ทุกขลาภลวงออนไลน์ (itinlife543)

แฟนเพจปลอม
แฟนเพจปลอม

ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารในโลกไซเบอร์แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว บางคนก็รับข้อมูลข่าวสารโดยไม่มีการกลั่นกรอง รับข่าวทุกแหล่งและปักใจเชื่อทุกเรื่องราว บางคนอยู่ในโลกไซเบอร์แต่ไม่รับข้อมูลข่าวสารเลยก็มี บางคนรับข้อมูลมาแต่ไม่ได้กลั่นกรองเก็บเป็นความรู้ฝังลึก บางคนทำตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินผู้คนว่าผิดถูกด้วยข้อมูลอันน้อยนิด กระแสแจกทองผ่านการส่งเลขใต้ฝาขวดเครื่องดื่มเพื่อชิงโชค ทำให้มีผู้คนไม่น้อยร่วมกิจกรรม แล้วมิจฉาชีพก็อาศัยกระแสนี้สร้างแฟนเพจปลอมในเฟสบุ๊คในชื่อเดียวกันจนมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนเพจของจริงที่จะแจกทอง เข้าไปร่วมกดไลค์ กดแชร์ และกดคอมเมนท์กันอย่างสนุกสนาน

เมื่อ 12 มีนาคม 2559 มีข่าวว่ามิจฉาชีพสร้างบัญชีปลอมในเฟสบุ๊ค แล้วหลอกสาวอายุ 39 ปีว่าเป็นผู้โชคดีที่ได้เงิน 10 ล้านกับรถเบนซ์ 1 คัน แต่แลกกับการส่งบัตรเติมเงินทรูมันนี่ 2000 บาท เป็นการลงทุนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับลาภก้อนโตที่กำลังจะได้ สาวพิจารณาแล้ว แม้รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็ยอมและส่งภาพบัตรเติมเงินของทรูมันนี่พร้อมรหัสไปให้ เมื่อส่งไปและเงินในบัตรถูกโอนออกไปแล้ว พบว่าเฟสบุ๊คของมิจฉาชีพได้ปิดตัวหนีไป จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความ ปัญหาทำนองนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เชื่อว่ามีการหลอกลวงแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ที่เราทราบและปรากฏมาเป็นข่าวมีเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนหนึ่งไม่แจ้งความ และที่แจ้งความก็อาจไม่มีนักข่าวนำมาเขียนข่าว

ความโลภที่อยากได้มากแต่ลงทุนน้อยเป็นกันได้ทุกคน มิจฉาชีพอาศัยความโลภในใจของมนุษย์ดำเนินการในลักษณะที่เรียกว่า ตกทอง โดยใช้สิ่งมีค่ามากมาล่อหลอก แลกกับค่าใช้จ่ายหรือทรัพย์สินที่มีค่าน้อยกว่า เมื่อเห็นว่าตนเองจะได้ประโยชน์มากกว่าก็ยอมแลก กว่าจะรู้ก็พบว่าถูกหลอกและไม่ได้ลาภก้อนโตดังที่คาดไว้ ที่เป็นเช่นนี้ก็อาจเป็นเพราะไม่ติดตามข่าวสารที่ปรากฏตามสื่อ ไม่ตระหนักข้อมูลจากข่าวตกทองที่ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง ด้วยวิธีการที่หลากหลายแปลกใหม่ อาทิ หลอกให้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หลอกว่าจะโอนเงินหลายสิบล้านขอให้โอนค่าใช้จ่ายไปให้ก่อน หลอกว่าเป็นหนุ่มหล่อการงานดีจะแต่งงานด้วยแต่ต้องใช้เงิน หลอกโอนเงินค่ารับพัสดุที่ส่งมาจากต่างประเทศ หลอกให้ส่งบัตรทรูมันนี่พร้อมรหัสไปให้ จะมีเทคนิคใดที่แปลกใหม่กว่าที่กล่าวไว้ข้างต้น คงต้องติดตามในสื่อกันต่อไป เพราะเชื่อได้ว่าข่าวนี้จะไม่ใช่ข่าวสุดท้าย ยังมีผู้คนอีกมากไม่ได้อ่านข่าวเหล่านี้ หรืออ่านแล้วไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แล้วนำมาเป็นข้อมูลเตือนตนเองเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจว่าจะลงทุนยอมเสี่ยงแลกลาภก้อนโตหรือไม่

http://hilight.kapook.com/view/134015

ดูหนัง spot light แล้วฟังคุณนันทขว้าง สิรสุนทร คุยเรื่องหนัง

อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง และคุณนันทขว้าง สิรสุนทร
อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง และคุณนันทขว้าง สิรสุนทร
spot light กับ อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง และ คุณนันทขว้าง สิรสุนทร
spot light กับ อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง และ คุณนันทขว้าง สิรสุนทร
15 ก.พ.59 อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง ดำเนินรายการ
เสวนากับคุณนันทขว้าง สิรสุนทร นักวิจารณ์ภาพยนตร์
หลังฉายหนังเรื่อง Spot light ให้นักเรียน นักศึกษาในลำปางได้ชมในราคาพิเศษ
ที่ โรงภาพยนตร์ SF เซ็นทรัล ลำปาง ระหว่าง 12.30 – 16.00น.
เรื่องราวเป็นทีมข่าว Spot light ของหนังสือพิมพ์ The Boston Globe
ที่เข้าไปเจาะข่าวการละเมิดเพศของเด็กโดยบาทหลวงคาทอลิก
เป็นข่าวหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001
spot light
spot light
รวมภาพโดย คุณสราวุธ เบี้ยจรัส

มีประเด็นที่ฟังจากเวทีเสาวนามากมาย อาทิ
1. อ.อดิศักดิ์ จำปาทอง บอกว่าลักษณะการทำข่าวของทีม Spot light
เป็นแบบ investigative reporting เป็นการรายงานจากการสืบสวน
2. หาข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้มารายงาน โดยไม่มีความเห็นส่วนตัว
ทีมนี้ต้องไม่มีการปักธง ต้องทำด้วยความเป็นกลาง และรายงานความจริง
คุณนันทขว้าง บอกว่าบางทีจะทำข่าว ต้องหาทีมใหม่เข้าไปเจาะข่าว
เพราะถ้าใช้ทีมที่คุ้นเคย อาจได้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง เข้าข้างแหล่งข่าวได้
3. ข่าวเจาะลึกคดีบาทหลวงละเมิดเด็ก
ถูกบรรณาธิการคนใหม่ผู้มีสัญชาติญาณ เลือกเป็นประเด็นข่าวสำคัญ
เพราะเคยมีข่าวนี้ลงตีพิมพ์มาก่อน ทีมข่าวคนเดิมก็เคยรายงาน
แต่ไม่ให้ความสำคัญ จนบรรณาธิการคนใหม่
เห็นว่าให้ทีมหยิบมาขยาย เป็นพาดหัวได้
จึงเริ่มการสืบสวนอย่างจริงจัง
และห้องทำงานของ บก. มี นกฟลามิงโก
ที่ร้องแล้ว ร้องต่อ ๆ กันไป ขยายวงออกไป
4. มีการพูดถึง “กะแดะ ตอแหล” ของคนในสังคมไทย
อย่างกรณีหนังเรื่อง อาบัติ หรือ อาปัติ
ก็ถามว่าเป็นอะไร ยอมรับกันไม่ได้เหรอ
ว่าในสังคมของศาสนาพุทธ มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง
เปลี่ยนชื่อหนังแล้วฉายได้ หมายความว่าไง ก็เรื่องเดิม
บ้านเมืองเราก็ไม่ยอมให้แตะต้องศาสนา
ทำไมต้องห้ามพระเล่นกีต้า
เห็นซื้อไอโฟน ซื้อหนังโป๊
5. ถ้านักข่าวกล้าตีแผ่น ใครจะกล้า backup
ก็มีสำนักพิมพ์ หรือบรรณาธิการคอยดูแล
ที่เครือเนชั่น หัวหน้าจะดูแลนักข่าว และดูแลเนื้อหาก่อนเผยแพร่
อย่างดีทุกคน ทุกเรื่อง ไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
6. ยกตัวอย่างภาพยนตร์ All The President’s Men
ที่สองนักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์แหล่งข่าว แล้วถูกห้ามเผยแพร่
ห้ามจด ห้ามอัดเสียง ห้ามบันทึกด้วยวิธีใด ๆ
แต่สองนักข่าวใช้การจำข้อความในกระดาษ
แล้วผลัดกันออกไปจดข้อความในห้องน้ำ
จนได้ข้อมูลไปรายงานเรื่องประธานาธิบดีในที่สุด
จนมีชื่อเสียง และขึ้นมาเป็นนักข่าวระดับต้นในที่สุด
7. พูดถึงการวิจารณ์ภาพยนตร์อย่างตรงไปตรงมา
คุณนันทขว้าง บอก “ต้มยำ..”
ซึ่งคุณนันทขว้างบอกว่าเคยติดตามกองถ่ายไปออสเตรเลีย
แต่ให้ติดตามกองถ่ายไปต่างประเทศ ก็ไม่เกี่ยวกับการวิจารณ์หนัง
ที่ต้องวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา จะวิจารณ์เอาใจผู้กำกับคนเดียว
แต่คนด่าทั้งประเทศไม่ได้ เพราะเป็นอาชีพที่ต้องตรงไปตรงมา
8. เล่าประสบการณ์การเป็นนักข่าว
ที่ต้องเจาะแหล่งข่าว เช่น
ร้านตัดผม ที่ขายบริการ แถวสุทธิสาร ก็ต้องปกป้องแหล่งข่าว
หรือปลอดตัวเป็นนักแข่งรถ แข่งพนันผู้หญิงที่ซ้อนท้าย
9. เล่าเรื่องการทำตลาดของ GTH
ที่บอกว่ามีการแบ่งทีมประชาสัมพันธ์ผ่าน social media อย่างเป็นระบบ
จะส่งข่าวออกไป แต่ไม่ทำช่วง  9.00 – 16.00
10. ปิดท้ายด้วยการเล่าเรื่องหนัง Shane, come back!
ที่มีม้าดำ กับมาขาว วิ่งลงมาจากภูเขา
แล้วเหยียบน้ำ ที่ทำให้ดูออกว่าใครดี และใครไม่ดี
หรือเรื่อง Titanic ที่มีปลาโลมา 2 ตัวว่ายน้ำนำเรือไป
ก็จะมีความหมายซ่อนอยู่
spot light ในโรงภาพยนตร์ SF ที่เซ็นทรัล ลำปาง
spot light ในโรงภาพยนตร์ SF ที่เซ็นทรัล ลำปาง
บันทึกบล็อกครั้งนี้ อาจตกหลงใจความสำคัญ หรือคลาดเคลื่อนบ้าง
เพราะใช้การจดจำเป็นหลักจากการฟังเสวนา

อาลัยเพื่อนเอก

อาลัยเพื่อนเอก
อาลัยเพื่อนเอก

เย็นวันศุกร์ ผมไปงานสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้ายของเพื่อนเอก
ก็มีเรื่องราวมากมายให้คิดถึงเพื่อนเอก แบ่งเป็นเรื่อง ๆ ได้ดังนี้
1. สาเหตุสำคัญที่ทำให้จากพวกเราไป คือ เรื่องตับ
เพื่อนเอกอายุ 45 ปี ป่วยด้วยตับวาย หรือตับแข็ง
เพื่อนเป็นคนร่าเริง ดื่มสุราเยอะ แต่เลิกมาได้ 6 เดือนแล้ว
ทราบจากแฟนเพื่อนว่า ปัญหาก่อนหน้านี้ คือ เบาหวาน
ไปโรงพยาบาลแรก วินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะ รักษาไม่ถูกโรค
ให้แต่ยาโรคกระเพาะ จนต้องย้ายโรงพยาบาล
หลังตับวายไปแล้ว
ย้ายโรงพยาบาลได้ไม่กี่สัปดาห์ก็จากพวกเราไปแล้ว
2. มิตรภาพ
เพื่อนเอกเป็นคนร่าเริง เพื่อนเยอะ
จากกันไปตั้งแต่ 2530 ก็ยังพบกันอีกในปี 2559 เกือบ 30 ปี
ก็ยังกลับมาแสดงไมตรีจิตต่อกันในวาระสุดท้าย
ในงานคืนสุดท้าย เพื่อนร่วมงานเยอะมาก ล้นที่นั่งที่เตรียมไว้กันเลยทีเดียว
อาทิ อาจารย์โรงเรียนมัธยมปลาย อาจารย์ตอนเรียนอยู่ปริญญาตรี
เพื่อนร่วมห้อง ร่วมชั้นมัธยมปลาย และมัธยมต้นหลายห้อง
เพื่อนร่วมสมัยปริญญาตรี ซึ่งผมก็เป็นเพื่อนทั้ง ม.ปลาย และป.ตรี
ศิษย์เก่าสมัยป.ตรี เพราะหลังเพื่อนเอกจบ
ก็ทำงานฝ่ายกิจการนักศึกษา มีลูกศิษย์รู้จักกันนับ 10 รุ่น
จากนั้นก็ทำงานอะไรอีกหลายด้านจนไปลงตัวที่ด้านบริการสาธารณะ
เกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยที่จังหวัดตากกับแฟน
จึงมีเครือข่าย ปภ. รู้จักเพื่อนเอกเยอะ เพราะความเป็นคนเข้าคนง่าย
3. กองทุนช่วยเหลือลูกเพื่อนเอก
เนื่องจากเพื่อนเอกเป็นเสาหลักของครอบครัว ฐานะครอบครัวก็ปานกลาง
เมื่อจากไปและมีเด็ก ๆ ในวัยเรียน 3 คน คนโตอยู่ มัธยม คนเล็กอยู่ประถม
เพื่อน ๆ จึงได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนโดยการนำของเพื่อนติ
ต่อไปก็มีความคิดจะจัดกิจกรรมช่วยเหลือลูกเพื่อนเอก
ตามกำลังของเพื่อน ๆ ในโอกาสต่อ ๆ ไป

* บันทึก 6 กุมภาพันธ์ 2559 หลังพิธีฌาปนกิจไม่กี่ชั่วโมง

อดีตนายแบงค์ทำให้ตัวเองต้องจากไป (pass away) จากหุ้นดิ่ง

ปี 2557 มีรายงานการฆ่าตัวตายของคนไทย รวมทั้งสิ้น 3950 คน
ปี 2557 มีรายงานการฆ่าตัวตายของคนไทย รวมทั้งสิ้น 3950 คน

อดีตนายแบงค์ท่านนี้อยู่ในบ้านมูลค่ากว่าร้อยล้านตามข่าว
อายุ 69 ปี นามสกุลเป็นที่รู้จักของสังคม
การทำให้ตัวเองจากไปมีหลายสาเหตุ
กรณีนี้เป็นเรื่องหุ้น เพราะปัจจุบันหุ้นตก
นี่ถ้าท่านไปวัดปฏิบัติธรรม แล้วฟังธรรม
น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย
+ http://www.matichon.co.th/news/10780

ความเห็นชาวพุทธ

จากผลการสำรวจครั้งหนึ่ง
มีชาวพุทธเข้าวัด แล้วถูกสอบถามเรื่อง
บุญหรือการปฏิบัติธรรมที่เป็นประโยชน์สูงสุด
พบว่า
อันดับ 1 การเจริญภาวนา (ปฏิบัติสมาธิ) 53.3%
อันดับ 2 การรักษาศีลหรือประพฤติดี 21.7%
อันดับ 3 การให้ปันสิ่งของ (การบริจาค) 14.0%

นี่ถ้าเราท่านไปวัดกันบ่อย ๆ ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติสมาธิ เจริญภวานา
ก็จะส่งเสริมให้การเห็นคุณค่าของวัตถุลดลงได้
ไม่มากก็น้อย
http://thainame.net/edu/?p=4007

ปี 2557 มีรายงานการฆ่าตัวตายของคนไทย
รวมทั้งสิ้น 3950 คน
พบว่าเฉลี่ยทั้งปีจะฆ่าตัวตายวันละมากกว่า 1 คน
เป็นชาย 3073 คน (78%) และหญิง 877 คน (22%)
ข้อมูลโดยศูนย์ป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งชาติ
กระทรวงสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต
+ https://www.suicidethai.com/report/download/
+ https://www.facebook.com/groups/thaiebook/575045532646269/

เฝ้าประตูเมืองตามหัวหน้าสั่ง ไม่ใช่เรื่องสามก๊ก แต่เป็นหยางกุ้ยเฟย

คนเฝ้าประตูเมืองมีความสำคัญมากในอดีต
ปัจจุบันเราเรียกว่า รปภ.
ทำให้นึกถึง พระยาจักรี ที่เปิดประตูให้พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา

beautiful girl
beautiful girl

ใน หยางกุ้ยเฟย
เมื่อหัวหน้ามีคำสั่งว่า ถ้าเห็นใครถืออาวุธเข้าเมือง
ยิงเกาทัณฑ์ได้เลย อย่าให้เข้าเมืองมาได้
เป็นคำสั่งที่หัวหน้าสั่งไว้
ถ้าอนุญาตให้เข้ามา คนเฝ้าประตูเมืองเองนั่นหละ ที่จะถูกลงทัณฑ์

เมื่อหัวหน้าสั่งไว้ว่า
หากมีใครแอบอ้างว่าเป็นหัวหน้าคนใหม่
อย่าปล่อยให้เข้าเมือง ก็เป็นหน้าที่ที่ถูกกำชับมา
ในภายภาคหน้า ถ้าหัวหน้าคนใหม่เข้ามายึดเมืองได้
ผู้ที่เคยภักดีต่อหัวหน้าคนเก่า คงอยู่ไม่เป็นสุขเป็นแน่
ดังนั้น “เมื่อมีกลุ่มคนถืออาวุธบุกเข้าเมืองยามวิกาล
ยามเฝ้าประตูก็ต้องยิงเกาทัณฑ์ใส่ผู้ที่น่าจะมาก่อกบฎ
และไม่ฟัง แม้เขาจะบอกว่าเป็นราชบุตรของฮ่องเต้ก็ตาม
ที่ไม่ฟังก็คงเพราะเกรงว่าจะเป็นกลลวง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451300070

เห็นคุณค่าของการมีชีวิต จากกรณีของ ฌอง-โดมินิค โบบี

The Diving Bell and the Butterfly (2007)
The Diving Bell and the Butterfly (2007)

ภาพยนตร์เรื่อง ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ
The Diving Bell and the Butterfly (2007)
เป็น ชีวิตที่ไม่เคยยอมแพ้ ของ ฌอง-โดมินิค โบบี กับ การกะพริบตาเขียนหนังสือ
“ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ”
โดยอาการเส้นเลือดในสมองแตก จนก้านสมองเสียหายอยู่ในภาวะ Locked-In Syndrome
เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 8 ธันวาคม 1995 ด้วยวัย 43 ปี
ขณะที่  ฌอง-โดมินิค โบบี ลองขับรถคันใหม่กับลูกชาย
ซึ่งเขาเป็นอดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร ELLE แห่งฝรั่งเศส
หลังหนังสือ Le Scaphandre et Le Papillon
หรือ The Diving Bell and the Butterfly ออกวางบนแผงหนังสือ
และเขาเสียชีวิตด้วยอาการปอดบวมหลังจากหนังสือวางแผงได้เพียง 3 วัน
ในวันที่ 9 มีนาคม 1997
ที่ https://www.gotoknow.org/posts/251988

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เข้าชิง OSCARS ถึง 4 รางวัล
ซึ่งปกติผมก็ไม่ค่อยได้ดูหนังชีวิต หรือหนังที่เครียดแบบนี้
แต่เรื่องนี้ เป็นชีวิตของคนที่ใช้ตาข้างเดียวเขียนหนังสือ
ได้ซีดีมาจาก B2S ซื้อแบบโปร 3 แผ่นร้อย
บางแผ่นก็มีหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้อยู่ใน DVD แผ่นเดียว
ดูแล้วทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของการมีชีวิต
https://www.youtube.com/watch?v=G69Zh7YIg8c

พูดคุยกับทีมงาน
https://www.youtube.com/watch?v=eUCe0wHZrTY

บางเวลาก็นิยมของฝรั่งบ้าน ไรบ้างนะ นึกถึง “Made in Thailand”

นักศึกษาของผมอายุ 18 ปี คงมีไม่เยอะที่เคยฟังของคาราบาว
เพลง “Made in thailand
ปกติผมจะกินขนมไทย ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
หม้อแกง เม็ดขนุน สาคู อะไรแนว ๆ นั้น เพราะนิยมไทย
มักอุดหนุนหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงท้ายรถพ่วงคลุมพลาสติก
มาบีบแตหน้าบ้าน แล้วเราก็วิ่งออกไปเข้าแถวซื้อกับเพื่อน ๆ
ในระแวกนั้น .. นั่นก็นานหลายปีดีดักแล้วนะ
14 พ.ย.58 วันนี้เห็นขนมฝรั่งมังค่า
แต่ไม่มีแม่ค้าตาน้ำข้าวมายืนขายนะครับ
เห็นน่าสนใจ ไม่รู้อะไรดลใจซื้อมา 2 ห่อเลย
วันนี้เอาใจออกห่างสินค้าไทยไปหาสิ้นค้าฝรั่งซะละ

เนื้อเพลง “Made in Thailand
เมดอินไทยแลนด์ แดนดินไทยเรา
เก็บกันจนเก่า เรามีแต่ของดีดี
มาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย มาลพบุรี อยุธยา ธนบุรี
ยุคสมัยนี้ เป็น กทม.
เมืองที่คนตกท่อ (ไม่เอาอย่าไปว่าเขาน่า)
เมดอินไทยแลนด์ แดนไทยทําเอง
จะร้องรําทําเพลง ก็ลํ้าลึกลีลา
ฝรั่งแอบชอบใจ แต่คนไทยไม่เห็นค่า
กลัวน้อยหน้า ว่าคุณค่านิยมไม่ทันสมัย
เมดอินเมืองไทย แล้วใครจะรับประกันฮะ
(ฉันว่ามันน่าจะมีคนรับผิดชอบบ้าง)
เมดอินไทยแลนด์ แฟนแฟนเข้าใจ
ผลิตผลคนไทยใช้เองทําเอง
ตัดเย็บเสื้อผ้ากางโกงกางเกง
กางเกงยีนส์ (ชะหนอยแน่)
แล้วขึ้นเครื่องบินไปส่งเข้ามา
คนไทยได้หน้า (ฝรั่งมังค่าได้เงิน)
เมดอินไทยแลนด์ พอแขวนตามร้านค้า
มาติดป้ายติดตราว่าเมดอินเจแปน
ก็ขายดิบขายดีมีราคา
คุยกันได้ว่ามันมาต่างแดน
ทั้งทันสมัย มาจากแม็กกาซีน
เขาไม่ได้หลอกเรากิน
หลอกเรานั่นหลอกตัวเอง…เอย

น้องปี 1 กับการแสดง ฟ้อนขันดอก ใน 2 เวลา 2 สถานที่

ฟ้อนขันดอก
เป็นการแสดง ฟ้อนรำ เพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
การแสดง ฟ้อนขันดอก มีจุดประสงค์เพื่อเป็นการฟ้อนรำบูชาพระรัตนตรัย
เพื่อให้บังเกิดความสงบร่มเย็นให้แก่บ้านเมือง โดยมีอุปกรณ์ประกอบการแสดงเป็นขันดอก หรือพานไม้ใส่ดอกไม้แบบล้านนา
ซึ่งใช้ตบแต่งเพื่อบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในงานบุญทางศาสนา โอกาสต่าง ๆ

แสดงโดย นักศึกษาชั้นปีที่ 1
สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ
มหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง
ณ วัดสามัคคีบุญญาราม(วัดดอยหลวงปู่หลวง)
และบริเวณชั้น 1 อาคารบริหารธุรกิจชุมพล พรประภา มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง

แม่ทัพแนวหน้าถูกเตือนให้ดำเนินการตามระบบ

attack on titan
attack on titan

http://big-cartoon.blogspot.com/2013/09/attack-on-titan.html

เช่าหนังญี่ปุ่นมาดู เรื่องไททัน (Attack on Titan)
ขณะไททันกำลังบุกฝ่ากำแพงเมืองเข้าไป
แม่ทัพแนวหน้าสั่งเตรียมพร้อมเป็นการด่วนที่สุด
เพื่อจะปกป้องบ้านเมืองจากความเสี่ยงใหญ่หลวง
ลูกน้องวิ่งเข้าไปเตือนสติแม่ทัพแนวหน้า
ว่า “เรายังไม่ได้รับคำสั่ง ให้บรรจุกระสุนดินปืน
.. นั่งอึ้งไปเลย ลุ้นว่าทหาร ๆ แนวหน้า
จะกลับไปขออนุมัติใช้กระสุนดินปืนยิงยักไททัน
ที่กำลังเดินเข้าไป หมายกินคนในบ้านเมืองรึเปล่า
แม่ทัพแนวหน้าตอบสนองคำเตือนสติทันควัน
ด้วยการต่อยลูกน้องไปหนึ่งหมัด แล้วสั่งยิงทันที
ซึ่งคาดได้ว่าแม่ทัพบอกเป็นนัยว่าไม่ทันแล้ว จะโดนกินกันอยู่แล้ว
ลูกน้องคนนี้คงนิยมรอรับคำสั่ง ถ้าไม่สั่งจากแม่ทัพไม่ทำ
ซึ่งคาดได้ว่าลูกน้องไม่รู้ว่าบ้านเมืองกำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
อาจเป็นไปได้ที่ลูกน้องขาดความรู้สึกมีส่วนได้ส่วนเสียกับบ้านเมือง
พอไม่ชอบเมืองนี้ ลูกน้องก็คงจะย้ายไปเมืองอื่น แล้วโทษว่าเมืองไม่ดี

ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ที่วัดก็เป็นชีวิตจริง ที่ต้องมีคุณภาพ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในข่าวแต่อย่างใด
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในข่าวแต่อย่างใด

เดี่ยวนี้การประกันคุณภาพลงไปที่วัดวาอารมแล้ว
คุณภาพของวัด ขึ้นอยู่กับศรัทธา ถ้ามีจำนวนศรัทธามาก เงินบริจาคมาก
ศรัทธามีความเลื่อมใส ในหลายปัจจัย ทั้งวัตถุ ทำเล และตัวบุคคล
แสดงว่าวัดนั้นมีคุณภาพ เกณฑ์การวัดคุณภาพของวัดอาจมีหลายตัวบ่งชี้
เรื่องหนึ่ง ๆ มีอะไรให้เรามองเยอะ
บางคนมองเหตุ บางคนมองผล บางคนมองถูกผิด บางคนมองพระธรรม
แต่เรื่องนี้ผมสนใจที่กระบวนการ

จากข่าวที่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435994010
“จึงขอให้เจ้าคณะอำเภอตรวจสอบว่าในอำเภอที่ปกครอง มีวัดไหนบ้างที่มีคนมาทำบุญที่วัดประจำไม่ถึง 50 คน
ถ้าเป็นวัดของเจ้าคณะตำบล ให้เจ้าคณะอำเภอออกคำสั่งตำหนิโทษเป็นเวลา 3 เดือน
และถ้าพระสังฆาธิการที่ถูกตำหนิโทษยังไม่ดำเนินการตามมติของมหาเถรสมาคม (มส.) อีก
ให้เจ้าคณะผู้ปกครองทำเรื่องเพื่อเสนอขอปลดพระสังฆาธิการรูปนั้น
และให้เจ้าคณะจังหวัดออกคำสั่งปลดออกจากตำแหน่ง
ด้วยเหตุขัดมติ มส.และไม่สนองงานคณะสงฆ์จังหวัดฯ ในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5”

อ่านดู เห็นว่ามีตัวบ่งชี้เดียว คือ จำนวนคนมาทำบุญ
เขียนเป็นซูโดโค้ดได้ว่า

if (จำนวนคนทำบุญ < 50) {

if (วัดของเจ้าคณะตำบล == true)
if (ไม่เคยได้รับหนังสือตำหนิ == true)
do(“ออกหนังสือตำหนิ”)
else
if (ได้รับหนังสือ >= 3เดือน) do(“ทำเรื่องขอปลดจากตำแหน่ง”)

} else {
do(“ผ่านเกณฑ์ ได้คุณภาพ”)
}

แสดงว่าตำแหน่งของพระสงฆ์ในวัด เป็นสิ่งที่พระสงฆ์ต้องพึงรักษาไว้
ด้วยคิดเป็นระบบ เป็นกระบวนการ เป็นขั้นตอน เป็นกลไก
ตั้งแต่การวางแผนปฏิบัติการ (action plan) และแผนกลยุทธ์ (strategic plan)
แล้วดำเนินการตามแผนเพื่อตอบเป้าหมายของแผน (do)
แล้วมีการตรวจสอบว่าดำเนินการครบถ้วนตามแผนหรือไม่ (check)
หากมีประเด็นต้องแก้ไขก็ดำเนินการปรับปรุง (action)

ต่อไปวัดต่าง ๆ คงต้องมีการจัดการความเสี่ยง (Risk management)
เพื่อป้องกันการถูกตำหนิในอนาคต
แล้วควรมีการจัดการความรู้ (Knowledge management)
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจแผน ตรงตามเป้าหมาย ดำเนินการได้ครบถ้วนสมบูรณ์
ตามประเด็นที่ตั้งไว้ เป็นการเคเอ็มเพื่อต่อยอดการพัฒนวัด