หนทางการเป็นมหาวิทยาลัยไซเบอร์

nelearning200913 ก.ย.52 งานสัมมนาวิชาการ National e-Learning Day 2009 : A Roadmap to Success in Becoming (World Class) Cyber Universities “หนทางสู่ความสำเร็จของการเป็นมหาวิทยาลัยไซเบอร์” วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2552 จัดโดย สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ITSC) โดยมี Prof.Dr.Zoraini Wati Abas, Director, Institute of Quality, Research and Innovation (IQRI), Open University Malaysia, Kuala Lumpur, Malaysia. เป็น Key Note บรรยายผ่านโปรแกรม Skype ชั่วโมงครึ่ง
     กิจกรรมสำคัญ คือ การเสวนาวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศถึง 5 ท่าน ได้แก่ 1)ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการและประธานผู้บริหาร วิทยาลัยการศึกษาทางไกล อินเทอร์เน็ต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 2)ผศ.สุพรรณี สมบุณธรรม ผู้อำนวยการโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา 3)รศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่าย RSU Cyber University มหาวิทยาลัยรังสิต 4)ผศ.ดร.อนุชัย ธีระเรืองไชยศรี อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 5)ผศ.ดร.ฐาปนีย์ ธรรมเมธา อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมี 6)รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง ผู้อำนวยการสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้ดำเนินการเสวนา 
     จากงานประชุมวิชาการหนทางสู่ความสำเร็จของการเป็นมหาวิทยาลัยไซเบอร์” ณ สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2552 มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเสวนาหลายท่าน อาทิ ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ รศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล จากมหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำเสนอประสบการณ์การเปิดหลักสูตรออนไลน์ที่เห็นพ้องต้องกันกับ ผศ.สุพรรณี สมบุญธรรม ผอ.โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (thaicyberu.go.th) ว่า การเปิดหลักสูตรออนไลน์ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพ และแนวโน้มของหลักสูตรที่มีค่าลงทะเบียนต่ำมักมีอัตราการพ้นสภาพของนักศึกษาสูง แล้วหลักสูตรประเภท “เรียนง่าย จ่ายครบ จบแน่” มักไม่ยั่งยืน
     การบรรยายผ่านโปรแกรม Skype โดย Prof.Dr.Zoraini Wati Abas จากมหาวิทยาลัยเปิดมาเลเซีย (OUM = Open University Malaysia) ท่านนำเสนอเครื่องมือสนับสนุนการเรียนการสอนแบบออนไลน์ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า การเรียนรู้ผสม (Blended Learning) ซึ่งรวมการเรียนแบบพบปะหรือเข้ากลุ่ม (Face-to-Face) การเรียนผ่านสื่อออนไลน์ (Online Learning) และการเรียนแบบจัดการด้วยตนเอง (Self-Manage Learning) ซึ่งเครื่องมือที่ใช้เสริมการเรียนมีทั้งการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เรียน การจัดทำบทเรียนที่เปิดเรียนได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ การใช้สื่อผสม และสถานีวิทยุออนไลน์ โครงการของท่านเริ่มต้นเดือนมกราคม 2552 พบว่าอัตราการพ้นสภาพสูงถึง 25% ต่อภาคเรียน จากการคาดการณ์พบว่าจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาของหลักสูตรน่าจะประมาณ 20% เท่านั้น ส่วนในประเทศไทยมีหลายหลักสูตรที่เปิดสอนหลังจาก กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา พ.ศ.2548 อนุญาตให้สถาบันการศึกษาในไทยสามารถเปิดสอนแบบอีเลิร์นนิ่งได้ ซึ่งวิทยากรทุกท่านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณภาพเทียบเท่าหรืออาจสูงกว่าการเรียนการสอนตามหลักสูตรปกติ
     มีการคาดการณ์ว่าในอนาคต มูลค่าของการเรียนการสอนออนไลน์จะเทียบเท่ากับภาคปกติ และจะมีมูลค่านำธุรกิจประเภทอื่นทั้งอีคอมเมิร์ส และอีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มีสิ่งสนับสนุนไปในทางเช่นนั้นทั้งจากการมีเครื่องมือสนับสนุนในอินเทอร์เน็ตมากมายอาทิ เครือข่ายสังคม ชีวิตที่สอง (เช่น SecondLife.com) ระบบรับส่งข้อความ และการยอมรับผู้สำเร็จการศึกษาผ่านระบบอีเลินนิ่งที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
แหล่งอ้างอิง
+ http://itsc.cmu.ac.th
+ http://www.itsc.cmu.ac.th/itsc2008/nelearningday/index.php
+ http://www.charm.au.edu/SCPaper/SCPaper.htm

สอนลูก ภาษาอังกฤษบทแรก

13 ก.ย.52 ประเด็นที่หยิบยกมาคุยกับลูก ๆ ตั้งแต่ 8.35 น. – 9.35น. แล้วปล่อยให้ทำแบบฝึกหัดทั้ง 2 บท อ้างอิงตาม lesson ในหนังสือเตรียมสอบ ป.4 เล่มแดง ของสำนักพิมพ์ภูมิบัณฑิต lesson 1. a กับ an เหมือนกันอย่างไร ต่างกันอย่างไร หมายถึงอะไร count-able noun, un-count-able noun, sin-gu-lar nouns plu-ral nouns โดยสระในภาษาอังกฤษ คือ a, e, i, o, u ตัวอย่างคำนาม เช่น ant, bats, boys, cat, rat, sea, water, dogs, computer, monitor lesson 2. is am are เหมือนกันอย่างไร ต่างกันอย่างไร หมายถึงอะไร เป็นกิริยา (verb) แปลว่าเป็น อยู่ หรือคือ 1)is ใช้กับ singular nouns และ สรรพนามบุรุษที่ 3 (he, she, it) 2)am ใช้กับ สรรพนามบุรุษที่ 1 3)are ใช้กับ plural nouns หรือสรรพนามบุรุษที่ 2 (you)หรือสรรพนามบุรุษที่ 3 (they)

ตานก๋วยฉลาก

รวมภาพจากประเพณี ตานก๋วยฉลาก
รวมภาพจากประเพณี ตานก๋วยฉลาก

12 ก.ย.52 ได้จัดก๋วยและฉลากไปทานที่วัดไหล่หินหลวง ถึงญาติสนิทผู้ล่วงลับ 3 ท่าน คือ ตาแสน ยายแก้ว และยายนี เป็นประเพณีที่ทำกันทุกปีในบ้านไหล่หิน ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง โดยมีเพื่อนบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียง มาร่วมตานกันทุกปี ประเพณีนี้เรียกว่า “ตานก๋วยฉลาก” โดยชาวบ้านเช่น ครอบครัวของผม จะดาครัว หรือเตรียมก๋วย สมัยก่อนใช้ไม้ไผ่สานเป็นก๋วยหรือภาชนะใส่ของ แล้วใช้ใส่ข้าวของเครื่องใช้ อาหารคาวหวานใส่ลงไป ผู้ล่วงลับจะได้พกพาไปไหนได้สะดวก ปัจจุบันเห็นใช้ตะกร้าพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ บางคนก็ยังใช้ไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของตาน อาจใช้ย่าม กะละมังก็ทำได้ สำหรับของที่ตาน หรืออุทิศไปให้ผู้ล่วงลับอาจมีบ้านจำลอง เตียง หงส์จำลอง นกจำลอง หรืออะไรต่อมิอะไรตามจิตศรัทธา เป็นของตาน
     ช่วงเช้าไปถึงวัดก็จะเอาฉลาก หรือเส้นไปลงทะเบียนกับกรรมการวัด เพื่อจัดสรรมอบให้พระสงฆ์ หรือเณรที่มาจากวัดใกล้เคียงรวมกว่า 100 รูป และผู้เกี่ยวข้อง เพราะมีเส้นในปีนี้กว่า 4000 เส้น ก็คือของตาน 4000 ชุดจากหลายร้อยครอบครัว สำหรับพระที่ได้รับเส้นหรือฉลากมา อาจมอบให้กรรมการวัดไปตามหา แล้วนำมาจัดสรรในภายหลัง มีความเชื่อว่าถ้าของตานชุดใดถูกรับไปก่อน หมายถึงผู้ล่วงลับมารับส่วนบุญไปเร็ว ชุดใดออกช้า แสดงว่ายังไม่มารับ แต่สุดท้ายก็ได้ตานทุกชุด ต่างกันเพียงแต่ว่าจะหมดช้าหรือหมดเร็ว แต่ละครอบครัวจะเตรียมก๋วยไว้หลายชุด บางบ้านมากกว่า 10 ชุด เพราะมีญาติที่ล่วงลับไปแล้วหลายคน
     เมื่อผมไปถึงวัดก็พบคุณทรงศักดิ์ แก้วมูล ในฐานะกรรมการวัดที่มีบทบาทสำคัญในการจัดงานนี้ จึงขอถ่ายภาพท่านมาเขียน blog และนานนานครั้งผมจะได้มีโอกาสไปร่วมงาน เพราะถ้าวันงานตรงกับวันทำงานก็จะมอบให้ญาติท่านอื่นไปทำหน้าที่ ครอบครัวผมมีคนมารับตานเร็ว กลับถึงบ้านประมาณ 12.30 น. ออกบ้านกันแต่เช้าตั้งแต่ 09.00 น. เพราะมีพิธีทางศาสนาในศาลา ที่กระทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ก็ต้องลุ่นว่าปีต่อไปจะนำลูก ๆ ไปร่วมกิจกรรมนี้ได้อีกหรือไม่ ก็ภวนาให้เป็นวันหยุด .. จะได้ไปร่วมตานอีก

จาง จินยอง ดาราเสียชีวิต

จาง จินยอง (Jang Jin Young)
จาง จินยอง (Jang Jin Young)

จาง จินยอง (Jang Jin Young) คือ ดาราสาวชาวเกาหลีใต้ สิ้นใจแล้วด้วย โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร ประมาณ 16.04 น. ของวันอังคารที่ 1 ก.ย.52 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโซล ที่โรงพยาบาลโซลเซนต์ แมรี่ (Seoul St.Mary’s Hospital) ในกรุงโซล
     จาง จินยอง 1)ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแม่แห่งละครทีวีเกาหลีใต้ มีผลงานมากมาย อาทิ The Lobbyist, Modest Lover, Should Have A Good Heart และ The Angel Within 2)มีผลงานภาพยนตร์ อาทิ Between Love and Hate, Blue Swallow, Singles และ Scent of Love 3)เป็น 1 ใน 2 นักแสดงที่คว้ารางวัลดารานำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (บลู ดรากอน ฟิล์ม อวอร์ด) ถึง 2 ครั้ง ในปี 2544 และ 2546 4)เธอหยุดรับงานแสดงตั้งแต่ 22 ก.ย.51 หลังแพทย์แจ้งว่าเธอป่วยด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร จึงเดินทางไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัย 35 ปี 5)จางจินยอง เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนางแบบ และพลิกผันมารับงานแสดงในปี 2541 นับตั้งแต่เธอก้าวเข้าสู่วงการนักแสดงเธอก็ได้รับรางวัลและคำชมจากนักวิจารณ์เป็นจำนวนมาก จาง เคยได้รับรางวัล Blue Dragon Film Award ในสาขา นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทโรคจิตเขย่าขวัญในเรื่อง Sorum เมื่อปี 2001 รวมถึงภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมมาดี้อย่าง Singles ในปี 2546 6)จางเป็นนักแสดงหญิงคนที่สองที่คว้ารางวัล Blue Dragon Film Awards ในสาขานักแสดงนำหญิงถึงสองครั้งด้วยกัน การปรากฏตัวของเธอล่าสุดที่ผ่านมา เป็นผลงานละครโทรทัศน์เมื่อปี 2550 ในเรื่อง Lobbyist ทางช่อง SBS ซึ่งนับเป็นละครฟอร์มยักษ์ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาทเลยทีเดียว 7)เกิด 14 มิ.ย.17 สูง 169ซม น้ำหนัก 49 กก. กรุ๊ปโอ
แหล่งอ้างอิง
+ http://www.ryt9.com/s/iqry/641110/
+ http://women.kapook.com/view3941.html
+ http://koreastory.org/jang-jin-young/
+ http://www.thairath.co.th/content/ent/30332
+ http://www.gossipza.com/?p=2029
+ http://en.wikipedia.org/wiki/Jang_Jin-young
+ http://www.yedang.co.kr/jangjinyoung/
+ http://www.imdb.com/name/nm0417532/
ขอไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับด้วยความเคารพ

โครงการค่ายเรียนรู้คุณธรรมนำชีวิตพอเพียง 2552

นิเทศ นักศึกษา
นิเทศ นักศึกษา

7 ก.ย.52 วันนี้ 18.00 -20.00 น. ณ ห้อง 1203 และวันเสาร์ที่หมู่บ้าน ตัวแทนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วม โครงการค่ายเรียนรู้คุณธรรมนำชีวิตพอเพียง ปี 2552 โดยบูรณาการร่วมกับ โครงการพัฒนาหมู่บ้านอยู่ดีมีสุขตามแนวทางของมหาวิทยาลัยโยนก (จากมติของคณะกรรมการโครงการฯ มีผลให้ตัดสินใจเลือกหมู่บ้านท่ากลาง-ท่าใต้ ตำบลบ้านกิ่ว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง เป็นพื้นที่เป้าหมาย ตามรายงานการประชุมการลงพื้นที่หมู่บ้านโครงการพัฒนาหมู่บ้านฯ ครั้งที่ 3/2552)
     ตามที่ได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์นิเทศกรอบการเรียนรู้ที่ 1 คือ วัฒนธรรมหรือแบบแผนการใช้ชีวิต จากทั้งหมด 7 กรอบได้แก่ 1)วัฒนธรรมหรือแบบแผนการใช้ชีวิต 2)เศรษฐกิจชุมชนอย่างพึ่งตนเอง 3)การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของชุมชน 4)วิถีประชาธิปไตยในชุมชน 5)การสร้างความสมานฉันท์ในชุมชน 6)การสร้างภูมิคุ้มกันของชุมชน 7)ปราชญ์ชาวบ้านในชุมชน ก็ด้วยการแนะนำ ควบคุมดูแลกิจกรรมอย่างเป็นระบบ โดย อ.ธวัชชัย แสนชมพู และ อ.อัศนีย์ ณ น่าน ทำให้ผมมีโอกาสทำงานนี้ และลงพื้นที่ในวันและเวลาดังกล่าว
     การให้คำแนะนำนักศึกษา มีโอกาสใช้หลักการจากเวทีฯ ที่ อ.ศศิวิมล แรงสิงห์ จัดเวทีให้มีการวิพากษ์รายงานการประเมินตนเองระดับมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 1-2 ก.ย.52 โดยมีผู้นำวิพากษ์คือ ผศ.ดร.จินดา งามสุทธิ ซึ่งท่านแสดงทัศนะด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานบนความเข้าใจ ใช้หลักการวิพากษ์ที่ตั้งบนความสมเหตุสมผล ตามหลักฐาน ถูกต้องตามหลักวิชา และชี้แจงให้เห็นประเด็นได้อย่างกระจ่างชัดยิ่ง ผมจึงนำหลักการวิพากษ์ไปใช้กับนักศึกษาโครงการดังกล่าว .. เป็นครั้งแรกของผม

ป.4 เขียนโปรแกรม

7 ก.ย.52 ถ้ามีคนพูดว่านักเรียน ป.4 เขียนโปรแกรมเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน หลายคนก็คงบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ที่โรงเรียนอนุบาลลำปาง (เขลางค์รัตน์อนุสรณ์) เริ่มสอนนักเรียนวาดรูปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ชั้น ป.1 เมื่อมีพื้นฐานการใช้แป้นพิมพ์ เมาส์ การใช้เมนูบาร์ ไฟล์เมเนเจอร์ การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การคัดลอกข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาทำรายงานส่งครู การวาดรูปด้วยไมโครซอฟท์เพนท์ แล้วก็สอนการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาโลโก้ (Logo Writer) ในชั้น ป.4
     การเขียนโปรแกรมนั้นเปรียบเสมือนการเขียนขั้นตอนหรือระบบหรือกระบวนการ ซึ่งพบว่าสอดคล้องกับงานประกันคุณภาพการศึกษาที่ อาจารย์ศศิวิมล แรงสิงห์ มหาวิทยาลัยโยนก จัดให้มีการวิพากษ์รายงานการประเมินตนเองทั้งในระดับคณะวิชาและระดับมหาวิทยาลัย โดยผู้เกี่ยวข้องมาร่วมพิจารณาความสมเหตุสมผลของหลักฐานประกอบเกณฑ์มาตรฐานในตัวบ่งชี้แต่ละข้อ และพบว่าสิ่งแรกที่ต้องทำในหลายตัวบ่งชี้คือการมีระบบ ดังนั้นการปูพื้นฐานการคิดของนักเรียนอย่างเป็นระบบและมีขั้นตอนตั้งแต่ระดับประถม จะทำให้เยาวชนของชาติมีคุณภาพและเข้าใจหลักข้อแรกของการทำงานเมื่อโตขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ระบบประกันคุณภาพการศึกษาที่จัดให้มีขึ้นในสถาบันการศึกษาทุกระดับดังเช่นตัวอย่างข้างต้น ที่ต้องเริ่มต้นการทำงานด้วยการเขียนระบบหรือขั้นตอนการทำงานเป็นลายลักษณ์อักษรและเผยแพร่ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
     เนื้อหาการเรียนการเขียนโปรแกรมของนักเรียน ป.4 เริ่มต้นจาก 1)การสอนให้พวกเขาอ่านโจทย์ให้เข้าใจ แล้ววางแผนแก้ปัญหาจากโจทย์หรือตัวบ่งชี้ความสำเร็จที่กำหนดอย่างเป็นระบบและเป็นขั้นตอน ถ้านักเรียนคนใดอ่านโจทย์แล้วไม่เข้าใจไม่สามารถกำหนดขั้นตอนการทำงานได้ก็คงล้มเหลวที่จะทำตัวบ่งชี้นั้นสำเร็จลงได้ ถ้าวางแผนได้อย่างเป็นระบบก็จะ 2)เข้าสู่ขั้นตอนการลงมือปฏิบัติ 3)พร้อมการตรวจสอบและแก้ไขในทันที เมื่อพบข้อผิดพลาด 4)หากทำได้แล้วก็จะเรียนรู้ประเด็นปัญหาใหม่ วางแผนแก้ปัญหาใหม่ ดำเนินการและแก้ไข อย่างนี้เรื่อยไป ตามวงจร PDCA (Plan Do Check Action) เมื่อเรียนต่อไปในชั้นประถม 5 และ 6 ต้องเรียนไมโครซอฟท์เวิร์ด เอ็กเซล เขียนเว็บเพจ ตัดต่อวีดีโอหรือจัดทำสื่อมัลติมีเดียจากกรณีศึกษาในชุมชน เป็นต้น นี่เป็นภาพที่ผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่งมองเห็น กิจกรรมการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้
+ http://www.thaiall.com/logo/logowr.zip
+ http://www.dosbox.com

อุปสรรคของการพัฒนาคณาจารย์สถาบันอุดมศึกษาเอกชน

3 ก.ย.52 นางขนิษฐา ทรงจักรแก้ว ส่งแบบสอบถามชุดที่ 1 เรื่อง แนวความคิดต่อสาเหตุที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนา คณาจารย์สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ท่านเป็นนิสิตดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาอุดมศึกษา ภาควิชา นโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในแบบสอบถามชุดนี้ถามถึง แนวคิด ทัศนะ หรือมโนทัศน์เกี่ยวกับ สาเหตุที่เป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนาคณาจารย์ ที่เกิดจากตัวอาจารย์ และสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ผมก็ให้ทัศนะตามคำถามนำเรื่องอุปสรรค์ต่อการพัฒนาคณาจารย์ ไปว่า  1)ค่านิยมที่ไม่มีความทะเยอทะยานของมนุษย์ในการไม่วางแผน บั้นปลายของชีวิตให้ชัดเจน ยังกิน ยังดื่ม ยังเสพ อย่างไม่สมเหตุ สมผล 2)ค่านิยมที่ต้องการสิ่งจูงใจสูงมากกว่าการกระทำ ด้วยพื้นฐานของ กิเลสที่เรียกว่าความโลภ และความไม่รู้จักพอประมาณ ทำให้มนุษย์ มองประโยชน์ส่วนตนมาก่อนประโยชน์ส่วนรวม 3)ค่านิยมขาดอุดมการณ์ในสายอาชีพ หรือขาดศรัทธาในการทำดีตามสายอาชีพอย่างมุ่งมั่น 4)สถาบันอุดมศึกษาเอกชนต้องหาเลี้ยงตนเอง ไม่มีเงินอุดหนุนรายหัว จึงต้องใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ตามแผน และวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน 5)สถาบันอุดมศึกษาเอกชนต้องใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผลตามบริบทของการเป็นเอกชน
     เอกสารแนบของท่านให้คำนิยามศัพท์มา 6 คำ คือ 1)การพัฒนาคณาจารย์ หมายถึง การดำเนินการหรือการสนับสนุน ของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในด้านการกำหนดเป้าหมาย แผนงาน นโยบาย ระบบและกลไกการบริหารจัดการ การบริหารทรัพยากร บุคคล การพัฒนาสภาพแวดล้อมอุดมศึกษา หรือกิจกรรมใด ๆ ทั้งที่ เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่จะเอื้ออำนวยหรือสร้างเสริมให้ คณาจารย์มีการเปลี่ยนแปลงด้านแนวคิด ค่านิยม พฤติกรรม ใน การพัฒนาศักยภาพตนเอง การพัฒนาการเรียนการสอน การพัฒนาผลผลิตบัณฑิต การพัฒนาผลผลิตงานวิจัย และการพัฒนาผลผลิตงานวิชาการ ให้ไปสู่ความมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานระดับประเทศในระบบการประกันคุณภาพทางการศึกษา 2)การพัฒนาศักยภาพตนเองของคณาจารย์ หมายถึง ผลของการพัฒนาคณาจารย์ของสถาบัน ซึ่งส่งผลให้คณาจารย์มีความประสงค์ และมุ่งหน้าดำเนินการศึกษาต่อในระดับคุณวุฒิที่สูงขึ้น รวมทั้งการสร้างผลงานทางวิชาการที่สามารถทำให้คณาจารย์ได้รับตำแหน่งทางวิชาการที่สูงขึ้นเป็นลำดับ 3)การพัฒนาการเรียนการสอน หมายถึง ผลของการพัฒนาคณาจารย์ของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ซึ่งส่งผลให้คณาจารย์พัฒนาความสามารถจัดการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เน้นกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจของผู้เรียน โดยใช้เทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และอุปกรณ์การสอนหลากหลายมีการประเมินผลการเรียนการสอนตามสภาพจริง และใช้ผลการประเมินในการพัฒนาผู้เรียน 4)การพัฒนาผลผลิตบัณฑิต หมายถึง ผลการพัฒนาคณาจารย์ของสถาบันฯ ซึ่งส่งผลให้คณาจารย์พัฒนาความสามารถในการผลิตบัณฑิตที่มีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น มีทักษะและภูมิปัญญาในงานอาชีพ มีจิตสำนึก และภูมิธรรมในฐานะพลเมืองดีของสังคมไทย และสังคมโลก 5)การพัฒนาผลงานวิจัย หมายถึง ผลของการพัฒนาคณาจารย์ของสถาบันฯ ซึ่งส่งผลให้คณาจารย์พัฒนาความสามารถในการผลิตงาน วิจัย และงานสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพสูง ได้รับทุนวิจัย สามารถตีพิมพ์เผยแพร่ หรือนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ 6)การพัฒนาผลงานบริการวิชาการ หมายถึง ผลของการพัฒนาคณาจารย์ของสถาบันฯ ซึ่งส่งผลให้คณาจารย์พัฒนาความสามารถในการผลิตงานบริการวิชาการและวิชาชีพที่เป็นประโยชน์เป็นที่พึ่งและเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการและวิชาชีพ เสริมสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งของสังคม ชุมชน ประเทศชาติ และนานาชาติ
+ เป็นเรื่องดี ๆ ที่ผ่านมาในชีวิต จึงบันทึกไว้ครับ

การแข่งขันสารานุกรมไทย

แข่งขัน สารานุกรมไทย จัดโดย ไลออนฯ
แข่งขัน สารานุกรมไทย จัดโดย ไลออนฯ

31 ส.ค.52 เพื่อนในมหาวิทยาลัย ร่วมจัดสอบ โครงการสารานุกรมไทยสำหรับ เยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ สโมสรไลออนส์สากล ภาค 310-เอ 1 ประเทศไทย ดำเนินการร่วม กับหลายหน่วยงาน เป็นการจัดให้มีการแข่งขันตอบคำถาม ในหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ครั้งที่ 15 กลุ่มภาคเหนือ ลำปาง-ตาก-กำแพงเพชร มีคำถาม 100 ข้อ ให้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2552 โดยมีหัวเรือใหญ่ของโครงการ คือ ไลออนเบญจมาศ พาณิชพันธ์ ประธานการแข่งขันสารานุกรมไทยฯ ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง-ตาก-กำแพงเพชร
     เพื่อน ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินงานและควบคุมเวลาการแข่ง ขัน ประกอบด้วย อ.ใหญ่ อ.แหม่ม อ.แนน อ.กิ๊ก อ.สันติ อ.บอย อ.โก อ.เอก อ.วราภรณ์(แนน) อ.อ้อม และ อ.วันชาติ
+ kanchanapisek.or.th

การเขียนซีดีที่ป้องกันการคัดลอก

tz copy protection
tz copy protection

30 ส.ค.52 ทดสอบสร้างแผ่น CD ที่ป้องกันการคัดลอกด้วยการเพิ่มขนาดแฟ้มให้ใหญ่เกินจริง โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1)โปรแกรม Nero แล้วเลือก ทำ CD ข้อมูล, Add แฟ้มที่ต้องการ 2)สั่ง Burn ผ่าน Image Recorder เช่น myfile.iso 3)โปรแกรม TZ Copy Protection รุ่น 1.54 (comdlg32.ocx) 4)คลิ๊ก Viewer เลือกเปิดแฟ้ม myfile.iso 5)คลิ๊กแฟ้มที่ต้องการปรับขนาดหลอกเครื่องอ่านซีดี เช่น แฟ้ม clip.jpg หรือแฟ้มอื่น แล้วคลิ๊ก Step 3 บนเมนูบาร์ มีผลให้ขนาดแฟ้มที่เลือกเป็น 2 GB หรือ 2147483647 Byte 6)เสร็จสิ้นการปรับแต่งแล้ว คลิ๊กปุ่ม Make Cue บนเมนูบาร์ จะได้แฟ้ม myfile.cue 69 Byte และแฟ้ม myfile.iso ได้ถูกปรับไปแล้ว 7)ใช้ Ultraiso เปิดแฟ้ม myfile.iso พบว่าขนาดของแฟ้มถูกเปลี่ยนไปแล้ว 8)ใช้ Nero Express สั่งเขียน CD จาก image file พบว่าซีดีที่ได้มีแฟ้มที่ถูกปรับขนาด เช่น clip.jpg มีขนาด 2 GB 9)ใช้ Nero สั่งคัดลอก CD ที่ได้ลงใน Image Recorder จะได้ image file ชื่อ image.nrg 10)แฟ้ม .nrg ที่ได้แม้มีขนาดไม่กี่ MB แต่ไม่อาจเขียนลง CD ขนาด 700 MB ซึ่งเป็นผลจากการใช้โปรแกรม TZ Copy Protection หลอกให้เครื่องเขียนซีดี มองแฟ้มที่ถูกปรับขนาด ว่ามีขนาดใหญ่เกินจะเขียนลงซีดีได้
แหล่งอ้างอิง
+ http://xirbit.com/html/articles/protectcd.html
+ http://wave.prohosting.com/tzcp/files.html
+ http://tzcopyprotection.tk/
+ http://my.opera.com/abysscross/blog/show.dml/517165
+ http://www.afreeocx.com/ocx/info/comdlg32_ocx.html

คัดลอกซีดีที่ป้องกันการคัดลอก

ultraiso จาก ezbsystems.com
ultraiso จาก ezbsystems.com

30 ส.ค.52 สมมติว่าเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่งทำแผ่นซีดีข้อมูลที่ป้องกันการคัดลอกซีดี แล้วเพื่อนท่านนั้นก็จากไปก่อนวัยทำงานอันควร แต่หน่วยงานต้องการนำแผ่นข้อมูลต้นฉบับไปคัดลอก เพื่อสำรองหรือใช้หลายเครื่อง จะใช้ Nero หรือ CloneCD ก็คัดลอกแผ่นไม่สำเร็จ เนื่องจาก พยายามคัดลอกแล้ว พบว่า 1) แผ่นซีดีที่ได้มานั้นเป็นแผ่นที่ว่างเปล่า 2) อีกกรณีคือเขียนแผ่นซีดีที่ป้องกันการคัดลอกไปเป็น .nrg หรือ .iso แล้วใช้ ImageDrive ของ nero หรือ Daemon-Tools อ่านในแบบ Virtual CD Drive ก็ไม่สำเร็จ ผลที่ได้คือมองเห็น Drive นั้นว่างเปล่าเช่นเดิม เหมือนกับอ่านจากแผ่นคัดลอก จากการค้นข้อมูลจากเน็ต พบวิธีแก้ไข 2 ขั้นตอน ด้วยโปรแกรม Ultraiso คือ 1) Make CD/DVD Image 2) Burn CD/DVD Image 
     การแก้ปัญหาและนำไปใช้ทำได้ 2 กรณี 1)ใช้ Make CD/DVD Image ของ Ultraiso เพื่ออ่านซีดีแล้วเขียน image เป็นแฟ้ม .iso จากนั้น ก็ใช้โปรแกรม ImageDrive อ่านแฟ้มที่ได้เป็น Virtual CD ได้ตามปกติ ทำให้ผมคัดลอกซีดีที่ป้องกันการคัดลอก มาเป็น image file แล้วเรียกใช้ได้ในภายหลังโดยไม่ต้องใส่แผ่นซีดีทุกครั้ง 2)ใช้ Burn CD/DVD Image ของ Ultraiso เพื่อเขียนซีดีจากแฟ้ม image ที่ได้จากวิธีข้างต้น ทำให้ได้แผ่นซีดีที่ป้องกันการคัดลอกเพิ่มขึ้น นำไปใช้กับเครื่องใดก็ได้ โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมประเภท Virtual CD
     สิ่งที่พบในซีดีที่ป้องกันการคัดลอก คือ ขนาดแฟ้มบางแฟ้มที่อาจถูกใช้ หรือไม่ถูกใช้งานมีขนาดใหญ่เกินจริง ทำให้โปรแกรมอ่านเขียนซีดีทั่วไปไม่สามารถดำเนินการกับแผ่นเหล่านั้นได้ มีแผ่นข้อมูลแผ่นหนึ่งพบขนาดรวมทั้งแผ่น อ่านด้วยโปรแกรม UltraISO มี 4 GB แต่มี 2 แฟ้มที่มีขนาดแฟ้มละ 2 GB เมื่อลบทั้ง 2 แฟ้มขนาดโดยรวมจะเหลือเพียง 70 MB เมื่อเขียนแฟ้ม .iso ที่ลบแฟ้มหลอกทั้ง 2 แฟ้มลงไปในแผ่น CD ก็พบว่านำแผ่นที่ได้ไปใช้งานได้ตามปกติ ในกรณีที่ทั้ง 2 แฟ้มนั้นไม่ถูกเรียกใช้งานโดยโปรแกรมใดใด