เปิดกาสิโน เห็นด้วยหรือไม่

gamble in thai
gamble in thai

มีข่าวทางทีวีว่า สถาบันวิจัยเนชั่น ทำโพล มีผลการสำรวจ
พบว่าร้อยละ 56 ค้านเปิดกาสิโน
แสดงว่าคนไทยเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อน
ผู้สื่อข่าว Morning News รายงานเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558
ว่า เนชั่นยูได้ไปสำรวจมา 56% คัดค้านการเปิดกาสิโน
โดยสำรวจคนในกรุงเทพฯ ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 980 คน

เหตุผลที่ไม่เห็นด้วย
– มองว่ามอมเมาประชาชน
– หนี้สินครอบครัว
– อาชญากรรมมากขึ้น

เหตุผลที่เห็นด้วย
– สร้างรายได้ให้ประเทศ
– ควบคุมจัดระเบียบได้
– เงินไม่รั่วไหล
– ชอบเสี่ยงโชค
ที่มา สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยเนชั่น
http://www.now26.tv/view/48634/
Tags : NOW26,ผลสำรวจ,สถาบันวิจัยเนชั่น,ค้านเปิดกาสิโน,บ่อนการพนัน

nationpoll
nationpoll

http://daily.bangkokbiznews.com/detail/208351

nationpoll
nationpoll

http://blog.nation.ac.th/?p=3350

อุบัติเหตุจักรยานถูกรถยาริส สีเทา ชนที่เชียงใหม่

ถนนจักรยาน ขับขี่ปลอดภัย
ถนนจักรยาน ขับขี่ปลอดภัย
นักศึกษาสาว เมาขับรถพุ่งชนนักปั่นจักรยานที่เชียงใหม่ เสียชีวิตหลายราย
เมื่อ 5.45น. วันที่ 3 พฤษภาคม 2558
เหตุเกิดที่ กม.ที่ 8  หมู่ที่ 4 บนถนนทางหลวงหมายเลข 118
สายดอยสะเก็ด-เชียงใหม่-เชียงรายขาออก เขตพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
ฝั่งตรงข้ามกับปั๊ม ปตท

จากการสอบปากคำเบื้องต้นคนขับให้การว่ามีอาการวูบหลับใน
ประกอบกับผลการตรวจวัดระดับแอลกอออลล์ในร่างกายนักศึกษาคนดังกล่าว
พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายที่ 67 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์
จึงเข้าข่ายเมาแล้วขับ จึงรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ก่อนหน้านี้
21 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14.20น. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนรถจักรยานพ่วง
ทำให้ MR.JUAN FRANCISCO อายุ 48 ปี ชาวประเทศชิลี เสียชีวิต และภรรยากับลูกชายวัย 1 ปี 2 เดือน ได้รับบาดเจ็บ
ซึ่ง MR.JUAN ได้ปั่นจักรยานเดินทางผ่านมาแล้วหลายประเทศ โดยตั้งเป้าจะทำสถิติปั่นจักรยานผ่าน 5 ทวีป
ภายในระยะเวลา 5 ปี โดย MR.JUAN เริ่มปั่นจักรยานออกจากประเทศชิลีเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2553
และมีเป้าหมายปลายทางอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยมีกำหนดครบระยะเวลา 5 ปี ในเดือนพฤศจิกายนของปีนี้ (พ.ศ.2558)
แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตเสียก่อน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1424608070

คนขี้อาย กับคนไม่ขี้อาย

คนขี้อาย กับคนไม่ขี้อาย
คนขี้อาย กับคนไม่ขี้อาย

วันศุกร์ที่ 27 มี.ค.58 (วันที่ในภาพผิดครับ)
คุยให้ใครคนหนึ่งฟ้ง ผู้ฟัง .. หัวเราะหึหึ
ผมบอกว่า พบคนขี้อาย และคนไม่ขี้อาย
สำหรับคนที่ไม่ขี้อายก็เห็นมีแต่พระสงฆ์
ท่านมีวิถีสมถะ ปล่อยวาง สงบเย็น น่าชื่นชม
สมัยนี้คนเราอายกันง่าย .. มี ต.ย. ที่น่าสนใจ
– ใช้โทรศัพท์เก่า ก็อาย ไม่กล้ารับโทรศัพท์ต่อหน้าใคร
– สวมเสื้อผ้าสีไม่เข้ากัน สีไม่สดใส ก็อาย ไม่อยากไปไหน
– หน้าตาไม่ได้ทาแป้ง ก็อาย ไม่กล้าให้ใครเห็นหน้าสด
– ผมหงอก ก็อาย กลัวเขาว่าแก่เฒ่า เห็นเส้นหนึ่งก็ต้องถอน
– ทานเตี๋ยว ก็อาย ไม่กล้าอัพรูป จะอัพอาหารฝรั่ง กับญี่ปุ่น
– ขับรถเก่า ก็อาย ไม่อยากให้ใครเห็น ไปซื้อรถใหม่
ผมว่าเป็นธรรมชาติของคนขี้อายครับ
แต่ทั้งหมดนั่น พระท่านที่ปล่อยวาง พูดว่า “มันเป็นเช่นนั้นแล”

นักมวยปล้ำเสียชีวิตคาเวที

gladiator
gladiator
อ่านข่าวจากสื่อ
ใน sanook.com ระบุว่า สลด ที่นักมวยปล้ำตายคาเวที
RIP .. นักมวยปล้ำจังโก้เสียชีวิตคาเชือกต่อหน้าต่อตา”เรย์ มิสเตริโอ”
ส่วน siamsport.co.th ระบุว่า ช็อก นักมวยปล้ำจังโก้ตายในแมตซ์กับมิสเตริโอ
แต่ผมอ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง gladiator
ที่แสดงถึงการต่อสู่ในสนามรบ และมีผู้ชมเลือกข้างอยู่มากมายชมอยู่
“เปโดร อกัวโย่ รามิเรซ” ปล้ำกับ “เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์” ในการแข่งขันของสมาคมมวยปล้ำแดนจังโก้
เมื่อ 20 มี.ค.58 ที่เมืองติฆัวน่า ประเทศเม็กซิโก
เปโดร อกัวโย่ รามิเรซ ใช้ชื่อว่า “เอล ฮิโฆ เดล พาร์โร่ อกัวโย่” เสียชีวิต
ขณะขึ้นปล้ำกับ “เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์”
เป็นการปล้ำเป็นคู่
โดย เอล ฮิโฆ เดล พาร์โร่ อกัวโย่ ร่วมทีมกับ มานิค
และ เรย์ มิสเตริโอ จูเนียร์ ร่วมทีมกับ เอ็กซ์ตรีม ไทเกอร์
แต่เหตุการณ์เกิดในจังหวะที่ มิสเตริโอ จูเนียร์ ใช้ท่าดร็อปคิกใส่รามิเรซ
จนล้มไปพาดกับเชือกเส้นกลาง เพื่อรอรับท่าไม้ตาย “619” ชื่อดัง
แต่ รามิเรซ ถูกเชือกดีดเข้าที่คออย่างรุนแรง ส่งผลให้หลอดลมทางเดินหายใจหยุดทำงาน

ทำเรื่องทุจริตในอดีต มีผลถึงอนาคต

village bus
village bus

บทความกรณีศึกษา .. ที่น่าสนใจ
บันทึกไว้เพื่อนำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับนักศึกษาในชั้นเรียน
ประเด็นที่บทความนี้สนใจคือ “คุณธรรม จริยธรรม”
ถ้าอดีตเคยทำอะไรไม่ดี จะส่งผลถึงปัจจุบันและอนาคต
เห็นอ้างอิงว่าได้รับมาจาก Niwat Rungvicha

หญิงสาวผู้หนึ่ง ไปศึกษาต่อที่เมืองนอก
ในอดีต ได้อาศัยความเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง
ในการนั่งรถโดยสาร ผลปรากฎว่า อนาคตถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ
จาก http://www.bangkhunthianjoggingclub.com/webboard_ans.php?id=047648
จาก https://www.facebook.com/camerababy/posts/806688762712931
รถบัส http://www.buhaykorea.com/2009/11/14/the-village-bus/

เรื่องมีอยู่ว่า ..
สิบสองปีก่อน มีสาวน้อยผู้หนึ่ง พึ่งจบการศึกษาก็ไปที่ประเทศฝรั่งเศส
เริ่มชีวิตกึ่งเรียนกึ่งทำงาน ต่อ ๆ มา
เธอพบเห็นว่า ระบบการขายตั๋วของรถโดยสารสาธารณะ
เป็นระบบการช่วยเหลือตนเอง
ก็คือ .. เราคิดจะไปสถานที่ใด ก็ซื้อตั๋วด้วยตนเอง ไป ณ.จุดหมายปลายทาง
สถานีรถแทบจะเป็นระบบเปิดทั้งหมด ไม่มีจุดตรวจตั๋ว และไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว
อีกทั้งการตรวจแบบสุ่มก็น้อยครั้งมาก ๆ
เธอ .. พบเห็นช่องโหว่ของระบบการควบคุมนี้
หรืออาจจะเป็นการกล่าวว่าด้วยความนึกคิดส่วนตัวของเธอ เห็นว่าเป็นช่องโหว่
อาศัยความฉลาดนี้ เธอคำนวณด้วยความละเอียดถี่ถ้วน
ลงความเห็นว่า ฉ้อโกงค่าตั๋ว
โอกาสที่จะถูกตรวจพบมีเพียงประมาณ สามในหนึ่งหมื่น
กับการพบเห็นในสิ่งนี้ เธอดีใจกระดี้กระด้าภูมิใจอย่างยิ่ง
ตั้งแต่นั้นมา เธอมักจะโกงราคาค่าโดยสาร
อีกทั้งยังหาเหตุผลมาปลอบใจตนเอง
ว่า ตนยังเป็นนักศึกษาจนจน ประหยัดได้ก็ประหยัด
!
สี่ปีผ่านไป
เธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่โด่งดังมีชื่อเสียง
และผลการเรียนที่โดดเด่นยอดเยี่ยมของเธอ เธอมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เธอเริ่มย่างก้าวเข้าประตูของบริษัท ฯ ต่างชาติในกรุงปารีส
โฆษณาตนเองอย่างไม่ลังเล
ทว่า..บริษัท ฯ เหล่านี้ แรกเริ่มล้วนกุลีกุจอกระตือรือร้น
แต่หลังจากผ่านไปหลายวัน ต่างก็ปฏิเสธด้วยความนุ่มนวล
ล้มเหลว ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เธอโมโหโกรธมาก
!
เธอมีความคิดเห็นในส่วนตัวว่า
บริษัทฯเหล่านี้ มีความลำเอียงแบ่งแยกเชื้อชาติ
ในครั้งสุดท้าย เธอบุกเข้าห้องผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของบริษัทฯ
หนึ่ง วิงวอนขอร้องผู้จัดการฯ ให้เหตุผลที่ไม่บรรจุเธอเข้าทำงาน
แต่แล้ว .. บทสรุปผลที่ปรากฎออกมานั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“คุณสุภาพสตรี พวกเราใช่ว่ามีการลำเอียง หรือแบ่งแยก
อีกทั้งไม่ได้ดูแคลนในตัวเธอ กลับตรงกันข้าม
พวกเราให้ความสำคัญต่อเธอมาก
ตอนแรกเริ่มที่เธอมาสมัครงาน ภูมิหลังของสถานศึกษา และผลการศึกษาของเธอ
พวกเราสนใจเป็นอย่างยิ่ง พูดตรง ๆ ความสามารถในการปฏิบัติงาน
เธอคือผู้ที่พวกเราต้องการอย่างมาก”
“แล้วเพราะเหตุใด
ไม่บรรจุผู้ที่มีความสามารถอย่างฉัน เข้าทำงานในบริษัทล่ะ ?”
“เพราะพวกเราได้ตรวจสอบ เครดิตความน่าเชื่อถือของเธอ
พบเห็นว่า เธอเคยถูกบันทึก และถูกลงโทษ
ในการโกงค่าโดยสารสาธารณะสามครั้ง ”
“ฉันไม่ปฏิเสธ ว่ามีเรื่องนี้จริง ทว่าเพื่อเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้
พวกท่านกลับละทิ้งผู้มีความสามารถพิเศษคนหนึ่ง
ที่วิทยานิพนธ์ได้รับการตีพิมพ์หลายครั้งลงในวารสารหรือ ?”
“เรื่องเล็กน้อย.. พวกเรากลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
พวกเราสังเกตพบเห็นว่า การโกงค่าโดยสารของเธอในครั้งแรก
เป็นเวลาที่เธอได้มาประเทศเราหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เชื่อในคำอธิบายของเธอ
เพราะเธอบอกว่า ตนเองยังไม่เข้าใจระบบการจำหน่ายตั๋ว แบบช่วยเหลือตนเอง
จึงเพียงให้เธอชดเชยตั๋วใหม่ แต่หลังจากนั้น เธอก็ยังโกงค่าโดยสารอีกสองครั้ง”
“เวลานั้น..ในกระเป๋าฉันไม่มีเงินปลีกพอดี ”
“ไม่..ไม่..ไม่..คุณสุภาพสตรี ผมไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายของเธอ
เธอคงกำลังสงสัยไอคิวของผม ผมเชื่อว่า ก่อนที่จะถูกตรวจพบ
เธออาจจะมีการกระทำในการโกงค่าตั๋วโดยสารเป็นร้อย ๆ ครั้ง ”
” เช่นนั้น..โทษก็คงไม่ถึงตายหรอกน่ะ
ทำไมถึงต้องจริงจังเช่นนี้ ทีหลังแก้ไขไม่ได้หรือ ?
” ไม่..ไม่..คุณสุภาพสตรี เรื่องนี้ยืนยันและพิสูจน์ได้สองอย่าง
1. เธอไม่เคราพกฎระเบียบ เธอชำนาญในการพบเห็นช่องโหว่ของกฎระเบียบ
และนำไปใช้ในทางเลวร้าย
2. เธอไม่มีค่าพอที่จะได้รับความไว้วางใจ และบริษัทฯของพวกเรา
มีงานมากมาย ที่ต้องอาศัยความไว้วางใจในการปฏิบัติ
หากเธอต้องรับผิดชอบบุกเบิกตลาด ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
บริษัทฯจะถ่ายโอนอำนาจให้เธอมากมาย
เพื่อประหยัดต้นทุน พวกเราไม่สามารถตั้งหน่วยงาน ตรวจสอบสอดส่องที่สับสนวุ่นวาย
เหมือนดั่งระบบขนส่งของประเทศเรา
ดังนั้น พวกเราจึงไม่สามารถว่าจ้างเธอได้ สามารถพูดอย่างเด็ดขาดและ
การันตีได้เลยว่า ในประเทศนี้ หรือแม้กระทั่งทั้งสหภาพยุโรป
เธออาจจะหาบริษัท ฯ ที่จะว่าจ้างเธอไม่ได้เลย ”
จวบจนกระทั่งตอนนี้ เธอจึงเหมือนดั่งตื่นจากความฝัน เสียใจอย่างแรง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่า เป็นวลีที่น่าตกใจที่แท้จริง
กลับเป็นคำพูดสุดท้ายของฝ่ายตรงข้าม….
!

* บ่อยครั้ง..ที่คุณธรรม จริยธรรมสามารถชดเชยจุดบกพร่องของสติปัญญา
อย่างไรก็ตาม สติปัญญากลับไม่สามารถเติมเต็มคุณธรรม จริยธรรมที่ว่างเปล่าได้ ตลอดกาล
*

!
คุณธรรม จริยธรรมเป็นพื้นฐานคุณภาพของคนคนหนึ่ง ก็คือคุณค่าของคน
คนที่โดดเด่นยอดเยี่ยมเพียงใด หากคุณค่าในความเป็นคนมีปัญหา
ก็จะขาดความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้อื่น
ในสถานที่ทำงาน บุคคลที่สูญสิ้นคุณค่าความเป็นคน ยิ่งน่ากลัว
เพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า แล้วกระทำซึ่งเสื่อมเสียถึงองค์กรส่วนรวม
ต้องเป็นสุสานในอาชีพของบุคคลนั้นอย่างแน่นอน
!

* ในสถานที่ที่ทำงาน ต้องอาศัยความสามารถและความจริงใจ
แพ้อะไรก็แพ้ได้ แต่อย่าแพ้คุณค่าในความเป็นคน
*

ปี 2557 เครื่องบินตก 15 ครั้ง เป็นข่าวดังในภูมิภาคนี้ 3 ครั้ง

298 Crew And Passengers Perish On Flight MH17 After Suspected Missile Attack In Ukraine
298 Crew And Passengers Perish On Flight MH17 After Suspected Missile Attack In Ukraine

มีโอกาสอ่านข่าวจากเว็บ thaipost เล่าว่าปี 2557 มีเครื่องบินตก 15 ครั้ง
มาเลเซียแอร์ไลน์ ตก 2 ครั้ง คือสูญหาย และถูกยิงตก
1. 8 มี.ค.57 เครื่องโบอิ้ง 777 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 370 จากกัวลาลัมเปอร์มุ่งสู่ปักกิ่ง มีผู้โดยสาร 239 คน
2. 17 ก.ค.57 มาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ถูกยิงตกขณะอยู่เหนือน่านฟ้ายูเครน ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด 298 คน
3. 28 ต.ค.57 เครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินคิวแซด 8501 จากอินโดนีเซียไปสิงคโปร์ มีลูกเรือและผู้โดยสาร 162 คน


โดยมีเนื้อข่าวจาก http://www.thaipost.net/news/301214/101091 ว่า

ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่กลัวการขึ้นเครื่องบิน ปี 2557 ที่กำลังผ่านพ้นไปนี้อาจทำให้คุณรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาบ้าง เพราะมีเหตุการณ์เครื่องบินตกที่น่ากลัวอยู่หลายครั้ง แม้ว่าถ้าดูจากสถิติอุบัติเหตุทางเครื่องบินทั้งปีจะเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเครื่องบินมากที่สุด
มาเลเซียแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ต้องประสบเรื่องราวโศกนาฏกรรมมากที่สุด เนื่องจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น 2 ครั้งกับสายการบินนี้ ทั้งจากการหายสาบสูญและถูกยิงตก ทำให้ทั่วโลกต้องหันมาทบทวนมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยในการบินเพื่อให้ผู้ใช้บริการเครื่องบินคลายความกังวลลงบ้าง
มารี เลอแฟบเวร์ นักธุรกิจชาวแคนาเดียนที่มาประกอบธุรกิจในกรุงเทพฯ เผยความรู้สึกว่า ปกติเป็นคนไม่ชอบขึ้นเครื่องบินอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ยิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้นถ้าจะต้องนั่งเครื่องบิน เพราะเวลาอยู่บนเครื่องบินถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ผู้โดยสารไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย และเหตุเครื่องบินตกในปีนี้ก็น่ากลัวมาก เธอบอกว่าบางครั้งถ้าจำเป็นต้องขึ้นเครื่องบินถึงกับต้องกินยาระงับประสาทไว้ก่อน
เหตุการณ์เครื่องบินตก ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเริ่มจากวันที่ 8 มีนาคม 2557 เมื่อเครื่องโบอิ้ง 777 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 370 จากกัวลาลัมเปอร์มุ่งสู่ปักกิ่ง มีผู้โดยสาร 239 คนหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากระบบสื่อสารบนเครื่องถูกปิดลง จนมีการคาดคะเนสาเหตุไปต่างๆ ได้แก่ เกิดการจี้เครื่องบิน, เป็นแผนการร้ายของนักบินเองหรือเกิดเหตุฉุกเฉินบนเครื่อง เช่น ไฟไหม้แบตเตอรี่โทรศัพท์

4 เดือนต่อมามาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ถูกยิงตกขณะอยู่เหนือน่านฟ้ายูเครน ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด 298 คน หลังจากนั้นชาติตะวันตกกล่าวหาว่าเครื่องบินลำนี้โดนยิงร่วงด้วยมิสไซล์ของกลุ่มกบฏยูเครนที่รัสเซียเป็นผู้หนุนหลัง
เท่านั้นยังไม่พออีก 1 สัปดาห์ต่อมา เครื่องบินของทรานส์เอเชียสายการบินในประเทศไต้หวันเครื่องตก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและเครื่องบินแอร์แอลจีเรีย เที่ยวบินเอเอช 5017 ตกในมาลีโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้ง 2 เหตุการณ์มีผู้สูญเสียรวม 164 คน และล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน 8501 จากอินโดนีเซียไปสิงคโปร์ มีลูกเรือและผู้โดยสาร 162 คน ขาดการติดต่อและยังค้นหาไม่พบ

แม้จะมีเหตุเครื่องบินตกที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่หลายครั้ง แต่ถ้าดูจากข้อมูลของเครือข่ายความปลอดภัยทางการบินที่มีสำนักงานอยู่ที่เนเธอร์แลนด์พบว่า จากเที่ยวบินหลายล้านเที่ยวทั่วโลกและผู้โดยสารหลายพันล้านคนที่เดินทางกันทั้งปี ตัวเลขของเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ที่ประสบอุบัติเหตุตกในปี 2557 อยู่ที่ 15 ครั้ง ขณะที่ตัวเลขเครื่องบินตกเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2489 อยู่ที่ 32 ครั้ง
เจอร์รี โซแจ็ตแมน ที่ปรึกษาด้านการบิน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงจาการ์ตา บอกว่า เนื่องจากมีความปลอดภัยในการเดินทางโดยเครื่องบินมากขึ้น ทำให้เหตุเครื่องบินตกแต่ละครั้งมีสาเหตุที่ลึกลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพราะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่แทบจะไม่น่าเกิดได้อย่างเช่นในปี 2557
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกในปีนี้คือ 762 คน สูงที่สุดในรอบ 4 ปี แต่ถ้าไม่นับเหตุการณ์ที่เกิดกับมาเลเซียแอร์ไลน์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเป็น 225 คน ใกล้เคียงกับปี 2556 ที่มีผู้เสียชีวิตจากเครื่องบินตกน้อยที่สุดคือ 224 คน
แม้เครื่องบินตกจะเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่จากการเปิดเผยของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไอเอทีเอ) ระบุว่า จำนวนผู้ใช้บริการเครื่องบินช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ปี 2557 เพิ่มขึ้นถึง 5.8% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2558
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ทำให้เกิดแนวคิดการเชื่อมต่อข้อมูลการบินระหว่างชาติเพื่อประสิทธิภาพในการเฝ้าติดตามเครื่องบินแต่ละเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริหารด้านการบินทั่วโลกใกล้จะประกาศมาตรการใหม่เพื่อใช้ติดตามเที่ยวบิน ได้แก่ กำหนดให้ถ้าเที่ยวบินนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินกะทันหันจะต้องรายงานตำแหน่งของเครื่องบินทุก 5 นาที ส่วนถ้าเป็นเที่ยวบินตามปกติ ให้นักบินต้องรายงานตำแหน่งทุกครึ่งชั่วโมง การทำเช่นนี้จะช่วยได้มากเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเครื่องบินที่จะส่งหน่วยกู้ภัยออกไปค้นหาและช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) กำลังทบทวนถึงพื้นที่ ซึ่งมีการสู้รบกันว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใดที่จะให้เครื่องบินผ่านเข้าไปในน่านฟ้า โดยเฉพาะในปัจจุบันมีหลายพื้นที่ในโลกที่อยู่ในการยึดครองของกลุ่มกบฏที่มีอาวุธร้ายแรง
เดวิด เลียร์เมาท์ แห่งนิตยสารไฟท์โกลบอล เห็นว่า แม้จะเกิดเหตุเครื่องบินตกที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งโลกอยู่หลายครั้งในปี 2557 แต่ไม่กระทบกับการใช้บริการเครื่องบินทั้งเพื่อไปติดต่อธุรกิจหรือไปเที่ยวพักผ่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะตามสถิติแล้วการเดินทางด้วยเครื่องบินก็ยังมีความปลอดภัยมากที่สุด
ต่างจากทอม บันน์ ที่เปิดศูนย์เอสโอเออาร์ในสหรัฐช่วยให้คำปรึกษาผู้ที่กลัวการเดินทางโดยเครื่องบินที่เห็นว่าความคิดด้านลบกับการเดินทาง โดยเครื่องบินจะยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของนักเดินทางไปอีกนาน “ความไม่ไว้วางใจการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเรื่องที่ฝังลึกมากและจะมีผลกระทบอยู่นานทีเดียว อย่างที่คนกลัวการขึ้นเครื่องบินพูดถึงหายนะที่เกิดขึ้นกับมาเลเซียแอร์ไลน์ทั้ง 2 ครั้งว่าเป็นฝันร้ายที่สุดของพวกเขาแล้ว”.

http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/europe/ukraine/10993482/MH17-what-we-know-so-far.html

เปรียบเทียบความแตกต่างของแอร์เอเชีย อินโดนีเซีย QZ8501 กับมาเลเซีย แอร์ไลน์ส MH370

airplane_indonesia_malaysia
airplane_indonesia_malaysia

นั่งค้นข้อมูลว่าเครื่องบิน 2 ลำในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ตก
ในปี 2557 มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เพราะเป็นไปได้ว่า
ข้อสอบเข้า ม.3 วิชาสังคม อาจหยิบเหตุการณ์ในข่าวมาออกข้อสอบ
ก็ต้องหาข่าวมาอ่านกันหน่อยว่าตกที่ไหน เพราะอะไร
ทั้งที่ปี 2557 มีตกถึง 15 ครั้ง แล้ว 2 ครั้งนี้สำคัญอย่างไร
http://www.thaiall.com/blog/burin/6685/

เหตุเครื่องบิน QZ8501 ของสายการบินแอร์ เอเชีย ทำให้หลายคนย้อนนึกถึงเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH 370 ซึ่งหายไปอย่างเป็นปริศนามาเป็นเวลานานถึง 10 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา และยังไม่พบร่องรอยจนถึงขณะนี้

จุดที่คล้ายกันระหว่างสองเหตุการณ์คือ เป็นเครื่องบินของสายการบินของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหายในลักษณะขาดการติดต่อ แต่ไมเคิล เพอร์สัน ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น เสนอมุมมองว่าเหตุการณ์และปฏิบัติการค้นหาของทั้ง 2 กรณีมีความแตกต่างกันด้วยเหตุผล 3 ประการคือ

หนึ่ง สมมุติฐานเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เครื่องขาดการติดต่อแตกต่างกัน ในกรณีของเอ็มเอช 370 มีข้อมูลชี้ว่า มีการปิดเครื่องส่งสัญญาณบนตัวเครื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่เครื่องจะบินออกนอกเส้นทางกระทันหัน ทำให้มีความกังวลว่าการหายไปอย่างเป็นปริศนาของเครื่องบินเอ็มเอช 370 อาจเกี่ยวข้องกับการจี้เครื่องบินหรือการก่อการร้าย

ส่วนกรณีของเครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินคิวแซด 8501 แม้จะยังไม่มีข้อสรุปถึงสาเหตุที่เครื่องบินสัญญาณขาดหาย แต่นักวิเคราะห์ต่างพุ่งเป้าไปที่สภาพอากาศว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ก่อนขาดการติดต่อ กัปตันได้ส่งสัญญาณระดับการบินจากความสูง 32,000 ฟุต เป็น 38,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล เพื่อหลบหลีกมวลกลุ่มเมฆที่จับตัวหนา

หตุผลประการที่2 คือ น่านน้ำที่ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินทั้ง 2 ลำ มีความแตกต่างกันในแง่ภูมิศาสตร์ซึ่งอาจส่งผลต่อความยากง่าย และระยะเวลาในการค้นหา โดยกรณีเอ็มเอช 370 ซึ่งทางการมาเลเซียประกาศว่าตกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งเมืองเพิร์ธของออสเตรเลีย การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากมหาสมุทรอินเดียมีความลึกมากกว่า 6 พันเมตร ทั้งยังไม่เคยมีการทำแผนที่อธิบายลักษณะของพื้นใต้ทะเลเอาไว้ ประกอบกับพื้นที่ค้นหานั้นห่างไกลจากจุดสุดท้ายที่ติดต่อเครื่องบินเอ็มเอช 370 ได้ ทำให้เป็นปัจจัยสำคัญที่การค้นหาต้องใช้เวลานาน ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินคิวแซด8501 ในทะเลชวาอาจง่ายกว่าตรงที่ทะเลชวาตื้นกว่ามหาสมุทรอินเดีย โดยมีความลึกประมาณ 46 เมตร ทั้งยังเป็นเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ ซึ่งอาจทำให้ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินคิวแซด 8501 กินเวลาน้อยกว่าเครื่องบินเอ็มเอช 370

ขณะที่ข้อแตกต่างประการที่สาม ระหว่าง 2 เหตุการณ์ นั่นคือปฏิกิริยาตอบสนองของทั้ง 2 สายการบินและรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต่อครอบครัวผู้โดยสารและลูกเรือที่แตกต่างกัน โดยภายหลังจากที่เครื่องบินเอ็มเอช 370 ขาดการติดต่อไป ข้อมูลทั้งจากสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สและรัฐบาลมาเลเซียมีความสับสนไม่ชัดเจน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ครอบครัวผู้สูญหายเป็นอย่างมาก

แต่เหตุการณ์คิวแซด 8501 นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยทันทีที่ทราบว่าเครื่องบินขาดการติดต่อ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ผู้บริการสายการบินแอร์ เอเชีย ไม่รีรอที่จะทวีตข้อความสื่อสารว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกของครอบครัวผู้โดยสารและลูกเรือในช่วงเวลาเลวร้ายนี้ โดยสายการบินจะทำทุกวิถีทางในการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและโปร่งใสต่อครอบครัวผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 162 คน

นอกจากนี้ นายเฟอร์นันเดสได้เดินทางไปยังเมืองสุราบายาทันทีในคืนวันเกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย แอร์เอเชีย และเข้าพบกับครอบครัวผู้ประสบเหตุเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัวในวันรุ่งขึ้น ซึ่งวิธีการตอบสนองต่อเหตุการณ์และการให้ข้อมูลของนายเฟอร์นันเดซ ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวิกฤตว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดต่อสถานการณ์เช่นนี้

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินต่างเชื่อว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพสูงในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยอุบัติเหตุเรือล่มและเครื่องบินตกจากประสบการณ์หลายครั้ง รวมทั้งสภาพภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะกว่า 18,000 แห่ง ก็น่าจะทำให้การรับมือกับวิกฤตครั้งนี้มีความคล่องตัวกว่า

แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้นหาเครื่องบินคิวแซด 8501 เป็นไปอย่างลำบาก น่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศที่เลวร้ายบริเวณพื้นที่ค้นหา เนื่องจากมรสุมประจำปีเหตุเครื่องบินQZ8501 ของสายการบินแอร์ เอเชีย ทำให้หลายคนย้อนนึกถึงเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่MH 370 ซึ่งหายไปอย่างเป็นปริศนามาเป็นเวลานานถึง 10 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา และยังไม่พบร่องรอยจนถึงขณะนี้

จุดที่คล้ายกันระหว่างสองเหตุการณ์คือ เป็นเครื่องบินของสายการบินของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหายในลักษณะขาดการติดต่อ แต่ไมเคิล เพอร์สัน ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น เสนอมุมมองว่าเหตุการณ์และปฏิบัติการค้นหาของทั้ง 2 กรณีมีความแตกต่างกันด้วยเหตุผล 3 ประการคือ

หนึ่ง สมมุติฐานเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เครื่องขาดการติดต่อแตกต่างกัน ในกรณีของเอ็มเอช 370 มีข้อมูลชี้ว่า มีการปิดเครื่องส่งสัญญาณบนตัวเครื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่เครื่องจะบินออกนอกเส้นทางกระทันหัน ทำให้มีความกังวลว่าการหายไปอย่างเป็นปริศนาของเครื่องบินเอ็มเอช 370 อาจเกี่ยวข้องกับการจี้เครื่องบินหรือการก่อการร้าย

ส่วนกรณีของเครื่องบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินคิวแซด 8501 แม้จะยังไม่มีข้อสรุปถึงสาเหตุที่เครื่องบินสัญญาณขาดหาย แต่นักวิเคราะห์ต่างพุ่งเป้าไปที่สภาพอากาศว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ก่อนขาดการติดต่อ กัปตันได้ส่งสัญญาณระดับการบินจากความสูง 32,000 ฟุต เป็น 38,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล เพื่อหลบหลีกมวลกลุ่มเมฆที่จับตัวหนา

เหตุผลประการที่2 คือ น่านน้ำที่ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินทั้ง 2 ลำ มีความแตกต่างกันในแง่ภูมิศาสตร์ซึ่งอาจส่งผลต่อความยากง่าย และระยะเวลาในการค้นหา โดยกรณีเอ็มเอช 370 ซึ่งทางการมาเลเซียประกาศว่าตกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งเมืองเพิร์ธของออสเตรเลีย การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากมหาสมุทรอินเดียมีความลึกมากกว่า 6 พันเมตร ทั้งยังไม่เคยมีการทำแผนที่อธิบายลักษณะของพื้นใต้ทะเลเอาไว้ ประกอบกับพื้นที่ค้นหานั้นห่างไกลจากจุดสุดท้ายที่ติดต่อเครื่องบินเอ็มเอช 370 ได้ ทำให้เป็นปัจจัยสำคัญที่การค้นหาต้องใช้เวลานาน ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินคิวแซด8501 ในทะเลชวาอาจง่ายกว่าตรงที่ทะเลชวาตื้นกว่ามหาสมุทรอินเดีย โดยมีความลึกประมาณ 46 เมตร ทั้งยังเป็นเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ ซึ่งอาจทำให้ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินคิวแซด 8501 กินเวลาน้อยกว่าเครื่องบินเอ็มเอช 370

ขณะที่ข้อแตกต่างประการที่สามระหว่าง 2 เหตุการณ์ นั่นคือปฏิกิริยาตอบสนองของทั้ง 2 สายการบินและรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต่อครอบครัวผู้โดยสารและลูกเรือที่แตกต่างกัน โดยภายหลังจากที่เครื่องบินเอ็มเอช 370 ขาดการติดต่อไป ข้อมูลทั้งจากสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สและรัฐบาลมาเลเซียมีความสับสนไม่ชัดเจน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ครอบครัวผู้สูญหายเป็นอย่างมาก

แต่เหตุการณ์คิวแซด 8501 นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยทันทีที่ทราบว่าเครื่องบินขาดการติดต่อ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ผู้บริการสายการบินแอร์ เอเชีย ไม่รีรอที่จะทวีตข้อความสื่อสารว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกของครอบครัวผู้โดยสารและลูกเรือในช่วงเวลาเลวร้ายนี้ โดยสายการบินจะทำทุกวิถีทางในการให้ข้อมูลที่ชัดเจนและโปร่งใสต่อครอบครัวผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 162 คน

นอกจากนี้ นายเฟอร์นันเดสได้เดินทางไปยังเมืองสุราบายาทันทีในคืนวันเกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย แอร์เอเชีย และเข้าพบกับครอบครัวผู้ประสบเหตุเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัวในวันรุ่งขึ้น ซึ่งวิธีการตอบสนองต่อเหตุการณ์และการให้ข้อมูลของนายเฟอร์นันเดซ ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวิกฤตว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดต่อสถานการณ์เช่นนี้

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินต่างเชื่อว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพสูงในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยอุบัติเหตุเรือล่มและเครื่องบินตกจากประสบการณ์หลายครั้ง รวมทั้งสภาพภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะกว่า 18,000 แห่ง ก็น่าจะทำให้การรับมือกับวิกฤตครั้งนี้มีความคล่องตัวกว่า

แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้นหาเครื่องบินคิวแซด 8501 เป็นไปอย่างลำบาก น่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศที่เลวร้ายบริเวณพื้นที่ค้นหา เนื่องจากมรสุมประจำปี
http://news.sanook.com/1722913/
http://www.thairath.co.th/clip/10505

ข้อมูล Air Asia QZ8501 สูญหาย

airasia_qz8501
airasia_qz8501

4 ม.ค.58 13:15
ทำผิด!! แอร์เอเชีย เที่ยวบิน สุราบายา-สิงคโปร์ ไม่มีใบอนุญาตขึ้นบินในทุกวันอาทิตย์
ยืนยันเครื่องบินโดยสารของ สายการบินแอร์ เอเชีย ไม่มีใบอนุญาตให้ขึ้นบินเส้นทางนี้ ในวันอาทิตย์ ขณะที่กระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียประกาศจะดำเนินการตรวจสอบเที่ยวบินของแอร์ เอเชียทั้งหมดในประเทศอินโดนีเซีย หลังได้สั่งระงับเที่ยวบิน สุราบายา-สิงคโปร์ ของแอร์เอเชียทั้งหมดไปแล้ว


28 ธ.ค.57 23:00
รอดปาฏิหาริย์! 5ชีวิตพ่อแม่ลูก ยกเลิกบินQZ8501
ครอบครัวของ นาย ชานดรา ซูซานโต จากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประกอบด้วยตัวเขา, ภรรยา และลูกๆอายุระหว่าง 5-10 ขวบอีก 3 คน รอดพ้นจากการประสบชะตากรรม บนเที่ยวบิน QZ8501 ของสายการบิน แอร์เอเชีย ที่หายสาบสูญไปเมื่อเช้าวันอาทิตย์ เพราะพวกเขายกเลิกตั๋วไปสิงคโปร์ เนื่องจากญาติผู้ใหญ่ป่วย

28 ธ.ค.57 18:49
แอร์เอเชียแถลงฉบับ 3 เรื่องสัญชาติผู้โดยสาร และลูกเรือ บนเที่ยวบิน ซึ่งมีผู้โดยสารสัญชาติสหราชอาณาจักร 1 คน อยู่บนเที่ยวบิน และสัญชาติฝรั่งเศส 1 คนเป็นลูกเรือ ทั้งนี้มีผู้โดยสารสัญชาติอื่น ๆ ดังนี้ สิงคโปร์ 1 คน มาเลเซีย 1 คน เกาหลีใต้ 3 คน สหราชอาณาจักร 1 คน และ อินโดนีเซีย 149 คน สำหรับลูกเรือมีสัญชาติฝรั่งเศส 1 คน และอินโดนีเซีย 6 คน

28 ธ.ค.57 12:50
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า วันนี้ (28 ธ.ค. 57) เครื่องบินแอร์บัส 320-200 ของสายการบินแอร์เอเชีย อินโดนีเซีย เที่ยวบิน QZ8501 อินโดนีเซีย – สิงคโปร์ ขึ้นบินจากสนามบินสุบารายา ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินจาการ์ตาร์ เมื่อเวลา 06.15 น. เวลาตามเวลาท้องถิ่น

http://www.thairath.co.th/feed/62-Air%20Asia%20QZ8501?p=1

เล่าสู่กัน .. ฟังหลังเตรียมสอนเรื่อง “ทฤษฎีแรงจูงใจ”

กุ้งเต้นจริง ต้องอยู่ในภาชนะปิด เพราะเขากำลังดิ้นรน
กุ้งเต้นจริง ต้องอยู่ในภาชนะปิด เพราะเขากำลังดิ้นรน

เขาว่า กรรม (Karma) คือการกระทำ (Acting or Doing) ถ้าดีก็ส่งผลดี ทำชั่วก็จะส่งผลชั่ว

เคยเห็นข่าวอยู่บ่อยคร้้ง
บางทีเชื่อว่าการทำชั่วเป็นความดี หลังทำชั่วแล้วรู้สึกดี .. เยอะเลย
เช่น แบ่งสีเสื้อทางการเมือง ต่างก็คิดว่าทุกคนทำกรรมดี ดีในแบบของตน
หรือที่ผมกินกุ้งเต้น .. จะรู้สึกใจเบิกบาน เมื่อได้กัดไปตัวกุ้งที่กำลังดิ้น
ทั้ง ๆ ที่กุ้งกำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด อยากร้องขอชีวิตก็ทำไม่ได้
ทุกวันนี้ผมต้องสะกดจิตตนเองว่า “สิ่งที่เรากิน ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
หรือกรณีพระที่ผิดศีลกามาฯ หรือสุราฯ ตามข่าวที่พบได้บ่อย
ทุกรูปมีธรรมไม่เฉพาะในใจ แต่มีติดกายกันเลย แต่ก็ยังประพฤติผิดศีล
เพราะท่านคิดว่าเป็นกรรมดีในแบบของท่าน แต่ไม่ใช่กรรมดีในสมณเพศ

ในทฤษฎีแรงจูงใจ – ทฤษฎีเกี่ยวกับจิตวิญญาณ (Spiritual theory)
คุณจำลอง ดิษยวณิช (2545) ให้ความหมายของคำว่าจิตวิญญาณ ว่า “จิตวิญญาณ หมายถึง ภวังคจิต (the life continuum) ในพุทธศาสนา หรือจิตไร้สำนึก (the unconscious) ในจิตวิเคราะห์” จิตวิญญาณเป็นส่วนลึกภายในจิตใจของมนุษย์มีแรงจูงใจที่ทรงพลังอย่างหนึ่งคือ “กรรม” กรรมเป็นการกระทำของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นทางใจ ทางวาจา หรือทางกาย ถ้ากระทำกรรมดีก็จะส่งผลไปในทางที่ดี ถ้ากระทำกรรมชั่วก็จะส่งผลไปในทางที่ไม่ดี ทำกรรมเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น สมดังคำกล่าวว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

ดังนั้นต้องระวังกรรมทั้งของตนเอง และจากผู้อื่นให้ดี
เพราะไม่รู้ว่าใครจะทำกรรมดีในแบบของเขา แต่เป็นกรรมชั่วในแบบของเราต่อเรา
http://www.thaiall.com/hci/

จ่ายเงินให้กับรูปลักษณ์ภายนอก หรือภายใน

price of banana packaging
price of banana packaging
13 ธ.ค.57 ปกติผมจะซื้อกล้วยประมาณหวีละ 15 บาท
ถ้าซื้อหวีละ 20 บาท แสดงว่าภายนอกสวยมาก หรือสุดวิสัยที่หาถูกไม่ได้
แล้ววันนี้ ไปพบแม่ค้าขายหวีละ 20 กับ 10 บาท ไม่มีหวีละ 15 บาท
ก็ทำให้นึกถึงคำพูดของผู้ว่าฯ ที่พูดไว้เรื่อง product design ของญี่ปุ่น
ในงานประชุมวิชาการระดับชาติ ปี 2557 ที่มหาวิทยาลัยเนชั่น
ว่าราคาสมัยนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวสินค้าอย่างเดียว แต่อยู่ที่หีบห่อด้วย
เช่น ญี่ปุ่นตั้งราคา 100 บาท เป็นค่าหีบห่อ 40 บาท ส่วนของไทยเรา 5 บาทเอง
เพราะลูกค้ามักดูที่หีบห่อ แบะหีบห่อก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาต่างกัน
อย่างกล้วยคู่นี้ก็มีรสชาติเหมือนกัน เพราะหวีละ 10 บาทเท่ากัน
ดูแล้วก็น่าจะมาจากต้นเดียวกัน
ส่วนกล้วยหวีละ 20 บาท ที่ผมก็ไม่ได้หยิบมา
เพราะดูขนาด 20 กับ 10 บาทแล้ว ผมว่าพอ ๆ กัน
ต่างกันที่ความสวยงามของเปลือกนอกเท่านั้น
สรุปว่าแม่ค้าก็เลือกตั้งราคา จากรูปร่างภายนอก ไม่ได้พิจารณาจากภายใน
ส่วนลูกค้าก็คงเลือกซื้อกล้วยสวย ๆ หวีละ 20 บาท โดยดูจากรูปลักษณ์ภายนอกเช่นกัน
ส่วนวันนี้อารมณ์ดี ทำให้ผมสนภายในมากกว่า จึงเลือกซื้อหวีละ 10 บาท 2 หวี