แรงบันดาลใจ กับแรงจูงใจ

แรงบันดาลใจ (Inspiration) กับแรงจูงใจ (Motivation)
คำว่า แรงบันดาลใจ  กับแรงจูงใจ ต่างกัน ตรงจุดเริ่มต้นก่อนการกระทำ
แรงบันดาลใจ จะเป็นแรงขับจากภายใน
แรงจูงใจ จะเป็นแรงขับจากภายนอก

ยกตัวอย่าง
1. คนที่ขยันหนังสือที่สำเร็จ ส่วนใหญ่มีแรงบันดาลใจ
ไม่ได้มีแรงจูงใจจากเงินที่พ่อแม่ให้ค่าขนมมา
2. คนที่ขยันอ่านหนังสือสอบซ่อม มีแรงจูงใจ
เพราะอ่านหนังสือไปสอบซ่อม ก็จะได้รางวัลคือสอบผ่าน
3. ซุปเปอร์แมน และสไปเดอร์แมน ทำความดีช่วยเหลือผู้คน
เพราะมีแรงบันดาลใจ ใฝ่ดี อยากทำความดี อยากเห็นผู้คนมีความสุข
4. หนังเรื่อง “สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก
นางเอกตั้งใจเรียน เพราะมีแรงจูงใจคือผู้ชายสุดหล่อเป็นรางวัล
5. หนังเรื่อง “inception
กลุ่มพระเอกจะเข้าไปสร้างแรงบันดาลใจ
ซึ่งเป็นการเข้าไปสร้างจากภายในใจของบุคคลเป้าหมาย
http://pattamarot.blogspot.com/2010/11/inspiration.html

ธปท.ออกกฎเข้ม คุมแบงก์-ประกันขายพ่วง

99 บาท
99 บาท

เห็นว่า ธปท. จะออกกฎเข้มว่า
เวลาขายสินค้า อย่าขายพ่วง
และให้ชี้แจงให้ละเอียด
แล้วนึกถึงภาพรถ 99 บาท
หรือเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วเป็นหมอ บอกงั้นแล้วขายดี
จะให้บอกความจริงเหรอว่า เป็นแค่น้ำหวาน+สารนิดนึง
ผมว่าบางทีให้ข้อมูลมาก ๆ แล้ว
ลูกค้าอาจเปลี่ยนใจได้
.. ยอดขายก็สำคัญนะครับ

http://bit.ly/10DMxhB
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อออกประกาศกำหนดมาตรการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์ และด้านประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้มีผลบังคับใช้กับธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งที่ได้รับอนุญาตขายผลิตภัณฑ์ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันภัยจากก.ล.ต.และคปภ.ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปี2556 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ธปท.ให้เหตุผลว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค เกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยของธนาคารพาณิชย์เป็นระยะๆ เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์เสนอขายประกันชีวิตพ่วงกับบริการตู้นิรภัย ให้สินเชื่อหรือชักชวนผู้บริโภคซื้อหน่วยลงทุน ตราสารหนี้ หรือทำประกันชีวิตแทนการฝากเงิน โดยไม่ชี้แจงถึงความเสี่ยงหรือให้ข้อมูลผู้บริโภคไม่ชัดเจน ซึ่งธปท.เห็นว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

สำหรับสาระสำคัญในประกาศดังกล่าว ได้คำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง สิทธิที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการการเงินได้อย่างอิสระ สิทธิที่จะร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม และสิทธิที่จะได้รับพิจารณาค่าชดเชยหากเกิดความเสียหาย

นอกจากนี้ได้กำหนดหน้าที่ให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค กำหนดแนวทางเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้ธนาคารพาณิชย์ ต้องแสดงความต่างให้ผู้บริโภคเห็นชัดระหว่างผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัย ไม่ใช่เงินฝากเหมือนผลิตภัณฑ์ธนาคารพาณิชย์ อาจมีความเสี่ยงได้รับเงินต้นไม่เต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน และไม่คุ้มครองเงินต้น รวมถึงเปิดเผยข้อมูลผลตอบแทน ทรัพย์สินที่จะได้รับนอกจากดอกเบี้ย เช่น อัตราผลตอบแทนรายปี รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่สามารถและไม่สามารถคำนวณอัตราผลตอบแทนได้

กฎระเบียบยังห้ามธนาคารพาณิชย์บังคับขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัย ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ของธนาคารพาณิชย์ หรือกำหนดเงื่อนไขขายหรือให้บริการผลิตภัณฑ์หลัก เช่น ให้ผู้บริโภคทำประกันภัยกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เพื่อเป็นเงื่อนไขพิจารณาให้สินเชื่อ หรือให้ผู้บริโภคทำประกันชีวิตก่อนเมื่อขอใช้บริการเช่าตู้นิรภัย โดยธนาคารต้องให้สิทธิผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เอง และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคปฏิเสธซื้อผลิตภัณฑ์ได้

ทั้งนี้ ยังห้ามธนาคารพาณิชย์ส่งเสริมการขาย ในลักษณะชิงโชคจับฉลาก เว้นแต่เป็นกรณี ลด แลก แจก แถม การใช้สื่อการตลาดต้องไม่ชวนเชื่อเกินจริง ไม่ทำผู้บริโภคเข้าใจผิด ไม่เป็นเท็จ ซึ่งการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทุกช่องทางควรอยู่ในช่วงเวลาเหมาะสม ไม่ทำให้ผู้บริโภครำคาญหรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว เป็นต้น

“แบงก์ต้องมีมาตรการ วิธีการทำให้ลูกค้าผู้บริโภคมั่นใจว่า ผู้ขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยมีความรู้เข้าใจในผลิตภัณฑ์ สามารถให้ข้อมูลความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ ผลตอบแทนและการคุ้มครองที่ผู้บริโภคจะได้รับ ตลอดจนผลดำเนินงานของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมา รวมถึงภาษีที่ผู้บริโภคจะต้องจ่ายหรือได้รับการผ่อนผัน และสิทธิตามความเป็นจริง โดยไม่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิด”

นอกจากนี้ กฎระเบียบยังกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ ต้องแยกเคาน์เตอร์ขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยออกจากเคาน์เตอร์ ที่ให้บริการรับฝากถอนเงินของธนาคารพาณิชย์ โดยมีป้ายบ่งบอกหรือสัญลักษณ์ที่แสดงให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจน เว้นแต่การทำธุรกรรมต่อเนื่องกับการขายหรือให้บริการผลิตภัณฑ์ เช่นทำธุรกรรมโอนเงินหรือฝากเงินหลังซื้อหลักทรัพย์ สามารถให้บริการที่เคาน์เตอร์ขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยได้ เพื่อประโยชน์ให้บริการ ณ จุดเดียว

ธปท.ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องมีกระบวนการหลังการขาย และรับเรื่องร้องเรียน ดูแลและอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภค หากพิสูจน์แล้วว่าธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ปฏิบัติตาม โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย ธนาคารพาณิชย์ต้องชดเชยตามความเหมาะสม อีกทั้งต้องรักษาข้อมูลของผู้บริโภคไว้เป็นความลับ และห้ามให้ข้อมูลผู้บริโภคแก่หน่วยงานอื่นตลอดจนบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท.เพื่อนำไปใช้เสนอขายบริการอื่น เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากผู้บริโภค

http://bit.ly/10DMxhB

การใช้สีไล่ระดับ และการยกพื้น (itinlife417)

ios7 flat design
ios7 flat design

การเข้าถึงข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีสิ่งที่ผู้สืบค้นต้องพบเป็นสิ่งแรกก่อนเนื้อหาข้อมูล คือ รูปแบบ และสีที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้สื่อสารระหว่างซอฟท์แวร์กับผู้ใช้ ในยุคเว็บสองจุดศูนย์ (Web 2.0) ได้มีนักคิดนำเสนอการออกแบบให้มีการใช้สีไล่ระดับ (Gradient) และการยกพื้น (Rich surface) ซึ่งมีผลให้สามารถนำเสนอประเด็นสำคัญได้ชัดเจน และทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกสนใจจากการใช้สีต่างระดับ แต่เราอยู่ในยุคของการพัฒนาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กฎที่มีอยู่ก็อาจถูกเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าผู้ผลิตอุปกรณ์ หรือซอฟท์แวร์ไม่เปลี่ยนแปลงให้ทันกับกระแสเทคโนโลยี ก็อาจตกขบวนเหมือนบริษัทไอที หรือบริษัทข่าวที่ไม่อาจอยู่ได้ในโลกของการแข่งขันนำเสนอสินค้า และข้อมูลที่รุนแรงในปัจจุบัน

บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปลี่ยนโลโก้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม และใช้สีระดับเดียว แล้วต่อมายาฮูดอทคอม (Yahoo.com) ก็เปลี่ยนโลโก้ที่ใช้สีเพียงสีเดียว และแบนราบไปกับพื้น สำหรับรูปแบบของระบบปฏิบัติการวินโดว์ 8 ก็ใช้การออกแบบที่ดูเรียบง่ายด้วยทรงสี่เหลี่ยม แล้วมีผลถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ ก็จะใช้รูปแบบที่เรียบง่าย รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มปรับรูปแบบให้แบนราบไปกับพื้น ส่วนเครือข่ายสังคมยอดนิยมก็ออกแบบที่ไม่เน้นการยกนูน คือ เฟสบุ๊ค (facebook) และกูเกิ้ลพลัส (google+) ที่ทุกอย่างแบนราบไปกับพื้น แล้วอนาคตของการออกแบบซอฟท์แวร์ก็อาจจะนำไปสู่รูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ต้องยกพื้นอีกต่อไป

บริษัทแอพเปิ้ล (Apple) เปิดตัว iOS7 ได้ย้ำกระแสออกแบบที่เรียบง่าย เน้นอินเทอเฟส (Interface) ที่แบนราบ สำหรับผู้ใช้ที่ชอบความหรูหลา ชอบเว้านูนก็อาจจะไม่คุ้นชิน แต่ประโยชน์คือความรวดเร็วจากการตอบสนอง (Response time) ที่ระบบปฏิบัติการจะต้องทำงานน้อยลงกับเรื่องเหล่านี้ แล้วความสดใหม่ของการดีไซน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้เลือกก็จะเป็นตัวขับกระแสแฟชั่นได้เป็นอย่างดี เชื่อว่ากระแสความเรียบแบนจะขายได้ไปอีกหลายปี แล้ววันหนึ่งในอนาคตก็จะมีบริษัทหนึ่งออกมาบอกว่าถึงเวลาต้องยกพื้น และไล่ระดับ เรื่องแบนราบก็คงจะหายไปอีกครั้งตามค่านิยมที่เปลี่ยนไป

ตรวจสอบเครื่องบริการ SMTP

postfix for SMTP service
postfix for SMTP service

26 ก.ย.56 เล่าสู่กันฟัง
หนึ่งในกิจกรรมของการทำงานกับเครื่องบริการ คือ Monitor
1. เข้าตรวจสอบ ติดตามเครื่องบริการเกี่ยวกับ SMTP
ว่าบริการถูกเรียกใช้ตามปกติหรือไม่
#netstat -na |grep 25 ก็พบว่า port นี้เปิดบริการอยู่
#netstat -na |grep LISTEN ก็พบว่าเปิดบริการอยู่
#cat /etc/redhat-release ดูรุ่นที่ใช้อยู่ พบว่าเก่าอยู่สักหน่อย ปัจจุบันสิบกว่าแล้ว
Fedora Core release 4 (Stentz)
#ps -aux|grep postfix พบว่า postfix เปิดบริการ smtp อยู่
#/etc/init.d/postfix status พบว่า running
#/etc/init.d/postfix stop เมื่อต้องการปิดบริการ

2. เหตุที่สนใจเรื่องนี้
เพราะเป็นการเฝ้าตรวจการทำงานของเครื่องบริการตามปกติ
#ls /var/log/maillog* -al ดูปริมาณของแต่ละแฟ้ม
#tail /var/log/maillog –lines=300 ดูรายการ 300 บรรทัดล่างสุด
#cat /etc/postfix/main.cf |grep relayhost กำหนดไว้แล้ว
สรุปว่ามีการกำหนด relay ใน main.cf ซึ่งสัมพันธ์กับ maillog ที่บันทึกไว้

มองเลยไปหน่อย กับ เขื่อนแม่วงก์

social media กับ เขื่อนแม่วงก์
social media กับ เขื่อนแม่วงก์

ก่อนอ่านเรื่องต่อไปนี้ ตามหลักของ การจัดการความรู้
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพราะ เหรียญมีมากกว่า 2 ด้านเสมอ
ที่สำคัญ .. ผมสนับสนุนการไม่สร้างเชื่อนแม่วงก์ เหมือนกัน
เพียงแต่มองเลยมุมที่เห็นมอง ๆ กันอยู่ไปอีกหน่อย เท่านั้นเอง
และ ไม่ใช่ทุกเขื่อนที่เหมาะสมกับการถูกปล่อยน้ำจนหมดเขื่อน

การมีเขื่อน หรือสร้างเขื่อนใหม่ อาทิ เขื่อนแม่วงก์
ทำให้กระทบสิ่งแวดล้อมมากมาย [มหาศาล]
มีกลุ่มคนในประเทศไทยไม่เห็นชอบต่อการสร้างเขื่อน
ลอง [ลองเฉย ๆ ครับ] ชวนคิดย้อนกลับปล่อยน้ำให้หมด
แล้วใช้ประโยชน์จากพื้นที่เหนือเขื่อนจะเกิดอะไรขึ้น
โดยพิจารณาข้อมูลจากคลิ๊ปที่อธิบายผลเสียของเขื่อน

ปล่อยน้ำหมดเขื่อนแล้วได้อะไร (มองตามคลิ๊ป)
1. ได้พื้นที่ดินบนพื้นโลก สำหรับปลูกต้นไม้ เพาะปลูก เป็นที่อยู่อาศัย
และแหล่งอาศัยของสัตว์นานาชนิด เพื่อขึ้นอีกมากมาย
2. ได้พื้นที่ป่าราบต่ำเพิ่มขึ้น ที่เป็นแหล่งหากิน และอาศัยของสัตว์ในอนาคต
หากพัฒนาให้ดีก็จะมีสัตว์ป่ามาพักอาศัยจำนวนมาก เพราะผืนดินอุดมสมบูรณ์
3. ได้แหล่งปลูกต้นไม้ใหญ่จะมีที่เติบโต ด้วยโครงการพัฒนาป่าที่มีดินอุดมสมบูรณ์
ในช่วงเวลา 100 – 200 ปีอย่างแน่นอน

อีกมุมที่ตอบผู้คัดค้านการปล่อยน้ำหมดเขื่อน (มองตามคลิ๊ป)
1. จากสถิติน้ำท่วมทุกภาค ไม่มีเขื่อนใดหยุดน้ำท่วมได้
สถิติน้ำท่วม 2554 พบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อน ต่อปริมาณน้ำท่วม
ไม่เป็นเหตุผลที่จะต้องเก็บน้ำในเขื่อนอยู่อีกต่อไป
2. เหตุน้ำท่วมในทุกพื้นที่ มีน้ำจากทุกทิศทุกทาง ที่ไหลมารวมกัน
ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อน จึงไม่ใช่เหตุผลของการมีเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม
3. จากการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA
กรรมการหลายชุด บอกว่า การสร้างเขื่อนกระทบสิ่งแวดล้อม
นั่งคือ ถ้าไม่มีเขื่อนก็จะดีต่อสิ่งแวดล้อม มีป่า ก็จะมีชีวิตตามมา
ดังนั้น การปล่อยน้ำเหนือเขื่อน จะคืนชีวิตสู่พื้นที่ เกิดต้นไม้และสัตว์ป่าเพิ่มขึ้น
ในอนาคตไปชั่วลูกชั่วหลานอย่างไม่ต้องสงสัย

เหตุผลหลัก ที่เขาว่าควรมีน้ำในเขื่อน
1. เขื่อนช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง
ซึ่งไม่จริง เพราะเชื่อนทุกเขื่อนคือแหล่งต้นน้ำ
แม้ไม่มีเชื่อนก็ยังมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ให้ชีวิตแต่ชุมชนและเกษตรกร
2. เขื่อนไม่ได้แก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งพื้นที่ใกล้เคียง
และที่ราบในภาคกลาง เพราะเขื่อนเก็บน้ำได้น้อยมาก
เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำทั้งหมดที่ท่วมในแต่ละพื้นที่

ทำไม ควรปล่อยน้ำจนหมดเขื่อนจึงสำคัญ
1. ได้พื้นที่ดินเพิ่ม มีต้นไม้ สัตว์ป่ามีที่ยืนในที่ ๆ อุดมสมบูรณ์
ในเวลา 20 – 30 ปีก็จะเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้
ป่าสักที่ไม่เคยมี ก็จะเติบโตขึ้นใหม่ริมห้วย หนอง คลอง บึงหลังเขื่อน
2. พื้นที่หลังเขื่อนเป็นพื้นที่ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์
เมื่อได้กลับคืนมา ก็จะทำให้ป่าในบริเวณนั้น
เป็นผืนเดียวกัน และมีความเป็นป่าที่สมบูรณ์กว้างใหญ่
3. สัตว์ที่ไม่เคยพบเห็นก็อาจได้พบเห็นในพื้นที่ใหม่
มีสัตว์นานาสายพันธ์เข้าไปอาศัย ก็อาจกลายพันธ์ใหม่
ตามสภาพพื้นที่ที่เกิดใหม่ แล้วเกิดสัตว์ประจำถิ่นใหม่ขึ้น
4. มีแหล่งน้ำ หรือผืนป่าต้นน้ำขนาดใหญ่กลับมา
ในเวลาเพียงไม่กี่สิบปี ซึ่งคุ้มค่าแก่การรอคอย

เราจะช่วยกันสนับสนุนการปล่อยน้ำจนหมดเขื่อน
ด้วยการ อ่าน ฟัง พูด และแชร์

หนังสือ “สร้างเขื่อนแม่วงก์เถอะนะฯ” 2564
http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement4432.htm

พบเสือโคร่ง 16 ตัว
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1061029

แผนพัฒนาแหล่งน้ำ แทนการสร้างเขื่อน
https://news.thaipbs.or.th/content/277738

สร้างโฮมเพจของนักเรียนมัธยมต้นด้วย artisteer.net

9 kings = 9 รัชกาล
9 kings = 9 รัชกาล

http://www.thainame.net/home/king/

สมัยมีบริการอินเทอร์เน็ต คนรุ่นใหม่สมัยนั้น
ก็จะใช้ geocities.com เป็นแหล่งเผยแพร่
แต่จำได้ว่าต่อมาผมใช้ hypermart.net แล้วก็เป็นสาวก
ของเขาจนทุกวันนี้ ส่วน geocities.com ก็ปิดบริการไป
เหมือนแหล่งบริการอื่น ๆ นับร้อย ที่หายไปเกือบทั้งหมด
มีรายหนึ่งคือ thai.net ที่เคยแนะนำใคร ๆ ว่าสุดยอด
แต่ท้ายที่สุดก็ปิดบริการไปอย่างน่าเสียดาย

ปัจจุบันครูโรงเรียนประถม และมัธยมหลายแห่งสอนเขียนเว็บเพจ
ถ้าเป็นมัธยมต้นก็จะใช้เครื่องมือเขียนเว็บ
ถ้าเป็นมัธยมปลายก็จะสอนเขียน HTML หรือ PHP หรือ C หรือ JAVA

วันนี้เป็นเรื่องของเด็ก ม.ต้น คนหนึ่ง
ที่จัดทำ “โฮมเพจ 9 รัชกาล
เป็นนักเรียน ม.3 เทอม 1 ที่จัดทำด้วยโปรแกรม Artisteer.net
แล้ว export เป็น html ได้แฟ้มหลาย ๆ แฟ้มที่เปิดผ่าน ie ได้เลย

แล้วผมก็ใช้งานระบบ free hosting ของ thainame.net
โดย upload แฟ้มทั้งหมดเข้าห้องที่สร้างขึ้นผ่าน file manager
พบผลการอัพโหลดที่
http://www.thainame.net/home/king/

http://artisteer.net/

SQL server and MS Access

sql server and microsoft access
sql server and microsoft access

เล่าสู่กันฟัง
นำข้อมูลจาก SQL server มาทำรายงานใน MS Access
เป็นกรณีที่เพื่อนบอกว่ามีข้อมูลที่เก็บอยู่ในระบบฐานข้อมูล SQL Server

แล้วการทำรายงานก็ต้องเขียนโปรแกรมภาษา PHP ส่งเป็น html หรือ pdf
แต่บางครั้งผู้ใช้ระดับสูงที่สนใจศึกษา MS Access
ก็ต้องการที่จะสร้างรายงานด้วยตนเอง อย่างง่าย แบบเร่งด่วน
การเชื่อมระหว่าง MS Access กับ SQL server ผ่าน ODBC
จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความเชื่อกันว่า การทำรายงานด้วย
MS Access สามารถสร้างได้ง่ายโดยผู้ใช้ระดับสูง
นอกจากทำ query, form, report, macro และ module แล้ว
ยัง export ข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว ไปเป็น txt และ xls ได้อีกด้วย
โดยทดสอบบน win xp และ office 2010 พบว่าเรียบร้อยดี

ยังไม่ได้เช็คชื่อ ไปขี้มา

child
child

+ http://www.gotoknow.org/posts/328479
+ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=560780

4 กันยายน 2556 เป็นวันที่ได้รับข้อมูลเรื่องจัดอันดับด้านการศึกษา ก็นึกถึงพฤติกรรม “เล่นเกมใน smart phone ขณะครูสอน” หรือ “พูดโทรศัพท์กับแฟนขณะเรียน” หรือคำพูดของเด็กที่คิดเป็นว่า “ยังไม่ได้เช็คชื่อ ไปขี้มา” ที่อาจเป็นเหตุการณ์ ช่วงปิดชั้นเรียนวิชาหนึ่ง แล้วมีนักเรียนเดินเข้ามาบอกคุณครูว่าขอเช็คชื่อ เพราะยังไม่ได้เช็คชื่อเลย เหตุการณ์แบบนี้แสดงถึงเสรีภาพในการใช้ภาษาอย่างสุดโต่งของนักเรียน เป็นเสรีภาพที่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเด็กสมัยกล้าคิด กล้าทำ อย่างที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในสังคมไทยยุคการศึกษารั้งบ้วย

นึกย้อนไปในอดีตว่าสมัยก่อน ที่โรงเรียนเอกชนประจำจังหวัด ใครสอบตกก็จะถูกเรียกไปบนเวที แล้วโบยด้วยไม้ท่อนใหญ่ ๆ เพื่อให้สัญญาณนี่คือโทษของความไม่ตั้งใจเรียน และโปรดจำไว้ด้วยว่าความไม่ตั้งใจเรียนจะมีผลเป็นอย่างไร ผมว่าหลาย ๆ คนได้ดิบได้ดีมาทุกวันนี้ก็ เพราะเกรงว่าไม่ตั้งใจเรียนจะถูกจับโบยอีก แต่นั้นก็หลายสิบปีแล้ว จะเดินสวนคุณครูก็ต้องให้เกียรติ และยกมือไหว้อย่างไทยเป็นความเคยชินเลยหละ ไม่ทำก็จะเป็นแกะดำของโรงเรียน

วันนี้ จากข่าวช่อง 3 โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้อ้างอิงว่านายภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการประชุมของ World Economic Forum (WEF) – The Global Competitiveness Report 2012-2013 ซึ่งเป็นการประชุม “เวทีเศรษฐกิจโลก” ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้มีการจัดอันดับคุณภาพการศึกษาของประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งปรากฏว่า ประเทศไทย อยู่ในอันดับรั้งท้าย ซึ่งไม่รวมประเทศลาวกับประเทศพม่า

ranking
ranking

http://www3.weforum.org/docs/WEF_GlobalCompetitivenessReport_2012-13.pdf

มีผลการจัดอันดับ ดังนี้
อันดับ 1 ประเทศสิงคโปร์
อันดับ 2 ประเทศมาเลเซีย
อันดับ 3 ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม
อันดับ 4 ประเทศฟิลิปปินส์
อันดับ 5 ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับ 6 ประเทศกัมพูชา
อันดับ 7 ประเทศเวียดนาม
อันดับ 8 ประเทศไทย

แต่ผู้นำด้านการศึกษา ให้ข้อสังเกตว่าเราน่าจะอยู่ราวอันดับ 5 เพราะระดับโลกเราก็อยู่ระดับกลาง ไม่น่ารั้งท้าย คงต้องดูวิธีการจัดว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09ESTNNRGd4TVE9PQ==

แล้ว นายภาวิช กล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อมูลนี้ถือว่าน่าตกใจ เพราะอันดับของเราต่ำมาก แต่เมื่อเทียบในอันดับโลกเรายังอยู่ในระดับกลาง ๆ ดังนั้นจึงต้องไปวิเคราะห์ให้ชัดเจนอีกทีว่า เกิดจากสาเหตุใด แต่คงต้องมีการปรับการศึกษาไทยขนานใหญ่ทั้งระบบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ที่สำคัญ คือ ต้องดูการจัดการศึกษาไทยในภาพรวมว่า ได้มาตรฐานโลกหรือไม่ และถ้าดูจากผลการวิเคราะห์คะแนน PISA ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า เด็กไทยคิดไม่เป็น หากเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ การปฏิรูปวิธีการเรียนการสอน และปฏิรูปครู ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการศึกษา

http://www.nationchannel.com/main/news/social/20130904/378383282/

http://www.youtube.com/watch?v=Ql0AO5UbA6o

http://www.komchadluek.net/detail/20130903/167328/%E0%B8%AD%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87!%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99.html

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33978&Key=hotnews

ตัวเลขไม่ออก เลข 1 แสดงเป็น NK

chrome and number
chrome and number

พบปัญหาเมื่อเขียนเว็บเพจหน้าหนึ่ง
ที่มี code เป็นร้อยบรรทัด
แสดงผลใน chrome browser แล้วเลขไม่ออกดังคาด
ความเป็นไปได้ของปัญหา .. มีสารพัด
แต่แสดงผลใน firefox กับ ie ไม่มีปัญหา
ประเภทแฟ้ม .php กับ .html ก็ให้ผลเหมือนกันคือมีปัญหา
เมื่อคัดลอก source code ไปไว้ใน localhost ไม่พบปัญหา
ทดสอบแก้ปัญหา
โดย upgrade version ของ chrome
สรุปว่า ปัญหาหายไป เห็นตัวเลขได้ปกติ
แสดงว่า version ของ browser ที่ใช้อยู่มีปัญหา
แล้วได้ผลดังภาพประกอบ
วิธีแก้ไข คือ เปลี่ยน version ของ browser เป็นรุ่นล่าสุด

ใช้อาร์เรย์เก็บข้อมูล เพื่อตอบตาม index

function to create array
function to create array

อ่านแฟ้มแบบตัวอักษรมาเก็บในอาร์เรย์ เพื่อใช้ตอบการร้องขอข้อมูลตาม index

กรณีแรก ..
ในทางทฤษฎีเราใช้ระบบฐานข้อมูลสำหรับเก็บข้อมูล และใช้คำสั่ง SQL ที่เรียกว่า query ด้วยคำสั่ง select ถามหาข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งมีประสิทธิภาพทำงานได้อย่างรวดเร็ว สมเป็นมืออาชีพ แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
เช่น กองฉลากเคยเก็บข้อมูลในระบบฐานข้อมูล ชาวไทยต้องการตรวจผลรางวัลก็กรอกข้อมูลแล้วระบบก็ส่ง query เข้าไปสอบถามจากเครื่องบริการ เป็นเช่นนี้อยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาเห็น sanook.com ให้บริการตรวจฉลากกินแบ่ง โดยนำข้อมูลตัวเลขมาเก็บในแฟ้ม html แล้วใช้ javascript เป็นตัวตอบคำถาม ภาระในการสืบค้นการถูกรางวัลกลายเป็นของ script + browser ฝั่งผู้ใช้ ที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุดในโลก
ปัจจุบันกองฉลากก็ใช้เทคนิค javascript ทำให้ตรวจฉลากหลายสิบใบได้เร็วมาก เพราะทั้งหมดแทบจะทำงานที่ฝั่งผู้ใช้ ยกเว้นการเปิดเว็บไซต์ในครั้งแรก เพื่อร้องขอการดาวน์โหลดข้อมูลมาไว้ในเครื่องผู้ใช้ที่เกิดขึ้นในครั้งแรก

กรณีที่สอง ..
ข้อมูลปริมาณมาก ย่อมต้องใช้ระบบฐานข้อมูล เพราะมีระบบบริหารจัดการ และค้นคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้ามีข้อมูลไม่กี่สิบระเบียน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งานระบบฐานข้อมูล เพราะระบบฐานข้อมูลนั้นจำเป็นต้องมีโปรแกรมทำงานที่หลากหลาย แต่ถ้าเก็บข้อมูลในอาร์เรย์ หรือเก็บใน text file แล้วอ่านมาไว้ในอาร์เรย์ ก็จะทำให้เรียกใช้ข้อมูลได้ง่าย และเร็ว เหมือนการทำงานของ cache หรือ ram หรือ harddisk ที่ทำงานได้เร็วกว่า external harddisk สำหรับตัวอย่างนี้ มีข้อมูลใน text file แล้วอ่านมาเก็บใน array โดยกำหนด index ให้แต่ละสมาชิก เมื่อต้องการข้อมูลก็เรียกสมาชิกตาม index ได้ทันที ซึ่งประมวลผลได้เร็ว และไม่เป็นภาระกับระบบฐานข้อมูล โดยฟังก์ชันเขียนให้รองรับการคืนค่าของสมาชิก เช่น ชื่อ-สกุล หรือ ชื่อ-ชื่อกลาง-สกุล หรือ ชื่ออย่างเดียว เมื่อส่งรหัสเข้าไปเรียกจากอาร์เรย์

Source code
$ar_advisor = array();
$ar_advisor = create_ar_advisor(“advisor”,”0″,”1-2″);
echo $ar_advisor[“5601”];
function create_ar_advisor($filename,$f_key,$f_val) {
$ar = array();
$fileaddr = “/data/”. $filename . “.csv”;
$fn = file($fileaddr);
$get_k = split(“-“,”$f_key”);
$get_v = split(“-“,”$f_val”);
foreach($fn as $v) {
$r = split(“\t”,”$v”);
$rk = “”; $rv = “”;
foreach($get_k as $kv) $rk .= $r[intval($kv,10)];
foreach($get_v as $vv) $rv .= $r[intval($vv,10)].” “;
$ar[$rk] = $rv;
}
return $ar;
}