ตรุษจีน (Chinese New Year’s Day)

วันตรุษจีนของครอบครัว

13 ก.พ.53 เล่าสู่กันฟังเรื่องกิจกรรมในวันตรุษจีน วันสำคัญของคนไทยเชื่อสายจีน
      ตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันวาเลนไทน์ สำหรับผมวันตรุษจีนไม่แตกต่างกับทุกปีที่ผ่านมา ในวันจ่ายก็จะไปนอนค้างที่บ้านคุณย่าของหลานที่ต่างอำเภอ เพราะคุณย่าจะเป็นคนดูแลเรื่องการจับจ่ายทั้งหมดร่วมกับพี่น้องของท่านอย่างมีความสุขทุกปี เช้าวันไหว้ก็ตื่นแต่ตีสี่ ภรรยาของผมก็จะตื่นไปช่วยเตรียมเครื่องเซ่นอย่างไม่เคยบ่น(ให้ฟัง) จัดเตรียมสำรับไหว้เจ้าบริเวณหน้าบ้านเสร็จประมาณ 7.30น. และมีสำรับสำหรับถวายพระ 2 ชุดคือพ่อของผม กับพ่อของคุณย่า โดยมีปู่เปี๊ยกทำหน้าที่ของท่านร่วมกับผมไปถวายพระที่วัด เมื่อไหว้เจ้าที่บ้านคุณย่าเสร็จก็จะจุดประทัดดังลั่นหมู่บ้าน จากนั้นจะเดินทางเข้าเมืองไปไหว้เจ้าที่บ้านคุณย่าของผม เริ่มประมาณ 10.30น. เสร็จพิธีจะเผาเงินทองกงเต็กหน้าบ้าน แล้วจึงทานข้าวเที่ยงด้วยกันเป็นอย่างนี้ทุกปีอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ในวันต่อมาที่เรียกว่าวันเที่ยวหรือวันตรุษจีน ครอบครัวของเรามักไม่ไปที่ไหน เพราะครอบครัวไม่ได้ยึดติดเรื่องการไปเที่ยวมากนัก เนื่องจากเราเที่ยวแบบไม่ยึดติดเทศกาล หรือไม่เที่ยวตามเทศกาล ประกอบกับที่ทำงานไม่ประกาศวันตรุษจีนเป็นวันหยุด ทำให้บางปีที่ตรงกับวันทำงานก็จะไม่สะดวกไปไหว้
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=147581&id=814248894

อีวาน มันซี ทำให้ผมมีคำถามชวนให้คิด

11 ก.พ.53 เพียงแค่ชวนให้คิด เพราะมีข่าวว่า นายอีวาน มันซี (Evan Muncie) ชายวัย 28 ปี รอดชีวิตหลังแผ่นดินไหวที่เฮติ (haiti) เมื่อ 12 ม.ค.53 หลังติดในซากอาคารกว่า 27 วัน แสดงว่าอัตราการหายใจและการเผาผลาญของเขาไม่ทำงานตามปกติ ถ้าหายใจน้อยลงร่างกายจะใช้แร่ธาตุหรือพลังงานที่สะสมอยู่น้อยลง ส่วนคนที่ออกกำลังกายนับชั่วโมงย่อมต้องการน้ำและสารอาหารมากกว่าคนนอนหลับ ดังนั้นจำเป็นแค่ไหนที่คนเราขาดน้ำและอาหารต้องตายในสิบห้าวัน  คำว่า จำเป็นแค่ไหนถูกใช้ในหลายโอกาส อาทิ 1)นักศึกษาบางคนถามพ่อแม่ว่าจำเป็นแค่ไหนต้องเรียนหนังสือ 2)ครูบางคนสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหนต้องสอนนักเรียนทุกคนชั้นให้เป็นยอดคน 3)พระสงฆ์บางรูปสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหนต้องรักษาศีลข้อสาม 4)การลดอาหารลงเหลือสองมื้อต่อวันจำเป็นแค่ไหน 5)จำเป็นแค่ไหนต้องทุ่มเทเพื่อองค์กร 6)จำเป็นแค่ไหนต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ 7)จำเป็นแค่ไหนต้องซื่อสัตย์ต่อภรรยาและประเทศชาติ 8)จำเป็นแค่ไหนต้องกินอาหารกลางวัน 9)จำเป็นแค่ไหนที่พระสงฆ์ต้องเรียนปริญญาโท 10)จำเป็นแค่ไหนต้องหายใจเหมือนที่เป็นมา เปลี่ยนวิธีหายใจได้ไหม น่าแปลกที่ผมเห็นสารสนเทศจากหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ว่ามีมนุษย์ที่ตอบคำถามมากมายอย่างไม่สมเหตุสมผล .. แปลกนะ

bynoir 2549 และ 2548

ภาพจาก bynior ปีก่อนก่อนนู้น

11 ก.พ.53 เคยถ่ายภาพนักศึกษาร่วมงาน bynior เป็นที่ระลึก หลักจากนี้อีกสิบปีจะได้มีหลักฐานให้ชวนระลึกแสดงว่าพวกเขาเคยมีตัวตนจริงอยู่บนโลกนี้ อยู่ในมหาวิทยาลัยโยนก อยู่ในจังหวัดลำปาง ร่วมกับเพื่อน พี่ น้องและอาจารย์ เห็นใบหน้าเปื้อนฝุ้นสีขาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใจ โชว์สิ่งที่ใครต่อใครอยากมอง ก็ชวนให้ประทับใจ จึงส่งเข้า facebook  แบ่งปั้นให้พี่น้องร่วมสถาบันได้ชื่นชม ในปีพ.ศ.2553 วันที่ 12 ก.พ.53 มีการจัดงาน bynior ขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่มีโอกาสไปร่วมเก็บภาพประทับใจหรือแสดงความยินดีกับพี่ปี 4 ที่กำลังจะลารั้วสถาบันออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง เพราะติดภารกิจกตัญญู ต้องไปไหว้ตรุษจีนและนอนบ้านแม่ที่ต่างอำเภอกับครอบครัว
     กำหนดการวันปัจฉิมนิเทศที่พอทราบ คือ งานเริ่มรับลงทะเบียนพี่บัณฑิต ตอน 12.00น. มีการบรรยายพิเศษโดย ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ เพื่อให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มีความรู้ความเข้าใจ และพร้อมออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงพี่ปีสี่ และมีรุ่นน้องเข้าร่วมฉายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะอำลากันไปคนละทิศละทาง และได้พบกันอีกครั้งเมื่อบุญพาวาสนาส่งจนได้พบกันในโอกาสต่อไป .. ขอให้ทุกคนมีความสุขตามกระแสเวลาที่กำลังไหลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
http://www.facebook.com/album.php?aid=147094
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=147102

แปลงเลขอารบิกเป็นเลขไทย

การแปลงเลขอารบิกเป็นเลขไทยด้วย macro

10 ก.พ.53 เรื่องนี้ควรเขียนเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ เพราะ ผศ.ดร.จินดา งามสุทธิ ท่านอธิการบดี รณรงค์ให้ใช้เลขไทยในบันทึกข้อความ แต่ความไม่ชินและความมักง่าย ทำให้ผมเลือกใช้วิธีแปลงเลขอารบิกด้วยการ replace ถึง 10 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนตัวเลขทีละตัว แต่ถ้าให้อัตโนมัติก็จะเข้าไปกำหนดใน autocorrect สำหรับแต่ละตัวเลข แต่ใช้ได้กับเลขหลักเดียว ก็ช่วยได้เพียงระดับหนึ่ง (วันนี้ผมเคลียร์งานเขียนแผน km ของมหาวิทยาลัยล้อกับโครงการอบรมประกันฯของ อ.ศศิวิมล แรงสิงห์ เสร็จเร็วกว่าที่คาด) จึงคิดว่าถึงเวลาที่ไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป เมื่อศึกษาวิธีการแทนที่ตัวเลขด้วย macro ที่เขียนแบบใช้ใน word กับ excel เผยแพร่ใน thaiall.com/vb เพราะ macro ใช้ visual basic script ใน module สำหรับการประมวลผล
แหล่งเก็บ macro มี 2 แบบคือ ใน normal หรือ ใน document ถ้าเป็นแบบใน document เมื่อสร้างเอกสารก็จะติดเอกสารไป เปิดเอกสารใหม่จะไม่พบ macro เดิม แต่ถ้าเป็นแบบใน normal จะมี macro ติดอยู่ใน template ของ word ทำให้เปิด word แล้วเรียกใช้ macro ได้ทุกครั้ง สำหรับวิธีสร้างและใช้ macro นั้นเริ่มต้นด้วยการคัดลอกโค้ดไปใส่ใน module ของ macro แล้วสั่ง run ใน macro เมื่อต้องการเปลี่ยนตัวเลขทั้งหมดเป็นเลขไทย ซึ่งโค้ดได้สั่งแทนที่ทั้ง 10 ตัวอักษรเป็นเลขไทยอัตโนมัติ การนำไปใช้สำหรับ word กับ excel ต่างกันเล็กน้อย ถ้านำไปใส่ไม่ได้ โปรดติดต่อช่างเทคนิคใกล้บ้าน เพราะส่งเข้า word ครั้งเดียว แต่ใช้งานได้ตลอดไป .. ต่อไปผมก็จะเริ่มใช้แล้ว เพราะ replace 10 ครั้ง ไม่ดีแน่

source code : macro of word

Sub arabictothai()
For i = 0 To 9
With Selection.Find
.Text = Chr(48 + i)
.Replacement.Text = Chr(240 + i)
.Wrap = wdFindContinue
End With
Selection.Find.Execute Replace:=wdReplaceAll
Next
End Sub

source code : macro of excel

Sub arabictothai()
For i = 0 To 9
Cells.Replace What:=Chr(48 + i), Replacement:=Chr(240 + i)
Next
End Sub

การแปลงเลขใน excel

1. ถ้าเป็น excel ไม่ต้องใช้ function ให้กด Ctrl-A แล้วกำหนด format ของ cell ใน Number,  Custom เป็น [$-D07041E]0 ก็จะทำให้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขทั้งหมดเป็นเลขไทย
2. ถ้าต้องการมี , กั้นหลักพันก็ใช้ [$-D07041E]#,###,##0 อะไรทำนองนี้ ok ไหมครับ

สาธิต : http://www.youtube.com/watch?v=JNy15bLnt9k
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiall.com/blog/burin/1496/

ร่ำเปิงเรื่องเวทีของสุนัข

เรื่องของสุนัข

9 ก.พ.53 ร่ำเปิง คือรำพึงหรือระลึก เมื่อผมอายุมากขึ้นก็จะมีเรื่องให้นึกถึงมากมาย เรื่องหนึ่งคือบทเรียนจากการอ่านการ์ตูนเรื่องสุนัขกัดกัน ต่อสู้กันในเวทีที่มีคนจัดให้ แล้วคนก็ไปมุงดู เสียเงินดูและพนันขันต่อว่าตัวไหนจะชนะ ไปเชียร์ด้วยความเมามันส์ ไม่นึกกันเลยว่าสุนัขก็มีชีวิต ไหนไหนก็เกิดมาในยุคเดียวกันแล้ว ถ้าเราไม่กินเขาเป็นอาหารก็ไม่ควรเอาความทุกข์ของเขามาเป็นความสุขของเรา ปัจจุบันมีมนุษย์บางกลุ่มชอบเห็นเผ่าพันธุ์ของตนต่อสู้ฮั่มหั่นกันและชื่นชอบกับการเฝ้าดูฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มกันไปข้างหนึ่ง .. น่าแปลกที่เสี้ยวเวลาน้อยนิดที่เรามาใช้เวลาร่วมกัน กลับไม่มุ่งมั่นที่จะใช้เวลาที่เหลืออย่างมีคุณค่าที่สุด

มนุษย์ผู้ไม่ใช้สารสนเทศ

7 ก.พ.53 แล้วผมก็ได้ตระหนักว่า มนุษย์บางคนขาดความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสารสนเทศ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ความเชื่อ และความรู้สึกเป็นฐานคิด แม้แต่ผมเองก็ยังใช้ความเชื่อและความรู้สึกเช่นกัน ทำให้ทราบว่าเผ่าพันธุ์เดียวกับผมมีคิดไปแนวใด ตัวอย่างแรกที่เห็นชัด คือ สุรา แม้ในทีวีจะออกมาบอกว่าดื่มสุราขณะขับรถนั้นอันตราย ก็ยังมีคนตายกันหลายร้อยคนปีละ 2 เทศกาล แสดงว่าพวกเขาขาดความตระหนักในโทษของสุรา ไม่เชื่อฟังในคำสอนทางศาสนา และไม่รักชีวิตเหนือสิ่งอื่นใด ตัวอย่างที่สอง คือ เรารู้ว่าอาหารมัน กินไหม้ กินดิบ กินรสจัด กินอาหารขยะ กินไม่เป็นเวล่ำเวลา กินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการนั้นเป็นภัยต่อสุขภาพ เคยได้ยินหลายคนบอกว่าก็ชอบนี่ .. แล้วสารสนเทศที่เรารับมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ซึมเข้าไปในสายเลือดเลยหรือว่ากินอย่างไรให้คุ้มค่า
     ตัวอย่างที่สาม คือ การพนัน (การที่รัฐบาลจำหน่ายฉลากกินแบ่งนั้นผมถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึง ) เรารู้กันดีว่า หวยใต้ดินเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจจับถ้าไปซื้อก็คือผิดกฎหมายและไม่ใช่สิ่งจำเป็น ถึงซื้อถูกก็ได้ไม่กี่บาท ก็รู้กันอยู่ว่าได้ไม่คุ้มเสีย มีสารสนเทศว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และส่งเสริมกิเลสในใจเรา ทำให้ใจไม่สงบ แล้วเมื่อไรจะลดกิเลสให้เบาบางลงได้ ตัวอย่างที่สี่ คือ ใส่เกียร์ว่างในการทำงาน คอรัปชั่น ทุจริต ปล่อยให้องค์กรหรือท้องถิ่นของตนเสียหาย ก็จะทำให้ที่พึ่งพิงของตนบกพร่อง มีสารสนเทศมากมายว่า การไม่วางระบบเป็นขั้นตอนย่อมไม่มีแนวปฏิบัติให้ดำเนินการ การคอรัปชั่นย่อมเสี่ยงต่อการถูกจับ แต่ก็ต้องทำใจเพราะมนุษย์มีความมักง่าย ไม่รู้จักวางแผน เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า และมีความโลภเป็นที่ตั้ง เหมือนมีคนถามว่าเมื่อใดเมืองไทยจะไม่ซื้อเสียง  สรุปได้ว่ามนุษย์ไม่ตระหนักในผลข้างเคียงของกิจกรรมที่ทำในวันนี้ ไม่พะวงถึงสิ่งที่ทำวันนี้ว่าจะมีผลต่อวันพรุ่งนี้ เพราะไม่เชื่อในอนาคต แล้วคุณล่ะเชื่อในอนาคตหรือไม่ .. ผมพูดกับเพื่อนหลายท่านว่ามนุษย์บางคน “กินบนเรือนขี้บนหลังคา”  ซึ่งผมดีใจที่คิดคำเปรียบเปรยนี้ออก เพราะเป็นคำพูดที่ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ของผม มากกว่าคำอื่นที่ผมคิดก่อนหน้านี้
+ http://www.thaiall.com/mis/mis02.htm

รง.ประชุม KM กิจกรรมที่ 2 บ่งชี้ความรู้

ผู้ร่วมกิจกรรมที่ 2 ตามขั้นตอน km ของ กพร.

7 ก.พ.53 ได้รับมอบหมายจาก อ.อติชาต หาญชาญชัย และ อ.วิเชพ ใจบุญ ให้ร่วมกับคุณพัชรินทร์ สันสุวรรณ จัดทำรายงานการประชุม “โครงการสนับสนุนการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ” กิจกรรมที่ 2 ตามแผนการจัดการความรู้ ปีการศึกษา 2552 ห้อง 1204 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553  เวลา  15.00 – 17.00 น. ซึ่งจะเป็นหลักฐานแสดงร่องรอยการจัดการความรู้ของคณวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างร่างรายงานในส่วนของแจ้งเพื่อทราบแบ่งเป็น 3 เรื่องคือ ที่มา กิจกรรมตามแผน แนวทางที่เป็นความรู้จากคู่มือของสกอ.
     สำหรับประเด็นบ่งชี้ความรู้จากแต่ละบุคคล ถูกแบ่งเป็น 5 เรื่อง คือ 1) การบ่งชี้เรื่องความเป็นมา และเป้าประสงค์ของวิชา 2) การบ่งชี้เรื่องประเด็นมาตรฐานหรือแนวทางของโครงงาน 3) การบ่งชี้เรื่องประเด็นมาตรฐานการให้คะแนนสำหรับแต่ละแนวทาง 4) การบ่งชี้เรื่องประเด็นสารสนเทศที่ควรตกลงร่วมกัน 5) การบ่งชี้เรื่องประเด็นปัญหาอยากหาทางแก้ไข แล้วปิดรายงานด้วยสรุปผลการบ่งชี้ความรู้ที่จะนำไปใช้ต่อในกิจกรรมต่อไป
     ในรายงานการประชุมกิจกรรมที่ 2 นี้มีแผนทำรายงานที่มีหัวข้อย่อยแบ่งไปตามการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากแต่ละท่าน อาทิ หัวข้อที่หนึ่งมีตอนหนึ่ง อ.วิเชพ ใจบุญ ชวนให้ในเวทีแลกเปลี่ยนเรื่องเป้าประสงค์ของวิชา แล้ว อ.ศศิวิมล  แรงสิงห์ เสนอว่า “เพื่อให้นักศึกษาทำงานเป็น และประกอบอาชีพได้ เมื่อสำเร็จการศึกษา” อ.ทนงศักดิ์ เมืองฝั้น เสนอว่า “เพื่อให้นักศึกษาสามารถนำองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เรียนมาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานจริง” หรือ อ.ศิรดา ชัยบุตร โดยคำถามเข้าในเวทีว่าวิชานี้ทำกันอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน และมีหลายเรื่องที่ผมไม่เคยทราบก็ได้รับความรู้มากมายจาก อ.วิเชพ ใจบุญ และอ.ศศิวิมล แรงสิงห์ หลังจากการประชุมครั้งนี้แล้ว ก็มีแผนจัดกิจกรรมที่ 3 คือการรวบรวมความรู้ และกิจกรรมที่ 4 คือคัดแยกความรู้

ไปร่วมงานศพคุณพ่อของอ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์

ไปร่วมพิธีจัดงานศพคุณพ่อของ อ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์

7 ก.พ.53 ทราบข่าวจากพี่ปุ๊ก งานบุคคล ในเช้าวันศุกร์ที่ 5 ว่าคุณพ่อของ อ.แม็ก เสียแล้ว ตั้งศพที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ และบุคลากรกว่ายี่สิบคนมีแผนเดินทางไปร่วมพิธีในเย็นวันจันทร์ที่ 8 ซึ่งรถของมหาวิทยาลัยว่างเพียงหนึ่งคัน โดยมีกำหนดฌาปนกิจในบ่ายวันที่ 9 ก.พ.53 ซึ่งอ.แม็ก เสมือนน้องชายที่ผมเคารพนับถือในหลายเรื่องทั้งความสามารถ และวินัยในการดำเนินชีวิต หลังปรึกษาภรรยาก็พบว่าเช้าวันที่ 6 เราทั้งครอบครัวพร้อมทั้งเวลา แผนการเดินทาง และข้อมูลเส้นทาง โดยโทรถามเส้นทางจาก อ.มงคล ใจสุข ซึ่งให้รายละเอียดชัดเจนมาก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเดินทางในครั้งนี้ เราออกจากลำปางไปเชียงใหม่เกือบเที่ยวันของวันที่ 6 แล้วไปผ่านอ.แม่ริม ผ่านอ.แม่แตง แล้วหลงไปปางช้างแม่ตะมาน ก่อนยูเทอร์นประมาณ 3 กิโลเมตรมาเลี้ยวซ้ายเข้าเขื่อนแม่งัด ซึ่งบ้านงานศพที่เป็นบ้านของคุณพ่อที่ลวงลับอยู่ติดวัดบ้านใหม่ และเป็นหมู่บ้านติดเขื่อนแม่งัด หลังออกจากบ้านงานศพเราไปแวะเก็บข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่เขื่อนแม่งัดก่อนกลับ
     มีเรื่องให้นั่งคุยกับอาจารย์แม็ก และน้องผกามาศมากมายในหนึ่งชั่วโมงที่บ้านศพ ที่จำได้คือ 1) ประสบการณ์การบวชเรียนของท่านที่เป็นที่มาของความเข้าใจในพระธรรม 2) การร่วมต่อสู้กับคุณพ่อที่ป่วยด้วยโรงมะเร็งตับตั้งแต่เดือนกันยายน52 3) การทำพิธีศพตามแบบของหมู่บ้านที่พบว่าต่างกับที่เคยพบในหมู่บ้านอื่น 4) เสน่ห์ของเขื่อนแม่งัดแห่งท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักอนุรักษ์ไพร 5) เรื่องวีดีโอกีฬา 9 สถาบัน ซึ่งผมกลับมาทดสอบอีก 2 เมนท์แล้วก็เพิ่มได้ครับ เพราะท่านแจ้งว่าเพิ่มไม่เข้า
+ http://www.weerapun.com
+ http://www.youtube.com/watch?v=-bu34waZZsI

เปิดอบรมครูสมาธิรุ่นที่ 226 ของพระเทพเจติยาจารย์..ฟรี

7 ก.พ.53 มหาวิทยาลัยโยนก ได้รับเมตตาจาก พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) ให้เปิดสอนหลักสูตรครูสมาธิ ตามแนวทางของสถาบันพลังจิตตานุภาพ นครธรรม วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 กรุงเทพฯ ให้ทำการจัดฝึกอบรมหลักสูตรครูสมาธิรุ่นที่ 26 ระหว่าง 15 กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2553 พร้อมกัน 2 สาขาคือ สาขา 7 มหาวิทยาลัยโยนก จังหวัดลำปาง เรียน จันทร์-ศุกร์ 18.00-20.30น. และสาขา 22 วัดเชตวัน จังหวัดลำปาง เรียน เสาร์-อาทิตย์ 9.00 – 16.30น.สอบถามได้ที่ คุณวิสุทธิ์  แดงดีมาก คุณวรเชษฐ์ ศรีวงศ์พันธุ์ คุณสมศักดิ์ ขันธิกุล คุณสุรีย์พร  ชื่นพันธุ์ ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์

ที่มาของหลักสูตร
     คือ หลวงปู่มั่นแนะนำเรื่องการสอนสมาธิ ในระหว่างที่ผู้เขียนอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ได้ทราบข้อเท็จจริงมาก ทั้งสมาธิตื้น สมาธิลึก ตลอดถึงวิปัสสนา ซึ่งเมื่อเข้าใจทุกประการแล้วผู้เขียนมีความรักและหวงแหนในหลักการต่าง ๆ อย่างยิ่ง ไม่อยากที่จะให้หลักการเหล่านั้นต้องสลายไป เพราะท่านมีวิธีทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูงสุด ผู้เขียนถามท่านว่า “ต่อไปกระผมจะเขียนเป็นหลักสูตรการทำสมาธิให้ชาวโลกเขาทำกันจะได้ไหม” ท่านตอบว่า “ได้ แต่ต้องเอาแบบขั้นพื้นฐานสำหรับเป็นประโยชน์แก่มหาชน สำหรับขั้นสูงให้มีน้อย โอกาสที่เธอจะทำนั้นมีอยู่ แต่ต้องทำขั้นพื้นฐานเพื่อคนส่วนมากในโลกจะได้สงบ และเธอจะต้องไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะคนกรุงเทพฯ ที่มีวาสนาบารมี มีอยู่ไม่น้อย”
     ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้ เป็นแรงสนับสนุนในใจของผู้เขียนอยู่ตลอดเวลาจน พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2534 ผู้เขียนได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่วิทยาลัยสงฆ์น้ำตกแม่กลอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นบริเวณป่าไม้ เชิงเขาดอยอินทนนท์ ทำให้ได้ทบทวนหลักการต่าง ๆ ที่เคยได้ไต่ถามอัตถปัญหาสมาธิ พร้อมทั้งคำแนะนำจากหลวงปู่มั่น จึงได้เขียนเป็นตำราสมาธิขึ้นจนเต็มรูปแบบสามารถใช้ในการเรียนการสอนวิชาสมาธิได้ รวมการทบทวนและรวบรวมการเขียนตำรานั้นใช้เวลา 5 ปีจึงสำเร็จ เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระที่สำคัญ จึงจัดทำเป็นรูปเล่ม ตั้งแต่ ขั้นพื้นฐาน ขั้นกลาง และขั้นสูง รวม 3 เล่ม เหมาะแก่การศึกษาและปฏิบัติสมาธิยิ่งนัก
+ http://www.yonok.ac.th/samati/

เคลียร์งานวิจัยเพื่อท้องถิ่นที่เว็บโปรซอฟท์

เว็บโปรซอฟท์ (webprosoft.net)
เว็บโปรซอฟท์ (webprosoft.net)

5 ก.พ.53 หกโมงเย็นถึงสามทุ่มไปคุยเรื่องการเขียนรายงานวิจัย และการนำเสนอโครงการวิจัยเพื่อท้องถิ่น ที่กรกับปรางรับทุน CBPUS และอยู่ในช่วงสุดท้ายของโครงการ มีกำหนดพบผู้ประสานงานวันที่ 16 ก.พ. และ 21 ก.พ.53 เพื่อส่งรายงานแล้วประชุมเตรียมพร้อมที่ศูนย์ฯ และนำเสนอที่ ณ ห้องประชุมอาคารอาลัมพาง มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ซึ่งนักศึกษาได้ประสานกับ อ.เกศริน อินเพลา และ อ.วิเชพ ใจบุญ ที่เป็นอาจารย์ผู้สอบโครงการไปร่วมกิจกรรมในเวทีนำเสนอผลการวิจัยแล้ว โดยประเด็นที่พูดคุยกันที่ร้านเว็บโปรซอฟท์กับนักศึกษา คือ การเขียนสรุปผล การเขียนบทคัดย่อ ปัญหาและข้อเสนอแนะ การเชื่อมโยงกับทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง แล้วเตรียมนำเสนอด้วย social map, mind map, การเผยแพร่วีดีโอ และการนำเสนอด้วยเว็บไซต์ เพื่อให้เห็นกระบวนการ กิจกรรม บทเรียน และผลการวิจัย
     สถานที่เคลียร์งานวิจัย คือบ้านกร ซึ่งเปิดเป็นร้านรับพัฒนาโปรแกรม มีชื่อร้านว่า เว็บโปรซอฟท์ (webprosoft.net และ goto69.com) ช่วงนี้ยังไม่เปิดเป็นทางการ เป็นร้านที่ดำเนินการกัน 2 คน แต่คิดว่าญาติของทั้งคู่คงช่วยเหลืออะไรได้ไม่น้อย เท่าที่ได้แลกเปลี่ยนกันก็พบว่านักศึกษามีพื้นฐานความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาแหล่งจำหน่ายคอมพิวเตอร์ราคาส่ง การเป็น domain reseller หรือการพัฒนาโปรแกรม ที่มีพื้นฐานที่ดีมาก ก็ต้องเป็นกำลังใจให้กับกิจการใหม่ที่จะก้าวหน้าต่อไป