ห้ามขึ้นกระบะสาดน้ำสงกรานต์

ห้ามขึ้นกระบะสาดน้ำ
ห้ามขึ้นกระบะสาดน้ำ

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=553629801335051&set=a.373573639340669.89979.373126439385389

ออกกฎเข้ม! เมื่อ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ได้กล่าวภายหลังการประชุมการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ปี 2556 ว่า เทศกาลนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ซึ่งทาง นายกฯ มีความห่วงใยในการเดินทางของประชาชน จึงได้กำชับให้ทำงานอย่างเข้มงวด ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์เป็นสุขทุกคนปลอดภัยร่วมใจรักษาวัฒนธรรม

http://news.th.msn.com/article.aspx?cp-documentid=252201187

รมช.มหาดไทย กล่าวต่อว่า ในปีนี้จะมอบหมายให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ออกมาตรการเพื่อลดอุบัติเหตุ และต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ในการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ บรรทุกเกินกำหนด อย่างเด็ดขาด ที่สำคัญต้องจัดโซนนิ่งในการเล่นน้ำสงกรานต์ และ ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำสาดตามท้องถนน

เนื่องจากการเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต สำหรับการกำหนดโซนนิ่ง ให้ถือเป็นดุลยพินิจของผู้ว่าฯ อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำว่า ผู้ขับขี่ที่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้ว ผู้โดยสารที่ดื่มสุราขณะเดินทางก็มีความผิดด้วยเช่นกัน โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

http://www.talkystory.com/?p=53450

สงกรานต์เข้ม!ห้ามขึ้นกระบะเล่นสาดน้ำ

28 มี.ค. 56 พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน(ศปถ.) เพื่อซักซ้อมการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดย พล.ต.ชัจจ์ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมป้องกันและลดอุบัตติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเข้มงวดโดยยึดแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายในแนวคิด “สงกรานต์เป็นสุขทุกคนปลอดภัยร่วมใจรักษาวัฒนธรรม” โดยมีเป้าหมายลดจำนวนครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้น้อยที่สุด ซึ่งกำหนดเวลาในการดำเนินการช่วงควบคุมเข้มข้น ในระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2556 โดยจะยึด 6 มาตรการหลักและ 6 มาตรการเน้นหนัก เพื่อมุ่งหวังความปลอดภัยทางท้องถนนแก่ประชาชนในทุกพื้นที่

“ในปีนี้การทำงานของศูนย์ฯจะเป็นครั้งแรกที่จะเปลี่ยนมาตรการจากการสั่งการที่ศูนย์เพื่อให้จังหวัดปฏิบัติ เป็นให้จังหวัดปรับแผนใช้เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดออกนโยบายวางมาตรการและแนวปฏิบัติให้อำเภอและท้องถิ่นร่วมมือกันเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุแต่ละท้องที่ นอกจากนี้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในการขับรถเร็วและเมาสุราหรือบรรทุกเกินกำหนด อย่างเด็ดขาด ที่สำคัญในแผนผู้ว่าทุกจังหวัดจัดโซนนิ่งในการเล่นน้ำสงกรานต์ ห้ามให้รถกระบะบรรทุกถังน้ำและสาดตามท้องถนน เนื่องจากการเกิดอันตราย เพราะมีสถิติอยู่กระทำเช่นนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ในฐานสร้างความเดือดร้อนหรือประมาทให้ผู้อื่นบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ซึ่งการกำหนดโซนนิ่งให้เป็นดุลยพินิจของผู้ว่าฯ เนื่องจากแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัด จะมีสภาพลักษณะของจังหวัดและความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาและดำรงวัฒนธรรมไทยในเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าผู้ขับขี่ที่ดื่มสุราจะมีความผิดแล้วผู้โดยสารที่ดื่มสุราในขณะเดินทางก็มีความผิดเช่นกัน โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 หมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาร่างแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนระยะที่ 4(2556-2559) มุ่งส่งเสริมกลไกเชิงระบบในการยกระดับมาตรฐานและเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ให้เป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย เพื่อพัฒนาประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในประชาคมอาเซียน

วุฒิฯจับมือ”มท.-สสส.-มูลนิธิเมาไม่ขับ”หยุดตายบนถนน

ขณะเดียวกันที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการปกครอง วุฒิสภา ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  และมูลนิธิเมาไม่ขับจัดสัมมนาเชิงยุทธศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาอุบัติภัย ภายใต้หัวข้อ “หยุดความตายบนท้องถนน” โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานฯ พร้อมด้วย นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ตัวแทนหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจากทั่วประเทศ ภาครัฐ เอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมสัมมนา

นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ในฐานะรองประธาน กมธ.การปกครอง วุฒิสภา กล่าวรายงานว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุบนท้องถนนสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล อาทิ ปีใหม่ สงกรานต์ มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ทั้งที่มีการรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุจากทุกภาคส่วนมาโดยตลอด ซึ่งการจัดสัมมาครั้งนี้ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุและลดความตายบนท้องถนนให้มีประสิทธิภาพ

ด้านนายนิคม กล่าวว่า การรณรงค์ลดอุบัติเหตุนั้นทำกันทุกปี ตัวเลขการสูญเสียจากอุบัติเหตุในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 350 รายซึ่งถือเป็นตัวเลขที่คงที่ แต่ไม่สามารถลดต่ำลงกว่านี้อีกได้เลย ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นประกอบด้วย 3 ปัจจัย ดังนี้

1.ลักษณะทางกายภาพของถนนหนทาง มาตรฐานการก่อสร้าง ความชัดเจนของป้ายจราจร

2.พฤติกรรมของผู้ขับขี่

3.การบังคับใช้กฎหมายจราจรที่เข้มงวด

สำหรับในปีนี้ อยากเห็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบรรลุเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุและความสูญเสียบนท้องถนน พร้อมทั้งสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนคนไทยให้ได้

นายประชา กล่าวว่า การหยุดความตายนั้นไม่สามารถทำได้ แต่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการตายก่อนเวลาอันควรจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ซึ่งข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกการรายงานสถิติการเสียชีวิตระบุว่า อันดับ 8 ของการเสียชีวิตประชากรโลกเกิดจากอุบัติเหตุ และคาดว่าในปี 2030 จะขยับขึ้นเป็นอันดับ 5 ทั้งนี้ องค์กรสหประชาชาติได้ออกปฏิญญามอสโกขึ้นมา กำหนดให้ประเทศสมชิกลดอัตราการเสียชีวิตจากอุติเหตุบนท้องถนนให้ได้ร้อยละ 50 ภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งทางรัฐบาลได้ตอบรับและนำมาเป็นกรอบการทำงานมาตั้งแต่ปี 2553 และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งกำหนดเป็นนโยบาย และเป้าหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศให้มากที่สุด สำหรับมาตรการที่ทุกหน่วยงานควรดำเนินการเพื่อลดอุบัติเหตุและความสูญเสีย ดังนี้

1.หน่วยงานภาคีเครือข่าย รัฐ เอกชน ประชาสังคม เข้าร่วมในการให้ความรู้ และแนวทางในการลดอุบัติเหตุและการสูญเสีย

2.ขับเคลื่อนนโยบายลงสู่หน่วยงานที่รับผิดชอบ

3.เพิ่มการรณรงค์ให้มากขึ้น

4. มีการพัฒนายานพาหนะในประเทศให้ได้มาตรฐานสากล

5.พัฒนาระบบฐานข้อมูลให้มีมาตรฐานสากล ชัดเจน ถูกต้อง และ

6.มีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด

ทั้งนี้ ในงานสัมมนามีการเสวนา เรื่อง หยุดความตายบนท้องถนนได้อย่างไร ซึ่งมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายวัฒนา ภัทรชนม์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก นพ.ทรงเกียรติ เล็กตระกูล ผอ.สำนักสาธารณะสุขฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข และนายกฤษณะ ละไล นักสื่อสารมวลชน ร่วมเป็นวิทยากร และการถอดบทเรียน หยุดความตายบนท้องถนนได้อย่างไร จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแชร์ความรู้และและประสบการณ์การทำงานเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย

http://www.komchadluek.net/detail/20130328/154953/สงกรานต์เข้ม!ห้ามขึ้นกระบะเล่นสาดน้ำ.html

2012 ห้ามแต่งโป๊ ห้ามเล่นแป้ง

สงกรานต์
สงกรานต์

เล่นแป้ง สงกรานต์
เล่นแป้ง สงกรานต์
สงกรานต์
สงกรานต์

คุณภาพ ไม่ใช่การพูดให้ฟัง แต่เป็นการทำให้ดู

คุณภาพ ไม่ใช่การพูดให้ฟัง แต่เป็นการทำให้ดู
คุณภาพ ไม่ใช่การพูดให้ฟัง แต่เป็นการทำให้ดู

ตอนหนึ่งในบทความเรื่อง “พลาดอย่างมีเครดิต”

คุณภาพไม่ได้มาจากสิ่งที่คนนั้นบอกว่าเขาเป็น
แต่อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติให้ผู้คนได้เห็นอยู่เป็นประจำ
ถ้าทำงานผิดซ้ำซาก แต่พร่ำบอกว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว
แต่เป็นเหตุสุดวิสัยบ้าง เป็นความบกพร่องของคอมพิวเตอร์บ้าง
คนจะพากันบอกว่าทำงานด้อยคุณภาพ
แต่อยากให้คนเชื่อว่างานของฉันมีคุณภาพ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ไม่มีใครที่ทำงานทุกงานได้คุณภาพ
ทำงานโดยปราศจากความผิดพลาด
ไม่มีปุถุชนคนใดที่ถูกต้องโดยตลอด

ประเด็น คือ
ทำไมบางคนผิดพลาดแล้วคนเชื่อว่าสุดวิสัย
ทำไมบางคนผิดพลาดนิดเดียว
ผู้คนก็ว่าทำงานด้อยคุณภาพเสียแล้ว

(1/3)
จากเรื่อง “พลาดอย่างมีเครดิต” โดย ดร.บวร
http://bit.ly/WtjtXG

สรุปตำแหน่งว่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสงค์จะให้ กสถ.

กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น

สรุปตำแหน่งว่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสงค์จะให้ กสถ.

ดำเนินการจัดสอบแทน ในการเปิดสอบแข่งขันของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

ปี 2556 รวม 98 ตำแหน่ง 7,911 อัตรา

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=530825043628914&set=a.264374780273943.70477.100001042706957

สรุปตำแหน่งว่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สรุปตำแหน่งว่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

http://www.perdsorbtoday.com/news_detail.php?news=3505

บันทึกของนักเดินทาง

บันทึกของนักเดินทาง
บันทึกของนักเดินทาง

บันทึกของนักเดินทาง ..

ระหว่างเดินทัศนศึกษาอยู่นอกบ้าน
ในเขตเมืองที่เจริญแล้ว (ในระดับหนึ่ง)
เดินนึกถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากมาย
แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เหลียวหน้าแลหลังไปรอบ ๆ ตัว
แล้วก็หยิบกล้องขึ้นมา เก็บภาพกฎเกณฑ์ในสถานที่แห่งหนึ่งไว้
เพราะนี่เป็นกฎเกณฑ์ที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องแปล ไม่ต้องตีความอีกแล้ว

ผมรู้สึกว่า “เป็นวัฒนธรรมของผู้คนเฉพาะกลุ่ม” ..  ปกติครับ ไม่ได้เกินคาดอะไร
แล้วก็ไม่รู้ว่าใคร .. อยู่ในกลุ่มที่มีวัฒนธรรมแบบนี้บ้าง
ก็เท่านั้นเองครับ .. ปกติของความหลายหลายทางวัฒนธรรม

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151429114782272&set=a.423083752271.195205.350024507271

ของขวัญจากฅนเมืองเหนือ

ของขวัญจากฅนเมืองเหนือ
ของขวัญจากฅนเมืองเหนือ

8 ม.ค.56 รับมอบกระเช้าของขวัญ จาก คุณอำพัน ยศสมแสน ผู้จัดการหนังสือพิมพ์ฅนเมืองเหนือ และคณะในโอกาสอวยพรส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2556 ณ สำนักการสื่อสารองค์กรและการตลาด ชั้น 1 อาคาร มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง เป็นของขวัญปีที่ 7 (ตั้งแต่ 2549) ในบทบาทนักเขียนของหนังสือพิมพ์ คอลัม “ไอทีในชีวิตประจำวัน” วันนี้เขียนบทความที่ 378 ส่งไปแล้วครับ

http://www.thaiall.com/itinlife

วางยาพิษในกาแฟ ต่อเนื่อง ชิงรถขาย 5 หมื่น

drug & car
drug & car

ตำรวจภูธรภาค 9 จับกุมเครือข่ายฆาตกรต่อเนื่อง วางยาพิษฆ่าชิงรถยนต์เพิ่มอีก 2 คน แต่เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ

21 เม.ย.55 นายเอื้อน หรือกำนันวงศ์ บุญพิชัย กำนันตำบลคลองหลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา และนางถวิล สมระหาร ถูกชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 จับกุมข้อหารับของโจร พร้อมของกลางรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด สีขาว ไม่มีกระบะท้าย และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนเลขตัวถังมีรอยขูดลบออก หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นเครือข่ายของนายนิรุต แสนคำหาร ฆาตกรต่อเนื่องวางยาพิษเหยื่อเพื่อชิงรถยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 6 คน และสามารถหนีรอดได้ 3 คน ขณะที่นายนิรุต ผูกคอตายภายในห้องขัง สถานีตำรวจภูธรคลองวาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนนางถวิล เป็นอาของนายนิรุต และเป็นภรรยาของนายไพรัช ชาวะหา เพื่อนร่วมขบวนการ ซึ่งถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้

จากการสอบสวนนายเอื้อนทราบว่า นายไพรัช และนางถวิล นำรถกระบะมาให้ตนช่วยจำนำหรือขายต่อราคาคันละ 9,000-120,000 บาท ได้ค่านายหน้าคันละ 2,000-3,000 บาท โดยไม่ทราบว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมา

ขณะที่นางถวิลให้การว่า นายนิรุตอ้างว่าเป็นรถของเพื่อนให้นำมาขาย ประกอบกับรถทุกคันมีเอกสารครบถ้วน จึงช่วยติดต่อนำรถไปขายให้แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าเจ้าของรถ

ด้าน พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า จ.สงขลา มีรถที่ถูกชิงไปทั้งหมด 4 คัน ตามกลับมาได้แล้ว 1 คัน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างสืบสวนติดตามรถกลับคืน. – สำนักข่าวไทย

ฆาตกรต่อเนื่องชิงรถกระบะ 8 ราย ผูกคอตายคาห้องขังแล้ว

18 เม.ย.55 ฆาตกรต่อเนื่องวางยาฆ่าชิงรถกระบะ 8 ราย ผูกคอตายคาห้องขัง สภ.คลองวาฬ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น เช้ามืดที่ผ่านมา

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้เข้าจับกุมตัว นายนิรุต หรือจำลอง สอนคำหาร อายุ 43 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 289/21 หมู่ 10 ต.ทุ่งตำเสา อ.เมือง จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.238/2555 ลงวันที่ 16 เมษายน 2555 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และชิงทรัพย์รถยนต์ ที่ก่อเหตุวางยาฆ่าชิงรถกระบะรับจ้าง 8 ราย และได้นำตัวมาแถลงข่าวที่กองปราบปราม ก่อนที่จะควบคุมตัวส่งต่อไปยัง สภ.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อดำเนินคดี และขยายผลหาตัวเหยื่อที่ยังสูญหายอีก 2 ราย และขยายผลจับกุมแก๊งโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ล่าสุด วันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรุต ได้ผูกคอตายคาห้องขัง สภ.คลองวาฬ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น เช้ามืดที่ผ่านมา

จากการสอบถามร.ต.ต.ชำนาญ โคมแก้ว ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองวาฬ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าเวรในช่วงเวลาที่นายนิรุตถูกคุมขังภายในช่วงเวลาดังกล่าว ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหารายนี้ไม่มีท่าทีว่าจะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นำตัวมาส่งตอนเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 17 เมษายน ผู้ต้องหาก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆทั้งสิ้น ซึ่งทางตำรวจได้ดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น. เมื่อหันไปดูภายในห้องขังอีกครั้งพบว่า ผู้ต้องหาได้ใช้เสื้อยืดคอปก สีขาว แถบสีฟ้า ผูกคอตายกับราวเหล็กที่บริเวณด้านหลังห้องน้ำภายในห้องขัง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมกับประสานทางเจ้าหน้าทีกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ซึ่งหลังจากจะมีการนำศพส่งไปยังนิติเวช รพ.ประจวบฯ เพื่อชันสูตรศพอย่างละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ตำรวจได้นำตัวมาควบคุมไว้ที่ห้องขัง บก.ป.นั้น นายนิรุตได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยการนำสายไฟฟ้าจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลาง ที่เก็บไว้ห้องขังข้างๆมาผูกเข้ากับซี่ลูกกรงและแขวนคอตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย แต่สายไฟขาดทำให้ผู้ต้องหาหล่นลงมาหัวกระแทกพื้นแตกเล็กน้อยทำให้เจ้า หน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรดูแลห้องขังได้ยินเสียงผิดสังเกตจึงรีบเข้าไปตรวจสอบ เหตุการณ์

วางยาพิษในกาแฟ ต่อเนื่อง ชิงรถขาย 5 หมื่น

17 เม.ย.55 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล  พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี  พ.ต.อ.ชัชชม คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. แถลงข่าวจับกุมนายนิรุต หรือ จำลอง สอนคำหาร อายุ 43 ปี ชาวจ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.238/2555 ลงวันที่ 16 เม.ย.55 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและชิงทรัพย์รถยนต์ พร้อมของกลางเสื้อยืดคอปกแขนสั้น สีเขียวและสีขาวสลับเทาที่ใส่ในวันที่เกิดเหตุ 2 ตัว หมวกสีเทา 1 ใบ ใบเสร็จรับเงินร้านสะดวกซื้อภายในปั้มน้ำมันในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เงินสด 17,600 บาท กระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และยาฆ่าแมลง 1 ขวด

โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 16 เม.ย.55 ที่ผ่านมา ภายในห้องพักเลขที่ 7 ชั้น 2 อพาร์ทเม้นต์ไม่มีชื่อ ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า บก.ป.ได้รับการประสานงานจากมูลนิธิกระจกเงาว่า มีญาติผู้เสียหายมาร้องเรียนว่านายวัชระ สืบเชื้อ และนายรอบ รอบแคว้น อาชีพขับรถกระบะรับจ้างทั่วไป ถูกคนร้ายหลอกว่าจ้างรถกระบะขนของไปที่ จ.ชุมพร แล้วทั้งสองคนหายตัวไปพร้อมรถ นอกจากนี้ยังมีคนขับรถกระบะรับจ้างอีกหลายรายซึ่งสูญหายไปในลักษณะเดียวกัน นี้ในพื้นที่ใกล้เคียงกันคือที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร

จากนั้น พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.ลงพื้นที่ทำการสืบสวนถึงตำหนิรูปพรรณและพฤติกรรมของคนร้าย รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากเหยื่อที่รอดชีวิตให้ข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุมีการชักชวนให้แวะจอดรถ เพื่อพักซื้อเครื่องดื่มตามร้านสะดวกซื้อ ภายในปั้มน้ำมันระหว่างเส้นใกล้กับ อ.ชะอำ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต้องสงสัย พบคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับคนร้ายที่ก่อคดีฆ่านายสมศักดิ์ ศรีจำปา คนขับรถกระบะรับจ้าง เมื่อวันที่ 9 เม.ย.55 บริเวณริมถนนเพชรเกษม หมู่ 7 ต.คอลงวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนพบภาพกล้องวงจรปิดยืนยันว่าคนร้ายขับขี่รถกระบะโต โยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ตน 8513 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายไป  ยืนยันว่าคนร้ายรายนี้ คือ นายนิรุต หรือ จำลอง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ในคดีฆ่านางยุพิน จอนเข็ม และชิงรถกระบะพร้อมทรัพย์สินมีค่าของผู้ตายไปโดยมีการบิดบังอำพรางศพ ด้วยการนำก้อนหินขนาดใหญ่ผูกเข้ากับศพโยนทิ้งน้ำ ในเขื่อนลำปาว อ.หนองกรุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เมื่อเดือนม.ค.54

ต่อมาสืบทราบว่าผู้ต้องหาพักอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 7 ชั้น 2 อพาร์ทเม้นต์ไม่มีชื่อดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าทำการจับกุม สอบสวนเบื้องต้นนายนิรุต รับสารภาพว่า มีอาชีพขับรถรับจ้างส่งผลไม้จากทั่วประเทศมาส่งยังตลาดไท ได้รู้จักกับแก๊งโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งจะมีออร์เดอร์ส่งให้ตนจัดหารถตามที่ลูกค้าต้องการ ตนจึงวางแผนสวมรอยเป็นลูกค้าติดต่อรถกระบะรับจ้างทั่วไปให้ไปขนของในพื้นที่ ภาคใต้ เนื่องจากมีความชำนาญในเส้นทาง เมื่อคนขับรถกระบะรับจ้างหลงเชื่อก็จะนัดให้มารับ ก่อนจะทำทีแวะวื้อเครื่องดื่มตามร้านสะดวกซื้อแล้วแอบผสมยาฆ่าแมลงให้คนขับ กิน จนมีอาการมึนงง ก่อนจะเหยื่อไปทิ้ง แล้วนำรถกระบะไปขายให้แก๊งโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ราคาคันละ 5 หมื่น สาเหตุที่ทำไปเพราะต้องการเงิน แต่ไม่คิดว่าเหยื่อจะเสียชีวิต แต่คนขับบางรายดื่มกาแฟจนหมดแก้วจึงทำให้เสียชีวิต ซึ่งบางรายก็จำไม่ได้ว่านำไปทิ้งไว้จุดใดเพราะเป็นช่วงเวลากลางดึก

สำหรับเหยื่อที่ผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุนั้นมีทั้งหมด 9 คน เสียชีวิต 4 คน รอดมาได้ 3 คน ส่วนอีก 2 คนยังสูญหาย โดยคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดประกอบด้วย
1. คดีฆ่านางยุพิน จอนเข็ม อายุ 67 ปี ที่ จ.กาฬสินธุ์ ถูกออกหมายจับแล้ว
2. คดีชิงทรัพย์รถยนต์กระบะของนายมนตรี กาลาม เมื่อเดือนมี.ค.54  พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายมนตรีรอดชีวิตมาได้
3. คดีชิงทรัพย์รถกระบะโตโยต้า วีโก้ ของนายรอบ รอแคว้น โดยนำร่างนายรอบไปทิ้งไว้ในสวนปาล์ม ใกล้ป้อมตำรวจทางหลวง ถนนเส้นทางระหว่าง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวนายรอบ
4. คดีชิงทรัพย์รถกระบะของนายวัชระ สืบเชื้อ เมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แล้วนำตัวนายวัชระไปทิ้งไว้ข้างถนนเพชรเกษม บริเวณคอสะพานระหว่าง อ.หลังสวน และ อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ขณะนี้ยังไม่พบร่างนายวัชระ
5. คดีชิงทรัพย์รถกระบะของนายเจริญ ดาราน้อย เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยถูกวางยานอนหลับแต่นายเจริญรู้ตัวว่าถูกวางยาจึงไล่ผู้ต้องหาลงรถแล้วรีบ ขับรถออกไปทำให้รอดชีวิตมาได้
6. คดีชิงทรัพย์รถกระบะของนายไพฑูรย์ ปัตตาลาโพธิ์ เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมาโดยวางยาฆ่าแมลงก่อนนำร่างนายไพฑูรย์ไปทิ้งไร่ อ้อย อ.ชะอำ แต่โชคดีที่นายไพฑูรย์รอดชีวิตมาได้
7. คดีชิงทรัพย์รถกระบะของนายจุลศิล สลางสิงห์ โดยวางยาฆ่าแมลงจนนายจุลศิลเสียชีวิตโดยพบศพในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
8. คดีชิงทรัพย์รถกระบะนายจำนงค์ ศรีระชาติ โดยครั้งนี้ผู้ต้องหาพาภรรยาไปด้วย เมื่อวางยาแล้วนำตัวไปทิ้งไว้ใกล้แยกปฐมพร อ.เมือง จ.ชุมพร
9. คดีฆ่านายสมศักดิ์ ศรีจำปา ท้องที่ สภ.คลองวาฬที่มีการออกหมายจับไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายนิรุตถูกจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 16 เม.ย.55 และตำรวจนำตัวมาควบคุมไว้ที่ห้องขัง บก.ป.นั้น ผู้ต้องหาได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยการนำสายไฟฟ้าจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลาง ที่เก็บไว้ห้องขังข้างๆมาผูกเข้ากับซี่ลูกกรงและแขวนคอตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย แต่สายไฟขาดทำให้ผู้ต้องหาหล่นลงมาหัวกระแทกพื้นแตกเล็กน้อย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรดูแลห้องขังได้ยินเสียงผิดสังเกตจึงรีบเข้า ไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่ทราบเรื่องดังกล่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกี่ยวกับอาถรรพ์ห้องขัง กองปราบที่มีผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศซึ่งใส่เสื้อกร้ามสีแดงเคยผูกคอ ตายภายในห้องขัง และต่อมาก็มีผู้ต้องหาอีกรายหลายที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังแห่งนี้พยายาม ฆ่าตัวตายหรือถูกสิ่งเร้นลับรบกวน จากนั้นมาก็มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้

บุรุษพยาบาล วางยาคนไข้ 16 ศพ

19 มี.ค.55 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัยว่า คณะอัยการอุรุกวัยตั้งข้อหาฆาตกรรมกับบุรุษพยาบาล 2 คน วัย 39 และ 46 ปีตามลำดับ  จากหน่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยอาการหนัก (ไอซียู ) เกี่ยวกับระบบประสาทของโรงพยาบาล 2 แห่ง ในคดีวางยาพิษผู้ป่วยจนถึงแก่ความตาย 16 ศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

นายโรแลนโด โวเมโร ผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า บุรุษพยาบาลทั้ง 2 คนไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และแม้ทางการยังไม่อาจสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แน่นอนได้ แต่ 1 ในผู้ต้องสงสัยสารภาพว่า ได้วางยาพิษผู้ป่วย 11 ราย ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกรายให้การว่าวางยาพิษผู้ป่วยไป 5 ราย โดยทั้งคู่สั่งซื้อยาพิษมาจากประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังมีเพื่อนหญิงคนสนิทของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ถูกจับกุมในข้อหาปกปิดหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับรูปคดี

ขณะที่นางอิเนส มาสซิโอติ ทนายความของ 1 ในบุรุษพยาบาลให้สัมภาษณ์ว่า ลูกความของเธอจำเป็นต้องกระทำสิ่งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านั้นพ้นทุกข์

ด้านกระทรวงสาธารณสุขของอุรุกวัยออกแถลงการณ์ แสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีที่อาจกล่าวได้ ว่า เป็น “อาชญากรรมทางการแพทย์”

http://www.fanthai.com/lakorn/topic.php?id_news=32598

http://news.mthai.com/general-news/162129.html
http://www.dailynews.co.th/crime/22778
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000048017
http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/356018.html
http://77.nationchannel.com/video/215459/
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=186072

ในประวัติศาสตร์

ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ท้าวศรีสุดาจันทร์ และ ขุนชินราช ได้สมคบคิดกัน ลอบวางยาพิษปลงพระชนม์พระไชยราชา

ในประวัติของคลีโอพัตรา มีการสันนิษฐานว่า “พระนางได้ลอบวางยาพิษ ปโตเลมีที่ 14 ผู้เป็นอนุชาของตนเอง

ในละครทีวี “ผู้ร้าย วางยาข่มขืน .. บ่อย ๆ ”

เริ่มเผยธาตุแท้ให้เห็นแล้วสำหรับ ”เอส” วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ที่ในละคร ”พระจันทร์สีรุ้ง‘ ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่นางเอก ”แอฟ” ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ คิดไว้ แถมยังวางแผนหวังทำมิดีมิร้ายอีกต่างหาก

แนน ชลิตา เฟื่องอารมณ์ ใน “สืบลับรหัสรัก” รับบทเป็นคนวางยาเพื่อมอมเมาเหล่าบรรดาสาวก ในลัทธิให้ตกเป็นทาสของยาเสพติด

http://www.ryt9.com/s/prg/284766

นักวางยาพิษในละครไทย

+ กลีบผกา แห่ง แรมพิศวาส วางยาเพื่ออยากได้สมบัติของสามี
+ บุหงา แห่ง ดงผู้ดี วางยาแม่สามีเพื่อสมบัติ
+ พิมพา แห่ง บริษัทบำบัดแค้น วางยาเพื่ออยากได้สมบัติของสะใภ้
+ ซูหลิง แห่ง หยกลายเมฆ วางยาเพื่ออยากได้สามีของเพื่อน และต้องการฆ่าลูกของเพื่อน
+ คุณระย้า แห่ง รอยรักรอยบาป วางยาเพื่อกำจัดลูกของเมียน้อย

http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/08/A8267329/A8267329.html


นายสุรชัย วิวัฒนชาติ อายุ 33 ปี อดีตสามีของรองนางสาวไทยอันดับสอง ปี 2537 วางยาข่มขืนพนักงานสาว

http://hilight.kapook.com/view/33345

อัตลักษณ์ไทย กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต

uniform of thai student
uniform of thai student

31 มี.ค.55 มีโอกาสฟัง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย
กล่าวแสดงความกังวลเรื่อง อัตลักษณ์ และ เอกลักษณ์ของไทย ที่กำลังเสื่อมถอย
เมื่อวันที่ 23 มี.ค.55 ที่เชียงใหม่

1. แล้วไปค้นข้อมูลจากเน็ต ก็พบว่า
อัตลักษณ์ของไทย คือ ภาษาประจำถิ่น และความเป็นไทยของชาวไทย
เอกลักษณ์ไทย คือ สิ่งที่บ่งบอกความเป็นชาติไทยได้อย่างชัดเจน
1. ภาษาไทย
2. การแต่งกาย
3. การแสดงความเคารพด้วยการไหว้ และกราบ
4. สถาปัตยกรรม
5. ศิลปวัฒนธรรม และประเพณี
6. ดนตรีไทย กีฬาไทย และการละเล่นพื้นบ้าน

2. อัตลักษณ์ไทย กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต ความเป็นไทยกำลังเสื่อมถอย
เช่น ศัลยกรรมหน้าเกาหลี ตามแฟชั่นฝรั่งเศส กินแบบอเมริกา ไปช็อปสิงคโปร์ ทัวร์ยุโรป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1327325310&grpid=no&catid=no
http://www.thaiall.com/blog/burin/4077/

3. สื่อเวียดนามอึ้งกับชุดนักศึกษาไทย
http://news.365thai.com/show-160553.html

4. ม.เชียงใหม่ ออกกฏใหม่ น.ศ.แต่งชุดไทย-ชุดพื้นเมือง ทุกวันศุกร์
http://news.mthai.com/general-news/155388.html
http://www.thaiall.com/thai/thaidressing.htm

รู้สึกถึงกลิ่นไอ ของวัฒนธรรมล้านนา
รู้สึกถึงกลิ่นไอ ของวัฒนธรรมล้านนา

ภาพประกอบ จาก  http://news.mthai.com/general-news/155388.html

บะหมี่น้ำหนึ่งชาม

หัวหน้าเล่าให้ฟังว่า .. ได้เล่าเรื่องนี้ .. ในการอบรมเลขานุการ
เกี่ยวกับ “บะหมี่น้ำหนึ่งชาม”
เมื่อค้นดูแล้วก็พบว่าน่าสนใจ จึงทำคลิ๊ปเสียง และวีดีโอไว้ เป็นบทเรียน
https://soundcloud.com/burin-rujjanapan/5oasdwibej0k

noodle
บะหมี่น้ำหนึ่งชาม (noodle)

เมตตา กรุณา และน้ำใจ

ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 15 ปีที่แล้ว
วันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
การกินบะหมี่โซบะ ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้น
เป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่น
ด้วยเหตุนี้เอง
จึงทำให้ร้านบะหมี่ ขายดีในวันสิ้นปี


ที่ร้านบะหมี่ “ฮอกไก” บนถนนซัปโปโร ก็เช่นกัน
ในวันนั้นคนแน่นร้านแทบทั้งวัน
จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. คนก็เริ่มน้อยลง
โดยปกติแล้วบนถนนสายนี้
คนจะแน่นขนัดไปจนถึงเช้าตรู่
แต่วันนี้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรีบกลับบ้าน
เพื่อไปต้อนรับปีใหม่กันที่บ้าน
ดังนั้นถนนสายนี้ จึงปิดร้านเร็วกว่าปกติ


เถ้าแก่ของร้าน “ฮอกไก” เป็นคนซื่อ
และเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นคนอัธยาศัยใจคอดี
ในคืนนั้นพอลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป
เถ้าแก่เนี้ยจะปิดร้าน
แต่ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างเบา ๆ
มีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กชายสองคน
คนหนึ่งประมาณ 6 ขวบ กับอีกคนหนึ่งประมาณ 10 ขวบ
เข้ามาในร้าน
เด็กชายทั้งสองคนสวมชุดกีฬาใหม่เอี่ยมเหมือนกันทั้งสองคน
ส่วนหญิงคนนั้นสวมโอเวอร์โค้ท ลายสก๊อตเก่า ๆ


เชิญนั่งครับ” เถ้าแก่ร้องทักทายออกมา
หญิงคนนั้นเอ่ยปากอย่างขลาดกลัว
ว่า “สั่งบะหมี่น้ำชามเดียวได้ไหมค๊ะ
เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลัง
สบตากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
ที่สามคนกินบะหมี่ ชามเดียว
ได้ค่ะ ได้ค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ
เถ้าแก่เนี้ยพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะเบอร์สองชิดกำแพง
แล้วตะโกนบอกไปทางห้องครัวว่า “บะหมี่น้ำหนึ่งชาม


ปกติบะหมี่หนึ่งชามจะมีบะหมี่แค่หนึ่งก้อน
เถ้าแก่คิดแล้ว ก็ใส่บะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อน
ต้มบะหมี่ได้ชามเบ้อเริ่ม
ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและสามแม่ลูกต่างก็ไม่รู้เรื่อง
สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
กินพลางพูดพลาง
ทานเถอะครับ” ลูกคนพี่พูด
แม่ทานหน่อยสิครับ” ลูกคนน้องพูดไปก็คีบบะหมี่ให้แม่กิน
ไม่นานก็กินบะหมี่หมดชาม
จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน
แล้วทั้งสามคนก็ชมว่า
ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) บะหมี่อร่อยมากค่ะ(ครับ)

พร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยแล้วลาจากไป
ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)
ทั้งเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ย ต่างก็กล่าวขอบคุณ


และแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี
วันที่ 31 ธันวาคม ก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง
ร้านบะหมี่ “ฮอกไก” ก็ยังคงขายดี
และดูเหมือนจะขายดีกว่าปีที่ผ่านมา
สองตายายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการค้าขาย
จนลูกค้าพากันกลับไป
แล้ววันที่วุ่นวายก็จบสิ้นลง
สี่ทุ่มกว่า
ขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะปิดร้านอยู่นั้น
ประตูร้านก็ถูกผลักออกเบา ๆ
ผู้ที่เข้ามา คือ หญิงวัยกลางคนกับเด็กชายสองคน
พอเห็นเสื้อโอเวอร์โค้ทเก่า
เถ้าแก่เนี้ยก็นึกขึ้นมาได้ว่า
เป็นลูกค้าคนสุดท้ายในวันส่งท้ายปีเก่าของปี ที่แล้วนั่นเอง


สั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามได้มั๊ยค่ะ
ได้ค่ะ ได้ค่ะ เชิญนั่งตามสบายนะค๊ะ
เถ้าแก่เนี้ยนำพวกเขาไปนั่งที่เดิมที่เคยนั่งเมื่อปีที่แล้ว
โต๊ะเบอร์สอง ตะโกนไปพลางว่า “บะหมี่น้ำหนึ่งชาม
เถ้าแก่รับคำ พลางจุดเตาที่เพิ่งจะดับไป
ได้ครับ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม

เถ้าแก่เนี้ยแอบไปพูดที่ข้างหูของเถ้าแก่ว่า
นี่ตาแก่ ต้มบะหมี่ให้พวกเขาสามชามไม่ได้หรือ
ไม่ได้
ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาอาย
และไม่สบายใจได้รู้มั๊ย

สามีตอบพลางโยนบะหมี่อีกครึ่งก้อน
ลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือดพล่าน
เสร็จแล้วตักบะหมี่ชามใหญ่ที่กลิ่นหอมชวนกินชามนั้น
ให้ภรรยายกไปให้สามแม่ลูก
สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่
กินไปพลางคุยไปพลาง
เสียงคุยของสามแม่ลูกดังถึงหูของตายาย


หอมจังเลย…ยอดไปเลย…อร่อยจริง ๆ
ปีนี้ยังสามารถกินบะหมี่ของร้านฮอกไกได้ นับว่าไม่เลวทีเดียว
ถ้าปีหน้าสามารถมากินได้อีกก็ดีนะสิ
กินเสร็จก็จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน
แล้วสามแม่ลูกก็เดินออกจากร้านฮอกไกไป
ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)
มองตามหลังสามแม่ลูกจนลับหายไป


ในวันสิ้นปีของสามปีมานี้ กิจการของร้านฮอกไกดีมาก
สองตายายต่างก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคุยกัน แต่พอเลยสามทุ่มไปแล้ว
สองตายายก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
พอถึงสี่ทุ่มพนักงานในร้านต่างก็รับอั้งเปา
แล้วก็แยกย้ายกันกลับไป

เมื่อคนกลับไปหมดแล้ว
เจ้าของร้านทั้งสองก็ช่วยกันเอาป้ายราคาบะหมี่ในร้าน
ที่เขียนไว้ว่า “บะหมี่ชามละสองร้อยเยน
ที่แขวนไว้ตามผนังทั้งหมดพลิกกลับหลัง
แล้วช่วยกันเขียนใหม่ว่า “บะหมี่ชามละร้อยห้าสิบเยน
และเถ้าแก่เนี้ยก็เอาป้าย “จองแล้ว” ไปวางไว้บนโต๊ะเบอร์สอง
เหมือนกับว่าจะมีเจตนา
รอแขกที่ลูกค้าออกจากร้านไปหมดแล้วถึงจะมาอย่างนั้นแหละ

ในที่สุดสี่ทุ่มครึ่ง สามแม่ลูกก็ปรากฎตัวขึ้น
พี่ชายสวมเครื่องแบบมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง
น้องชายสวมเสื้อแจ๊คเก็ทที่พี่ชายสวมเมื่อปีก่อน
ดูหลวมและไม่พอดีตัว เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมาก
ส่วนผู้เป็นแม่ก็ยังคงสวมเสื้อโค้ทลายสก๊อต
ที่ทั้งเก่าและเชยแถมสีซีดตัวเดิม
เชิญค่ะ เชิญค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวทักทายอย่างมีน้ำใจ
มองใบหน้าอันยิ้มแย้ม
และท่าทางต้อนรับอย่างเต็มที่ของเถ้าแก่เนี้ย

ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นเปล่งคำพูดออกมาอย่างงกงกเงิ่นเงิ่น
ว่า “รบกวนช่วยทำบะหมี่น้ำให้สักสองชามได้ไหมค่ะ
ได้ค่ะ เชิญนั่งทางนี้ค่ะ
เถ้าแก่เนี้ยนำแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะเบอร์สอง
แล้วรีบเอาป้าย “จองแล้ว” ออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วตะโกนบอกไปทางครัวว่า “บะหมี่น้ำสองชาม
ได้ครับ บะหมี่น้ำสองชามได้เดี๋ยวนี้แหละครับ
เถ้าแก่ตอบพลางโยนบะหมี่ลงไปในหม้อน้ำสามก้อน


สามแม่ลูกกินไปพูดไป ดูแล้วเหมือนมีความสุขกันมาก
สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่
ได้รับรู้ถึงความสุขที่พวกเขาได้รับกัน
ในใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย


ลูกรัก วันนี้แม่ต้องขอบคุณลูก ๆ เป็นอย่างมาก
ขอบคุณ ?” “ทำไมครับ
เรื่องเป็นอย่างนี้ คือ คุณพ่อของลูกที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
ทั้งยังทำให้คนอีกแปดคนได้รับบาดเจ็บ
และทางบริษัทประกันก็ไม่รับผิดชอบในส่วนนั้น
ในช่วงหลายปีมานี่ ทำให้เราต้องจ่ายเงิน
เดือนละห้าหมื่นเยนชดใช้ให้เขาทุกเดือน

เรื่องนี้เราก็ทราบกันอยู่แล้วนี่ครับ” ผู้เป็นพี่ตอบ
(เถ้าแก่เนี้ยตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่หลังโต๊ะทำอาหาร)
แต่เดิมนั้นเราต้องชำระหนี้ไปจนถึงปีหน้าเดือนมีนาคม
แต่ตอนนี้เราได้ชำระหนี้ไปหมดแล้ว

จริง ๆ หรือครับ แม่
จริงสิจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าพี่ชายของลูกขยัน
ไปส่งหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวลูกเองก็ช่วยแม่ซื้อกับข้าวทำอาหาร
ทำให้แม่ไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงได้ให้เงินเบี้ยขยัน
พร้อมทั้งเงินโบนัสพิเศษอื่น ๆ อีก
จึงทำให้วันนี้สามารถชำระในส่วนที่เหลือได้หมด

ว้าว แม่ครับ พี่ครับ อย่างนี้ก็วิเศษสิครับ
แต่ว่าต่อไปขอให้ผมได้ช่วยทำอาหารต่อไปเถอะนะครับ

ผมก็จะส่งหนังสือพิมพ์ต่อนะครับ
ขอบใจลูกทั้งสองมาก ขอบใจจริง ๆ

แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับ จะบอกกับแม่เหมือนกันครับ
คือ ในวันอาทิตย์ วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน
โรงเรียนของน้องแจ้งให้ผู้ปกครอง
ไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียนในวันพบผู้ปกครอง
คุณครูของน้อง ยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า
เรียงความของน้อง ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด
เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ
นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อน ๆ ของน้องนะครับ ผมถึงทราบ
ดังนั้น ในวันนั้นผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่
ร่วมในงานวันพบผู้ปกครอง

จริงหรือลูก แล้วเป็นไงบ้างล่ะ
หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ
ความปรารถนาของข้าพเจ้า
น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชาม
มาเขียนเป็นเรียงความ
แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย

เรียงความเขียนว่า…
หลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว
ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย
เพื่อที่จะชำระหนี้ คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน
แม้แต่เรื่องของผม ที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์
น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย…


ยังมีอีก น้องยังเขียนถึงคืนวันที่ 31 ธันวาคม
พวกเราสามคนแม่ลูก
ได้มาล้อมวงกินบะหมี่น้ำ อร่อยมาก…
สามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว
คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก
แล้วยังอวยพรปีใหม่ให้พวกเราอีก
เสียงอวยพรนั้น เหมือนกับว่าให้กำลังใจ ให้เข้มแข็ง
ที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ ต่อไป
พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อ
ให้หมดโดยเร็วที่สุด…


ด้วยเหตุนี้น้องจึงได้ตัดสินใจว่าโตขึ้น
จะเปิดกิจการร้านบะหมี่
แล้วจะต้องให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคน…
ขอให้มีความสุขครับ…ขอบคุณครับ…


สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะ
ทำบะหมี่จู่ ๆ ก็หายตัวไป พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลย
เพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ
ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง

ซับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
พอน้องอ่านเรียงความจบ คุณครูก็พูดว่า
วันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่
ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ

จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรล่ะ

ก็มันกระทันหันเกินไป ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ผมจึงพูดว่า…ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดี
น้องผมต้องไปจ่ายตลาด
ซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน
ดังนั้นในเวลาที่เพื่อน ๆ ทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็น
ก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ได้
เพราะต้องรีบกลับบ้าน เมื่อเป็นอย่างนี้
จึงไม่ได้ช่วยเพื่อนทำกิจกรรม
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความ
เรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม
ผมรู้สึกอายมาก แต่พอเห็นว่าน้องยืดอกอ่านเรียงความ
ด้วยเสียงอันดังนั้นจนจบ
ถึงได้รู้สึกว่า การที่รู้สึกอายเมื่อสักครู่นี้แหละ
เป็นสิ่งที่ควรอายน้อง


หลายปีมานี้ ความกล้าของคุณแม่ที่สั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชาม
เพื่อกินกันสามคนนั้น ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด
ผมและน้องจะต้องขยันและดูแลแม่เป็นอย่างดี
และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ

สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบ ๆ ตบไหล่
กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุก ๆ ปี
จ่ายเงินไปสามร้อยเยนกล่าวขอบคุณ
ค้อมตัวลงเคารพและเดินออกจากร้านไป
มองตามหลังสามแม่ลูกไป
เจ้าของร้าน จึงได้รู้สึกว่าปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริง ๆ
พร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)


พอถึงเวลาสามทุ่มของปีต่อ ๆ มา
ทางร้านฮอกไกก็วางป้าย “โต๊ะจอง” ไว้บนโต๊ะเบอร์สอง
และเฝ้ารอคอยการมาเยือนของสามแม่ลูก เช่นเคย
แต่สามคนแม่ลูกไม่ได้มาปรากฏตัวที่ร้านอีกเลย


กิจการของร้านฮอกไกดีมาก เรียกว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว
ภายในร้านมีการตกแต่งใหม่ โต๊ะเก้าอี้ก็มีการเปลี่ยนใหม่
จะมีก็แต่โต๊ะเบอร์สอง ที่เก็บรักษาไว้เหมือนเดิม
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ลูกค้าหลายคน ต่างก็ถามด้วยความกังขา
เถ้าแก่เนี้ยก็เลยเล่าเรื่องบะหมี่หนึ่งชามให้แก่ลูกค้าฟัง
โต๊ะเก่าตัวนั้นวางอยู่กลางร้าน
เป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง
และก็ไม่แน่ว่าวันหนึ่งลูกค้าทั้งสามอาจกลับมาอีก
พวกเขาหวังว่าจะใช้โต๊ะเก่าตัวนั้น
ในการต้อนรับลูกค้าทั้งสาม


โต๊ะเบอร์สองตัวนั้นเปลี่ยนเป็น
ชื่อว่า “โต๊ะแห่งความสุข
ลูกค้าต่างก็พูดต่อ ๆ กันไป
มีนักเรียนหลายคนอยากเห็นโต๊ะตัวนี้
ถึงขนาดนั่งรถมาจากที่ไกลแสนไกล
มากิน บะหมี่ และเจาะจงที่จะนั่งโต๊ะตัวนี้


ผ่านวันที่ 31 ธันวาคม ไปอีกหลายปี
เจ้าของร้านค้าในระแวกใกล้เคียงร้าน “ฮอกไก
พอถึงวันสิ้นปีหลังจากปิดร้านแล้ว ก็มักจะไปรวมตัวฉลอง
โดยการกินบะหมี่ที่ ร้านฮอกไก
เพื่อเฝ้ารอสามแม่ลูก จนเสียงระฆังส่งท้ายวันสิ้นปีเก่าดัง
ทุกคนก็ไปวัด เพื่อไหว้พระด้วยกัน
เป็นธรรมเนียมมา 5-6 ปีแล้ว


ในวันนี้พอเลย 21.30 น.ไปแล้ว
เจ้าของร้านขายปลามาถึงก่อนพร้อมทั้งนำซาซิมิมาด้วย
ต่อจากนั้นก็มีคนมาเรื่อย ๆ
บ้างก็เอาเหล้ามา บ้างก็เอาอาหารกับแกล้มมา
ปกติแล้วก็จะรวมตัวกันได้ประมาณ 30-40 คน
คึกคักกันมาก ทุกคนรู้ตำนานเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์สอง
ต่างก็คิดกันว่า วันนี้ “โต๊ะจอง” ตัวนั้นคงจะว่างเปล่า
เพื่อส่งท้ายปีเก่าอีกเช่นเดิม
พวกเขา บ้างก็กินเหล้า บ้างก็กินบะหมี่
บ้างก็เข้า ๆ ออก ๆ กินกันไปคุยกันไป
จนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน


เวลาผ่านไปจนถึง 22.30 น.
ทันใดนั้นประตูร้านก็ถูกผลักเบา ๆ
ทุกคนในร้านหยุดพูดคุย มองตรงไปยังประตู
ชายหนุ่มสองคนยืนสง่าในชุดสูทสากล
พาดโอเวอร์โค้ทไว้บนแขน
พอเห็นว่าผู้ที่มาไม่ใช่สามแม่ลูก
ทุกคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศผ่อนคลายลง
และเริ่มสนทนากันต่อไปอย่างคึกคัก

ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะพูดว่า
ขอโทษค่ะ ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ” อยู่นั้น
ก็มีหญิงคนหนึ่งสวมชุดกิโมโน
เดินเข้ามายืนระหว่างกลางของชายหนุ่มทั้งสอง
ทุกคนในร้านแทบจะหยุดหายใจ
เมื่อได้ยินคุณนายผู้นั้นพูดว่า
เอ้อ…รบกวนช่วยทำบะหมี่ให้สามชามได้ไหมคะ
ทันทีที่เถ้าแก่เนี้ยได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว
ภาพของสามแม่ลูกในความทรงจำ
กับภาพของสามแม่ลูกตรงหน้า

เธอพยายามจะนำทั้งสองภาพมาวางซ้อนกัน
เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ที่โต๊ะทำบะหมี่
ชี้นิ้วไปยังทั้งสามแม่ลูก “พวกคุณ .. พวกคุณ
เขาพูดได้เพียงแค่นั้น คำพูดทุกคำจุกอยู่ที่คอ
ชายหนุ่มหนึ่งในสองคน เห็นท่าทีของเถ้าแก่เนี้ย
ที่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยพูดกับ เถ้าแก่เนี้ยว่า
พวกเราสามคนแม่ลูก ที่เมื่อสิบสี่ปีก่อน
ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
มาสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามทานกันสามคนไงครับ


หลังจากนั้นก็อพยพครอบครัว
ไปอาศัยอยู่กับยายที่อำเภอชิกะ
ปีนี้ผมสอบผ่านได้เป็นนายแพทย์แล้ว
ตอนนี้ผมเป็นแพทย์ฝึกหัด
แผนกกุมารเวชที่โรงพยาบาลเกียวโต
ปีหน้าเดือนเมษายน
ก็จะย้ายมาประจำโรงพยาบาลกลางของซัปโปโรครับ


วันนี้พวกเราก็เลยแวะมาที่โรงพยาบาล
เพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว
แล้วเลยไปไหว้สุสานของคุณพ่อ
และน้องชายที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันว่า
จะเป็นเจ้าของกิจการร้านบะหมี่นั้น
ตอนนี้ได้ทำงานในธนาคารเกียวโต
เป็นผู้เสนอความคิดว่าในวันส่งท้ายปีเก่านี้
พวกเราสามคนแม่ลูกควรมาเยี่ยมคารวะ
เจ้าของร้านบะหมี่ฮอกไก ที่ซัปโปโร
และทานบะหมี่น้ำสามชามของร้านฮอกไกด้วย

สองตายายฟังไปพลาง
พยักหน้าไปพลางด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เถ้าแก่ร้านขายผักที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตู
พยายามใช้แรงอย่างเต็มที่
ที่จะกลืนบะหมี่คำที่คาอยู่ในปากลงไปในคอ
แล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า “อ้าว…เถ้าแก่… เป็นอะไรไปหล่ะ
อุตสาห์เตรียมการมาตลอดสิบปี
เพื่อเฝ้าคอยวันนี้ “โต๊ะจอง
ตัวนั้นไงที่พวกเถ้าแก่จองให้ลูกค้า
ที่จะมาตอนหลังสี่ทุ่มของคืนวันสิ้นปีไง
รีบ ๆ ต้อนรับพวกเขาสิ เร็วเข้า


ในที่สุดเถ้าแก่เนี้ยก็ได้สติ พูดว่า
ยินดีต้อนรับค่ะ…เชิญนั่งข้างในค่ะ…
นี่ตาเฒ่า…บะหมี่น้ำสามชามโต๊ะสอง

เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ก็รีบปาดน้ำตาแล้วรับคำว่า
ครับ..บะหมี่น้ำสามชาม

http://variety.teenee.com/foodforbrain/6661.html

http://elibrary.nfe.go.th/blog.php?b=nfeph99&id=18

อ่านเรื่องนี้ แล้วทำให้นึกถึง เรื่อง ไล่ตงจิ้น
http://www.thaiall.com/blogacla/admin/244/

http://www.4shared.com/get/DCkbdHTD/noodle.html

ท้าทาย ศักยภาพของคนไทยที่จะได้งาน หลังเปิดประเทศ ในกลุ่มอาเซียน

lacking skill for workers
lacking skill for workers

ข้อมูลปี 2007 พบว่า ภาษาก็แย่ ไอทีก็หลงตัวเอง บวกลบก็ไม่เก่ง แล้วจะเอาอะไรไปสู้เขา เป็นความท้าทายศักยภาพของคนไทยที่จะได้งาน หลังเปิดประเทศ ในกลุ่มอาเซียน จึงเป็นประเด็นเกี่ยวกับทักษะที่จำเป็นของคนทำงาน (worker skill) ถ้าจะพัฒนาทักษะที่บกพร่องของคนไทย มีอะไรที่ต้องพัฒนาบ้าง จากข้อมูลกราฟ พบว่าใน 12 ประเด็น และมี 7 ประเด็นที่ผลสำรวจปี 2007 แย่กว่าปี 2004 (หมายถึง คนไทยพัฒนาถอยหลัง แย่ลง ถอยหลังนั่นเอง)
1. ภาษาอังกฤษ
2. เทคโนโลยีสารสนเทศ
3. การคำนวณตัวเลข
4. การสื่อสาร
5. การบริหารเวลา
6. การปรับตัว
7. การทำงานเป็นทีม

ส่วน 5 ประเด็นนี้พัฒนาขึ้นกว่าในอดีตนิดหน่อย
1. ความคิดสร้างสรรค์
2. ความเป็นผู้นำ
3. การแก้ปัญหา
4. การเข้าสังคม
5. ทักษะทางเทคนิค/ความเชี่ยวชาญ

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ The Nation ฉบับวันที่ 12 มีนาคม 2555
ซึ่ง อ.ดร.อติชาต หาญชาญชัย อ่านแล้วนำมาแบ่งปันใน group ของมหาวิทยาลัย

http://www.nationmultimedia.com/national/Thais-face-challenges-getting-Asean-jobs-30177727.html

มีประเด็นน่าสนใจดังนี้

Assoc Prof Patcharawalai Wongboonsin บอกว่าไม่ง่ายกับคนทำงานจากประเทศไทยที่จะเข้าไปแข่งขันหลังเปิดเสรีแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียน ปี 2015 โดยเฉพาะ ทักษะด้านภาษาอังกฤษ ที่ถูกใช้ในการสื่อสาร.. แม้จับมาฝึกอบรม แต่คนไทยส่วนใหญ่เป็นประเภท polite and not aggressive .. การเข้าไปแย่งงานในต่างประเทศ (ปัจจุบันมีประมาณ 250 ล้าน เมื่อเปิดประเทศน่าจะมีประมาณ 300 ล้าน) ก็คงไม่ง่าย แต่ถ้าจากประเทศอื่นเข้ามาแย่งงานคนไทย .. นี่สิปัญหาใหม่

Boonlert Theeratrakul บอกว่า คนทำงานไทยขาดทักษะสำคัญ 3 เรื่องคือ 1) ภาษาอังกฤษ 2) ทักษะด้านไอที และ 3) ทักษะเชิงตัวเลข

ม.เนชั่น ดูงาน ม.หอการค้าไทย

utcc & nation university
utcc & nation university
คุณวรางคณา กัลยาณประดิษฐ์ ผู้บริหารบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด นำบุคลากรมหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง และศูนย์เนชั่นทาวเวอร์ จำนวน 40 คน ไปศึกษาดูงาน ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 โดยมี  ผศ.รัตนาวดี ศิริทองถาวร รองอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร ให้การต้อนรับ และ รศ.ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา บรรยายสรุปการจัดการเรียนการสอนด้วยระบบ Hybrid Learning System นอกจากนี้ยังศึกษาระบบบริหารจัดการมหาวิทยาลัย โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในงานด้านระบบงานทะเบียนและประมวลผล งานบัญชีและงบประมาณ งานการเงิน และงานบริหารทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยหอการค้า เป็น Reference Sites ของ Vision Net
http://www.vn.co.th/
ดูงานมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ดูงานมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย