ลงทุนกับอุปกรณ์เสริมการสอนปีละหลายล้านกับโรงเรียนในอังกฤษ แต่ได้ไม่คุ้ม

windows 8 ในอุปกรณ์ต่าง ๆ
windows 8 ในอุปกรณ์ต่าง ๆ

http://reviews.cnet.com/8301-3121_7-57531284-220/windows-8-the-complete-new-pc-launch-list/

UK schools waste ‘millions’ a year on useless gadgets

ประเด็นแรก .. งบประมาณกับประสิทธิภาพ
Summary: Are school budgets being battered (ทำลาย) by teachers who buy but never use the latest(ล่าสุด) gadget(อุปกรณ์เชิงกล)?

In the last five years, UK schools have spent over £1 billion pounds on buying the latest must-have gadgets, digital learning tools and software.
[1 British pound = 49.404908 Thai baht]

But how much of this investment is actually put to good use?

According to research released by non-profit organisation Nesta, although such a vast (มหาศาล) amount has been invested to modernize the British education system, there is “little evidence of substantial success” in improving learning through newly-acquired digital tools.
[อันดับระบบการศึกษา 2555 อังกฤษอยู่อันดับ 6 สหรัฐอยู่อันดับ 17 ไทย 37 จากทั้งหมด 40]
http://www.thaiall.com/blogacla/admin/2176/

Although technological advances can offer better access to educational material and interactive ways to learn, it isn’t an effortless process. In order to integrate technology within the classroom effectively, from replacing traditional textbooks with iPads to smart whiteboards, structured teaching and a balance between technology and core lesson aims have to be maintained.

As the report notes, it’s too easy to forget that not everyone is tech-savvy (เข้าใจ). As a former teacher, I recall working in several schools that would furnish their classrooms with the latest sparkly product, but forget to train their staff in its use, or assist them in ways to integrate technology within lesson plans. A desktop computer, tablet, smartphone or gaming system takes time to understand, and for busy teachers, finding methods to use this technology to achieve a learning aim may not be so simple.

The report suggests that spending £450 million pounds a year without evidence that it is improving education is nothing more than counter-productive. Instead of “fetishising (เครื่องราง) the latest kit“, Nesta says that teachers should make better use of what they already have.

In addition, the researchers say that many businesses are offering only “superficial (เพียงผิวเผิน)” benefits to learning, and too many apps and digital games are used to sugar-coat dull and misdirected lessons.

However, teachers also need support, and must become “confident users of digital technology in order to deal with (ขับเคี่ยว) the complexity and safety of digital tools.” Rather than using technology in an isolated way — only for tablets to be returned to the cupboard (ตู้อาหาร) after a lesson ends — it should act as a conduit (รางน้ำ) to keep learning going outside of school. By using the Internet to keep a learning network open and accessible, “social” tools, cloud computing and online groups could result in more effective teaching.

Rather than leaving millions of pounds’ worth of equipment “languish (เหี่ยวเฉา)  unused or underused in school cupboards”, the researchers suggest that in a time where economic problems are causing educational cutbacks, technology should serve as a tool rather than a distraction (เครื่องล่อใจ). Instead of giving in to the “hype” of digital learning, schools should reconsider how technology can serve as method to boost (ส่งเสริม)  education — rather than a way to make ineffective teaching methods look innovative and exciting.

#share in my facebook page
ที่อังกฤษพึ่งรู้ว่าการใช้ไอทีในโรงเรียน ไม่ใช่เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเท่าที่คาด เขาคิดว่าเสียเงินมากไปเมื่อเทียบกับผล แต่ผมว่ามีการหมุนเวียนของงบประมาณไปที่บริษัทไอที
The English know how to do it in schools is not only powerful tools that expect him to lose much thought when compared with the results, but I have a turnover of budget to it.
+ http://www.zdnet.com/uk-schools-waste-millions-a-year-on-useless-gadgets-7000007520/

+ http://www.zdnet.com/meet-the-team/uk/charlie.osborne/

ประเด็นที่ 2 .. ปัญหาของ online course
ผู้จัดการเรียนการสอนออนไลน์ในต่างประเทศกังวลเรื่องการควบคุมการโกง แล้วพบมาแล้วว่าเทคนิคการโกงจากการเรียนผ่าน online course มีดังนี้
1. บทความขโมยความคิด (plagiarized essays)
2. ร่วมกันทำข้อสอบ (illicitly collaborated on exams)
3. โพสออนไลน์ (posted solutions to test questions online)
4. ส่งคำตอบให้เพื่อน (emailed answers to classmates)
+ http://nation.time.com/2012/11/19/mooc-brigade-can-online-courses-keep-students-from-cheating/
“We need to be sure that the student who took the course is indeed who they say they are—that they did all the work,” said edX President Anant Agarwal. “That’s a real problem for MOOCs.”
MOOCs = Massive Open Online Courses

ประเด็นที่ 3 .. คำแนะนำต่อผู้กำหนดนโยบาย
5 บทเรียนสำหรับผู้กำหนดนโยบาย (Five lessons for education policymakers)
1. ไม่ใช่มายากล ต้องใช้งบประมาณ (There are no magic bullets)
2. ยอมรับครู (Respect teachers)
3. วัฒนธรรมไปร่วมกับการศึกษา (Culture can be changed)
4. พ่อแม่ต้องไม่เป็นอุปสรรค (Parents are neither impediments to nor saviours of education)
5. การศึกษาไม่ใช่อนาคต แต่เป็นปัจจุบัน (Educate for the future, not just the present)
http://thelearningcurve.pearson.com/the-report/executive-summary

ประเด็นที่ 4 .. แนะนำเกมขยับกันหน่อย (ต.ย.เกมบน android)

x-runner for android
x-runner for android

https://play.google.com/store/apps/details?id=com.droidhen.game.xrunner.apps

http://thaidroid-appvisor.blogspot.com/2012/10/x-runner.html

ข่าวบริการวิชาการ ณ โรงเรียนวัดหัวฝาย

โรงเรียนวัดหัวฝาย ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
โรงเรียนวัดหัวฝาย ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

6 ธ.ค.55 ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเนชั่น และนายศุกร์ ไทยธนสุกานต์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ร่วมกันจัดกิจกรรมบริการวิชาการเรื่อง การใช้ Social Media สำหรับเยาวชน โดยมี ผศ.บุรินทร์  รุจจนพันธุ์ และ อ.เกศริน อินเพลา นำนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำกิจกรรม ณ โรงเรียนวัดหัวฝาย ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง โดยมี ผอ.พีระพงษ์  ลี้ตระกูล ให้การสนับสนุนนำนักเรียนระดับประถมศึกษาเข้าเรียนรู้ในห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 เวลา 13.00น. – 15.00น.

โรงเรียนวัดหัวฝาย ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
โรงเรียนวัดหัวฝาย ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

นักศึกษาทั้ง 7 คน
นักศึกษาทั้ง 7 คน

นักศึกษา : อาสา ภสุ บอลอุดร บอลน่าน ขุน อ๋อง ตี้

fedora os practice ตอนที่ 1

linux ranking
linux ranking

http://royal.pingdom.com/2011/11/23/ubuntu-linux-losing-popularity-fast-new-unity-interface-to-blame/

มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษาเรื่อง Operating System
หัวข้อ Linux แล้วผมก็ยกตัวอย่างของ Fedora ซึ่งมีรายละเอียดใน
http://fedora.redhat.com/
ซึ่งชื่อ fedora เกิดหลังจากบริษัท redhat ต้องแยกเรื่อง commercial กับ free
โดยกำเนิดของ linux นั้น เริ่มตำนานโดย  ลินุส โตร์วัลดส์ (Linus Torvalds)
ซึ่งเป็นผู้พัฒนา เคอร์เนลเป็นคนแรก (kernel) แล้วสื่อสารผ่าน usenet news
http://en.wikipedia.org/wiki/Linux
จนเกิดกระแสพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเกิด linux ขึ้นมาอีกมากมาย
ในแบบ  OSDN : Open source development network
งานของ kernel มีหลายอย่างที่สำคัญโดยเฉพาะระบบแฟ้มแบบ
ext2, ext3 แต่ของ windows ใช้ ntfs, fat, fat32
การติดตั้ง (install) มีพัฒนาการเรื่อยมา อาทิ
live cd, flash drive ถ้าเป็นของ fedora จะมี liveusb creator
https://fedorahosted.org/liveusb-creator/
ซึ่งผมได้ติดตั้ง fedora ไว้ในเครื่องแล้ว share ให้นักศึกษาเข้าใช้ โดยมีบทเรียนดังนี้
บันทึก lecture note
1. สร้างผู้ใช้
# useradd pasu
# passwd pasu

2. download putty
แล้ว connect ผ่าน ssh หรือ telnet
host: 172.70.1.83
secure shell
sniffer
$
# su
8 + A + a + 3 + #

3. เนื้อหาเกี่ยวกับคำสั่งบน linux ที่เรียนรู้ด้วยตนเอง
http://www.thaiall.com/isinthai

4. แสดงรายการแฟ้ม
ls, ls -al, man ls
hidden file: have . in front of file name

5. เกี่ยวกับ folder และ home
cd /, pwd, cd
/etc
/home
/sbin
/lib
cd /etc

6. ดูข้อมูลบุคคล และกลุ่ม
cat passwd
cat group
id pasu

7. แสดงประวัติการเข้าใช้งาน ว่าใครใช้อยู่
last
last |grep napat
DoS : Deny of Service

8. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องว่าใช้ทรัพยากรอย่างไร
top

9. ตรวจ process ที่กำลังประมวลผล
ps -aux | more
ps -aux | grep sansika

linux distribution ranking
linux distribution ranking

http://agilecat.tumblr.com/post/13209065788/ubuntu-linux-losing-popularity-fast-new-unity

มอบหมาย : ให้นักศึกษาทำ liveusb ของ fedora มาคนละตัว แล้วมาแสดงให้ดูในชั้นเรียนครั้งต่อไป
https://fedorahosted.org/liveusb-creator/
http://www.thaiall.com/blog/burin/3409/

แนวทางการแก้ไขนักเรียนที่ติด 0,ร,มส

in complete
in complete

แนวทางการแก้ไขนักเรียนที่ติด 0,ร,มส ด้วยวิธีการสอนซ่อมเสริมและกระบวนการติดตามผล เนื่องจากในแต่และภาคเรียนมีนักเรียนที่ติด 0, ร, มส  จำนวนมาก โรงเรียนได้จัดสอบแก้ตัว 2 ครั้ง แต่ยังมีนักเรียนอีกหลายคนสอบแก้ตัวไม่ผ่าน หรือไม่ดำเนินการสอบแก้ตัว จึงทำให้นักเรียนเหล่านั้นไม่สามารถจบหลักสูตรได้ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว งานวัดผลจึงกำหนดขั้นตอนและแนวทางการสอบแก้ตัวของนักเรียนที่ติด 0 , ร , มส ตามแนวทางของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินผลการเรียน ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้นพุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง 2533) และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินผลการเรียน ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายพุทธศักราช 2524 (ฉบับปรับปรุง 2533) ซึ่งกำหนดแนวทางการเปลี่ยนระดับผลการเรียน “0” โดยให้สถานศึกษาจัดสอนซ่อมเสริมในจุดประสงค์ที่ผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวและให้สอบแก้ตัวได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ทั้งนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นในภาคเรียนถัดไป ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาการแก้ “0” ออกไปอีกหนึ่งภาคเรียน เพื่อให้วิธีการดังกล่าวปฏิบัติได้จริง มีผลดีต่อนักเรียนช่วยลดจำนวนติด “0” ให้น้อยลง จึงกำหนดแนวทางของโรงเรียนดังนี้

แนวทางการแก้ “0”
1. การแก้  “0”  ครั้งที่ 1  ให้อาจารย์ประจำวิชาสอนซ่อมเสริมในจุดประสงค์ที่นักเรียนสอบไม่ผ่านโดยใช้เวลาในคาบที่ 8 หรือ ในวันหยุด โดยใช้ระยะเวลาในการซ่อม 1 เดือน แล้วให้บันทึกผลการสอนซ่อมเสริมและผลการสอบซ่อมตามแบบที่ฝ่ายวัดผลกำหนด
2. ถ้านักเรียนสอบซ่อมครั้งที่ 1 ไม่ผ่านหรือไม่ดำเนินการสอบซ่อม ให้นักเรียนลงทะเบียนสอบซ่อมใหม่ โดยนำผู้ปกครองมารับทราบปัญหาและวิธีการสอบซ่อมในครั้งที่ 2
3. การแก้ “0” ครั้งที่ 2  ให้อาจารย์ประจำวิชาสอนซ่อมเสริมในจุดประสงค์ที่นักเรียนยังสอบไม่ผ่านโดยใช้เวลาในคาบที่ 8 หรือในวันหยุด ใช้ระยะเวลาในการสอนซ่อมเสริมและสอบซ่อมให้เสร็จสิ้นก่อนการสอบปลายภาคเรียนนั้นๆ ทั้งนี้การสอนซ่อมเสริมและสอบซ่อมต้องให้ผู้ปกครองนักเรียนรับทราบ และให้มีบันทึกผลการสอนซ่อมเสริมและผลการสอบซ่อม
4. หากดำเนินการสอบซ่อมทั้ง 2 ครั้ง หรือเลยเวลาสอบซ่อมที่โรงเรียนกำหนด แต่นักเรียนไม่สามารถแก้ “0” ได้ และเป็นรายวิชาที่จะทำให้ไม่จบหลักสูตรจะต้องกลับไปเรียนซ้ำชั้นใหม่

สาเหตุการให้ผลการเรียน “ร”
1. ผู้เรียนไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียนหรือปลายภาคเรียน (กลางภาคควรดำเนินการได้ก่อน)
2. ผู้เรียนไม่ได้รับการประเมินผลตามจุประประสงค์การเรียนรู้ ในช่องของคะแนนวัดผลระหว่างเรียน รวมกันตั้งแต่ร้อยละ 20 ของคะแนนรวมทั้งหมด
3. ผู้เรียนไม่ส่งงานชิ้นสำคัญของรายวิชานั้น
กรณีที่ 3 ให้ “ร” เพราะไม่ส่งงานชิ้นสำคัญที่มีคะแนนไม่ถึงร้อย 20 ของคะแนนทั้งหมด ต้องขออนุมัติจากผู้หัวหน้าสถานศึกษาก่อน

แนวทางการแก้ “ร”
การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ให้กระทำให้เสร็จสิ้นภายในเดือนแรกของภาคเรียนถัดไป ถ้านักเรียนแก้ “ร” แล้วเป็น “0” ให้ดำเนินการเช่นเดียวกับการแก้ “0” และให้เสร็จในภาคเรียนเดียวกัน  ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนินการแก้ “ ร ” ภายในเดือนแรกของภาคถัดไปนั้นให้แจ้งผู้ปกครองรับทราบเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

แนวทางการแก้ “มส”
แนวทางการแก้ “มส” ที่มีเวลาเรียนไม่ครบ 80% ให้ครูประจำวิชาสอนเพิ่มเติมในคาบเรียนที่ 8 หรือชั่วโมงซ่อมเสริม หรือเวลาว่าง หรือวันหยุด หรือมอบหมายงานให้ทำจนมีเวลาครบตามที่กำหนดไว้ในรายวิชานั้น แล้วจึงดำเนินการสอบแก้ “มส” ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “1” และดำเนินการให้เสร็จสิ้นในภาคเรียนถัดไป ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่โรงเรียนกำหนดให้เรียนซ้ำ ยกเว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีก 1 ภาคเรียนแต่เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้วให้เรียนซ้ำ หรือให้เปลี่ยนรายวิชาใหม่ในกรณีที่ไม่ใช่วิชาบังคับจบ ถ้านักเรียน แก้ “มส” แล้ว เป็น “0” ให้ดำเนินการเช่นเดียวกับการแก้ “0” ถ้าแก้ไม่ทันให้ขยายเวลาไปอีก 1 ภาคเรียน

ข้อมูลจาก http://gpa.tmk.ac.th/downlode/evalution3.htm
http://www.thairath.co.th/content/edu/111241
http://www.sw-sch.net/new_www/text/11.doc

student group in moodle e-learning system

student group in moodle
student group in moodle
moodle เป็นระบบ e-learning ที่รองรับระบบกลุ่ม สามารถจัดกลุ่มนักศึกษา (group) ในกรณีใช้ course เดียว แต่มีนักศึกษาหลายกลุ่ม (multi group) ได้ หากไม่จัดเป็น multi group ก็จะมีปัญหาเรื่องข้อมูลอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงต้อง edit course settings แล้วกำหนด Group mode เป็น Separate groups และ Force group mode เป็น yes
การเปลี่ยน properties ข้างต้น มีผลให้การเข้าดูผลการเรียน หรือการบ้านของนักศึกษาในแต่ละกลุ่ม จะปรากฎตัวเลือก Separate groups ให้เลือกได้ว่าจะทำงานกับกลุ่มใด ซึ่งเหมาะกับวิชาที่เปิดให้นักศึกษาต่างกลุ่ม หรือต่างปี สามารถเข้ามาเรียนรู้การพัฒนาการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญ คือ เนื้อหาต้องไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก จึงเหมาะกับกลุ่มที่รับเนื้อหา content ใกล้เคียงกัน และกรณีของผมก็ไม่ได้ปรับ content มากนัก ในความต่างของกลุ่มที่เกิดขึ้น จึงใช้แนวนี้ได้

แผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา 4 ปี : 2551 – 2554

จำนวนประชากร 18 - 24 ปี
จำนวนประชากร 18 - 24 ปี

มีโอกาสอ่านคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษา ปี 2554 – 2556 โดยสำนักงานมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา ม.เนชั่น หน้า 43 ระบุในเกณฑ์ที่ 1.1.1 ว่า การจัดแผนกลยุทธ์ให้มีความสอดคล้องกับ แผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับที่ 10 (พ.ศ.2551-2554) ซึ่งแผนนี้จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มี 49 หน้า แบ่งได้ 5 บท

บทที่ 1 ภาพอนาคตที่จะมีผลกระทบต่ออุดมศึกษาไทย
บทที่  2 ผลการดำาเนินงานในช่วงแผนพัฒนาการศึกษา
บทที่  3 วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์
บทท  4 สรุปเป้าหมายการรับนกศกษาเข้าใหม่ นักศึกษารวมทั้งหมด
บทท  5 การแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติและการติดตามประเมินผล

ในบทที่ 3 มี วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์ โดยวิสัยทัศน์มี 2 วงเล็บ ส่วนเป้าหมายมี 2 แบบ คือ แบบแรกมี 4 วงเล็บ แบบสองมี 11 วงเล็บ ส่วนยุทธศาสตร์มี 5 ข้อ แต่ละข้อแบ่งเป็นเป้าหมาย และมาตรการ อย่างชัดเจน ในบทที่ 4 จะมุ่งประเด็นที่เป้าหมายรับนักศึกษา ซึ่งจำแนกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยกลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มีเป้าหมายการรับนักศึกษาลดลง แต่อีก 2 กลุ่มที่เหลือมีเพิ่มขึ้น

กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มีเป้าหมายการรับนักศึกษาลดลง
กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มีเป้าหมายการรับนักศึกษาลดลง

รายละเอียด ที่ http://www.thaiall.com/pdf/he_plan_10_2551_2554.pdf

กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี : 2551 – 2565

กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี : 2551 - 2565
กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี : 2551 - 2565

จากในคู่มือการประกันคุณภาพการศึกษา ปีการศึกษา 2554 – 2556 (Quality Assurance Manual) ที่จัดทำโดยสำนักงานมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่น หน้า 43 ระบุเกณฑ์คุณภาพ ตัวที่ 1.1.1 ว่า การจัดแผนกลยุทธ์ให้มีความสอดคล้องกับ กรอบแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี ฉบัยที่ 2 (พ.ศ.2551 – 2565) โดยกรอบแผนนี้ลงวันที่ 30 กันยายน 2550 มี 72 หน้า เนื้อหาตั้งแต่หน้า 12 – 63 แบ่งออกเป็นข้อได้ถึง 178 ข้อ .. ผมยังอ่านไม่จบเลย แล้วข้อไหนก็เขียนดี รู้สึกดีกับประเทศของเราทุกข้อ
รายละเอียด ที่ http://www.thaiall.com/pdf/he_frame_2_2551_2556.pdf

เปิดศูนย์นอกที่ตั้ง ต้องมีผลประเมิน สมศ. ระดับดีมาก

ระบบวงเวียนแทนสัญญาณไฟจราจร บริเวณห้าแยกหอนาฬิกาลำปาง
ระบบวงเวียนแทนสัญญาณไฟจราจร บริเวณห้าแยกหอนาฬิกาลำปาง
มีเพื่อนเล่าให้ฟังว่า กกอ. จะเข้มงวดกับศูนย์นอกที่ตั้ง ว่าต้องผ่านการประเมินจาก สมศ. ระดับดีมาก
ขอแค่ระดับดี หรือ พอใช้ไม่ได้แล้ว พอไปค้นดูก็พบจาก 2 สื่อ คือ ไทยโพสต์ กับเดลินิวส์ เมื่อกลางสิงหาคม 2555
แล้วได้ยินนักวิชาการพูดเรื่องนี้ว่าต่อไปจะเหมือนออก license เป็นใบเขียว ใบเหลือง และใบแดง ผมฟังแล้วเหมือนสัญญาณไฟตามแยกของถนนเลยครับ ที่มีสัญญาณ 3 ประเภท
1) ออกกฎเหล็กการเปิดศูนย์นอกที่ตั้ง ต้องให้รมว.ศธ.เซ็น/หลังผลตรวจล่าสุดน่าระอาไม่ผ่านประเมินอื้อ (ไทยโพสต์)
สกอ.เตรียมประกาศ เพิ่มขั้นตอนการเปิด และคงหลักสูตรการเรียนศูนย์นอกที่ตั้งมหาวิทยาลัย เบื้องต้นเพิ่มความเข้มงวดมหา’ลัยที่เปิดได้ต้องให้ รมว.ศธ.เห็นชอบ และต้องมีผลประเมิน สมศ. ระดับดีมาก โดยจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเร็วๆ นี้ “กำจร” เผยผลตรวจศูนย์นอกที่ตั้งประจำปี 2555 พบหลักสูตรไม่ผ่านการประเมินอื้อ ส่วนใหญ่เป็นระดับ ป.ตรี สั่งออกมาตรการแล้ว หลักสูตรใดไม่ผ่านการประเมินต้องหยุดรับนักศึกษาปี 56 ทันที
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เมื่อเร็วๆนี้ ได้รับทราบผลการตรวจประเมินการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง ประจำปี 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ระหว่างวันที่ 10 มี.ค.-30 มิ.ย.นี้ ซึ่งผลสรุปการตรวจประเมินจำนวน 14 สถาบัน 18 ศูนย์ 50 หลักสูตร พบว่า มีหลักสูตรผ่านการประเมิน 2 หลักสูตร 2 สถาบัน 2 ศูนย์ ไม่ผ่านการประเมิน 41 หลักสูตร 8 สถาบัน 11 ศูนย์ และต้องปรับปรุง 7 หลักสูตร 5 สถาบัน 5 ศูนย์ ทั้งนี้ หลักสูตรที่ไม่ผ่านส่วนใหญ่จะเป็นระดับปริญญาตรี อาทิ หลักสูตรบริหารธุรกิจ รัฐประศาสนศาสตร์ และครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ สกอ.ไปตรวจประเมินยังพบว่ามีศูนย์นอกที่ตั้ง ซึ่งยังไม่ถึงคิวประเมินได้ปิดตัวเองไปแล้วจำนวน 57 ศูนย์ ดังนั้นจะมีศูนย์นอกที่ตั้งที่ต้องไปตรวจประเมินในปี 2555 อีกจำนวน 162 ศูนย์ ประมาณ 300 กว่าหลักสูตร
รองเลขาฯ กกอ.กล่าวต่อว่า ผลการตรวจประเมินดังกล่าวทำให้ กกอ.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน แต่ให้ปรับเพิ่มเล็กน้อย ก่อนที่จะเสนอนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ลงนาม จากนั้นจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศใช้ต่อไปหากมีร่างดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้สถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชนจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งมีคุณภาพมากขึ้น ขณะที่สถาบันไหนจัดการศึกษาไม่มีคุณภาพจะต้องปิดตัวไป และที่สำคัญการเปิดสอนนอกที่ตั้งไม่สามารถดำเนินการได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมาจนเกิดปัญหาเหมือนปัจจุบันนี้
ส่วนสาระสำคัญของร่างดังกล่าว หากสถาบันอุดมศึกษาใดจะเปิดสอนนอกสถานที่ตั้งจะต้องขออนุญาตจาก รมว.ศึกษาธิการ ก่อนที่จะไปเปิดการเรียนการสอน ขณะที่หลักสูตรที่จะเปิดจะต้องเป็นความต้องการของสังคมและชุมชน รวมทั้งเปิดสอนในหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ อีกทั้งหลักสูตรที่จะเปิดสอนนั้นจะต้องรับการประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ในระดับดีมาก และสถาบันอุดมศึกษาจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาที่จะสิ้นสุดการดำเนินการ จำนวนอาจารย์ที่มีอยู่และจำนวนนิสิตนักศึกษาที่จะรับด้วย ซึ่งถ้าทำได้ตามนี้จะทำให้การศึกษานอกสถานที่ตั้งมีคุณภาพแน่นอน
สำหรับผลการตรวจประเมินศูนย์นอกที่ตั้ง ทาง สกอ.จะแจ้งผลให้สถาบันอุดมศึกษาที่เข้ารับการประเมินรับทราบ และหากสถาบันใดต้องการจะทักทวงผลการตรวจประเมินต้องดำเนินการภายใน 30 วัน ตั้งแต่ได้รับทราบผลจาก สกอ. สำหรับหลักสูตรที่ไม่ผ่านการประเมินนั้นจะต้องไม่เปิดรับนิสิตนักศึกษาในหลักสูตรนั้นในปีการศึกษา 2556 แต่จะไม่มีผลกระทบกับนิสิตนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่.
2) สกอ.มั่นใจจัดระเบียบสอนนอกที่ตั้งได้ผล (เดลินิวส์)
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา  (กกอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการตรวจประเมินการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้ง ประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 10 มี.ค.- 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตรวจประเมินใน 14 สถาบัน 18 ศูนย์ 50 หลักสูตร โดยพบว่า มีที่ผ่านการประเมิน 2 หลักสูตร 2 สถาบัน 2 ศูนย์ ไม่ผ่านการประเมิน 41 หลักสูตร 8 สถาบัน 11 ศูนย์ และต้องปรับปรุง 7 หลักสูตร 5 สถาบัน 5 ศูนย์  ซึ่งหลักสูตรที่ไม่ผ่านส่วนใหญ่จะเป็นระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ รัฐประศาสนศาสตร์ และครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ และจากการตรวจประเมินยังพบว่ามีศูนย์นอกที่ตั้งได้ปิดตัวเองไปแล้วจำนวน 57 ศูนย์ ทำให้เหลือศูนย์นอกที่ตั้งที่ต้องไปตรวจประเมินในปี 2555 อีกจำนวน 162 ศูนย์ ประมาณ 300 กว่าหลักสูตร

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะสรุปผลการตรวจประเมินแจ้งให้สถาบันอุดมศึกษารับทราบ เพื่อให้สถาบันทักท้วงผลการตรวจประเมินภายใน 30 วันนับจากได้รับทราบผล ทั้งนี้หลักสูตรที่ไม่ผ่านการประเมินนั้นมีผลทำให้สถาบันไม่สามารถเปิดรับนิสิตนักศึกษาในหลักสูตรนั้นในปีการศึกษา 2556 แต่จะไม่มีผลกระทบกับนิสิตนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่แล้ว
รองเลขาธิการ กกอ.กล่าวต่อไปว่า กกอ.ยังได้เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน แต่ให้ปรับปรุงเล็กน้อยก่อนที่จะเสนอ รมว.ศึกษาธิการลงนาม และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่าเมื่อกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับจะทำให้สถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งมีคุณภาพมากขึ้น ส่วนสถาบันที่จัดไม่มีคุณภาพจะต้องปิดตัวไป ที่สำคัญการเปิดสอนนอกที่ตั้งจะไม่สามารถดำเนินการได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
“สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง คือ หากสถาบันอุดมศึกษาใดจะเปิดสอนนอกสถานที่ตั้งจะต้องขออนุญาตจาก รมว.ศึกษาธิการก่อนที่จะไปเปิดการเรียนการสอน หลักสูตรที่เปิดจะต้องเป็นความต้องการของสังคมและชุมชน รวมทั้งต้องเป็นหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และต้องรับการประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ในระดับดีมาก และสถาบันจะต้องมีการกำหนดระยะเวลาที่จะสิ้นสุดการดำเนินการ จำนวนอาจารย์ที่มีอยู่และจำนวนนิสิตนักศึกษาที่จะรับด้วย ซึ่งถ้าทำได้ตามนี้จะทำให้การศึกษานอกสถานที่ตั้งมีคุณภาพแน่นอน” รศ.นพ.กำจร กล่าว.
ระบบวงเวียนแทนสัญญาณไฟจราจร บริเวณห้าแยกหอนาฬิกาลำปาง

10 เหตุผลที่ภาครัฐไม่ควรระงับ facebook.com

Ban Social Media
Ban Social Media
10 เหตุผลที่ภาครัฐไม่ควรระงับ facebook.com

1. ใช้ทำ GSR (Government Social Responsibility) กับประชาชน
2. ใช้สื่อสารกับเพื่อนร่วมกระทรวง ทบวง กรม เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร แบบส่วนตัวได้ตลอดเวลา
3. ใช้รับส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้บังคับบัญชา กับผู้ใต้บังคับบัญชา แบบส่วนตัวได้ตลอดเวลา
4. ใช้ fb page เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของหน่วยงานแก่ประชาชน
5. ใช้ fb group เพื่อสื่อสารในหน่วยงาน ในกรม หรือในกลุ่มที่ทำ workshop แบบ KM
6. ใช้รับส่งแฟ้ม ฝากแฟ้มข้อมูล หนังสือต่าง ๆ ผ่านบริการ upload file ใน fb group
7. ใช้เป็นแหล่งรับเรื่องร้องเรียน ตอบข้อซักถาม ชี้แจงประเด็นที่สังคมสนใจแก่ประชาชน
8. ใช้ทำอีเลินนิ่ง ทั้งเอกสาร เสียง หรือคลิ๊ปวีดีโอ ให้เกิดความเข้าใจในระบบต่าง ๆ ที่พัฒนาตลอดเวลา
9. ใช้เป็นช่องทางที่แสดงความโปร่งใส่ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร กรณีมีการตรวจสอบจาก สตง.
10. ใช้เป็นแหล่งถ่ายทอดสื่อมัลติมีเดีย เผยแพร่คลิ๊ปที่มีเนื้อหาเชิงนโยบายของหัวหน้าสำนักงาน ผู้ว่า หรือรัฐมนตรี
เจตนา คือ ชวนคิดครับ

มหาดไทย ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ ห้ามข้าราชการเล่นเฟซบุ๊ก

ด้วยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตของสำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทย ได้ตรวจสอบการใช้งานของระบบอินเทอร์เน็ตในรอบ 8 เดือน ในปีงบประมาณ 2555 พบว่าโดเมนที่มีจำนวนการเรียกใช้มากที่สุด 10 อันดับแรก ปรากฏว่าเป็นการใช้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศและมีการเรียกใช้มากในลักษณะออ นไลน์ เช่น www.facebook.com เป็นต้น ซึ่งการใช้งานดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานราชการ ทำให้สิ้นเปลืองช่องสัญญาณ (Bandwidth) จำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตของสำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทยเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้กำหนดมาตรการการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ต โดยระงับการเข้าถึง Website ที่ให้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน บางเว็บไซต์ และงดการใช้งานเว็บออนไลน์ เช่น www.facebook.com ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ในช่วงระหว่างเวลา 08.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น.

จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งผู้ปฏิบัติงานในสังกัดทราบและถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป

social media question

social media process
social media process
Social Media Question
SM : fb not right
1. What is not right about facebook.com?
you can upload file in fb timeline
you can check seen by in fb page
you can add question in fb group
you can not write note in fb list
SM : youtube not right
2. What is not right about youtube.com?
it can accept movie file
it can not accept sound file
it can accept image file
it can not accept document file
SM : leave fb
3. What should you do when you leave facebook.com?
sign in
log out
press like
share
SM : not activities
4. What is not social media activities?
share photo
press like
print preview
retweet
SM : not apply
5. What can’t apply of social media?
talk with friend
share event
announce in group
share photo to pet
SM : do foursquare
6. What can you do with foursquare.com?
check friend address around you
video chat
play online game with friends
share slide
SM : do yammer
7. What can’t you do with yammer.com?
follow your boss
share file with Colleague
use poll in your company
talk with your competitor
SM : real video
8. Who service the real time video clip?
facebook.com
ustream.tv
youtube.com
twitter.com
SM : not require for connect
9. What are not required for connection to social media?
internet
provider
content
printer
SM : popular account
10. what is the popular account of social media?
pet name
friend name
email name
last name