หน่วยงานที่ทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นควรถูกตรวจสอบด้วย นอกจากนี้ ร้อยละ 38.5 ไม่รับรู้รับทราบผลงานของทั้ง ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ในการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ในขณะที่ร้อยละ 26.7 รับรู้ทั้งสองหน่วยงาน ร้อยละ 24.7 รับรู้รับทราบผลงานของ ป.ป.ช. มากกว่า และเพียงร้อยละ 10.1 เท่านั้นที่รับรู้ผลงานของ ป.ป.ท. มากกว่า

ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นวิกฤตในปัญหาทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางเนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่อาจมองข้ามพฤติกรรมที่เป็นเชื้อแห่งการทุจริตคอรัปชั่นเล็กน้อยในวัยเด็กที่ปล่อยให้ลอกข้อสอบลอกการบ้านจนถึงกลุ่มผู้ใหญ่ที่ขาดความมีวินัยคอยแต่จ้องลัดคิวแซงคิว ปล่อยให้มีการเลี้ยงดูปูเสื่อคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง

การทุจริตในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ขาดระบบคุณธรรมที่สุดท้ายส่งผลกระทบทำให้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเติบโตอย่างกว้างขวาง เพราะผลวิจัยล่าสุดค้นพบว่า มีเชื้อแห่งพฤติกรรมการทุจริตคอรัปชั่นเริ่มขึ้นตั้งแต่ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา กลุ่มแม่พิมพ์ของชาติที่เป็นครูบาอาจารย์ กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งจะเห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่กำลังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของการทุจริตคอรัปชั่นอย่างรุนแรง

ดังนั้น ผู้ใหญ่ในสังคมต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดี จึงขอเสนอทางออกที่น่าพิจารณา คือ

1.เรียกร้องให้รัฐบาลนำงบประมาณในการพัฒนาประเทศทั้งหมดเปิดเผยต่อสาธารณชนผ่านเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถแกะรอยการใช้จ่ายงบประมาณตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำของทุกเม็ดเงินจนถึงมือประชาชนและพื้นที่ของการพัฒนาเพื่อสร้างความวางใจของสาธารณชนต่อรัฐบาล (Trust in the Government)

2.เสนอให้แจกแจงรายละเอียดในใบเสร็จรับเงินค่าปรับต่างๆ ว่านำเงินค่าปรับเหล่านั้นไปใช้ทำอะไรบ้าง เช่น ส่งไปยังรัฐบาลกลางเพื่อพัฒนาประเทศ บางส่วนส่งไปพัฒนาห้องสมุดประชาชน บางส่วนส่งให้กับหน่วยงานที่จับกุมผู้กระทำความผิด และบางส่วนนำไปพัฒนาท้องถิ่นที่พบผู้กระทำความผิดนั้นๆ เป็นต้น เพื่อสร้างความวางใจของสาธารณชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ (Trust in the Public Officials)

3.การรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องสำคัญแต่ความรวดเร็วฉับไวในการคุ้มครองพยานที่กำลังถูกคุกคามในพื้นที่ที่มีการทุจริตคอรัปชั่นอย่างรุนแรงน่าจะสำคัญกว่าเพราะมีหลายพื้นที่ของประเทศในเวลานี้ ประชาชนจำนวนมากอึดอัดกับพฤติกรรมการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นแต่พวกเขาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลมืดที่ไม่มีหน่วยงานรัฐใดดูแลความปลอดภัยของพวกเขาได้อย่างจริงจังต่อเนื่อง

4.กระตุ้นให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีจับการทุจริตคอรัปชั่นของคน เช่น เปิดไลน์ (LINE) ห้องปราบทุจริตคอรัปชั่น โซเชียลเน็ตเวิร์ค เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ สื่อสารมวลชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐบาลร่วมบูรณาการปราบปรามการเรียกรับผลประโยชน์และการทุจริตคอรัปชั่น

5.ทุกหน่วยงานของรัฐต้องมีระบบการคัดเลือกแต่งตั้งคนดีและเก่งขึ้นเป็นผู้นำหน่วยโดย “ขจัด” การแทรกแซงของฝ่ายการเมืองที่มักจะทำให้เกิดการวิ่งเต้น การซื้อขายตำแหน่งขึ้นในทุกหน่วยงาน ดังนั้นเสนอให้ใช้ระบบคุณธรรมที่ประกอบด้วยสามส่วนได้แก่ ผลงาน อาวุโส และการสอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง โดยผลงานต้องเป็นผลงานที่จับต้องได้เป็นที่ยอมรับของคนในหน่วยและเป็นที่พึงพอใจของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังต้องมีความอาวุโส และผ่านการสอบที่บริสุทธิ์ยุติธรรมตรวจสอบได้

“ถ้าปล่อยให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางเช่นนี้ต่อไป ในขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเอาไว้ได้ ผลที่ตามมาก็คือ ประเทศไทยและประชาชนทุกคนภายในประเทศคงจะพบกับความทุกข์ความเดือดร้อน ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นกับตนเองกับคนใกล้ชิดและสังคมโดยส่วนรวมอย่างถาวร” ดร.นพดล กล่าว.

http://www.dailynews.co.th/politics/191035

เอแบคโพลเผย ประชาชนส่วนใหญ่ รับได้รัฐบาลโกงแต่ได้ประโยชน์ พร้อมพอใจกองทัพวางตัว ขณะยังค้านการยึดอำนาจ

สำนักวิจัย เอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง คนไทยหัวใจประชาธิปไตย กับการยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย โดยสำรวจประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 68.7 พอใจบทบาทของกองทัพในขณะนี้ โดยร้อยละ 71.5 ไม่เห็นด้วย กับการยึดอำนาจเพราะจะทำให้วุ่นวายกว่าเดิม บ้านเมืองเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ประชาชน ร้อยละ 63.4 ยอมรับได้ หากรัฐบาลทุจริตแล้วได้ประโยชน์ด้วย โดยพบว่ากลุ่มประชาชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ยอมรับในกรณีนี้ได้มากที่สุด ร้อยละ 68.2 และกลุ่มอาชีพที่ยอมรับเรื่องนี้ ได้มากที่สุด คือ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความไว้วางใจในรัฐบาลชุดนี้ ต่อการทุจริต พบว่าใกล้เคียงกันทั้ง ไว้ใจมาก และไว้ใจน้อย โดย ไว้ใจค่อนข้างมาก ร้อยละ 51.8 และไม่ไว้ใจเลย ร้อยละ 48.2

http://hilight.kapook.com/view/72327

น่าเป็นห่วง เอแบคโพล ชี้คนส่วนใหญ่ยอมรับการทุจริตคอรัปชั่นได้ ถ้าจะทำให้ตนเองได้รับประโยชน์ด้วย

20 กรกฏาคม 2555 เอแบคโพลล์ ได้เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความต้องการของประชาชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ ในการสร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง โดยได้สำรวจความคิดเห็นกรณี “รัฐบาลทุกรัฐบาลมีทุจริตคอรัปชั่นทั้งนั้น ถ้าทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรืองประชาชนกินดีอยู่ดี ตนเองได้รับประโยชน์ด้วย ก็พอยอมรับได้หรือไม่

ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า มีความคิดเห็นที่ “ยอมรับได้” มากกว่า “ยอมรับไม่ได้” ถึงครึ่งเท่าเลยทีเดียว หรือร้อยละ 64.5 ขณะที่รับไม่ได้ 35.5 นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อจำแนกตามกลุ่มอาชีพ พบว่า กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ซึ่งเป็นผู้ได้รับการศึกษาที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศต่อไปในวันข้างหน้า กลับเป็นกลุ่มคนที่มีเปอร์เซ็นต์ยอมรับการทุจริตได้มากกว่ากลุ่มอาชีพอื่น ๆ

ส่วนในหัวข้อที่ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมาะสมที่จะเป็นประธานรณรงค์สร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง อย่างจริงจังต่อเนื่อง หรือไม่นั้น พบว่า ร้อยละ 67.8 เห็นว่าเหมาะสม ส่วนอีก 32.2 ระบุว่า ไม่เหมาะสม

ในการนี้  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า น่าเป็นห่วงสำหรับสังคมไทย เพราะนี่คือสัญญาณเตือนภัยว่า คนไทยที่ได้รับการศึกษา กลับมีทัศนคติอันตรายมาก อันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้นแล้วแม้คนจะได้รับการศึกษามากขึ้นเท่าไหร่ แต่การปลูกฝังเรื่องความซื่อสัตย์กลับดำเนินไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวต่อว่า ผลการสำรวจดังกล่าว ยังสะท้อนให้เห็นถึง “ความเห็นแก่ตัว” หรือ ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องต้องมาก่อนผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยมองแต่เฉพาะสิ่งที่ตนเองจะได้เฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะถ้าพบเห็นคนอื่นทุจริตคอรัปชั่นก็จะเอาเรื่องเอาผิดถึงขั้นแจ้งความร้องเรียนดำเนินคดี แต่กับคนใกล้ชิดที่สนิทสนมด้วยก็จะปล่อยปะละเลยมองข้ามไป  นอกจากนี้ คนยิ่งรวยขึ้นยิ่งมีทัศนคติยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วพวกเขาได้ผลประโยชน์ตามไปด้วย

http://hilight.kapook.com/view/61010

เจ้าหน้าที่ไอทีใช้ MS Office ไม่เป็น

อ่านเรื่องราวที่้น้องผึ้งน้อยเขียนแล้วทำให้นึกถึงหลาย ๆ เรื่อง
เรื่องที่ 1 ตำรวจต้องจับงูเป็น ไล่ต่อแตนเป็น ปลูกผัก ต้องป้ำหัวใจ ฝายปอดได้
เรื่องที่ 2 ผู้บริหารต้องเป็นทั้ง leader และ manager และ labor และ actor และ hr และ pr ไปพร้อม ๆ กัน
เรื่องที่ 3 หมอต้องถอนฟันเป็น ทำคลอดได้ ฝังเข็มคล่อง ผ่าไส้ติ้งได้ อะไรทำนองนั้น
ก็เพียงแต่เก็บมาแชร์ครับ จากบอร์ดของพันทิพย์

it support  and ms office
it support and ms office


หัวข้อ “ปัญหาเจ้าหน้าที่แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) กับความรู้การใช้ไมโครซอฟต์ออฟฟิศ
http://pantip.com/topic/30807700

สมัยผึ้งน้อยเริ่มทำงานใหม่ ๆ แล้วเรียกใช้เจ้าหน้าที่แผนกดังกล่าวมาแก้ไขปัญหาการใช้งานไมโครซอฟต์ออฟฟิศ ปรากฏว่า ถามอะไรไม่รู้สักอย่าง พอเรียกใช้งานก็บ่ายเบี่ยงไม่ว่าง พอสังเกตบ่อย ๆ พบว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้เรื่องการใช้งานไมโครซอฟต์ออฟฟิศแบบขั้นเจาะลึก จนบางครั้ง ผึ้งน้อยต้องบ่นแรง ๆ ว่า เจ้าหน้าที่แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นที่พึ่งยามยากไม่ได้จริง ๆ และคาดคะเนว่าเป็นกับทุกองค์กร (ทั้งรัฐบาลและเอกชน)
สุดท้ายผึ้งน้อยต้องลงทุนไปเรียน หาอ่านตามเว็บ ลองเล่น สอบประกาศนีย Microsoft Office Specialist แล้วช่วยเหลือเพื่อนร่วมแผนก จนเจ้าหน้าที่ไอทีต้องมาถามกับผึ้งน้อยเรื่อยไป
ใครเคยมีประสบการณ์การเรียกใช้เจ้าหน้าที่ไอทีแล้วเป็นแบบผึ้งน้อย เชิญแบ่งปันค่ะ
ป.ล. ต้องขออภัยนะคะ ถ้ามีข้อความที่รุนแรงไป

การสำรองแฟ้ม access.log เป็นชื่อแฟ้มที่มีวันที่กำกับด้วย batch file

backup access.log
backup access.log

การสั่ง backup แฟ้ม แล้วได้ชื่อแฟ้มเป็นวันที่ปัจจุบัน อาจมีหลายวิธี
แต่วิธีที่ง่ายคือใช้ batch file ถูกสั่งงานผ่าน schedule task
โดยคำสั่งใน batch file ก็จะต้องกำหนดวันที่ให้กับแฟ้มเป้าหมาย
ซึ่งคำสั่ง dos ที่สามารถใช้ substring คือ :~ ตามด้วยตำแหน่งของข้อมูล
การนับตำแหน่งเริ่มต้น นับเหมือนจาวาคือ เริ่มตำแหน่งที่ 0

DOS>set f=access%date:~10%%date:~4,2%%date:~7,2%.log
DOS>copy access.log %f% |echo y
การสำรอง access.log ของ squid
ต้องดำเนินการให้สอดรับกับพรบ.คอมพิวเตอร์ 2550
ที่กำหนดให้เก็บ log อย่างน้อย 90 วัน

ใช้ recaptcha ของ google ก็น่าจะ ok แต่ไม่เป็นเช่นนั้น

captcha ของ bumblebeeware ด้วย cgi
captcha ของ bumblebeeware ด้วย cgi


5 ส.ค.56
ผมมีเครื่องบริการอยู่ตัวหนึ่งเป็น linux บริการ php 4.4.9 ก็ใช้มาหลายปีแล้วนะครับ ส่วนภาษา perl เป็นรุ่น 5.8.8 แล้วตอนนำ recaptcha ของ google มาใช้กับภาษา php ทำโดยเพิ่มแฟ้มของ php จำนวน 1 แฟ้มเข้าเครื่องบริการก็สามารถใช้บริการได้ปกติ โดยทดสอบ recaptcha ที่ทำงานด้วย php ที่
http://www.thaiall.com/captcha.php

แต่ระบบต่าง ๆ ในเครื่องบริการที่เขียนด้วย perl ตั้งแต่ปี 2542 นั้น ยังไม่ได้ติด captcha เพื่อป้องกัน bot จึงนำ recaptcha มาติดตั้ง แต่พบว่ารุ่นของ perl ที่ใช้อยู่ในเครื่องบริการ ไม่รองรับคำสั่งแบบใหม่ที่ต้องใช้ use module สำหรับหัวข้อปัญหาคือ recaptcha ของ google กับ perl อยู่ร่วมกันไม่ได้ ที่ผมพบ คือ เครื่องบริการไม่ได้อัพเกรดรุ่นของ perl เป็นรุ่นใหม่ ทำให้ใช้กับ module ใหม่ของ recaptcha ไม่ได้ หากย้ายเครื่องบริการหรือเปลี่ยนรุ่น perl ก็ไม่ได้ เพราะมี script เก่า ๆ ทำงานอยู่เพียบเลย

สรุปว่าใช้ script ของ bumblebeeware ซึ่งเป็น cgi ที่เขียนด้วย perl ที่ทำงานบน 5.8.8 ได้ ซึ่ง script ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ form.cgi ทำหน้าที่แสดงตัวอักษร 4 ตัวให้ดูแล้วก็พิมพ์ตาม จากนั้นก็จะให้ captcha.cgi ทำหน้าที่แสดงตัวอักษรกราฟฟิกที่ได้จากการสุ่ม (random) แล้วส่งผลให้ check-captcha.cgi ทำหน้าที่ตรวจสอบว่าที่กรอกเข้ามานั้นตรงกันหรือไม่
โดยเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมที่
http://bumblebeeware.com/captcha/
แล้วดาวน์โหลดแฟ้มที่เกี่ยวข้องที่
http://bumblebeeware.com/downloads/captchaforperl.tar.gz
แล้วผมก็ทดสอบฟอร์มไว้ที่
http://www.thaiall.com/captcha/form.cgi
บริการ recaptcha ของ google
http://www.google.com/recaptcha

ดิจิทอลทีวีคืออะไร (itinlife409)

digital tv
digital tv

ความเป็นมาของทีวี (Television) หรือโทรทัศน์ในประเทศไทย เริ่มต้นราวปีพ.ศ.2498 เป็นระบบทีวีขาวดำ และเปลี่ยนเป็นระบบทีวีสีในปีพ.ศ.2510 โดยใช้การแพร่ภาพด้วยระบบอนาล็อก (Analog) ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนช่อง และคุณภาพขอสัญญาณ แต่ระบบดิจิทอลคือการส่งสัญญาณที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุที่ทำให้ได้จำนวน 8 -25 ช่องสถานีต่างกับระบบอนาล็อกที่ได้เพียงช่องเดียว ข้อดีของระบบดิจิทอลคือประหยัดพลังงาน ได้ภาพที่คมชัดกว่า และสัญญาณภาพมีอัตราส่วนแบบ Wide screen คือ 16:9 ซึ่งเหมาะกับเครื่องรับโทรทัศน์แบบ LED, LCD และ Plasma TV

เหตุผลหนึ่งที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนเป็นทีวีระบบดิจิทอล คือ ดำเนินการตามมติประชาคมอาเซียนที่จะเปลี่ยนระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดินเป็นระบบดิจิทอลใช้มาตรฐานคือ DVB-T2 และให้ยุติระบบอนาล็อกในช่วงปีพ.ศ.2558 – 2563 สำหรับประเทศไทยกำหนดให้ออกใบอนุญาตดิจิทอลทีวีช่วงแรกระหว่างกุมภาพันธ์ 2555 – สิงหาคม 2556 โดยมีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นหน่วยงานทำหน้าที่กำหนดกรอบ วางหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ซึ่งในอนาคตสามารถรับชมทีวีสาธารณะได้มากกว่า 100 ช่อง แต่ช่วงสิงหาคม 2556 ไทยจะออกใบอนุญาตประกอบกิจการทางธุรกิจจำนวน 24 ช่อง ซึ่งเพิ่มจากระบบอนาล็อกเดิมที่มีทีวีสาธารณะเพียง 6 ช่อง คือ 3, 5, 7, 9, NBT และ Thai PBS

การรับสัญญาณดิจิทอลเข้าทีวีมี 3 แบบ คือ แบบแรก คือ ทีวีรุ่นเก่าที่ใช้เสารับสัญญาณแบบ Antenna หรือเสาหนวดกุ้ง จะต้องซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่า จูนเนอร์ หรือ กล่องรับสัญญาณดิจิตอล (Set top box) เพื่อทำหน้าที่รับสัญญาณดิจิทอลมาแปลงเป็นสัญญาณอนาล็อกส่งเข้าทีวีรุ่นเก่า แบบที่สอง คือ ทีวีผ่านจานดาวเทียมทั้งแบบรายเดือนหรือไม่เป็นรายเดือนจะรับชมดิจิทอลทีวีได้ทันที และช่องเดิมจะถูกประกาศให้เป็นทีวีสาธารณะ แล้วจะเพิ่มช่องใหม่เข้าไปอัตโนมัติ แบบที่สาม คือ ซื้อทีวีที่เป็นทีวีดิจิทอลที่สามารถรับสัญญาณดิจิทอลได้โดยตรง ในช่วงการเปลี่ยนผ่านนี้คาดว่าจะส่งสัญญาณควบคู่กันไปทั้งสัญญาณอนาล็อกและสัญญาณดิจิทอลไม่เกินปีพ.ศ.2563 แล้วมีข่าวว่าช่อง 9 และ NBT จะทดลองออกอากาศในพื้นที่นำร่อง 2 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่

http://www.thairath.co.th/content/tech/359957

เมืองใหม่ที่สร้างเรียนแบบปารีสในจีน

เมืองใหม่ที่สร้างเรียนแบบปารีสในจีน

พบข่าวว่าเมืองใหม่ จำลองสถาปัตจากเมืองปารีส ฝรั่งเศส
ที่สร้างในเซียงไฮ้ เป็นเมืองใหญ่มาก และเป็นเมืองร้างแล้ว
หลังเปิดตัวยิ่งใหญ่เมื่อ 2550
ซึ่งอีกหลายชุมชนในจีนก็เข้าชะตากรรมเดียวกัน
เขาทำนายว่าฟองสบู่ในจีนใกล้แตกแล้ว

เคยดูภาพยนตร์เกี่ยวกับปารีส ต่อไปเปลี่ยนไปจีน
ก็น่าจะเห็นคล้ายกัน ไม่ต้องไปปารีสก็ได้ .. กระมัง

http://news.voicetv.co.th/global/77613

AFP บอกไทยไม่ใช่เมืองแห่งรอยยิ้ม อีกวันแบดไทยไปมวยโลก

http://www.youtube.com/watch?v=nF5KkWvqBhI

นักแบดมินตันไทยไล่ต่อยกันกลางสนามแข่ง
http://news.tlcthai.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2/170966.html
ใน “โยเน็กซ์ แคนาดา โอเพ่น 2013” วันที่ 20 กรกณาคม 2556
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/76268.html

canada open 2013
canada open 2013

AFP = Agence France Presse เป็นสำนักข่าวของฝรั่งเศส
ตีแผ่ประเทศไทย ไม่ใช่เมืองแห่งรอยยิ้มอย่างที่คิด

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/88841
19 กรกฎาคม 2556 สำนักข่าวเอเอฟพี ตีแผ่เรื่องราวด้านมืดของประเทศไทยว่า ประเทศไทยที่มีสมญานามว่า สยามเมืองยิ้ม นั้น บางครั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะมีรายงานเกี่ยวกับอาชญากรรม การข่มขืน การชิงทรัพย์ ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยเอเอฟพี ได้ระบุโดยสรุปว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มีชายหาดที่สวยงาม เหมาะแก่การนอนอาบแดด มีวัดวาอารามอร่ามเรือง และมีสถานบันเทิง-ร้านรวงสำหรับชีวิตยามค่ำคืนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนประทับใจกับการมาเยือนประเทศไทยมาก แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอีกหลายคน ประเทศไทยถือว่าเป็นดินแดนห่างไกลเกินกว่าจะเรียกว่า สวรรค์บนดิน อย่างที่หลายคนคาดหวัง

เพราะพวกเขาต้องเจอกับเหตุอาชญากรรม การชิงทรัพย์ การข่มขืน และอีกหลาย ๆ ปัญหาที่ทำให้การมาเที่ยวเมืองไทยไม่ได้สนุกอีกต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการชิงทรัพย์ หรือขูดรีด หากนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบการดื่มแอลกอฮอล์ ท่องราตรี พวกเขาอาจจะต้องตื่นและสร่างเมาขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่าตัวเองถูกชิงทรัพย์ไปหมดเนื้อหมดตัว บางครั้งก็ต้องเจอการเก็บเงินค่าอาหารในราคาขูดรีดแบบสุด ๆ และบางครั้งก็เจอใบสั่งปรับจากตำรวจท้องถิ่นข้อหาจอดรถไม่ถูกที่ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ชาวต่างชาติเจอกันบ่อย ๆ

ด้านนายวอล บราวน์ อาสาสมัครชาวออสเตรเลียที่ทำงานร่วมกับตำรวจลาดตระเวนบนถนนอันเนืองแน่นในป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ได้เปิดเผยสิ่งที่เขาได้เจอในประเทศไทยว่า ที่เมืองแห่งรอยยิ้มนี้ มีนักท่องเที่ยวหลายคนโดนฉุด เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็มีชาวอิตาลี 2 คน เดินโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ แล้วก็จำอะไรไม่ได้เลยเป็นเวลา 3 วัน เสื้อผ้าและเงินทั้งหมดก็ถูกขโมยไปด้วย สิ่งที่ติดตัวพวกเขามีอย่างเดียวก็คือกางเกงใน การชิงทรัพย์ชาวต่างชาติเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ที่ภูเก็ต และผู้ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ในที่เปลี่ยวยามค่ำคืนมักจะตกเป็นเป้าหมายของโจรเหล่านี้

และที่ร้ายแรงไปกว่านั้น คือ นักท่องเที่ยวบางรายต้องเผชิญกับอาชญากรรมที่รุนแรงถึงชีวิต อย่างเช่นเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว หญิงชาวออสเตรเลียวัย 59 ปี รายหนึ่ง ก็ถูกโจรโหดฆ่าชิงทรัพย์ ซึ่งคดีนี้ลงเอยที่โจรผู้ก่อเหตุต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ก็มีชาวอเมริกันรายหนึ่งถูกคนขับรถแท็กซี่ฆ่าตาย หลังจากที่ทะเลาะวิวาทกันเรื่องค่าโดยสาร

นอกจากนี้ ความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทยนั้นยังอยู่ในระดับที่น้อยมาก ที่ผ่านมามีชาวต่างชาติไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จากการโดยสารรถราสาธารณะในไทย

จากปัญหาหลาย ๆ อย่างข้างต้น ชาวต่างชาติหลายคนได้เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า พวกเขาหวังเหลือเกินว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขปรับปรุง โดยนายเดวิด ลิปแมน หัวหน้าคณะผู้แทนอียู ได้กล่าวว่า เขาหวังว่าทางการไทยจะจัดการปัญหาเหล่านี้ให้ลดน้อยลง หลายคนที่มาเยือนไทย อย่างไปภูเก็ต พวกเขาอยากจะมีช่วงเวลาที่มีความสุขที่นั่นและไม่ต้องเผชิญปัญหาใด ๆ แต่ ณ วันนี้ ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังคงอยู่

siam did not smile
siam did not smile

วิธีจัดการกับโทสะด้วยการเจริญสติ

วิวัฒนาการของการสื่อสาร (ล้อเลียน)

the evolution of communication
the evolution of communication

เรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ยังมีข้อถกเถียงกันว่าเรามาจากอะไร แนวคิดมีหลายทฤษฎี เมื่อได้เห็นภาพนี้ผมเกิดคำถามตามที่ สกอ.ได้ให้แนวการตั้งคำถามไว้ 5 คำ คือ who, what, when, where และ why เพื่อประกอบการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ วิวัฒนาการของการสื่อสาร (The evolution of communication)

ภาพนี้สะท้อนว่า
พฤติกรรมของมนุษย์ก้าวไปไม่ถูกทาง
โดย Mike Keefe  2009

เมื่อพิจารณาภาพแล้วพอจะเชื่อได้ว่า เขียนโดยนักเขียนการ์ตูนชื่อ Mike Keefe คงคล้ายกับคุณชัย ราชวัตร ไทยรัฐ ที่เขียนลง The Denver Post, dePIXion Features เมื่อ 30 มีนาคม 2009 Colorado U.S.
http://www.denverpost.com/
http://digitaljournos.wordpress.com/2009/03/30/the-evolution-of-communication/

แล้วภาพก็ถูกนำไปใช้ประกอบเกี่ยวกับการสื่อสารมากมาย เช่น Bettinajohnson นำภาพไป post เมื่อ Dec 15,2010 ประกอบบทความเรื่อง The evolution from “one-way” communication to “two-way”
http://bettinajohnson.com/blog/the-evolution-from-one-way-communication-to-two-way/

ความหมายของภาพเล่าถึง 5 ยุค
1. ยุคหิน ย้ายงานเขียนไม่ได้
2. ยุคสิ่งพิมพ์ ย้ายงานเขียนได้
3. ยุคสิ่งพิมพ์มีขนาดเล็ก เขียนเป็นเล่ม
4. ยุคอีเมล เขียนกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
5. ยุคทวีต การเขียนมีไม่เกิน 140 ตัวอักษร

ทดสอบ HSPA USB Stick และ 3G Sim card

Huawei aircard usb stick
Huawei aircard usb stick

Air card มีหลายรูปแบบ แต่ที่ผมได้มาเป็น HSPA USB Stick ของ Huawei รุ่น E303 ตรวจสอบจากเว็บไซต์ USB Stick มีราคาประมาณ 1300 บาท ส่วน 3G Sim card ที่ได้มาเป็นของ Truemove H เป็น iNET

จากนั้นก็นำทั้ง 2 อย่างข้างต้นนำมาประกอบกัน เสียบเข้าช่อง USB บนเครื่องที่เป็น WindowsXP แล้วก็คลิ๊ปติดตั้งนิดหน่อยก็ใช้งาน Internet ได้แล้ว เมื่อใช้ก็กด Connect พอเลิกใช้ก็กด Disconnect

http://www.ttdg.co.th/aircard/huawei_e303.php

พบปัญหาที่ TablePC ของ samsung galaxy tab 10.1
1. อุปกรณ์ตัวที่ใช้งานได้ มีการ upgrade ตามปกติด้วย update software เมื่อบรรจุ SIM Card ที่ด้านบนของอุปกรณ์อย่างถูกต้องก็พบว่าใช้งานได้ แต่ต้อง restart เครื่องก่อนการใช้งาน เมื่อถอด SIM ก็ต้อง restart เครื่องอีกครั้ง
2. อุปกรณ์ที่มีปัญหาจำนวน 2 เครื่อง พบว่ามีการ root เครื่อง ซึ่งคาดว่า software ที่ติดตั้งไปใหม่อาจมีฟังก์ชันรองรับส่วนนี้ไม่สมบูรณ์ หรือ เป็นไปได้ว่าช่องเสียบ SIM นี้ไม่ผ่าน QC เนื่องจากไม่มีการตอบสนองใด ๆ เมื่อเสียบ SIM ลงไป ซึ่งแก้ได้ด้วยการส่งเข้าศูนย์ แต่ถ้าส่งเข้าศูนย์ก็อาจทำให้ Software ที่เคยลงไว้ อันตธานไปกับการลง software ใหม่เพื่อแก้ปัญหาก็เป็นได้

inet
inet

http://truemoveh.truecorp.co.th/

“ข้าวตราฉัตร” แถลงโต้ “พิธีกรกบในกะลา”

ข้าวตราฉัตร” แถลงโต้ “พิธีกรกบในกะลา
พร้อมเชิญท้าพิสูจน์ทำรายการตะลุยโรงงานข้าวนครหลวง

จากกรณีที่คุณสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน และผู้บริหารทีวีบูรพา ได้แชร์ข้อความลงในเฟสบุ๊คชื่อ Sutthipong Thamawuit เกี่ยวกับการซื้อข้าวจากโรงสีข้าวและห้ามซื้อข้าวหอมปทุมธานี ข้าวเสาให้ รวมถึงข้าวตราฉัตร ซึ่งปัจจุบันข้อความนี้ได้ลบออกไปแล้วนั้น

rice
rice

http://www.go6tv.com/2013/07/blog-post_238.html
นอกจากนี้ ข้าวตราฉัตรยังสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคโดยเปิดโรงงานข้าวนครหลวง โรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด ณ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เยี่ยมชมกระบวนการผลิต ซึ่งมีผู้มาเยี่ยมชมมากมาย

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เยี่ยมชม โครงการนครหลวง “โรงงานปรับปรุงคุณภาพ ข้าวตราฉัตร”

อย.นำสื่อ ศึกษาเส้นทางกระบวนการผลิตข้าวถุงจากโรงงานผลิตข้าว

ซี.พี.สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

ฯพณฯ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท

ชมรมคู่สมรสข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และคณะคู่สมรสคณะ

ทูตานุทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย  ได้แก่  ประเทศเกาหลี, รัสเซีย, บาห์เรน, ไนจีเรีย และนิวซีแลนด์

นักศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก

และล่าสุดข้าวตราฉัตรได้ดำเนินการขอเครื่องหมาย อย. ทุกถุง และเป็นข้าวแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2556 โดย คุณสุเมธ เหล่าโมราพร ceo ข้าวตราฉัตร จะเข้ารับรางวัลในวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2556  ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ โดยข้าวตราฉัตรได้จัดทำโครงการ “รณรงค์ คนไทย เช็คคุณภาพ เช็ค อย. ก่อนตัดสินใจซื้อข้าว

นอกจากนี้หากผู้บริโภคท่านใดสนใจเข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิต ทางข้าวตราฉัตรมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวก โดยมาเป็นกลุ่ม ซึ่งสามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานบริหารความพึงพอใจ โทร 02 646 7200 หรือ www.cpthairice.com
ในโอกาสนี้ขอเรียนเชิญคุุณสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ ร่วมเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อดูกระบวนการผลิตข้าวตราฉัตร มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ปล. เรื่องนี้ตามลิงค์ อ.ทรงเกียรติ จาก fb มาครับ