ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงดวงดาว

ภาพยนตร์เรื่อง Looper
พยายามจะสื่อว่า ถ้าคุณพบว่ามีข้อผิดพลาดใน loop
แล้วรู้ว่าสามารถหยุดข้อผิดพลาดที่เกิดในอนาคต
ด้วยการหยุดปัจจุบัน
คุณจะทำไหม .. ในเรื่องนี้บอกว่า เขาทำ
เป็นความสัมพันธ์ของคำว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

วันนี้ผมบ่นเรื่อง .. Butterfly Effect
สอดรับกับ “ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงดวงดาว
2 ก.พ.2557 เพื่อน ๆ ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร
ย่อมสะท้อนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
บางทีการกระทำไม่ได้สะท้อนในทันที และไม่ได้สะท้อนต่อตัวเรา
แต่สะท้อนถึงผู้คนที่ต้องรับผลกระทบจากความคิดหนึ่งของเรา
เช่น ซื้อหวย ก็จะปฏิเสธไม่ได้ว่าสนับสนุนคนทำผิดกฎหมาย
หรือ ซื้อก๋วยเตี๋ยวทุกวัน ทำให้ร้านข้าวแกงข้าง ๆ เจ้งไปเพราะเราไม่ซื้อ
หรือ คนในหมู่บ้าน ไม่ใส่บาตร พระก็ต้องย้ายไปจำพรรษาที่อื่น
หรือ ชื่นชมรายการ ฟันธงราศี ก็สนับสนุนให้คนไม่ยึดมั่นในความจริง
เป็นต้น

แนะนำคำว่า butterfly effect หรือ chaos
แนะนำคำว่า butterfly effect หรือ chaos

ที่มาของ ทฤษฎี Chaos
ผีเสื้อกระพือปีกย่อมเกิดพายุใหญ่ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

by Professor Edward Lorenz (1917-2008)
Does the flap of a butterfly’s wings in Brazil
Set Off a Tornado in Texas?

http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=1104.0

Specifically Lorenz studied a primitive model of how an air current would rise and fall while being heated by the sun.
ลอเรนซ์เจาะจงศึกษาแบบจำลองเก่าแก่ที่ว่าด้วยกระแสลมที่ลอยตัวขึ้นหรือลดต่ำลงเมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์

Lorenz’s computer code contained the mathematical equations which governed the flow the air currents. Since computer code is truly deterministic, Lorentz expected that by inputing the same initial values, he would get exactly the same result when he ran the program.
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของลอเรนซ์ลอเรนซ์ประกอบด้วยสมการคณิตศาสตร์หลายสมการ ที่ครอบคลุมการไหลเวียนของกระแสลม และเนื่องจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่ตายตัว(Deterministic) ลอเรนซ์ จึงคาดว่าเมื่อใส่ตัวเลขเบื้องต้นที่เหมือนๆกันเข้าไป เมื่อรันโปรแกรมแล้ว เขาก็ควรได้รับผลลัพท์ที่ออกมาเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน

Lorenz was surprised to find, however, that when he input what he believed were the same initial values, he got a drastically different result each time.
แต่ ลอเรนซ์ต้องแปลกใจเมื่อเขาพบว่า ตัวเลขที่เขาคิดว่าเหมือนกันเมื่อตอนใส่อินพุทนั้น กลับให้ผลลัพท์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในการรันแต่ละครั้ง

By examining more closely, he realized that he was not actually inputing the same initial values each time, but ones which were slightly different from each other.
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อมา เขาพบว่าตัวเลขที่เขาใส่ลงไปนั้น เขาไม่ได้ใส่ตัวเลขเดียวกันลงไปทุกครั้ง ตัวเลขที่เขาใส่แต่ละครั้ง จะมีค่าแตกต่างกันเล็กน้อย

He did not notice the initial values for each run were different because the difference was incredibly small, so small as to be considered microscopic and insignificant by usual standards.
เขาไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างของตัวเลขที่เขาใส่ลงไป เพราะความแตกต่างที่มีนั้น มันน้อยจนแทบไม่น่าเชื่อ มันเล็กขนาดที่ถือกันว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีหรือจุลภาค(Microscopic) และถือว่าไม่มีค่าในมาตรฐานปกติ

The mathematics inside Lorenz’s model of atmospheric currents was widely studied in the 1970’s. Gradually it came to be known that even the smallest imaginable discrepancy between two sets of initial conditions would always result in a huge discrepancy at later or earlier times, the hallmark of a chaotic system, of course.
ในทศวรรษ 1970 มีการศึกษาตัวเลขในแบบจำลองกระแสลมของลอเรนซ์อย่างกว้างขวาง และก็ต่อๆมาก็เป็นที่ที่รู้กันว่า แม้ความแตกต่างจะมีค่าเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม จะสามารถทำให้เซ็ทของเงื่อนไขก่อนหน้าสองเซ็ทมีผลที่แตกต่างกันอย่างมหาศาลไม่ว่าจะในภายหน้าหรือในกาลย้อนหลัง นี่ก็คือสัญญลักษณ์ของระบบที่ไร้ระเบียบ(Chaotic System) นั่นเอง

Scientists now believe that like Lorenz’s simple computer model of air currents, the weather as a whole is a chaotic system. This means that in order to make long-term weather forecasts with any degree of accuracy at all, it would be necessary to take an infinite number of measurements.
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า สภาพอากาศโดยรวมนั้น เป็นระบบไรัระเบียบแบบเดียวกับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ของลอเรนซ์ ซึ่งหมายความว่า ถ้าจะพยากรณ์อากาศระยะยาวให้มีความแม่นยำ จำต้องมีตัวเลขจากการวัดต่างๆที่มีค่าถูกต้องสมบูรณ์

Even if it were possible to fill the entire atmosphere of the earth with an enormous array of measuring instruments—in this case thermometers, wind gauges, and barometers—uncertainty in the initial conditions would arise from the minute variations in measured values between each set of instruments in the array.
ดังนั้น แม้ว่าจะมีเครื่องวัดค่าต่างๆเต็มท้องฟ้า เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บาโรมิเตอร์ ที่วัดลม ฯ ก็ตาม ความคลาดเคลื่อนแม้เพียงเล็กน้อยที่เกิดจากการวัดต่างๆ ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในค่าตั้งต้นขึ้น

Because the atmosphere is chaotic, these uncertainties, no matter how small, would eventually overwhelm any calculations and defeat the accuracy of the forecast.
และเพราะบรรยากาศของเรานี้ยไร้ระเบียบ ความไม่แน่นอนเหล่านั้นไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไรก็ตาม ที่สุดแล้วก็จะท่วมท้นการคำนวนต่างๆ และจะทำลายความแม่นยำของการพยากรณ์

ขอซื้อซาลาเปาครับ

ซาลาเปา
ซาลาเปา

ผมชอบเรื่องซาลาเปา

ชี้ชัดเรื่องการเครารพตนเอง กับการเครารผู้อื่น
แต่ชีวิตจริงมีปัจจัยประกอบการตัดสินใจเยอะครับ

เหตุ .. ในมุมของนายจ้าง
เรื่องนี้สะท้อนว่า “ลูกค้าต้องมาก่อน”
ถ้าพนักงานทำตัวไม่ดีต่อลูกค้าสักคน
ต้องถูกไล่ออก เชือดไก่ให้ลิงดู
และก็เลือกหาพนักงานที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม
ที่สำคัญ จ้างถูกกว่าคนเก่า

ผล .. ในมุมของลูกจ้าง
“โห เถ้าแก่
ผมรักและห่วงภาพพจน์ร้านมาก
ทำไป เพราะกลัวลูกค้ารู้สึกระคาย
ทั้ง คุณหนู คุณนาย ในร้านก็เยอะ
.. นี่เถ้าแก่ไล่ผม ที่ทำงานมา 10 ปี
และเป็นลูกจ้างที่เป็น GM ออกเลยเหรอ

นี่ผมทำผิดครั้งเดียวเองนะ
ทำเงี้ย ผมเปิดร้านแข่งเลยนะ”

การให้พนักงาน ออกสักคน
เถ้าแก่น่าจะคิดเยอะ ๆ หน่อย ตามหนังสือ โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ
http://www.thaiall.com/blogacla/admin/1490/

เรื่องนี้เป็น 1 ใน 3 ของ structured programming

เรื่องนี้เป็น 1 ใน 3 ของ structured programming

ความรุนแรง (violent)
ความรุนแรง (violent)

ในชีวิตจริง
มีคำว่า if .. then .. ให้เห็นอยู่เสมอตามข่าว
เช่น ระเบิดที่ ถ.บรรทัดทอง
เพราะการระเบิดที่ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ
จะมีผลให้สถานการณ์เปลี่ยนไป

เขียนเป็น pseudocode ได้ว่า
ถ้า มีความรุนแรง และมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ
แล้ว รัฐบาลต้องรับผิดชอบ หรือเปลี่ยนผู้บริหารประเทศ
หรือ
if $violent == true then
change(“yes”)
else
change(“no”)


http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000006295

คนกินเจ กับคนเขียงหมู

หยิน หยาง ในดำมีขาว และในขาวก็มีดำ
หยิน หยาง ในดำมีขาว และในขาวก็มีดำ

ศุกร์ที่ 27 ธ.ค.56 ได้ฟัง senior
เล่าเรื่องความขัดแย้ง 2 เรื่อง ที่ดูเหมือนหวังว่าจะพูดคุยกันได้
ซึ่งเป็น case study เกี่ยวกับ ความเชื่อที่แตกต่างกัน
แล้วทำให้นึกถึงการอุปมาอุปมัยระหว่าง “คนกินเจ กับคนเขียงหมู
เพราะคนกินเจมีคำสำคัญคือ “เมตตา” แต่คนเขียงหมูมีคำว่า “อยู่รอด
.. ผมเชื่อว่าคน 2 กลุ่มนี้เถียงกันไม่จบสิ้น .. ไปถึงวันสิ้นโลก

อีกตัวอย่างของความเชื่อของ 4 คนที่ไม่มีวันลงรอยกัน
เมื่อต้องทานอาหารหม้อเดียวกัน
คือ คนไม่กินหมู คนไม่กินไก่ คนไม่กินผัก และคนกินเจ
แต่คนโลกสวยก็บอกว่าให้บูรณาการ

อุปมาอุปไมย คือ ประโยคเปรียบเทียบ 2 เรื่อง
อุปมา หมายถึง สิ่งที่ต้องการนำไปเปรียบเทียบ
อุปไมย หมายถึง สิ่งที่ต้องการถูกเปรียบเทียบ
เช่น “ความขัดแย้งระหว่างคนกินเจและคนเขียงหมู กับพรรคการเมืองสองขั้ว
หรือ “ดีเหมือนพระ” หรือ “ขาวเหมือนนุ่น

ดร.นิรันดร์ และนิก ณ แม่น้ำลูอิส

ดร.นิรันดร์ และนิก ณ แม่น้ำลูอิส

salmon ที่แม่น้ำลูอิส
salmon ที่แม่น้ำลูอิส

ดร.นิรันดร์ และนิก เอกพร จิวะสันติการ
ไปตกปลากับเพื่อน ๆ เมื่อ 12 ตุลาคม 2556
ณ แม่น้ำลูอิส รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ได้ปลาแซลมอนตัวใหญ่มาหลายตัว ส่งเข้าโรงงานกระป๋อง
เก็บไว้ทานได้นานวัน

ด้านหลังของกระป๋องปลาแซลมอน
ด้านหลังของกระป๋องปลาแซลมอน

http://www.youtube.com/user/nirundjiva

หนังสือที่ระลึกงานทำบุญครบ 100 วัน

หนังสือที่ระลึกงานทำบุญครบ 100 วัน
หนังสือที่ระลึกงานทำบุญครบ 100 วัน

ผมเสียพี่ชายคนหนึ่งไป มักเรียกท่านว่าพี่โอ
เป็นโรคปัจจุบันทันด่วน ปวดท้อง ไปเสียที่โรงพยาบาล
เสียเมื่อ 1 ก.ย.56 อายุ 45 ปี
แล้ววันที่ 7 ธ.ค.56 ทำบุญ 100 วัน
ป้าวรรณ แจกหนังสือผู้ร่วมงานบุญ ผมก็ได้รับหนังสือที่ระลึกมาด้วย
อ่านแล้วรู้สึกว่าให้คติเตือนใจที่ดีมาก ๆ
แปลจากบางส่วนของหนังสือ ชีวิตหลังความตาย (Live After Death)
เขียนโดย นพ.ดีปัก โชปรา หรือดีพัค โชปรา (Deepak Chopra)
แปลโดย พวงแสด และแบงค์
เป็นเรื่องราวของหนุ่มรูปงาม สัตยาวรรณ กับภรรยาแสนสวยชื่อ สาวิตรี
โดยมีพญายม กับ รามา ในฐานะองค์ศักดิ์สิทธิ์
.. ได้คติว่า ทุกคนต้องตาย และเกิด และตาย
ที่เรารู้ว่ามีอยู่ คือ ตอนมีชีวิต
แล้วตอนเราไม่มีชีวิต เราก็ไม่รู้
แต่ไม่ได้หมายความว่า การไม่มี จะหมายถึงไม่มี
เสมือนน้ำใสสะท้อนแสงจันทร์
ถ้าใจขุ่นก็ไม่เห็นเงา แต่จันทร์ก็ไม่ได้หายไปไหน
.. และอีกมากมาย
http://www.youtube.com/watch?v=T_rdYiLAz38

โคมยี่เป็ง กับสามคำ “ไม่เลิก ไม่รอ ไม่รับ”

27 พ.ย.56 หลังเทศกาลปล่อยโคมช่วงงานลอยกระทง หรือล่องสะเปา
ตามประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อของชาวล้านนา
ก็มีประเด็นเรื่องการปล่อยโคมในภาพยนตร์
ซึ่งชาวล้านนาไม่สบายใจนัก ที่เห็นการปล่อยโคมแบบพิศดาล
ที่คาดไม่ถึงในเรื่อง “โอ้! มายโกส ต์คุณผีช่วย”

โคมยี่เป็งกับ 4 คูหา
โคมยี่เป็งกับ 4 คูหา

สำนักข่าวนอร์ทพับบลิคนิวส์
14 พ.ย.2556 รองปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ ปี 2556
กำหนดแนวคิดว่า แอ่วยี่เป็งเจียงใหม่ ปลอดประทัดยักษ์ ไร้แอลกอฮอล์
นอกจากนี้ ยังรณรงค์ให้งดปล่อยโคม ทั้งโคมควันและโคมไฟ
หรือหากต้องการปล่อย ต้องใช้โคมที่ได้มาตรฐานและปล่อยตามเวลา
ที่ไม่กระทบต่อระบบการบินและอากาศยาน
คือ หลังเวลา 21.00น. เป็นต้นไป
http://www.northpublicnews.com/?p=3854

ลดปล่อยโคม
ลดปล่อยโคม

โคมลอย ลอยทำไม ลอยเพื่อใคร
ที่มาของการจุด “โคมลอย” หรือที่คนล้านนาโบราณเรียกว่า “ว่าวไฟ” “ว่าวควัน” หรือ “ว่าวลม” (ว่าวฮม) นั้น
จุดประสงค์ดั้งเดิมที่แท้จริงหาใช่เพื่อความรื่นเริงบันเทิงไม่
หากแต่จุดเพื่อเป็นพุทธบูชาถวายแด่พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ตามพุทธประวัติกล่าวว่าภายหลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงปลงพระเกศาด้วยพระขรรค์เพื่อดำรงสมณเพศ ณ ริมฝั่งอโนมานทีนั้น
พระอินทร์ได้นำพระเกศธาตุหรือมวยผมของพระองค์ก่อนจะบรรลุธรรมมาเก็บรักษาไว้ให้ห่างไกลจากมนุษยโลก
เนื่องจากเป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ์ บรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์หนึ่งมีชื่อว่า “จุฬามณี” หรือ “จุฑาศรี”
และเชื่อว่าเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดจะมารวมตัวกันอยู่ในพระเจดีย์จุฬามณีเป็นหนึ่งเดียว

โคมลอยฟ้านั้น ชาวสยามในราชสำนักเริ่มรู้จักมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๑๖
เพราะเป็นคำที่ปรากฏอยู่ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ (หมายเหตุไม่ได้พิมพ์ผิด หนังสือเล่มนี้ใช้ “ศรับท์” แทน “ศัพท์”) หรือนิยมเรียกกันง่าย ๆ ว่า พจนานุกรมภาษาสยาม ที่ ดร.แดน บีช แบรดเลย์ จัดพิมพ์ขึ้น
(Dictionary of the Siamese Language by Dr.Dan Beach Bradley
, Bangkok 1873) โดย “หมอบรัดเล” เรียกโคมลอยว่า Balloon
และอธิบายว่า โคมลอย คือ ประทีปเครื่องสำหรับจุดไฟในนั้นให้สว่าง แล้วควันไฟก็กลุ้มอบอยู่ในนั้น ภาโคมให้ลอยขึ้นไปได้บนอากาษ (หน้า ๑๐๕)

ความนิยมจุด “โคมลอย” ทุกวันนี้ มีกันจนเฝือ แทบจะทุกงานประเพณีบุญ แพร่ลามมาถึงทุกงานเลี้ยงขันโตก
มีอยู่ช่วงหนึ่ง กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการแปดจังหวัดภาคเหนือตอนบน สั่งเตือนชาวให้ล้านนาเพลา ๆ
เรื่องการจุดโคมลอยให้น้อยลงหน่อย หรือหากงดจุดไปเลยได้ก็จะยิ่งดี
ข้ออ้าง คือ หาว่ามารบกวนวิถีการบินทำให้เครื่องบินเกิดอันตราย อันเป็นที่มาของการลุกฮือขึ้นประท้วงโดยชาวล้านนา
พร้อมกับคำถามแทงใจดำที่ว่า “ระหว่างเครื่องบินกับประเพณีการจุดโคมลอยของชาวล้านนาที่มีมาหลายร้อยปีแล้ว
ใครที่ควรเป็นฝ่ายถอย หากจะห้ามไม่ให้พวกเราจุดโคมลอย ควรไปห้ามไม่ให้มีเที่ยวบินน่าจะง่ายกว่า”
เหตุการณ์ขัดแย้งนั้นค่อนข้างรุนแรงอยู่หลายปี นำมาซึ่งกฎระเบียบมากมายในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ
เช่น การกำหนดระยะเวลาการจุดโคมลอยว่าให้สามารถกระทำได้ในระหว่างช่วงเวลาใดและสถานที่ไหนบ้าง
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตรงกับช่วงที่เครื่องบินจะเหินฟ้าออกจากท่าอากาศยาน เป็นที่ทราบกันดีว่า
ช่วงหัวค่ำระหว่างหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่มนั้นเป็นช่วงที่สายการบินชุกที่สุด แถมยังเป็นช่วงที่คนนิยมจุดโคมลอยมากที่สุดอีกเช่นกัน
แล้วใครควรเป็นฝ่ายถอย
วุ่นวายถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์ของสถาบันการศึกษาหลายสำนัก ทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแม่โจ้
ต่างก็ใช้วิกฤติที่กำลังขัดแย้งอยู่นั้นให้เป็นโอกาส ด้วยการแข่งขันกันออกแบบโคมลอยชนิดที่เวิร์คที่สุด
อาทิ สามารถเผาไหม้ในตัวเองภายในระยะเวลาไม่เกินกี่นาที หรือเมื่อลอยไปปะทะกับเครื่องบินแล้ว
จะไม่รบกวนสมาธิของกัปตัน เป็นต้น

อย่างไรเสีย ชาวล้านนายังคงยืนกรานแน่นหนักว่า “ไม่เลิก ไม่รอ ไม่รับ”
(ไม่เลิกจุดโคมลอย ไม่รอเวลาว่ากี่ทุ่มถึงกี่ทุ่ม และไม่รับรูปแบบโคมประยุกต์ที่ทางการกำหนดให้จุดได้เท่านั้น)
http://goo.gl/F1uNDP
จาก note ของ https://www.facebook.com/pensupa.sukkatajaiinn/notes

เลือกหมาป่า หรือสิงโต .. ดีนะ

เลือกหมาป่า หรือสิงโต .. ดีนะ

เลือกหมาป่า หรือสิงโต
เลือกหมาป่า หรือสิงโต

https://www.facebook.com/drsikares
ตอนที่ 1
หลายปีก่อน .. ผลการเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี
สิงโตได้รับเลือก จากนั้นสิงโตก็ปกครองตามปกติ
เหล่าลูกแกะต่างก็มีความสุข
ในมุมหนึ่งของป่า มีลูกแกะส่วนหนึ่งไม่พอใจ
ที่เห็นสิงโต แอบกินลูกแกะเป็นอาหาร
ยอมรับไม่ได้ที่สิงโตไม่เป็นมัง .. จึงรวมตัว

ตอนที่ 2
ลูกแกะที่รวมตัวแถวหน้า .. ออกมาแสดงความไม่พอใจ
หมาป่าได้โอกาส นำเหล่าลูกแกะแถวหน้า และปลุกลูกแกะทั้งหมด
รวมตัว ล้มการปกครองของสิงโตที่ไม่เป็นมัง
ถ้าล้มสำเร็จ ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่
หมาป่ารอโอกาสได้รับเลือกอีกครั้ง
(คงมีลูกแกะแถวหน้าสนใจตำแหน่งนี้)
ถ้าล้มได้ ก็จะรอความยุติธรรมครั้งใหม่ รอเลือกกันใหม่
.. ที่จะมาถึง ในวันพรุ่ง

ตอนที่ 3
แล้วลูกแกะแถวหน้า กับหมาป่า
.. ก็จะพอใจที่ล้มผลการเลือกตั้งครั้งเดิมนู้นได้
แล้วเริ่มต้นเลือกกันใหม่ .. อย่างยุติธรรม
แต่ผลของความยุติธรรมครั้งใหม่ที่จะมาถึง
.. คือ ลูกแกะส่วนใหญ่ยังคงเลือก (..) มาปกครองตน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152019366987272&set=a.423083752271.195205.350024507271

เรื่องขำ ๆ ของฝรั่ง #joke
พบภาพนี้ใน fb profile ของ ดร.สิขเรศ ศิรากานต์
ทำให้รู้สึกว่า ความยุติธรรมเกิดขึ้นได้
(ยุติธรรม คือ การกระทำที่ยุติ โดยไม่มีการคัดค้าน ยอมรับทุกฝ่าย)
เรื่องนี้ยุติได้ เพราะหมาป่า #fox กับสิงโต #lion
ยอมรับกติกาว่า จะปล่อยให้ลูกแกะเป็นฝ่ายเลือก #election
เพราะในภาพไม่มีลูกแกะตัวใดเป็นที่ยอมรับของลูกแกะทั้งฝูงได้
ถ้ามีลูกแกะตัวใด ขึ้นมาอยู่ข้างบน
.. ก็คงถูกหมาป่ากับสิงโตรับประทาน .. เป็นแน่
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=580005988715333&set=a.486450358070897.1073741825.230495236999745

เคยเปรียบเรื่องนี้ .. กับ
การล้ม ราชวงศ์ชิง ของ ดร.ซุนยัตเซ็น
ในภาพยนตร์ 1911
http://www.thaiall.com/blog/burin/5609/

อำนาจที่แสนหอมหวาน .. น่าแย่งชิง และเลือกข้าง

อำนาจที่แสนหอมหวาน .. น่าแย่งชิง และเลือกข้าง

พลังของการเจรจา ของศัลยแพทย์ negotiation
พลังของการเจรจา ของศัลยแพทย์ negotiation

ดูหนัง เป็นเรื่องของคนมีอำนาจ ชิงอำนาจกัน
พอชิงอำนาจมาได้ ก็หันมาชิงอำนาจกันเอง #goverment
เป็นบทเรียนเรื่องของอำนาจ ต้องเลือกข้างที่จะชนะเหมือนทหารชิง
1. ดอกเตอร์ซุน รวมสมัครพรรคพวก พยายามโค่นล้มราชวงศ์ชิง
2. พยายามแล้ว แต่สู้ไม่ได้ ต้องหาพวกเพิ่ม
3. ทหารชิง แปรพรรค สมคบกับดอกเตอร์ซุน #change
4. ในที่สุดก็ล้มราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ จะตั้งเป็นสาธารณรัฐ #state
5. ในที่สุดก็มีดอกเตอร์เป็นประธานาธิบดีได้แป๊ปนึง #president
6. และแล้วทหารชิง ก็กลับมาหักหลักดอกเตอร์ซุน เพราะอยากใหญ่
7. ทหารชิงคนนั้น ตั้งตัวเป็นจักรพรรดิใหม่ แต่ก็ต้องจากโลกไปในเวลาอันสั้น #king
8. บ้านเมืองขาดผู้นำ ก๊กต่าง ๆ พร้อมใจรบกันเอง เพื่อชิงอำนาจอันหอมหวาน
9. ในที่สุดก็รวมชาติได้ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ถึงปัจจุบัน

รายละเอียดผมอาจคลาดเคลื่อน โปรดใช้วิจารณญาณและหาข้อมูลเพิ่มเติม

ปล.ผมชอบฉาก พูดคุยกับนายธนาคาร เป็นผลตัดกำลังราชวงค์ชิง ต้องยอดแพ้ในที่สุด
http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538787083&Ntype=3

ข่าวเรียกร้องความยุติธรรม ว่า นิรโทษกรรม ไม่ยุติธรรม

มีเหตุการณ์มากมายเรียกร้อง ความยุติธรรม
จากเหตุการณ์ ปลายปี 2556 คงไม่มีเรื่องใดร้อนแรงไปกว่า
การชุมนุม “คัดค้าน นิรโทษกรรม
ที่ถูกหยิบยกมาพูดคุย รู้สึกไม่เห็นด้วยมากมาย ว่าไม่ยุติธรรม
สถาบันการศึกษาก็ออกมาแสดงจุดยืนกันถ้วนทั่ว

คัดค้าน นิรโทษกรรม
คัดค้าน นิรโทษกรรม

จาก ASTV (Against the amnesty bill)
จากกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในวาระ 2 และ 3 ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนิรโทษกรรมกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองกลับกลายร่างขยายใหญ่เป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่งหรือ Set zero ที่ล้างความผิดให้แก่ทุกฝ่าย จนเกิดเป็นกระแสทวงถามถึงความยุติธรรม
ผิดคือผิด ถูกคือถูก…ไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมมองไหนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้ก็ถูกมองว่า ไม่มีทางจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคม ผลกระทบจากการเสนอ พ.ร.บ.ครั้งนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่หลายฝั่งฝ่ายในสังคมที่เคยเห็นต่างกลับคิดเห็นไปในทางเดียวกัน และแสดงเจตนาเหมือนกันนั่นคือ “คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

+ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=04-11-2013&group=287&gblog=89

+ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000137088