ดาวมหาลัย สาวมาด เมกะแดนซ์

เพลงดี สะท้อนสังคม สะท้อนชีวิตนักศึกษาได้ค่อนข้างชัด ..
เด็นรุ่นใหม่เป็นอย่างนี้ก็ไม่น้อย 

แม่ : ฮัลโหล ดาวบ่ลูกหล่า ดาว : ค่า แม่ : ปิดเทอมแล้วกลับมาซอยแม่เฮ็ดนาแหน่เด๊อ ดาว : โอเคค่า คุณแม่ขา แค่นี้นะคะ แม่ : เออ

หนูดาวเป็นลูกสาวกก จบชั้นม.6 โรงเรียนบ้านหนองใหญ่ คุณแม่ขายไร่ขายนา ส่งดาวเข้ามาเรียนมหาลัย มาเรียนอยู่ในกรุงเทพ ยูนิเวอร์ซิตี้ที่ทันสมัย ดาวสวยดาวเริ่ดดาวเด่น คนมันสวยทำอะไรก็เด่น ก็เลยถูกพรีเซ้นต์ให้เป็นดาวมหาลัย เพื่อนๆที่คณะ ปลื้มดาวสุดๆเลยนะฮะ
ซัมเมอร์แม่เรียกตัวกลับมา ช่วยทำไร่ทำนาอยู่ที่บ้านหนองใหญ่ ไปอยู่บ้านป่ากับดงดาวบอกตรงๆว่ามันไม่ใช่ บ้านนอกขาดการพัฒนามีแต่ทุ่งนาและหมูหมากาไก่ ชาวบ้านก็ด้อยการศึกษากินแต่ปลาร้าที่ไม่พาสเจอร์ไรซ์ กินกบกินอึ่งกินแย้ แมงจินูน แมงจิโป่ม ดักแด้ กินแม้แต่กุดจี่ที่อยู่ในกองขี้ควาย ฮื้อ กินเข้าไปได้ไงอะ แวะ
หนุ่มๆมีแต่ซุมโลโซ เมาเหล้าขาว เหล้าโท ซิ่งมอเตอร์ไซค์ ไม่เหมือนหนุ่ม ม.กรุงเทพ ขี่เบนซ์ ขี่เชฟ บีเอ็ม รุ่นใหม่ ลูกทุ่งฟังไม่เป็นจริงๆ ดาวชอบสตริง โฟร์ มด กอล์ฟ ไมค์ อยากไปเมืองทองธานี ดูอคาเดมี่แฟนตาเซีย ก็มีแต่เสียงอีสาน นกน้อย ปอยฝ้าย คำมอด ลูกแพร เงี๊ยะ หมอล้ำ หมอลำ
เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ เซเว่น บิ๊กซี ไม่มีที่บ้านหนองใหญ่ มีแต่ตลาดนัดคลองถม ไร้รสนิยม ดาวรับไม่ได้ เสื้อยืดตัว199 ไม่รู้ว่าเขาใส่ได้ยังไง เคยเดินเล่นแถวเซ็นเตอร์พอยท์ ต้องมาเดินต้อยๆไล่วัวไล่ควาย คิดมาเศร้าใจอดสู คิดถึงสังคมหรูๆ ตอนที่ดาวเรียนอยู่เป็นดาวมหาลัย เจอสังคมบ้านนอกๆอย่างนี้ ดาวปรับตัวไม่ทันนะ
ไปนาใส่เกิบส้นสูง ตกคันนาหงายท้องดาวนั่งร้องไห้ ใส่เอวต่ำสายเดี่ยวเกี่ยวข้าว ควายเถิกควายเฒ่ายืนน้ำลายไหล คุณแม่พานั่งรถอีแต๊ก หัวสั่นด๊อกแด๊ก กลับถึงบ้านเป็นไข้ อยู่มหาลัยเป็นเชียร์ลีดเดอร์  เป็นพริตตี้ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มาเป็นฟาร์เมอร์ ดาวว่า มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของดาวอะ
แม่ขาอยากกลับกรุงเทพ คิดถึงเพื่อนๆ ที่มหาลัย หนูเบื่อบ้านนอกคอกนา หยะแหยง ปลาร้า และกลิ่นโคน สาปควาย ดาวเบื่อชีวิตคันทรี่ อยากไปอยู่ ซิตี้ เป็นดาวมหาลัย อย่างหนูมันต้องอยู่กรุงเทพ ถึงจะตรงคอนเซ็ปต์ที่ดาวตั้งไว้อะ
แม่ : คุณสิไปตายไสกะไปโลด ไห้ไปเรียนกะบ่มีประโยชน์ มาอยู่บ้านกะบ่มีประโยชน์ ไปตายไสกะไปโลด ผมกะรับบ่ได้ ผมกะรับบ่ได้ ผมกะรับบ่ได้
แม่ : อี่ดาวมหาลัย อี่พรีเซ็นเตอร์ใหญ่ ผมเบิดนาไปจักท่งแล่ว มื่อได๋ คุณสิเรียนจบกับเขาจักเทียละหือ
ดาว : คุณแม่ขา มาว่าหนู่อย่างนี้ได้ยังไง มันเสื่อมเสียเกียรติภูมิดาวมหาลัย นะคะ คุณแม่ขา
แม่ : ว่าซือๆ กะไคตั๊ว ผมบ่ตีนยันตกคันแท กะบุญหัวคุณแล่วตั๊ว
ดาว : แม่ไม่เข้าใจดาว แม่ไม่เข้าใจความเป็นดาวมหาลัย แม่ไม่เซ้นสิถีฟ แม่ไม่เซ้นสิถีฟอ่อนไหวกับเรื่องอย่างนี้หรอก
แม่ : มีแต่ผมสิถีบคุณนั่นหละ อี่ดาวมหาลัยใหญ่ มื่อนี่หละคุณสิกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งสู่เมร คุณฮู่บ่ หือ
+ http://video.sanook.com  
+ http://www.youtube.com/watch?v=HHPIi4MyyrI
+ http://www.youtube.com/watch?v=tsow52RCR_M
+ http://www.youtube.com/watch?v=S1er4W9TO4Q

นายอำเภอ ผู้ใหญ่ ผู้ช่วยกับร้านก๋วยเตี๋ยว

 
กรณีศึกษา เงินล้าน กับร้านก๋วยเตี๋ยว

เขียนกรณีศึกษา
มีอยู่วันหนึ่งนายอำเภอได้รับแบบสอบถามกลับมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
นายอำเภอได้รับงบก้อนใหญ่จากหน่วยเหนือสำหรับการพัฒนา
กำลังพิจารณาว่าจะให้งบพัฒนาแหล่งน้ำ .. แก่หมู่บ้านใด
ในแบบสอบถามบอกว่า .. อยากได้ร้านก๋วยเตี๋ยว
นายอำเภอบึ่งรถไปหาผู้ใหญ่บ้านทันที แล้วถามว่า .. ทำไมอยากได้ร้านก๋วยเตี๋ยว
ผู้ใหญ่บ้านสวนกลับทันที .. ว่า .. มอบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไปพิจารณา
นายอำเภอบึ่งรถไปหาผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทันที แล้วถามว่า .. ทำไมอยากได้ร้านก๋วยเตี๋ยว
คำตอบ .. ไม่รู้สิ ก็ให้ลูกช่วยตอบ ลูกบอกว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยว
MIS : เมื่ออ่านแล้ว ท่านมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับ บทบาท ระดับ การสื่อสาร
+ http://www.thaiall.com/mis/mis14.htm

นางแบบรีเจนซี่

ผู้หญิงรีเจนซี่ กับกาแฟ ไปกันได้นะ

17 ก.พ.53 นางแบบรีเจนซี่แต่ละปีก็จะแตกต่างกันไป มาดูชื่อนางแบบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ คือ 1)Erika Valencia เป็นนางแบบรีเจนซี่ชุด มรดกโลก 2)Renata Emi Sakamoto และ 3)สุษิรา แอนจิลีน่า แน่นหนา เป็นนางแบบรีเจนซี่ชุด สุวรรณภูมิ 4)สเตฟานี มิเชล ปีเตอร์สัน เป็นนางแบบรีเจนซี่ชุด ดนตรี  (สาวในโฆษณากาแฟ) ที่บันทึกข้อมูลไว้ เพราะไปพบเว็บไซต์การศึกษาแห่งหนึ่งใช้ภาพนางแบบสุรา มาเป็นภาพประกอบเว็บไซต์ภาษาจีนของสถาบัน จึงไปค้นดูก็พบข้อมูลว่าเป็นนางแบบปฏิทินรีเจนซี่ บางทีก็คิด ได้ว่าครีเอทีปนะครับ … อันนี้ผมเข้าใจ
+ http://www.youtube.com/watch?v=9O9hFgE7fHA
+ http://www.youtube.com/watch?v=PCDqSAIAGq0
+ http://album.teenee.com/LINNA/52/

ความทุกข์จากความรัก

การลงมือปฏิบัติจนพบว่าการอด มิใช่ทางออกเสมอไป

16 ก.พ.53 คำว่า action = reaction เมื่อใช้เวลากับอะไรสักอย่าง เช่น 1) ให้เวลากับเพื่อนก็ย่อมต้องการให้เพื่อนรัก 2) ให้เวลากับองค์กรก็ย่อมต้องการเห็นองค์กรรุ่งเรือง 3) ให้เวลากับการดูแลตนเองก็ย่อมรักตัวกลัวตาย 4) ให้เวลากับสิ่งใดก็ย่อมคาดหวังผลจากสิ่งนั้น 5) ชื่นชอบกับการกินเนื้อสัตว์ก็ย่อมต้องฆ่าสัตว์เป็นเงาตามตัว .. ถ้าลดอาหารลงสักมื้อสองมื้อ น่าจะลดการฆ่าสัตว์ลงได้ร้อยละสามสิบถึงหกสิบทีเดียว .. มีคำกล่าวว่าเราหยุดแล้วแต่ท่านยังไม่หยุด .. จึงมีคำถามน่าตอบว่า แล้วเราหยุดอะไรไปบ้างหรือยัง เพื่ออะไรต่อมิอะไร
     ปัจจุบันพฤติกรรมของมนุษย์สามารถจำแนกตามเป้าหมายของความสัมพันธ์ได้ 8 แบบ คือ ตนเอง ครอบครัว องค์กร เพื่อน ชุมชน ประเทศ โลก และธรรมชาติ การจัดลำดับความสำคัญคือสิ่งที่มนุษย์ต้องเลือก และมีเหตุผลในการเลือกแตกต่างกันไป แต่เท่าที่สังเกตมนุษย์ให้เหตุผลในการเลือกแตกต่างกัน เช่น 1) บางคนดื่มสุราโดยไม่สนใจผลข้างเคียงต่อร่างกาย 2) บางคนรักเพื่อนไปอยู่กับเพื่อนแต่ทิ้งลูกภรรยาและบุพการีไว้ที่บ้าน 3) บางคนทิ้งครอบครัวเดิมไปมีครอบครัวใหม่ 4) บางคนทิ้งครอบครัวไปทำงานในที่ห่างไกล 5) บางคนมองต่างประเทศเป็นสวรรค์เป็นฝันสูงสุดในบั้นปลายของชีวิต .. และผมก็เชื่อว่าทุกคนต่างไม่ผิดแต่ความคิดเราต่างกัน
     อย่างเช่นคนสองกลุ่มที่เชื่อในหลักนิติศาสตร์ กับหลักรัฐศาสตร์ มักคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะมีธงกันคนละผืน นิติศาสตร์จะให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ส่วนรัฐศาสตร์จะให้ความสำคัญกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่เห็นไม่ตรงกันก็เพราะรักและเชื่อกันคนละด้าน แต่ละคนย่อมมีเหตุผล และจมอยู่ในเหตุผลที่ยึดถือ ถ้าปล่อยวาง ปล่อยให้เป็นไป ปล่อยเกียร์ว่าง วางเฉย อาจทำให้ทุกสังคมที่มีความขัดแย้งสงบลงได้ .. ถ้าไม่สงบก็จะมีปัญหาเหมือนข่าวในทีวี

ตรุษจีน (Chinese New Year’s Day)

วันตรุษจีนของครอบครัว

13 ก.พ.53 เล่าสู่กันฟังเรื่องกิจกรรมในวันตรุษจีน วันสำคัญของคนไทยเชื่อสายจีน
      ตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันวาเลนไทน์ สำหรับผมวันตรุษจีนไม่แตกต่างกับทุกปีที่ผ่านมา ในวันจ่ายก็จะไปนอนค้างที่บ้านคุณย่าของหลานที่ต่างอำเภอ เพราะคุณย่าจะเป็นคนดูแลเรื่องการจับจ่ายทั้งหมดร่วมกับพี่น้องของท่านอย่างมีความสุขทุกปี เช้าวันไหว้ก็ตื่นแต่ตีสี่ ภรรยาของผมก็จะตื่นไปช่วยเตรียมเครื่องเซ่นอย่างไม่เคยบ่น(ให้ฟัง) จัดเตรียมสำรับไหว้เจ้าบริเวณหน้าบ้านเสร็จประมาณ 7.30น. และมีสำรับสำหรับถวายพระ 2 ชุดคือพ่อของผม กับพ่อของคุณย่า โดยมีปู่เปี๊ยกทำหน้าที่ของท่านร่วมกับผมไปถวายพระที่วัด เมื่อไหว้เจ้าที่บ้านคุณย่าเสร็จก็จะจุดประทัดดังลั่นหมู่บ้าน จากนั้นจะเดินทางเข้าเมืองไปไหว้เจ้าที่บ้านคุณย่าของผม เริ่มประมาณ 10.30น. เสร็จพิธีจะเผาเงินทองกงเต็กหน้าบ้าน แล้วจึงทานข้าวเที่ยงด้วยกันเป็นอย่างนี้ทุกปีอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ในวันต่อมาที่เรียกว่าวันเที่ยวหรือวันตรุษจีน ครอบครัวของเรามักไม่ไปที่ไหน เพราะครอบครัวไม่ได้ยึดติดเรื่องการไปเที่ยวมากนัก เนื่องจากเราเที่ยวแบบไม่ยึดติดเทศกาล หรือไม่เที่ยวตามเทศกาล ประกอบกับที่ทำงานไม่ประกาศวันตรุษจีนเป็นวันหยุด ทำให้บางปีที่ตรงกับวันทำงานก็จะไม่สะดวกไปไหว้
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=147581&id=814248894

bynoir 2549 และ 2548

ภาพจาก bynior ปีก่อนก่อนนู้น

11 ก.พ.53 เคยถ่ายภาพนักศึกษาร่วมงาน bynior เป็นที่ระลึก หลักจากนี้อีกสิบปีจะได้มีหลักฐานให้ชวนระลึกแสดงว่าพวกเขาเคยมีตัวตนจริงอยู่บนโลกนี้ อยู่ในมหาวิทยาลัยโยนก อยู่ในจังหวัดลำปาง ร่วมกับเพื่อน พี่ น้องและอาจารย์ เห็นใบหน้าเปื้อนฝุ้นสีขาวที่ยิ้มแย้มแจ่มใจ โชว์สิ่งที่ใครต่อใครอยากมอง ก็ชวนให้ประทับใจ จึงส่งเข้า facebook  แบ่งปั้นให้พี่น้องร่วมสถาบันได้ชื่นชม ในปีพ.ศ.2553 วันที่ 12 ก.พ.53 มีการจัดงาน bynior ขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่มีโอกาสไปร่วมเก็บภาพประทับใจหรือแสดงความยินดีกับพี่ปี 4 ที่กำลังจะลารั้วสถาบันออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง เพราะติดภารกิจกตัญญู ต้องไปไหว้ตรุษจีนและนอนบ้านแม่ที่ต่างอำเภอกับครอบครัว
     กำหนดการวันปัจฉิมนิเทศที่พอทราบ คือ งานเริ่มรับลงทะเบียนพี่บัณฑิต ตอน 12.00น. มีการบรรยายพิเศษโดย ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ เพื่อให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มีความรู้ความเข้าใจ และพร้อมออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ตอนเย็นจะมีงานเลี้ยงพี่ปีสี่ และมีรุ่นน้องเข้าร่วมฉายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะอำลากันไปคนละทิศละทาง และได้พบกันอีกครั้งเมื่อบุญพาวาสนาส่งจนได้พบกันในโอกาสต่อไป .. ขอให้ทุกคนมีความสุขตามกระแสเวลาที่กำลังไหลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
http://www.facebook.com/album.php?aid=147094
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=147102

ร่ำเปิงเรื่องเวทีของสุนัข

เรื่องของสุนัข

9 ก.พ.53 ร่ำเปิง คือรำพึงหรือระลึก เมื่อผมอายุมากขึ้นก็จะมีเรื่องให้นึกถึงมากมาย เรื่องหนึ่งคือบทเรียนจากการอ่านการ์ตูนเรื่องสุนัขกัดกัน ต่อสู้กันในเวทีที่มีคนจัดให้ แล้วคนก็ไปมุงดู เสียเงินดูและพนันขันต่อว่าตัวไหนจะชนะ ไปเชียร์ด้วยความเมามันส์ ไม่นึกกันเลยว่าสุนัขก็มีชีวิต ไหนไหนก็เกิดมาในยุคเดียวกันแล้ว ถ้าเราไม่กินเขาเป็นอาหารก็ไม่ควรเอาความทุกข์ของเขามาเป็นความสุขของเรา ปัจจุบันมีมนุษย์บางกลุ่มชอบเห็นเผ่าพันธุ์ของตนต่อสู้ฮั่มหั่นกันและชื่นชอบกับการเฝ้าดูฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มกันไปข้างหนึ่ง .. น่าแปลกที่เสี้ยวเวลาน้อยนิดที่เรามาใช้เวลาร่วมกัน กลับไม่มุ่งมั่นที่จะใช้เวลาที่เหลืออย่างมีคุณค่าที่สุด

มนุษย์ผู้ไม่ใช้สารสนเทศ

7 ก.พ.53 แล้วผมก็ได้ตระหนักว่า มนุษย์บางคนขาดความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสารสนเทศ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ความเชื่อ และความรู้สึกเป็นฐานคิด แม้แต่ผมเองก็ยังใช้ความเชื่อและความรู้สึกเช่นกัน ทำให้ทราบว่าเผ่าพันธุ์เดียวกับผมมีคิดไปแนวใด ตัวอย่างแรกที่เห็นชัด คือ สุรา แม้ในทีวีจะออกมาบอกว่าดื่มสุราขณะขับรถนั้นอันตราย ก็ยังมีคนตายกันหลายร้อยคนปีละ 2 เทศกาล แสดงว่าพวกเขาขาดความตระหนักในโทษของสุรา ไม่เชื่อฟังในคำสอนทางศาสนา และไม่รักชีวิตเหนือสิ่งอื่นใด ตัวอย่างที่สอง คือ เรารู้ว่าอาหารมัน กินไหม้ กินดิบ กินรสจัด กินอาหารขยะ กินไม่เป็นเวล่ำเวลา กินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการนั้นเป็นภัยต่อสุขภาพ เคยได้ยินหลายคนบอกว่าก็ชอบนี่ .. แล้วสารสนเทศที่เรารับมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ซึมเข้าไปในสายเลือดเลยหรือว่ากินอย่างไรให้คุ้มค่า
     ตัวอย่างที่สาม คือ การพนัน (การที่รัฐบาลจำหน่ายฉลากกินแบ่งนั้นผมถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึง ) เรารู้กันดีว่า หวยใต้ดินเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจจับถ้าไปซื้อก็คือผิดกฎหมายและไม่ใช่สิ่งจำเป็น ถึงซื้อถูกก็ได้ไม่กี่บาท ก็รู้กันอยู่ว่าได้ไม่คุ้มเสีย มีสารสนเทศว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม และส่งเสริมกิเลสในใจเรา ทำให้ใจไม่สงบ แล้วเมื่อไรจะลดกิเลสให้เบาบางลงได้ ตัวอย่างที่สี่ คือ ใส่เกียร์ว่างในการทำงาน คอรัปชั่น ทุจริต ปล่อยให้องค์กรหรือท้องถิ่นของตนเสียหาย ก็จะทำให้ที่พึ่งพิงของตนบกพร่อง มีสารสนเทศมากมายว่า การไม่วางระบบเป็นขั้นตอนย่อมไม่มีแนวปฏิบัติให้ดำเนินการ การคอรัปชั่นย่อมเสี่ยงต่อการถูกจับ แต่ก็ต้องทำใจเพราะมนุษย์มีความมักง่าย ไม่รู้จักวางแผน เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า และมีความโลภเป็นที่ตั้ง เหมือนมีคนถามว่าเมื่อใดเมืองไทยจะไม่ซื้อเสียง  สรุปได้ว่ามนุษย์ไม่ตระหนักในผลข้างเคียงของกิจกรรมที่ทำในวันนี้ ไม่พะวงถึงสิ่งที่ทำวันนี้ว่าจะมีผลต่อวันพรุ่งนี้ เพราะไม่เชื่อในอนาคต แล้วคุณล่ะเชื่อในอนาคตหรือไม่ .. ผมพูดกับเพื่อนหลายท่านว่ามนุษย์บางคน “กินบนเรือนขี้บนหลังคา”  ซึ่งผมดีใจที่คิดคำเปรียบเปรยนี้ออก เพราะเป็นคำพูดที่ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ของผม มากกว่าคำอื่นที่ผมคิดก่อนหน้านี้
+ http://www.thaiall.com/mis/mis02.htm

ไปร่วมงานศพคุณพ่อของอ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์

ไปร่วมพิธีจัดงานศพคุณพ่อของ อ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์

7 ก.พ.53 ทราบข่าวจากพี่ปุ๊ก งานบุคคล ในเช้าวันศุกร์ที่ 5 ว่าคุณพ่อของ อ.แม็ก เสียแล้ว ตั้งศพที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ และบุคลากรกว่ายี่สิบคนมีแผนเดินทางไปร่วมพิธีในเย็นวันจันทร์ที่ 8 ซึ่งรถของมหาวิทยาลัยว่างเพียงหนึ่งคัน โดยมีกำหนดฌาปนกิจในบ่ายวันที่ 9 ก.พ.53 ซึ่งอ.แม็ก เสมือนน้องชายที่ผมเคารพนับถือในหลายเรื่องทั้งความสามารถ และวินัยในการดำเนินชีวิต หลังปรึกษาภรรยาก็พบว่าเช้าวันที่ 6 เราทั้งครอบครัวพร้อมทั้งเวลา แผนการเดินทาง และข้อมูลเส้นทาง โดยโทรถามเส้นทางจาก อ.มงคล ใจสุข ซึ่งให้รายละเอียดชัดเจนมาก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเดินทางในครั้งนี้ เราออกจากลำปางไปเชียงใหม่เกือบเที่ยวันของวันที่ 6 แล้วไปผ่านอ.แม่ริม ผ่านอ.แม่แตง แล้วหลงไปปางช้างแม่ตะมาน ก่อนยูเทอร์นประมาณ 3 กิโลเมตรมาเลี้ยวซ้ายเข้าเขื่อนแม่งัด ซึ่งบ้านงานศพที่เป็นบ้านของคุณพ่อที่ลวงลับอยู่ติดวัดบ้านใหม่ และเป็นหมู่บ้านติดเขื่อนแม่งัด หลังออกจากบ้านงานศพเราไปแวะเก็บข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่เขื่อนแม่งัดก่อนกลับ
     มีเรื่องให้นั่งคุยกับอาจารย์แม็ก และน้องผกามาศมากมายในหนึ่งชั่วโมงที่บ้านศพ ที่จำได้คือ 1) ประสบการณ์การบวชเรียนของท่านที่เป็นที่มาของความเข้าใจในพระธรรม 2) การร่วมต่อสู้กับคุณพ่อที่ป่วยด้วยโรงมะเร็งตับตั้งแต่เดือนกันยายน52 3) การทำพิธีศพตามแบบของหมู่บ้านที่พบว่าต่างกับที่เคยพบในหมู่บ้านอื่น 4) เสน่ห์ของเขื่อนแม่งัดแห่งท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักอนุรักษ์ไพร 5) เรื่องวีดีโอกีฬา 9 สถาบัน ซึ่งผมกลับมาทดสอบอีก 2 เมนท์แล้วก็เพิ่มได้ครับ เพราะท่านแจ้งว่าเพิ่มไม่เข้า
+ http://www.weerapun.com
+ http://www.youtube.com/watch?v=-bu34waZZsI