อัตลักษณ์ + เอกลักษณ์

อัตลักษณ์ มาจาก อัต+ลักษณ์ หมายถึง ลักษณะเฉพาะ คำว่า อัตลักษณ์ (อ่านว่า อัด-ตะ-ลัก) ประกอบด้วยคำว่า อัต (อัด-ตะ) ซึ่งหมายถึง ตน หรือ ตัวเอง กับ ลักษณ์ ซึ่งหมายถึง สมบัติเฉพาะตัว.   คำว่า อัตลักษณ์ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า identity (อ่านว่า ไอ-เด็น-ติ-ตี้) หมายถึง ผลรวมของลักษณะเฉพาะของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้สิ่งนั้นเป็นที่รู้จักหรือจำได้ เช่น นักร้องกลุ่มนี้มีอัตลักษณ์ทางด้านเสียงที่เด่นมาก ใครได้ยินก็จำได้ทันที สังคมแต่ละสังคมมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอง โลกาภิวัตน์ทำให้อัตลักษณ์ของสังคมไทยเปลี่ยนไป

อัตลักษณ์ คือ ลักษณะเฉพาะที่เป็นตัวตนของสถานศึกษา ที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการจัดตั้งสถานศึกษา  หรือลักษณะโดดเด่นของสถานศึกษา ควรเน้นที่การกำหนดภาพความสำเร็จในตัวผู้เรียน

ขั้นตอนการกำหนดอัตลักษณ์ ควร วิเคราะห์สภาพแวดล้อม ความเป็นมาของสถานศึกษา และเจตนารมณ์ในการจัดตั้งสถานศึกษา  แล้วกำหนดอัตลักษณ์ที่ผู้สำเร็จการศึกษาจะต้องมีก่อนสำเร็จการศึกษา ที่ผ่านการประชาพิจารณ์ร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้อง โดยมีกิจกรรมการส่งเสริม พัฒนา และประเมินอย่างเป็นระบบ

เหตุที่ต้องกำหนดอัตลักษณ์ เพราะ หากสถานศึกษาไม่ตระหนักในเรื่องความเป็นเลิศเฉพาะทางของเยาวชนที่สำเร็จการศึกษาจากสถานศึกษา ก็จะทำให้ความโดดเด่นของเยาวชนสูญหายไป

อัตลักษณ์ (Identity) หมายถึง ผลผลิตของผู้เรียนตามปรัชญา ปณิธาน พันธกิจ และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถานศึกษา ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด

เอกลักษณ์ (Uniqueness) หมายถึง ความสำเร็จตามจุดเน้นและจุดเด่นที่สะท้อนให้เห็นเป็นลักษณะโดดเด่นเป็นหนึ่งของสถานศึกษา

ตัวอย่างอัตลักษณ์
– โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย อาจเป็น  “มีภาวะผู้นำและสุภาพบุรุษ”
– โรงเรียนสตรีวิทยา อาจเป็น “ยอดนารี สตรีวิทยา”
– โรงเรียนในลำปาง อาจเป็น “มีจิตสำนึกรักลำปาง รักษ์สิ่งแวดล้อม”
– โรงเรียนในเครือเบญจมะฯ อาจเป็น “ประชาธิไตย เคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์”
– โรงเรียนในเครือจุฬาภรฯ อาจเป็น “บุคลิกนักวิทยาศาสตร์”

– โรงเรียนบุญวาทย์ เป็น “รักการทำดี วิชาการมาตรฐานสากล สร้างคนป็นผู้นำ”
– บัณฑิตมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็น “มีความคิดสร้างสรรค์ มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ มีความเป็นสากล”
– บัณฑิตมหาวิทยาลัยมหิดล เป็น  มุ่งผลเพื่อผู้อื่น (ALTRUISM)
* มหาวิทยาลัยมหิดล เป็น Health Science and Social Well-Being (ความผาสุข)
* เอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็น สภาพแวดล้อมการจัดการศึกษาที่สร้างสรรค์

เรียบเรียงจากบทความของ ดร.สุพักตร์ พิบูลย์
http://drsuphakedqa.blogspot.com/2010/07/07.html
http://www.gotoknow.org/blog/cityedu/422459
http://qa.bu.ac.th/buqa/index.php/kmqa/60-identity

การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้

ดร.วิยดา เหล่มตระกูล
ดร.วิยดา เหล่มตระกูล

14 มิ.ย.54 เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ระดับอุดมศึกษา มี อ.ดร.วิยดา เหล่มตระกูล และ อ.พงษ์วัชร ฟองกันทา เป็นวิทยากร มีเนื้อหาในการอบรม 4 เรื่อง ได้แก่
1) หลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
2) การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
3) การสร้างเครื่องมือวัดด้านคุณลักษณะ
4) การสร้างเครื่องมือวัดภาคปฏิบัติ
สอดรับกับ มคอ : กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (Thai Qualifications Framework for Higher Education, TQF:HEd)

องค์ประกอบของผลการเรียนรู้ตามแนวคิดและทฤษฎีของบลูม (Benjamin S. Bloom, 1956 อ้างอิงถึงใน ศิริชัย กาญจนวาสี, 2540) มีดังนี้
1) ด้านพุทธพิสัย (Cognitive Domain) เป็นการเรียนรู้ด้านความรู้ความเข้าใจและความคิด เป็นความสามารถทางสถิปัญญา ซึ่งมี 6 ระดับ ดังนี้ (1) ความรู้ความจำ (Knowledge) (2) ความเข้าใจ (Comprehension) (3) การนำไปใช้ (Application) (4) การวิเคราะห์ (Analysis) (5) การสังเคราะห์ (Syntehsis) (6) การประเมินผล (Evaluation)
2) ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นการเรียนรู้ด้านอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งมี 5 ระดับ ดังนี้ (1) การรับรู้หรือการใส่ใจต่อสิ่งเร้า (Receiving or Attending) (2) การตอบสนอง (Responding) (3) การเห็นคุณค่า (Valuing) (4) การจัดระบบค่านิยม (Organization) (5) การแสดงลักษณะตามค่านิยม (Characterization)
3) ด้านทักษะพิสัย  (Psychomotor domain/skill domain) เป็นการเรียนรู้ด้านความชำนาญ หรือทักษะในการปฏิบัติ ซึ่งมี 7 ระดับ ดังนี้ (1) การรับรู้ของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Perception) (2) ความพร้อมที่จะปฏิบัติ (Set) (3) การปฏิบัติตามข้อแนะนำ (Guided Response) (4) การปฏิบัติจนเป็นนิสัย (Mechanism) (5) การปฏิบัติที่สลับซับซ้อน (Complex overt response) (6) การปรับเปลี่ยนการปฏิบัติ (Adaption) (7) การสร้างปฏิบัติการใหม่ (Origination)

มีโอกาสฝึกปฏิบัติสร้างเครื่องมือวัด แบ่งเป็น 3 ด้าน
1) ด้านพุทธพิสัย มีประเด็นวัดผล 6 ด้านคือ (1) ความรู้ที่เกิดจากความจำ (knowledge) ซึ่งเป็นระดับล่างสุด (2) ความเข้าใจ (Comprehend) (3) การประยุกต์ (Application) (4) การวิเคราะห์ ( Analysis) สามารถแก้ปัญหา ตรวจสอบได้ (5) การสังเคราะห์ ( Synthesis) สามารถนำส่วนต่างๆ มาประกอบเป็นรูปแบบใหม่ได้ให้แตกต่างจากรูปเดิม เน้นโครงสร้างใหม่ (6) การประเมินค่า ( Evaluation)
2) ด้านจิตพิสัย จะมีองค์ประกอบที่ใช้วัด 3 ส่วนคือ เป้าหมาย (Target) ทิศทาง (Direction) และความเข้มข้น (Intensity)
3) ด้านทักษะพิสัย จะมีจุดประสงค์ปลายทางได้ 3 แบบ คือ การปฏิบัติ (performance) กระบวนการ (process) ผลผลิต (product) และวัดได้ 2 แบบคือวัดภาพรวม และวัดองค์ประกอบ
หมายเหตุ. มีบทเรียนที่ได้จากการอบรมมากมาย แต่ขอสรุปสั้น ๆ ไว้เพียงเท่านี้ครับ

บทเรียนที่ร่วมวิจัยเครือข่ายมหาวิทยาลัยลำปาง

นิคมพัฒนา
นิคมพัฒนา

9 มิ.ย.54 บทเรียนจากการร่วม “โครงการวิจัย แนวทางการทำงานของเครือข่ายสถาบันการศึกษาในจังหวัดลำปางเพื่อสร้างการเรียนรู้และเสริมศักยภาพชุมชนพื้นที่ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดลำปา“จากการร่วมโครงการระยะที่ 1 ระหว่าง 1 มกราคม 2554 – 31 พฤษภาคม 2554 จำแนกได้ 2 ประเด็นหลัก
ประเด็นหลักที่ 1 ความรู้ คือ
1. การได้รู้เทคนิค และฝึกฝนการวิเคราะห์ชุมชนผ่านการใช้ SWOT ที่เปรียบเทียบกับการใช้อริยสัจสี่ เพราะทั้งสองแบบสามารถใช้งานได้กับชุมชน โดย SWOT นั้นถูกใช้รวบรวมข้อมูลตามประเด็นหลัก 3 ครั้งได้แก่ การศึกษา เกษตร อาชีพ และอริยสัจสี่ใช้กับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
2. การได้ฝึกเขียนแผนที่ความคิด (MindMap) และเรียนรู้การเขียนจากคุณภัทรา มาน้อย ผ่านการลงมือปฏิบัติ เปรียบเทียบการเขียน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งการใช้เป็นเครื่องมือเก็บประเด็นเป้าหมาย และการนำเสนอผลการวิเคราะห์ชุมชนรายกลุ่ม
3. การได้แลกเปลี่ยนเทคนิคการวางแผน การจับประเด็น การคิด การพูด การฟัง ร่วมกับเพื่อนนักวิชาการในสาขาวิชาต่าง ๆ ได้มีโอกาสฟังข้อเสนอแนะของ นักคิดนักบริหารระดับประเทศ คือ ศ.ดร.ปิยวัฒน์ บุญหลง และ ดร.บัญชร แก้วส่อง ต่อโครงการของทีมงาน

ประเด็นหลักที่ 2 ความสุข คือ
1. การได้เห็นรอยยิ้มจากความสุขผู้คนในชุมชน ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มที่มีความเข้าใจ มีฐานคิดคล้ายกัน ได้ระบายปัญหา จุดแข็ง และเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ และได้ออกมานำเสนอด้วยตนเอง
2. การได้ใช้เวลาว่างในวันสุดสัปดาห์ทำงานกับชุมชน เพราะการทำงานในกรอบ ใต้กฎเกณฑ์รัดตัว ผู้คนที่มุ่งแต่แข่งขัน ในป่าคอนกรีต ย่อมมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากการทำงานกับชาวบ้าน ในพื้นที่ที่แวดล้อมด้วยป่าเขา ลำธาร และบรรยากาศบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายใฝ่ฝัน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ไปถึงฝั่งฝัน
3. การทำตัวเป็นประโยชน์แก่ชุมชน เพราะการให้ความรู้เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาที่มุ่งเข้าศึกษาในสถาบันนั้นมีกรอบอยู่แต่ในมหาวิทยาลัย แต่การออกให้บริการวิชาการเชิงประยุกต์นั้น มีเรื่องคาดไม่ถึงให้ประหลาดใจอยู่เสมอ  เพราะนอกจากจะเป็นผู้ให้ความรู้แก่ชุมชนแล้ว ก็ยังเป็นผู้รับความรู้ไปพร้อมกัน พร้อมกับการแก้ปัญหาไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า
4. การได้เพื่อนใหม่ต่างวัยต่างสมณะที่มาจากห้าสถาบันการศึกษาหลัก รวมกลุ่มเป็นเครือข่ายมหาวิทยาลัยลำปาง แล้วร่วมกันทำงานวิจัยและบริการวิชาการเพื่อชุมชน เป็นโอกาสที่อาจมีเพียงครั้งเดียวในชีวิต เพราะเพื่อนจากแต่ละสถาบันมีความเป็นกัลยาณมิตรที่หาได้ยากยิ่ง ในทีมทั้ง 29 คนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำเพื่อชุมชน และมุ่งประโยชน์ของชุมชนเป็นที่ตั้ง

ผลการวิพากษ์เค้าโครงรายวิชา

8 มิ.ย.54 ผลการวิพากษ์เค้าโครงรายวิชา (Syllabus Defending) ระดับกลุ่มสาขาวันนี้ได้ข้อสรุปว่า ต่อไปหัวข้อในการประเมินผลการเรียน ไม่ควรแตกต่าง และมีความเป็นมาตรฐานตรงกันทุกวิชา จึงทำข้อตกลงเสนอเป็นหัวข้อให้พิจารณาจัดทำในรายวิชาของตน มีลำดับและชื่อหัวข้อดังนี้
1. การเข้าชั้นเรียน
2. ความรับผิดชอบ
3. งานที่มอบหมาย
4. ฝึกปฏิบัติการ
5. โครงงาน
6. สอบย่อย
7. สอบกลางภาค
8. สอบปลายภาค

ส่วนหัวข้อใหญ่ในเค้าโครงรายวิชามีดังนี้
1. ชื่อวิชา ชื่อผู้สอน ตามรูปแบบ
2. วิชาบังคับก่อน
3. คำอธิบายรายวิชา
4. จุดประสงค์รายวิชา
5. รายละเอียดการเรียนการสอน
6. การประเมินผลการเรียน
7. เกณฑ์ประเมินผลการเรียน
8. หนังสือบังคับอ่าน
9. หนังสือประกอบการเรียน
10. เว็บไซต์ที่แนะนำ

การบริการวิชาการ ที่แม่เมาะ

บริการวิชาการ แม่เมาะ ปีการศึกษา 2553
บริการวิชาการ แม่เมาะ ปีการศึกษา 2553

คณะวิชาทั้ง 3 คณะ ได้แก่ คณะบริหารธุรกิจ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพและเทคโนโลยี ส่งนักวิชาการออกบริการวิชาการ ที่ อบต.บ้านดง 21 – 22 ต.ค.2553 ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสำรวจความต้องการ และการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เมื่อ 18 ต.ค.53  โดยมีโครงการทั้งสิ้น 3 โครงการ คือ โครงการอบรม “การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย” โดย ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ โครงการอบรม “การให้ความรู้ด้านกฎหมายครอบครัว” โดย อ.สุทธิ์พจน์  ศิริรัตนาสกุล และ โครงการอบรม “EQ กับการทำงานใต้ความกดดันและการบริหารความเครียด” โดย อ.วีระพันธ์ แก้วรัตน์
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.450808788894.247022.814248894

สไลด์เผยแพร่เกี่ยวกับความปลอดภัย
จากการให้บริการวิชาการ ตามโครงการอบรม “การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย” โดย ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์  ที่ อบต.บ้านดง และทต.แม่เมาะ ระหว่าง 21 – 22 ต.ค.2553 พบว่าผู้เข้ารับการอบรมให้ความสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัย และขอสไลด์ไว้ศึกษา แล้วคณะวิชาได้พิจารณาเห็นชอบให้นำเสนอได้ จึงนำมาเผยแพร่ให้เพื่อนบุคลากร และผู้สนใจได้ ดาวน์โหลดไปศึกษาได้
ที่ http://www.thaiall.com/security/security_basic.ppt

การเขียนโครงการ (Project Writing)

project
project

22 พ.ค.54 โครงการ คือ กลุ่มของกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อตอบวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ดำเนินการตามกรอบเวลาที่กำหนด
สิ่งที่ควรทราบก่อนเขียนโครงการ
1. ปัญหา หรือความต้องการ
2. ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
3. วิเคราะห์ปัญหา
4. จัดลำดับความสำคัญของปัญหา
5. วิเคราะห์หาสาเหตุ และแนวทางแก้ไข
6. กำหนดวัตถุประสงค์
7. กำหนดกิจกรรม เวลา และทรัพยากร
8. ร้อยเรียงข้อมูลทั้งหมด เป็นโครงการ

องค์ประกอบในโครงการ
1. ชื่อโครงการ
2. ความเป็นมา หลักการและเหตุผล
3. วัตถุประสงค์
4. กลุ่มเป้าหมาย
5. วิธีดำเนินการ
6. ระยะเวลา
7. สถานที่
8. งบประมาณ และแหล่งสนับสนุนทุน
9. ผู้รับผิดชอบ
10. วิธีการประเมินผล
11. ตัวชี้วัดความสำเร็จ
12. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
http://library.uru.ac.th/article/htmlfile/technic_project.pdf

ประชุมเตรียมความพร้อมอาจารย์พิเศษ

mcu schedule
mcu schedule

16 พ.ค.54 ก่อนเปิดภาคการศึกษา มักมีการประชุมเตรียมความพร้อมอาจารย์ประจำ และอาจารย์พิเศษ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ต้องดำเนินการทุกภาคการศึกษา เพื่อตอบการประกันคุณภาพการศึกษา ได้ทำความเข้าใจกับอาจารย์ผู้สอน เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แล้วนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงระบบและกลไก ให้การเปิดภาคการศึกษามีความพร้อม และดำเนินการจัดการเรียนการสอนที่สอดรับกับนโยบายของสถาบัน

โดยมีวาระการประชุมเป็นการชี้แจงให้อาจารย์ผู้สอนได้ทราบถึงนโยบายการศึกษา ปฏิทินการศึกษา กฎระเบียบ การดำเนินงานด้านการจัดการเรียนการสอน และการสนับสนุนของหน่วยงานทั้งหมด ซึ่งผู้รับผิดชอบตรงจะทำหน้าที่ให้ข้อมูล อาทิ นโยบายจากผู้บริหาร ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายประกันคุณภาพ ฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา และหน่วยสนับสนุนที่สำคัญ

มีเอกสารที่อาจารย์ผู้สอนควรพิจารณาทำความเข้าใจก่อนเปิดภาคการศึกษา อาทิ แผนงานของสถาบัน ปฏิทินการศึกษา ตารางบรรยาย มคอ.3 แบบฟอร์ม ข้อมูลสถิติที่ควรทราบ คู่มือ ประกาศ ระเบียบและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง

โครงการร่ม บูรณาการสถาบัน

umbrella research
umbrella research

แผนภาพแสดง ความสัมพันธ์ของประเด็นในโครงการวิจัยร่มใหญ่ที่บูรณาการความชำนาญจากแต่ละสถาบัน ที่ได้ประเด็นจากชุมชนที่ผ่านการวิเคราะห์ชุมชนอย่างมีส่วนร่วม เป็นการยกร่างภาพที่มองเห็นจากกระดาษในเวทีแรก แล้วแปลงเป็น PPT เพื่อนำเสนอในเวทีที่สอง ต่อกรรมการผู้พิจารณาให้ทุน และติดตามผล
http://www.thaiall.com/research/nikompattana/nation_mcu_umbrella.ppt

มาตรฐานผลการเรียนรู้ (Standards of Learning)

learning output
learning output

มาตรฐานผลการเรียนรู้ (Domains of Learning หรือ Standards of Learning) มีทั้งหมด 5 ด้าน คือ 1) คุณธรรม จริยธรรม 2) ความรู้ 3) ทักษะทางปัญญา 4) ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5) ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

ทุกสถาบันการศึกษาจะ ประกาศมาตรฐานผลการเรียนรู้กลาง ที่เป็นคุณลักษณะของบัณฑิตของสถาบัน จากนั้นแต่ละหลักสูตรจะนำไปปรับให้เป็นมาตรฐานการผลการเรียนรู้ของแต่ละหลักสูตร มักจะมีการเพิ่มเติมมาตรฐานผลการเรียนรู้จากมาตรฐานกลาง เพื่อให้สอดรับกับคุณลักษณะของบัณฑิตในแต่ละหลักสูตร

http://www.fish.ku.ac.th/PDF%20EDU/m7.pdf
http://www.academic.nu.ac.th/content_view.php?n_id=42

http://wiki.edu.chula.ac.th/groups/a3394/wiki/17820/

ได้คำถามมาว่าทำอย่างไรให้องค์กรอยู่รอด

business plan
business plan

คำถามที่ธนาคารมักใช้ถามผู้ลงทุนหน้าใหม่ คือ ทำอย่างไรให้องค์กรอยู่รอด แล้วคำตอบก็ออกมา เป็นได้หลายมุมมอง ขึ้นกับบริบทขององค์กรในปัจจุบัน
1. จัดทำ Biz plan ซึ่งมีรายละเอียดอ้างอิงมาจาก คู่มือเขียนแผนธุรกิจอย่างง่ายสำหรับผู้ประกอบการ หัวข้อสำคัญที่ต้องหาคำตอบ คือ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เขียนแผนการตลาด แผนการผลิตและดำเนินงาน แผนการบริหารทรัพยากรบุคคล แผนการเงิน เป็นต้น
2. เพื่อแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมายที่จะตอบว่าองค์กรจะอยู่รอดได้อย่างไร  แล้วจัดทำแผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการระยะยาว และระยะสั้น ที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย
3. เพื่อพัฒนา จัดทำวิสัยทัศน์ แผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ แผนพัฒนาที่สมเหตุสมผล และประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มีวิสัยทัศน์ ทุกคนก็จะไม่มีจุดร่วมให้เริ่มต้น และทำงานอย่างไร้ทิศทาง
http://www.1loveshopping.net/books-store/product/?p=174