เปิดอบรมครูสมาธิรุ่นที่ 226 ของพระเทพเจติยาจารย์..ฟรี

7 ก.พ.53 มหาวิทยาลัยโยนก ได้รับเมตตาจาก พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) ให้เปิดสอนหลักสูตรครูสมาธิ ตามแนวทางของสถาบันพลังจิตตานุภาพ นครธรรม วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 กรุงเทพฯ ให้ทำการจัดฝึกอบรมหลักสูตรครูสมาธิรุ่นที่ 26 ระหว่าง 15 กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2553 พร้อมกัน 2 สาขาคือ สาขา 7 มหาวิทยาลัยโยนก จังหวัดลำปาง เรียน จันทร์-ศุกร์ 18.00-20.30น. และสาขา 22 วัดเชตวัน จังหวัดลำปาง เรียน เสาร์-อาทิตย์ 9.00 – 16.30น.สอบถามได้ที่ คุณวิสุทธิ์  แดงดีมาก คุณวรเชษฐ์ ศรีวงศ์พันธุ์ คุณสมศักดิ์ ขันธิกุล คุณสุรีย์พร  ชื่นพันธุ์ ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์

ที่มาของหลักสูตร
     คือ หลวงปู่มั่นแนะนำเรื่องการสอนสมาธิ ในระหว่างที่ผู้เขียนอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ได้ทราบข้อเท็จจริงมาก ทั้งสมาธิตื้น สมาธิลึก ตลอดถึงวิปัสสนา ซึ่งเมื่อเข้าใจทุกประการแล้วผู้เขียนมีความรักและหวงแหนในหลักการต่าง ๆ อย่างยิ่ง ไม่อยากที่จะให้หลักการเหล่านั้นต้องสลายไป เพราะท่านมีวิธีทั้งขั้นพื้นฐานและขั้นสูงสุด ผู้เขียนถามท่านว่า “ต่อไปกระผมจะเขียนเป็นหลักสูตรการทำสมาธิให้ชาวโลกเขาทำกันจะได้ไหม” ท่านตอบว่า “ได้ แต่ต้องเอาแบบขั้นพื้นฐานสำหรับเป็นประโยชน์แก่มหาชน สำหรับขั้นสูงให้มีน้อย โอกาสที่เธอจะทำนั้นมีอยู่ แต่ต้องทำขั้นพื้นฐานเพื่อคนส่วนมากในโลกจะได้สงบ และเธอจะต้องไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะคนกรุงเทพฯ ที่มีวาสนาบารมี มีอยู่ไม่น้อย”
     ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้ เป็นแรงสนับสนุนในใจของผู้เขียนอยู่ตลอดเวลาจน พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2534 ผู้เขียนได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่วิทยาลัยสงฆ์น้ำตกแม่กลอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นบริเวณป่าไม้ เชิงเขาดอยอินทนนท์ ทำให้ได้ทบทวนหลักการต่าง ๆ ที่เคยได้ไต่ถามอัตถปัญหาสมาธิ พร้อมทั้งคำแนะนำจากหลวงปู่มั่น จึงได้เขียนเป็นตำราสมาธิขึ้นจนเต็มรูปแบบสามารถใช้ในการเรียนการสอนวิชาสมาธิได้ รวมการทบทวนและรวบรวมการเขียนตำรานั้นใช้เวลา 5 ปีจึงสำเร็จ เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระที่สำคัญ จึงจัดทำเป็นรูปเล่ม ตั้งแต่ ขั้นพื้นฐาน ขั้นกลาง และขั้นสูง รวม 3 เล่ม เหมาะแก่การศึกษาและปฏิบัติสมาธิยิ่งนัก
+ http://www.yonok.ac.th/samati/

พระปลัดบรรยายธรรมวันแห่งความรัก

วันวาเลนไทน์

3 ก.พ.53 อ.อ้อม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับทุกคณะวิชา อาทิ อ.บอย คณะบริหารเป็นพิธีกร อ.น้ำผึ้ง คณะนิเทศรับลงทะเบียน อ.แต คณะวิทย์เก็บแบบสอบถาม จัดโครงการธรรมะเพื่อชีวิต นิมนต์พระครูปลัดอนันต์ ญาณสํวโร มาเทศให้ข้อคิดเตือนสติเตือนใจหลายเรื่อง อาทิ ไม่โหดร้าย ไม่มือไว ไม่ใจเร็ว ไม่พูดปด ไม่หมดสติ หรือ วัยพึ่ง วัยพบ วัยเพียร วัยพัก และวัยพราก ก่อนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อปรามมนุษย์เยาวชนให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท มีนักศึกษาจากทุกคณะ ผู้บริหาร อาจารย์และเจ้าหน้าที่ สนใจเข้าฟังพร้อมเพียงกัน และมีประเด็นเล่าให้ฟังมากมาย เรื่องหนึ่งคือประวัติวันวาเลนไทน์ (Valentine’s Day) ซึ่งพอสรุปได้ว่า เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีถูกจัดให้เป็นวันหยุด เพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นวันเริ่มต้น เทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย
     ในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอโหดร้าย นิยมการทำสงคราม ทรงตระหนักว่าชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมกองทัพ เนื่องจากไม่อยากพรากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงมีพระราชโองการห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นหรือแต่งงานในโรม ทำให้ประชาชนทุกข์ใจยิ่งและขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์หรือวาเลนตินัส ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ ทำให้วาเลนไทน์ถูกจับ ระหว่างเป็นนักโทษเชื่อกันว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกตัดศีรษะ เขาส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลียโดยลงท้ายว่า “From Your Valentine” และวาเลนไทน์ก็ถูกประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270
     หลังจากนั้นศพของเขาถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพูไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัส โดยต้นอามันต์สีชมพูเป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกเลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนพอใจในวันวาเลนไทน์จนถึงทุกวันนี้

+ กุหลาบแดง (Red Rose) : แทนประโยคว่า “ฉันรักเธอ”
+ กุหลาบขาว (White Rose) : แทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์
+ กุหลาบชมพู (Pink Rose) : แทนความรักแบบโรแมนติก
+ กุหลาบเหลือง (Yellow Rose) : แทนความรักแบบเพื่อน เป็นสีแห่งความสดใส

ภาพชุมนุมศิษย์เก่า เก็บภาพโดยธรณินทร์ (ต่อ)

รวมภาพศิษย์เก่า

1 ก.พ.53 ในวันงานชุมนุมศิษย์เก่า ทุกคนมีเป้าหมายการร่วมงานครั้งนี้ชัดเจนคือ การไปพบเพื่อนเก่า ไปพูดคุยสังสรรค์เฮฮา ตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานาน มีเรื่องคุยกันมากมาย มีภาพในอดีตให้รำลึกตามประสาผู้สูงอายุ (หรือใครจะปฏิเสธ) มีหลายคนพลาดการชมสไลด์วีดีโอศิษย์เก่าที่ อ.มงคล ใจสุข จัดทำไปฉาย ผมดูแล้วก็อึ้งเพราะเป็นเรื่องสมัยเป็นเยาวชนอยู่เลย ซึ่งเป็นโชคที่ได้คัดลอกสไลด์ชุดนี้ไว้ขณะล่องลงกรุงเทพฯบนรถบัสเข้า SD Memory กลับมาที่ลำปาง คิดว่าเพื่อนและรุ่นน้องอาจสนใจ จึงส่งเข้าเผยแพร่ใน youtube.com และ multiply.com ความยาววีดีโอยาว 7 นาทีไม่มีเสียงพูดมีแต่เสียงเพลงสุดซึ้งประกอบภาพ
     ตกเย็นวันที่ 1 กพ.53 ก็ได้ภาพจากมุมกล้องที่ถ่ายโดยคุณธรณินทร์ สุรินทร์ปันยศ อีกกว่า 54 ภาพ และมีถึงร้อยละยี่สิบที่เป็นภาพสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมชัดเจน เป็นภาพอีกมุมหนึ่งของแต่ละบุคคลที่เด่นชัดมากผ่านกล้องคุณภาพ ที่แน่นอนคือมีภาพ close up อ.นงลักษณ์ นักแสดงฟ้อนรำของศิษย์ เชียร์รีดเดอร์ นักศึกษาจีน การยืนบนแคร่ของช่างฟ้อน เป็นต้น ที่ปฏิเสธไม่ได้คือมีคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลืองในภาพชุดนี้อยู่ในงานชุมนุม ทีมจัดงานก็คงพยายามแล้วที่จะสนับสนุนให้ทุกคนสวมเสื้อสีขาว และมีสุราที่ทำให้พฤติกรรมของหลายคนถูกละลายจนเชื่อมกันติด สรุปว่าส่งไปเผยแพร่ใน myspace.com และ multiply.com ดังนี้
+ http://viewmorepics.myspace.com
+ http://thaiabc.multiply.com 
+ http://vids.myspace.com
+ http://www.youtube.com/watch?v=DJEBiZ1szSc
+ http://www.yonokcom11.com โดยน้ำหนึ่ง

งานสังสรรค์ศิษย์เก่าที่ไอทาวเวอร์

 

ภาพจาก gallery

30 ม.ค.53 ร่วมพบปะสังสรรค์กับเพื่อนและศิษย์เก่า มีผู้ร่วมงานกว่า 600 คน ก็สารภาพว่าศิษย์เก่า 18 รุ่นนั้น ผมจำไม่ได้หมดทุกคน หลายคนเปลี่ยนไปทั้งรูปร่างหน้าตาและเพศ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่าทำงานที่ไหน อยู่ที่ไหน เปลี่ยนไปอย่างไร ถามไถ่ที่มาที่ไป พาลูกจูงหลานมาร่วมกิจกรรมเพียบ อาจารย์ก็มาร่วมพบปะลูกศิษย์ก็ไม่น้อย เดินครั้งใดก็ต้องใช้เวลาหยุดกล่าวทักทาย เพราะศิษย์เก่าจะเข้ามาห้อมล้อม แวดหัวแวดหางขอเก็บภาพ ขอแลกเปลี่ยน ขอชนแก้ว บางก็ทักว่าอาจารย์แก่ขึ้นนะ อายุทุกคนก็ไม่ใช่น้อยอย่างผมก็ 40 อัพแล้ว จะอยู่ในโลกนี้อีกกี่ปีก็ไม่รู้ ก็ตอบคนที่ถามไปว่าเป็นเรื่องของสังขารต้องปล่อยวางซะบ้าง แต่ศิษย์กว่าครึ่งน้ำหนักมากกว่าผมแน่ คำถามยอดฮิตคือทำไมผมผอม ก็ตอบอย่างสั้นว่าไม่กินข้าวเที่ยง เพราะถ้าตอบความจริงว่าผมลดรับสารปนเปื้อน ไม่ใช่จำเป็นต้องรับสามมื้อ หรือยึดหลักพอเพียงก็จะตอบกันยาวและมีข้อโต้แย้งกันนาน ยิ่งลูกศิษย์คอมพิวเตอร์เข้ามาคุยก็จะยิงคำถามที่ผมตอบไม่ได้หลายคำถาม เพราะข้อจำกัดเรื่องเวลา ความเข้าใจพื้นฐาน และความเชื่อของแต่ละคนไม่เท่ากัน
     ที่น่าแปลก คือทุกคนตอบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุกสุด ๆ คงเป็นเพราะมีความคาดหวังและได้รับสิ่งที่คาดหวัง คือความเป็นมิตรจากเพื่อนเก่า การได้สังสรรค์เฮฮากันอีกครั้งหลังไม่พบกันนับสิบปี การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ ประสบการณ์ ความจริงใจจากความเป็นเพื่อน และความไว้วางใจจากเพื่อนที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝง ซึ่งไม่เหมือนการต่อสู้ในโลกธุรกิจที่พวกเขาต้องเผชิญ ส่วนผมก็จะง่วนอยู่แต่การถ่ายภาพศิษย์เก่าเป็นที่รำลึก ไว้ดูตอนแก่ว่าคนนั้นอยู่ไหนคนนี้ทำอะไรอยู่นะ(ถ้าผมมีวันนั้นนะครับ)  การถ่ายภาพกลุ่มคนในงานเลี้ยงโต๊ะจีนที่มีกิจกรรมรอบงานมีปัญหา 2 เรื่องคือ แสง และจำนวนคน ทั้งหมดคือการอธิบายภาพรวมเชิงกว้างของงาน YONOK Forever ในคืนวันที่ 30 มกราคม 2553 จัด ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารไอทาวเวอร์ โดย ดร.ศิริธัช โรจนพฤกษ์ เป็นผู้สนับสนุนอาหารโต๊ะจีน และมี ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร เป็นแกนนำศิษย์เก่าประสานการจัดงานครั้งนี้ อ.ธวัชชัย แสนชมพู นายกสมาคมศิษย์เก่าสนับสนุนรถบัส54ที่นั่ง นำศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าภายเหนือไปร่วมงาน เริ่มงาน 18.00น. และปิดงานประมาณ 22.30น. ซึ่งผมมีภาพถ่ายและวีดีโอเผยแพร่ในเบื้องต้นดังนี้
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=144185
+ http://thaiabc.hi5.com
+ http://viewmorepics.myspace.com
+ http://www.youtube.com/watch?v=Rpov5xhOm9c  บูมโยนกน่าเกรงขาม
+ http://www.youtube.com/watch?v=f5tv9HsKwGg  รอบงานกลางดึก

เชียร์ลีดเดอร์ นำประกวดกองเชียร์

เชียร์ลีดเดอร์โดย นิสิต นักศึกษา

29 ม.ค.53 ก่อนไปร่วมประชุมศิษย์เก่าครั้งประวัติศาสตร์ที่กรุงเทพฯ จัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ที่ตึกไอทาวเวอร์ ซึ่งนางสาวเรณูฝากเอกสารการประชุมสภา ส่วนพี่กาณต์ฝากเอกสารการเงิน ไปให้ผู้เกี่ยวข้องที่กรุงเทพฯ มีกำหนดเดินทาง 24.00น. ที่ป้ำคุณประยูรณ์ ผมได้ไปเก็บภาพและคลิ๊ปวีดีโอของนิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เป็นส่วนใหญ่ ในงานกีฬา 9 สถาบันระดับอุดมศึกษา จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ และประกวดกองเชียร์ ก่อนจะมีพิธีปิดกีฬาเย็นนี้ เด็กสาวมากมายร้องเพลง เต้นเชียร์กันอย่างมีความสุข อาจารย์หลายสิบท่านก็ไปร่วมเป็นกำลังใจ อาทิ อ.อติชาต อ.ธวัชชัย อ.ศิรดา อ.ปวิณรัตน์ อ.เหมี่ยว อ.เอ อ.สุริยพันธ์ อ.เกศินีย์ อ.วันชาติ อ.มงคล เจ้าหน้าที่ก็มีหลายท่าน อาทิ นายธรณินทร์ นางวราลักษณ์ ผมได้ถ่ายวีดีโอและอัพโหลดไว้ใน youtube.com ให้ได้ชมกัน เป็นความประทับใจของผู้ร่วมกิจกรรมโดยแท้ .. วีดีโอเรื่องนี้เกือบ 10 นาที ดูกันเต็มอิ่มแน่นอนครับ ..

เชียร์ลีดเดอร์ และกองเชียร์ของเรา

+ http://www.youtube.com/watch?v=-bu34waZZsI
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=143777

ลุแก่อำนาจ ภาคต่อ

29 ม.ค.53 ที่มา คือ ผมไปเซ็นชื่อรับเงินรัฐบาลที่สนับสนุนผู้ปกครองที่โรงเรียนของลูก ไปก่อนเคารพธงชาติ ไปเซ็นชื่อเสร็จก็เดินลงมา ผมขึ้นตึกเห็นทุกคนถอดรองเท้า ก็ถอดตาม ตอนลงมาผมก็ถอด แต่ระหว่างลงบรรได มีเสียงว่า “เธอสวมรองเท้าขึ้นมาได้อย่างไร อยู่ห้องไหน ครูชื่ออะไร” เป็นน้ำเสียงของคุณครูพูดกับนักเรียนอย่างแท้จริง ก็ไม่น่าแปลกอะไรที่ครูจะให้คำแนะนำแก่ศิษย์
     ช้าก่อนเรื่องยังไม่จบ สิ่งที่ผมเหลือบไปเห็นแล้วก็ต้องตกใจ คือ ครูทั้ง 2 ท่านที่ถามเด็กกลางบรรได โดยมีผมเดินอยู่ข้างหลัง ทีแรกว่าจะแซงไปแล้ว เพราะท่านชะลอความเร็ว และมีคนเดินขึ้นลงขวักไขว่ สิ่งที่สังเกตเห็นคือ ครูทั้งสองท่านสวมรองเท้าเดินลงตึก ในใจก็คิดทันทีว่าผมเจอกับแม่ปูอีกแล้ว ก็ไม่ทราบว่าคุณครูท่านขึ้นตึกได้ถอดแล้วหิ้วขึ้นไปหรือไม่ ก็แปลกว่าทำไมต้องให้ศิษย์ถอดรองเท้า แล้วตนเองสวมรองเท้า ถ้าในตึกมี 30 ห้องเรียนก็จะมีครู 30 คนเดินสวมรองเท้าขึ้นตึก ข้อสงสัยคือ ทำไมนักเรียนไม่มีสิทธิสวมรองเท้าขึ้นตึก เด็กบางคนแบกสัมภาระตั้งเยอะ ยังต้องก้ม ๆ เงย ๆ หิ้วรองเท้าเป็นอีกหนึ่งภาระขึ้นอาคารชั้นสาม แต่แม่ปูไม่ต้องกระทำ
     ประเด็น คือ ทำไมครูไม่พูดกับลูกศิษย์อย่างเอื้ออาทรอย่างกัลยาณมิตร มีสิทธิใดใช้อำนาจเจืออารมณ์ เป็นสิ่งที่ผมเห็นอย่างคนนอก แล้วขัดใจในความไม่สมเหตุสมผล เพราะมนุษย์เราน่าจะมีสิทธิโดยเท่าเทียมกัน และลูกศิษย์ก็คือผู้มีอุปการะคุณ ที่ทำให้คุณครูมีข้าวมีน้ำกินทุกวัน ผมก็เป็นครูยังอยากจะแสดงความเคารพลูกศิษย์เช้าเย็น เพราะพวกเขาทำให้คุณครูมีอยู่มีกิน .. สำหรับตัวผมจะคิดว่าลูกศิษย์ทุกคนคือลูกศิษย์ที่มีพระคุณเสมอ แต่ถ้าลูกศิษย์จะเคารพครูก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างชื่นชม มิใช่ไหว้คุณครูเพราะเกรงกลัวหรือทำไปเพราะหน้าที่

ลุแก่อำนาจ

ภาพยนต์เรื่องนี้เป็นการแย่งชิงอำนาจในครอบครัว

28 ม.ค.53 ลุแก่อำนาจเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วไป เป็นรูปแบบชีวิตที่พบเห็นได้บ่อยในตำรวจยศสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้อำนวยการ ผู้มีฐานะดีมาก มักเป็นผู้ใช้อำนาจเกินบทบาทที่ควรเป็น เป็นพฤติกรรมที่ขาดความสมเหตุสมผล
เช่น ไม่รู้จักประมาณตน ไม่เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ชอบการถูกยกยอปอปั้น พอใจที่มีคนหมอบคลานเข้าไปเยี่ยงทาส ขึ้นเสียงต่อเพื่อนมนุษย์อย่างเคยชิน ชักสีหน้าไม่เลือกที่เลือกเวลา ใช้อำนาจที่มีโดยมิชอบ เป็นรูปแบบชีวิตที่พบเห็นได้บ่อยในภาพยนตร์อาจมีมากกว่า 80% และ มากกว่า 90% ที่คนกลุ่มนี้จะล้มเหลวตามบทบาท ที่ได้รับในภาพยนตร์ แต่ในชีวิตจริงคนเหล่านี้คิดว่าตนทำถูกต้องเหมือนในภาพยนตร์เปี๊ยบ .. แบบดื้อตาใส
    
ในชีวิตจริงเราจะพบเห็นพฤติกรรมแบบนี้ได้ไม่บ่อยนัก อาจเป็นเพราะมนุษย์เคยชินกับรูปแบบชีวิตของคนที่ลุแก่อำนาจ หรือมีพฤติกรรมไม่สมเหตุสมผลในภาพยนตร์หลายพันเรื่องหรือละครทีวี หากมีใครไปพบว่าใครสักคนทำตัวเป็นแม่ปูจนลูกปูไม่อยากอยู่ใกล้ เป็นแม่ปูที่ไม่มีความสมเหตุสมผลแล้วมาเล่าให้ผมฟัง ผมก็มองเป็นเรื่องปกติ แต่คนทั่วไปที่คาดหวังความสมเหตุสมผลจากแม่ปูก็จะเป็นเดือนเป็นร้อน .. ผมก็อุทานในใจว่า คนเคยกินข้าวก็ต้องกินข้าววันยันค่ำ หรือ คนเคยกินขนมปังก็ต้องกินขนมปัง หรือ คนเคยกินข้างเที่ยงก็ต้องกินข้างเที่ยงไปชั่วชีวิต .. แพ้ภัยตนเองเป็นคำกล่าวที่พบได้บ่อยในชีวิตจริง แบบไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า เช่น กินเหล้าเมาแฟนก็ทิ้ง ซื้อหวยไม่ถูกก็ต้องเสียเงิน กินหมูกะทะก็จะเป็นมะเร็ง เป็นต้น ถ้ามีแม่ปูลุแก่อำนาจก็จะไม่มีลูกปูตัวใดเดินตามยกเว้นอยู่ในภาวะจำยอมเหมือนกบในกระทะ พอไม่มีหนักเข้าก็จะลือหึ่งกันไปทั้งชายหาด .. ก็เป็นนิทานสอนเด็กเรื่องลูกปูกับแม่ปูในชายหาดบางแสน .. ที่ผมจะเอาไปเล่าให้เพื่อนอาจารย์ฟัง แลกกับนิทานเรื่องตัดต้นไม้เพราะหวังเบียดบังชีวิตนกบนต้นไม้ของท่าน

บ่นหลายเรื่อง อาทิ ทำบุญ เลือกตั้ง รับน้อง คิดกันไปเอง

ทำบุญตักบาตร

26 ม.ค.53 วันนี้เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยโยนก มีกิจกรรม 2 อย่างเกิดขึ้นในวันนี้คือตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสโมสรนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2553 ช่วงสายได้มีการพูดคุยกับเพื่อนอาจารย์ในคณะว่าจะมีอาจารย์ใหม่มาประจำที่มหาวิทยาลัยอีกหลายท่าน เป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต มีประเด็นเรื่องห้องทำงาน ในใจผมก็นึกไปถึง ภาพยนต์เรื่องรับน้องสยองขวัญ ซะงั้น (ไม่เกี่ยวกันเลย) .. อาจารย์ที่มาใหม่จะมาสังกัด ระหว่าง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ และวิทยาลัยสร้างสรรค์ อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน .. ก็ยินดีต้อนรับล่วงหน้าครับ
     ช่วงบ่ายก็ได้รับมอบหมายให้ไปรับอาจารย์ 3 ท่านมาประชุมวิชาการพิจารณา 6 หลักสูตร ไปรับตั้งแต่ 6.00น. ของวันรุ่งขึ้น ช่วงเย็นมาทราบว่าเลื่อนไปอีกหลายวัน แต่ที่แน่นอนคือวันศุกร์นี้ศิษย์เก่าลำปางจะไปกทม. ร่วมกับศิษย์เก่าโยนกทั่วประเทศวันเสาร์เย็น ร่วมกันจัดงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ที่ตึกไอทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ผมก็จะไปร่วมด้วย เพราะนาน ๆ จะได้พบเพื่อนสักครั้ง เป็นนิมิตรหมายที่จะได้รวมพลัง แสดงพลัง แต่บ่ายวันนี้เช่นกันมีรุ่นน้องมาให้ข้อมูลว่า มีผู้ไม่หวังดี ถูกปล่อยข่าวว่าเป็นผู้ปล่อยข่าวว่าการรวมกันครั้งนี้จะเป็นการก่อม็อบ ต่อต้านอะไรสักอย่าง (ดีนะที่เสื้อของงานเป็นสีขาว ถ้าเป็นเหลืองหรือแดงคงมีการเมืองมาเอี่ยวด้วยแน่) ผมฟังแล้วก็อดขำผ่านโทรศัพท์ไปไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครคิดอะไรที่ขาดองค์ประกอบของความสมเหตุสมผลเช่นนั้น แต่ถ้าคิดและลือกันไปเองยังจะน่าเชื่อซะกว่า มีให้เห็นบ่อย ๆ ทางทีวี

โทรศัพท์มรณะ รับแล้วลาโลก

โทรศัพท์มรณะ ต่อติดตาย รับแล้วลาโลก

20 ม.ค.53 ทั่วภาคเหนือผวาหนักมีข่าวเชื่อกันว่า ต่อติดตาย ถ้ามีสายเรียกเข้าเป็นเบอร์โทรแปลก เช่น 0833366xxx หรือ 999-9999 แล้วหน้าจอขึ้นตัวอักษรแดง หรือหน้าจอแดงอย่ารับ เขาว่าเป็นไปได้ระหว่างไวรัสกับไสยศาสตร์กระนั้นเชียว ทั้ง 3 เบอร์เป็นของ AIS ที่เปิดใช้อยู่ ผู้เกี่ยวข้องแจ้งว่าเจ้าของหมายเลขทุกคนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ AIS บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องเช่นนี้จะเป็นจริง ส่วนช่อง 3 ออกรายการเรื่องเด่นเย็นนี้เมื่อ 20 ม.ค.53 ข่าวลือ!เบอร์โทรศัพท์มรณะ แบบว่ารับปุ๊ปตายปั๊ป แก้วหูแตก เลือดคั่งในสมอง เลือดออกปากออกจมูก ถึงกับมีติดประกาศไว้ที่หน้าบ้านที่อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ให้รับเฉพาะเบอร์ที่รู้จักเท่านั้น และที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พระท่านก็ต้องเทศสอนให้รู้จักมีสติ .. ก็น่าแปลกที่มีคนเชื่อเรื่องเหล่านี้นะครับ
http://www.kroobannok.com/26805
http://hilight.kapook.com/view/45615
http://www.thairath.co.th/content/region/59988
http://www.thairath.co.th/content/region/60048
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=1375638

สาวราชภัฏ ไฟลวกขณะทำพิธีไหว้ครูกลองยาว

ต.ย. การรำพ่นไฟ
ต.ย. การรำพ่นไฟ

19 ม.ค.53 เช้านี้ฟังข่าวว่ามีนักศึกษาสาวราชภัฏนครปฐม รำกระบองไฟถูกไฟไหม้ตัว เหตุเกิดจากอมน้ำมันพ่นไฟ แล้วไฟย้อนเข้าปากลุกท่วมใบหน้าได้รับบาดเจ็บขณะรำกระบองไฟในพิธีไหว้ครู ในงานประจำปีคืนสุดท้ายของวัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม ซึ่งผู้เสียหายเป็นบุตรของครูที่สอนด้านการแสดง และออกแสดงมาแล้วหลายปี อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ผู้เสียหายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้าและลำตัว จนผิวหนังพุพอง เข้ารับการรักษาที่ รพ.ศูนย์นครปฐม .. ฟังข่าวแล้วก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในโลก ทำได้โดยมนุษย์จะไม่จัดกิจกรรมที่เสี่ยงเช่นนี้อีก ไม่เป็นผู้ดู ไม่เป็นผู้จัด ไม่ส่งเสริม ก็น่าจะลดจำนวนอุบัติเหตุที่ไม่คาดหมายไปได้ไม่น้อย เช่นเดียวกับการสนับสนุนให้งดการจุดพลุ และดอกไม้ไฟ