การเขียนรายงานการวิจัยขั้นเหนือมนุษย์

การเขียนรายงานการวิจัย
การเขียนรายงานการวิจัย

4 ก.พ.54 วันนี้เสียเวลาไป 2 ชม. หาเอกสารวิจัยจาก google.com ของคุณอรุณ ทำส่งสถาบันหนึ่ง ที่ อ.ทันฉลอง ใช้เป็น case ประกอบการสอนเกี่ยวกับเขียนรายงานการวิจัย 5 บท ซึ่งตัวอย่างรายงานนี้มีความสมบูรณ์ขั้นเหนือมาตรฐาน สรุปว่าผมก็หาไม่พบจากเน็ต .. แล้วไปดำเนินการนอกเน็ต จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็มีแฟ้มนี้ และพบคำสำคัญ คือ เอกสารวิชาการส่วนบุคคล จึงเข้าใจว่าเอกสารนี้จะสืบค้นไม่พบใน google.com เมื่อผมได้มาจึงไม่เผยแพร่ต่อ .. สรุปว่าผมประทับใจรายงานการวิจัยนี้ เพราะรู้สึกว่ามนุษย์ทั่วไปไม่น่าเขียนได้
http://www.kpi.ac.th

ยายยิ้ม ยิ้มเย้ยยาก คนค้นคน

อ.ดร.อติชาต หาญชาญชัย ส่งมาให้อ่าน .. เป็นบทเรียนชีวิต

ยายยิ้ม หญิงร่างเล็ก หลังงุ้ม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสมชื่อ
อาศัยในบ้านไม้ที่เกือบเสร็จท่ามกลางป่าเขา
จ.พิษณุโลก อยู่ลำพังอย่างเดียวดาย ห่างไกลผู้คนและเงียบสงัด

เมื่อ 20 ปี ก่อน ยายมีบ้านอยู่ที่อำเภอพรหมพิราม พร้อมลูกหลาน
ตอนนั้นลูกชายคนเล็กตั้งใจจะมาบุกเบิกทำมาหากินบริเวณที่อยู่ปัจจุบัน
แต่ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง ความไกล ไข้ป่า และความลำบาก
ส่งผลให้ลูกชาย ของยายเลือกที่จะไปขับรถแท๊กซี่ใน กทม.

และไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ และการไม่อยากเป็นภาระลูกหลานหรืออื่นๆ
ยายยิ้มจึงตัดสินครั้งสำคัญ อาศัยอยู่ที่บ้านในป่าผืนนั้น เป็นต้นมา

ลูก หลานขอร้องให้ยายกลับมาอยู่บ้านแต่ยายไม่กลับ
ลูกหลานจึงได้แต่มาเยี่ยม ยายเป็นระยะรวมถึงการนำเสื้อผ้าผ้าห่ม
ข้าวสารอาหารแห้งมาให้ยาย ลูกชายคนที่ยังอยู่ในอำเภอพรหมพิรามบอกว่า
“แม่เขาจะบอกว่าไม่ต้องเอามาให้มากนะ ในชีวิตเขา แม่เขาไม่เคยอยากได้อะไรเลย
เคยถามเขาก็บอกว่า เขาพอแล้ว สมัยยังเด็กบ้านเราจนกันมาก
พ่อก็ตาย ตอนที่เรายังเล็ก ๆ แต่แม่คนเดียวก็หา
เลี้ยงลูกได้ มานึกดูแกต้องทำงานหนักมาก แม่ถึงเน้นสอนให้เข้มแข็ง
หนัก เอาเบาสู้ไม่เลือกงาน”

ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาท่ามกลางขุนเขา ยายไม่มีนาฬิกา
แต่ทุกเวลาล้วนมีคุณค่า การมีชีวิตอยู่ของยายหมดไปกับการปลูกต้นไม้
ทำฝายเล็ก ๆ ที่ยายได้อาศัยในยามหน้าแล้งและยังเป็นสายธาร
หล่อเลี้ยงบรรดาสัตว์ และต้นไม้บนผืนแผ่นดินนี้
และตั้งใจถวายในหลวงและพระราชินี ยายรักในหลวงและพระราชินีมาก
กิจวัตร ประจำวัน ตื่นแต่เช้า จุดธูปไหว้พระ เก็บมุ้ง กระย่องกระแย่งมาจุดฟืนหุงข้าว
ตักข้าวสุกแรกเก็บไว้ ตักข้าวกินกับน้ำพริก หรือ ปลาแห้งที่เก็บไว้
ลงมากวาดลานบ้าน ซักผ้า หาบน้ำที่ลำห้วย ออกไปหาฟืนหาไม้ มาเก็บไว้

ก่อนจะคดข้าวใส่กล่อง น้ำพริก ใส่ย่าม สวมที่ขาดวิ่น ใช้พร้าแทนไม้เท้าเวลาเดิน
ข้ามห้วย ข้ามหนอง เข้าไปในป่าลึก ผ่านฝายเล็กๆ หรือคันนาที่ยายทำไว้ 11 ฝาย
เป็นคันดินที่ยายใช้ “จอบกับใจ” ค่อยๆขุดขึ้นมา กลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆกักเก็บน้ำ
พอให้สัตว์เล็กได้มาอาศัย ต้นไม้ชุ่ม ชื่น ระหว่างนั้นก็เอาข้าวมาโปรยให้สัตว์
ในแอ่งดินกันทำคันดินนี้เสร็จ ก็เข้าไปลึกเรื่อยๆ ที่ละฝาย ทีละฝาย
เวลาแต่ละวันผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ เหนื่อยก็พัก แล้วก็เดิน กลับบ้าน
ชีวิตยาย เป็นไปอย่างเรียบง่าย

ทุก ๆ วันพระ ยายจะเดินลงมาจากเขา ด้วยระยะทางเกือบ 8 กิโล
บวกกับ วัยชราของยาย จึงทำให้ยายใช้เวลาใน การเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง
แต่ก็ไม่ ได้ทำให้ศรัทธาของยายเสื่อมถอยลง ลำพังคนหนุ่มสาว
จะให้เดินขึ้นลงเขา สัก 7-8 กิโลเมตร ยังเ ล่นเอาเหงื่อตก
แต่สำหรับยายยิ้มถือเป็นกิจวัตรสม่ำเสมอทุกวันโกน วันพระเพราะไม่ว่าฝนจะตก
ฟ้า จะร้อง ยายก็ต้องไปถึงวัดไม่เคยขาด

ระยะทางไกลที่เต็มไปด้วยหล่ม โคลน ถนนเป็นร่อง ขรุขระ ยายยิ้ม
จะออกเดินเท้าจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เหนื่อยก็พัก ถึงวัดกี่โมงไม่รู้
รู้แต่เมื่อถึงวัดก็เปลี่ยนชุด ชาว สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทำความสะอาดวัด
ทำบุญ เมื่อกลับจากวัด แกก็จะมานับวันหลังจากนั้นไปถึงวันโกนวันพระอีกที
ก่อนที่เดินกลับบ้าน ในป่า ยายเลือกใช้ชีวิตเพียงลำพัง
และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอย่างมีความสุขอีกครั้ง

เราขาดในสิ่งที่ ยายยิ้มมี นั่นคือ ความพอเพียง ความศรัทธา ความไม่โลภ
เรามีในสิ่งที่ ยายขาด นั่นคือ ความทุกข์

พิธีกร : ข้าวสารอาหารแห้งเอามาจากไหน
ยาย ยิ้ม : ลูกหลานเข้าเอามาให้ เขาเอามาให้ก็ต้องกิน
เขาจะได้บุญและก็ต้องกินอย่างประหยัดๆ ไม่ฟุ่มเฟือย

พิธีกร : ฝนตกเปียกไหม
ยายยิ้ม : ก็หลบๆเอา ไม่ลำบาก อย่าคิดว่ามันลำบาก

พิธีกร : เสื้อผ้า ขาดแล้วยังใส่อยู่
ยายยิ้ม : ลูกหลานเข้าเอามาให้ ใส่ไว้เขาจะได้บุญ

พิธีกร : ลูกหลานอยากให้ไปอยู่ด้วยกัน
ยายยิ้ม : ไม่ใช่ว่าจะไม่พึ่ง แต่ให้หมดค่าก่อนค่อยพึ่ง ป่วยไม่สบายไม่มีแรงค่อยพึ่งเขา

พิธีกร : ทำฝายไปให้ใคร
ยายยิ้ม : ให้ในหลวงพระราชินี ท่านเป็นถึงเจ้าแผ่นดินยังทำงาน เราก็ต้องทำให้ท่านบ้าง
.. ส่วนสิ่งที่ทำในหลวงไม่เห็นผีสางเทวดาก็เห็น

พิธีกร : ได้ประโยชน์อะไรจากฝาย
ยายยิ้ม : ในหลวงบอกมีฝายมีน้ำ มีป่า มีปลาเล็กเป็นอาหารนกอีกทีรวมถึงได้ใช้ยามหน้าแล้ง

พิธีกร : กลัวล้มไหมเวลาเดินไปไหน
ยายยิ้ม : กลัวแต่ก็ต้องทำ ทำแล้วมีความสุข

พิธีกร : เหนื่อยไหมที่ทำมา
ยายยิ้ม : เหนื่อย แต่ทำแล้วมีความสุข

พิธีกร : เดินไปวัดลำบาก เหนื่อยไหม
ยายยิ้ม : เหนื่อยก็พัก แล้วเดินต่อ ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ เห็นพระก็หายเหนื่อย

พิธีกร : สรุปว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ
ยายยิ้ม : คนอื่นว่าลำบากแต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นสวรรค์มันก็ไม่ลำบาก

พิธีกร : ยายมาทำบุญทุกวันพระไหม
ชาว บ้าน : ยายมาประจำแหละ ยายแกชอบทำบุญ ได้เบี้ยเดือน 500 แกยังทำบุญหมดเลย

พระ (กางมุ้งให้ยายนอนในศาลาวัด) : ไม่บาปหรอกยาย ช่วยๆกัน ดูแลกัน
ยาย (นั่งยิ้มด้วยความจำนน)
ยาย เอาเงินที่เก็บๆรวมถึงเงินที่ชาวบ้านให้ไว้มาทำบุญ
ยาย อวยพรให้และภาวนาให้คนที่ทำบุญด้วย
พิธีกร : ยายรู้จักเขาเหรอ
ยายยิ้ม : (ยิ้ม) ไม่รู้จักหรอก เห็นบอกว่าจะบวชก็เลยทำบุญ
ให้ยายทำ บุญนะ (สงสัยคงจะเป็นเงินที่ทางรายการให้)
พิธีกร : ทำเถอะยาย ไม่ว่าอะไรหรอก

พิธีกร : ยายมีของแค่นี้เหรอ (หยิบกระเป๋าใบเล็กที่บรรจุเสื้อผ้า หยูกยาที่จำเป็น บัตรประชาชน)
ยายยิ้ม : แค่นี้แหละเตรียมไว้ เวลาเจ็บป่วยขึ้นมา เอาไปใบเดียว คนอื่นจะได้ไม่ลำบากหา

พิธีกร : จะไม่เป็นการแช่งตัวเองหรือ
ยายยิ้ม : ยิ่งเจ็บ ยิ่งต้องพึ่งตัวเอง ยิ่งต้องเตรียมตัว

พิธีกร : เวลายายไปตัดไม้ไผ่ ทำฝายไม่เกินกำลังเหรอ เอาแรงมาจากไหน
ยายยิ้ม : หัวเราะเบาๆแล้วตอบว่า มันเกินกำลังอยู่แล้วล่ะ แต่ต้องมีความพยายามยายบอกวันนี้หมดแรง นอนพัก พรุ่งนี้แรงก็มาใหม่

พิธีกร : ยายยังขาดอะไรอีกในชีวิต
ยายยิ้ม : ยายยิ้มสมกับชื่อ แล้วตอบอย่างภาคภูมิใจว่า ขาดความ ทุกข์

เล่าปัญหาลืมรหัสผ่าน adsl router ของ tot

belkin wireless router
belkin wireless router

3 ก.พ.54 วันนี้ได้อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อ ADSL ตัวใหม่มา เป็น Wireless Modem Router ของ Belkin N150 ราคา 990 บาท ซึ่งติดตั้งด้วย CD ไปตามขั้นตอน (just next) แต่ผมจำรหัสที่เชื่อมต่อกับ ADSL ของ TOT ผิด เมื่อเปิดเว็บพบแต่คำว่า http://adslutils.tot.co.th/ failAuth/ แสดงว่าถ้าใช้ user และ password เชื่อมต่อ TOT ผิดก็จะเข้าระบบไม่ได้ แต่ใช้ nslookup ตรวจ host name หรือ ip ได้นะครับ เมื่อผมกำหนด u:054223684@platinumcyber p:054223684 (bestcyber) ก็พบว่าเข้าระบบอินเทอร์เน็ตได้ปกติ จากนั้นก็เข้า http://192.168.2.1/index.htm เพื่อ config security mode ของ wireless เป็น WAP/WAP2-Personal (PSK) เป็น thaialldotcom และกำหนดรหัสเข้า router ป้องกันใครเข้าไป config โดยไม่ตั้งใจ เป็นอันเสร็จกิจครั้งนี้

.. ปัญหาอีกเรื่องคือ กำหนด Administrator Password แล้ว เข้า net ไม่ได้ .. พอป้อนรหัสกลับเก็บเป็นภาษาไทย .. สงสัย firm ware มีปัญหา .. พอเข้าไม่ได้ก็ reset แล้วไม่กำหนดรหัสครับ ถ้าอนาคตมีปัญหาก็จะ reset ผ่านปุ่มเล็ก ๆ บนตัวเครื่อง (เป็นแผนสอง)

การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ของ MCU

plan strategy
plan strategy

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ ห้องเรียนวัดบุญวาทย์วิหาร จัดทำโครงการจัดสัมมนาทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาลัยสงฆ์นครลำปาง ระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (stakeholder) ร่วมวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก (SWOT) เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนยุทธศาสตรืการพัฒนาของสถาบัน ระยะ 5 ปี ซึ่งสอดรับการพัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบ และกลไกเชิงบูรณาการ ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554

แมวไม่น้อยหน้าหมาครับ .. เมนูแนะนำเช่นกัน

ในมุมของคนกินแมว
ในขณะที่คนไทยนิยมซื้อกระต่ายมาเลี้ยงต้อนรับปีเถาะ (2554) ด้วยความเชื่อที่ว่ากระต่ายเป็นสัตว์นำโชคที่จะนำพาสิ่งดี ๆ มาให้ผู้เลี้ยงตลอดปีนี้ ที่เวียดนามเองก็ไม่น้อยหน้า สำหรับปีนี้ที่เป็นปีแมวของเวียดนาม แมวก็กลายเป็นสัตว์ยอดนิยมของชาวเวียดนามที่ถือว่าจะนำโชคดีมาให้ตลอดปีเช่นกัน แต่แตกต่างกันที่ชาวเวียดนามเขาไม่ได้เอาแมวมาเลี้ยงเหมือนกับกระต่ายบ้าน ที่บอกว่าเป็นสัตว์ยอดนิยมนั้นหมายถึงนิยมนำมาทำอาหารรับประทานกันต่างหาก
โดยเฉพาะในจังหวัดถายบิ่ง ทางตอนเหนือของเวียดนาม ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่นิยมการนำแมวมาทำอาหารมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ เมนูต้มซุปแมว เนื้อแมวทอด เนื้อแมวย่าง และลูกชิ้นแมว กลายเป็นอาหารเลิศรสที่เจ้าของร้านอาหารหลายร้านภูมิใจนำเสนอแก่แขกที่มารับประทานอาหารในร้าน แม้ว่าทางจังหวัดจะมีการประกาศสั่งห้ามขายและฆ่าแมวก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร้านหยุดเสิร์ฟเมนูแมวแต่อย่างไร เพียงแต่ตัดปัญหาง่าย ๆ ด้วยการไม่ติดป้ายโฆษณาเมนูแมวไว้หน้าร้านเท่านั้น
สำหรับ วิธีการนำแมวมาประกอบอาหารนั้น พ่อครัวจะเลือกฆ่าแมวด้วยวิธีการนำพวกมันไปถ่วงน้ำให้ขาดใจตาย แทนการตีหรือเชือดคอเหมือนกับฆ่าหมู เพราะจะทำให้แมวกลัวและเกร็ง จนถุงน้ำดีแตก และนั่นทำให้เนื้อแมวเสียรสชาติ จากนั้นพ่อครัวก็จะนำแมวมาผ่าท้องและแล่เนื้อ โดยส่วนที่นิยมนำมาประกอบอาหารมากที่สุด ได้แก่ กระเพาะ ลำไส้ และเนื้อส่วนสะโพกของแมว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด และเป็นยาอายุวัฒนะ ให้พลังงานสูง ทำให้ร่างกายอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวของเวียดนามที่กำลังหนาวติดลบอยู่ในขณะนี้ แต่หากเป็นเมนูแมวย่าง พ่อครัวจะควักเครื่องในออกทั้งหมด แล้วนำไปย่างบนไฟอ่อน ๆ ให้เนื้อแมวค่อย ๆ สุกกลายเป็นสีน้ำตาล จากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ
ส่วนราคาเมนูแมวนี้ จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า แมวนั้นเป็นแมวลักษณะแบบไหน และมาจากที่ไหน โดยเนื้อแมวดำจะมีราคาแพงที่สุด เพราะเชื่อว่ามีรสอร่อยที่สุด อาจมีราคาถึงตัวละ 15,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนเนื้อแมวสดทั่วไปนั้น ขายกันในราคากิโลกรัมละ 100 บาท (แมวบ้าน 1 ตัว มีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม) และหากเป็นแมวนำเข้าจากจีนก็จะมีราคาถูกลงไปอีก เนื่องจากไม่อร่อยเท่ากับเนื้อแมวสดจากเวียดนามเอง
ทั้งนี้โดยปกติแล้ว ชาวเวียดนามจะกินแมวกันเป็นปกติ ไม่ต่างกับชาวจีนที่มีความเชื่อว่าแมวเป็นเมนูนำโชค แต่ในปีนี้ซึ่งตรงกับปีแมวของเวียดนาม แมวกลายเป็นเมนูเลิศรสที่ใคร ๆ ก็ปรารถนาอยากจะกินมากกว่าปกติ เพราะเชื่อว่าหากได้กินแล้วก็จะช่วยปัดเป่าโชคร้ายออกไป ทำให้แมวกลายเป็นสัตว์ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตอนเหนือของเวียดนามในขณะนี้ และหากบ้านไหนเลี้ยงแมว แต่ไม่ดูแลแมวของตัวเองดี ๆ ก็จะเกิดกรณีแมวหายได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าถ้าหากแมวตัวไหนถูกปล่อยให้มาเดินเพ่นพ่านในที่สาธารณะ ก็จะถูกจับไปใส่กรงขังไว้ เพื่อรอวันแปรสภาพกลายเป็นเมนูแมวในที่สุด
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว องค์กรพิทักษ์สัตว์ในประเทศจีนได้เคยแฉพฤติกรรมสุดโหดร้ายของนายหน้าค้าแมว ที่ขโมยแมวไปขายให้ภัตตาคารต่าง ๆ ในมณฑลกวางตุ้ง ที่แสดงให้เห็นว่าแมวกว่าร้อยตัวถูกขังไว้ในกรงแคบ ๆ และได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย ซึ่งทางองค์กรพิทักษ์สัตว์ในนครเซี่ยงไฮ้ก็สามารถช่วยชีวิตแมวเคราะห์ร้าย เหล่านั้นออกมาได้กว่า 300 ตัว และส่งพวกมันคืนเจ้าของได้ในที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นายหน้าค้าแมวหยุดล่าแมวแต่อย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังคงมีเมนูแมวขายในภัตตาคารจีนกันตามปกติ อีกทั้งยังเป็นเมนูแนะนำอีกด้วย
http://vdowww.dek-d.com/board/view.php?id=2043319

ในมุมของความเชื่อเรื่องแมว
ลางร้าย ภัย อาถรรพณ์ ในคติความเชื่อโบราณ เปรียบดังเงาร้าย ที่เชื่อว่าหากเข้าใกล้ชีวิตเรา จะหาความสุขไม่ได้ มีทุกข์ภัยที่ประดังเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ในบรรดาลางร้ายที่แสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ นั้น “แมวดำ” จัดเป็นหนึ่งในตัวแทนแห่งลางร้าย ความเชื่อเรื่องแมวดำ ไม่ได้มีระบุที่มาแน่ชัด หากเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่นักประวัติศาสตร์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ เนื่องจากคติความเชื่อเรื่องแมวดำไม่ได้มีเฉพาะในไทยเท่านั้น หากมีในหลากชาติหลายภาษาโดยในตำนานเก่าแก่ของอินเดียโบราณ เชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ผี เป็นพาหนะของพระษัษฐี เทวีแห่งความตายของทารก หรือ ผีแม่ซื้อประจำตัวเด็กในวันที่ 6 ซึ่งพระษัษฐีเป็นเทวีที่มีอิทธิฤทธิ์ หากใครเห็นแมวดำที่ไหน มักต้องเห็นพระษัษฐีปรากฏกายที่นั่น และจะมีเด็กหรือคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในงานศพจะระมัดระวังไม่ให้แมวมาถูกต้องศพ ด้วยเชื่อว่าจะเกิดมนทินกับศพนั้น ๆ ไปตลอด
ในคติความเชื่อของจีนโบราณ ถือว่าหากแมวข้ามศพ ผีนั้นจะดุร้ายมาก ต้องเอาตะไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ จึงจะไม่เป็นไร เช่นเดียวกับในความเชื่อของแขกมาลายู ที่ต้องเอาตะไกรหนีบมาวางบนอกศพ เผื่อว่าแมวกล้ำกรายเข้ามาใกล้ศพหรือถูกศพ เหล็กตะไกรจะเป็นเครื่องบังคับไม่ให้ศพลุกขึ้นมา กลายเป็นผีร้าย เป็นที่หวาดเกรงของชาวบ้านได้ แมว จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีมากกว่าความเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดา ในแง่ที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของคน เป็นตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์ และเหนือจริง จนมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “หากฆ่าแมวสักตัวถือว่าบาปหนักหนา เท่ากับฆ่าเณรรูปหนึ่งเลยทีเดียว
http://learners.in.th/blog/sukanyanonmai/391609
http://board.postjung.com/412380.html

สกอ. แจ้งรายการเอกสารที่ ม.เอกชนต้องส่ง

รายการเอกสาร สกอ
รายการเอกสาร สกอ

25 ม.ค.54 วันนี้ได้รับหนังสือจากคณะวิชาที่ส่งให้กับอาจารย์ทุกคนในคณะให้ได้ทราบทั่วกันว่า สกอ. (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) ส่งหนังสือถึงมหาวิทยาลัยเอกชนเพื่อแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มาตรฐานหลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งคณาจารย์ให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2550 ว่าการแจ้งให้กับ กกอ. รับทราบการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการนั้น ต้องส่งเอกสารอะไรบ้าง อาทิ คำสั่งแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรมการประเมินการสอน รายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และแบบขอรับการพิจารณาอีก 5 รายการ ได้แก่ แบบประวัติส่วนตัว แบบประเมินคุณสมบัติโดยผู้บังคับบัญชา แบบประเมินผลการสอน แบบประเมินผลงานทางวิชาการ และมติสภาสถาบัน .. รายละเอียดเยอะจริง ๆ ครับ จึงเก็บข้อมูลไว้อ้างอิงในอนาคตครับ

หนึ่งกิจกรรมตอบเกณฑ์ในตัวบ่งชี้คุณภาพการศึกษา

วิจัยในชั้นเรียน
วิจัยในชั้นเรียน

31 ม.ค.54 คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง ให้ความสำคัญกับการประกันคุณภาพการศึกษา จัดเวทีแลกเปลี่ยนเครือข่ายการวิจัยในชั้นเรียนด้านวิทยาศาสตร์ ในกิจกรรมนี้ อ.เบญ ได้รับอนุมัติให้นำทีมอาจารย์ของมหาวิทยาลัย เข้าร่วมเวทีในวันที่ 25 มีนาคม 2554 ซึ่งกิจกรรมนี้สอดคล้องกับ ตัวชี้วัดที่ 2.8 ระบบกลไกสนับสนุนให้อาจารย์ประจำทำการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน มี เกณฑ์ข้อที่ 5 คือ มีการสร้างเครือข่ายวิจัยด้านนวัตกรรมการเรียนการสอนทั้งภายในและภายนอก ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตผลงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และ/หรือ ผลงานวิจัยในชั้นเรียนโดยการจัดเวทีให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของผู้สอนในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั้งที่มีผลงานวิจัยและยังไม่มีผลงานวิจัย ได้ทำความรู้จัก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน .. เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

วิสัยทัศน์การใช้ FB ระหว่างบุคคล

vision
vision

29 ม.ค.54 หน่วยงานทางด้านการศึกษาในปัจจุบันมีความเข้าใจเรื่องมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และเป้าหมายเพราะต้องมีการประกันคุณภาพการศึกษา มีแผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการประจำทุกปี ส่วนหน่วยงานทางธุรกิจต้องกำหนดวิสัยทัศน์คือที่ที่จะไปให้ถึง พันธกิจคือสิ่งที่จะทำ กลยุทธ์คือสิ่งที่ระบุว่าทำอย่างไร เช่น มีวิสัยทัศน์ว่าจะรวยที่สุดในหมู่บ้านในสามปี มีพันธกิจว่าจะรวยด้วย 3 วิธี คือรวยด้วยสลากกินแบ่งรัฐบาล รวยด้วยทำงานเก็บเงิน รวยด้วยการมีสมาชิกในครอบครัวมีฐานะสูงขึ้น ส่วนกลยุทธ์ก็จะสอดรับกับพันธกิจที่เป็นรายละเอียดว่าการรวยด้วยสลากกินแบ่ง รัฐบาลจะใช้วิธีซื้อเป็นหวยชุดแบบถูกแล้วได้หลายสิบล้าน รวยด้วยการทำงานก็จะตั้งใจให้มีตำแหน่งสูงขึ้น มีเงินเดือนสูงขึ้น คนในครอบครัวก็ไปทำงานต่างประเทศ หรือมีคู่ครองที่มีฐานะสูงกว่า เป็นต้น
ย้อนกลับมา Facebook.com มักเรียกอย่างย่อว่า FB สมาชิกของเครือข่ายสังคมมักมีตัวบ่งชี้และเป้าหมายการเป็นสมาชิกที่แตกต่าง กันไป อาทิ เล่นเกมส์ คุยกับเพื่อนเก่า หาเพื่อนใหม่ คุยกับคนในครอบครัวที่อยู่ต่างแดน ติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ชวนไปขายสินค้า ฆ่าเวลาไปวันวัน สร้างชุมชนแลกเปลี่ยนความรู้ที่คนยุคใหม่เรียกว่าเพลิน (Plearn = Play + Learn) เมื่อพบเพื่อนสักคนก็พอคาดเดาได้ว่าเขามีวิสัยทัศน์อย่างไรต่อการใช้งาน แต่ถ้าเขาใช้เพียงครั้งเดียวแล้วไม่เข้าใช้อีกเลยก็จะเป็นสมาชิกที่ใช้ งานอย่างไม่จริงจัง ไม่มีวิสัยทัศน์ต่อเครือข่ายสังคม จึงไม่อาจระบุตัวบ่งชี้ หรือเป้าหมาของการใช้งานของสมาชิกใหม่ได้
มีสมาชิกของ FB จำนวนไม่น้อยที่ตั้งตัวบ่งชี้ และเป้าหมายกับเครือข่ายสังคมแต่อาจไปไม่ถึงวิสัยทัศน์เหล่านั้น อาทิ การหาคู่ครอง ใช้ช่วยในการทำงาน ใช้หางาน ใช้หาเงิน ใช้ศึกษาหาความรู้ เพราะองค์ประกอบที่จะนำไปสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์จำเป็นต้องมีการวางแผน และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ขาดไม่ได้คือโชค ถ้าคิดจะหาแฟนแล้วไม่มีคนที่ใช่มาเป็นเพื่อนเลยสักคนก็คงยากที่จะสำเร็จ ถ้าใช้ในการทำงานแต่เพื่อนร่วมงานไม่เข้าระบบหรือลบคุณออกจากการเป็นเพื่อน แล้วตบมือข้างเดียวจะดังได้อย่างไร ถ้าใช้สอนหนังสือแต่นักเรียนไม่ตอบสนองสนใจแต่เล่นเกมปลูกผักหรือมุ่งคุยกับ คนแปลกหน้าต่างเพศ ดังนั้นจะพบว่าผู้ใช้ FB จำนวนไม่น้อยเลิกใช้ เพราะพบว่าบริการของเครือข่ายสังคมไม่อาจตอบวิสัยทัศน์ที่ตั้งขึ้นสูงเกินไป ของพวกเขา ถ้าเข้าไปเพื่อหาเพื่อนคุยหรือฆ่าเวลาไปวันวัน ก็จะไม่รู้สึกผิดหวังกับเครือข่ายสังคมที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในสังคมออ นไลน์ยุคปัจจุบัน

การเรียกใช้ google api chart

google chart
google chart

28 ม.ค.54 จัดทำกราฟ โดยเรียกใช้ API ของ google.com ผ่าน url ซึ่งนักพัฒนาเพียงแต่ส่งค่าผ่าน url ก็จะได้กราฟแบบ PNG ผมเรียกใช้ผ่าน iframe ก็จะจัดรูปแบบการแสดงผลหลายกราฟบนเว็บเพจเดียวได้ง่าย
ตัวอย่าง
http://code.google.com/intl/th-TH/apis/chart/
http://chart.apis.google.com/chart
?chbh=50,4,30
&chg=5,5
&chtt=Compare+Undergrad+in+53+-+54
&cht=bvg
&chd=t:228,186,240,27
&chs=400×400
&chl=53plan_228|53get_186|54plan_240|54get_27
&chxt=y,r
&chxl=0:|0|30|60|90|120|150|180|210|240
&chds=0,240&chco=00A5C6|FF8888|0000FF|FF0000

ผมวุ้นในตาเสื่อม ซะแล้ว

วุ้นในตา
วุ้นในตา

26 ม.ค.54 หากคุณรู้สึกว่าเห็นยุงบินรอบ ๆ ตัว แต่ตบเท่าไหร่ก็ไม่โดน หรือมองเห็นสิ่งแปลกปลอม เช่น หยากไย่ จุด เส้น ลอยไปลอยมาในตา นั่นอาจจะเป็นอาการของ “โรควุ้นในตาเสื่อม” ที่เกิดในลูกตาของคุณก็ได้!! หากคุณรู้สึกว่าเห็นยุงบินรอบ ๆ ตัว แต่ตบเท่าไหร่ก็ไม่โดน หรือมองเห็นสิ่งแปลกปลอม เช่น หยากไย่ จุด เส้น ลอยไปลอยมาในตา นั่นอาจจะเป็นอาการของ “โรควุ้นในตาเสื่อม” ที่เกิดในลูกตาของคุณก็ได้!!

นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล ประจำภาควิชาจักษุวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล มาเล่าเรื่องของโรคนี้ให้เราฟังกันอย่างง่าย ๆ

อาการ โรควุ้นในตาเสื่อม (วุ้นในตา : Viteous Floaters)

เวลา ลืมตาจะมองเห็นอะไรกวนตาเป็นรูปหยากไย่ ตาข่าย จุด เส้น วง ลอยไปลอยมา หรือบางคนบอกว่าเห็นเหมือนยุง แต่ปัดเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่มียุงนี่นา และจะอันตรายสุด ๆ ถ้าในเวลาค่ำหรือในที่มืด คุณเห็นแสงคล้ายฟ้าแล่บแปล๊บ ๆ เพราะอะไรก็ต้องติดตามกันต่อข้างล่างนะคะ

สาเหตุ โรควุ้นในตาเสื่อม

คุณ หมอบอกว่าในลูกตากลม ๆ ของเรานี้จะมีวุ้นใสอยู่ตรงกลาง ระหว่างเลนส์กับจอประสาทตา และเมื่อคุณอายุ 40 วุ้นตรงนี้ก็จะเริ่มชราภาพ จากลักษณะเป็นวุ้นก็จะกลายเป็นของเหลว วุ้นที่เละจนเหลวนี่เอง เมื่อเรากลอกตาวุ้นก็จะกระเพื่อม กลายเป็นสิ่งที่เรามองเห็นเป็นจุด เป็นเส้น ที่รบกวนสายตาเรานั่นเอง

และการกลอกตาไปมาจะมี แรงกระชาก ให้จอประสาทตาให้ฉีกขาด และตอนนี้แหละที่คุณอาจจะเห็นแสงแปล๊บ ๆ เหมือนฟ้าแลบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา การฉีกขาดจะรุนแรงขึ้นกลายจอประสาทตอลอก ถ้าถึงขั้นนั้นก็แปลว่าคุณมองไม่เห็นอะไรแล้ว เพราะตาบอดไปเรียบร้อย!

การรักษา โรควุ้นในตาเสื่อม

ยัง ไม่มีการรักษาโรควุ้นในตาเสื่อมได้ เพราะมันเกิดจากความชราของอวัยวะเราเอง เรียกว่าเป็นไปตามอายุขัย แต่ยังพอสามารถรักษาอาการข้างเคียงของโรคนี้ได้บ้าง คือถ้าจอประสาทตาฉีกขาดอย่างที่บอกไป หากไปพบจักษุแพทย์ เขาจะใช้เลเซอร์ซ่อมแซมรอยขาดให้ปิดสนิท ก็ทำให้คุณยังมีดวงตาไว้ถนอมใช้ได้อีกนานค่ะ

การป้องกัน โรควุ้นในตาเสื่อม
ถึงจะรักษาไม่ได้ แต่มันป้องกันได้นะคะ วิธีการก็คือ
1.ป้องกัน ไม่ให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือน ทั้งจากการเล่นกีฬา จากอุบัติเหตุ และอื่น ๆ เพราะการที่ตาถูกกระแทกแรง ๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้วุ้นในตาเสื่อมได้เร็วขึ้น
2.อย่าอ่านหนังสือในที่มืด เพราะจะทำให้สายตาสั้น สายตาสั้นจะทำให้วุ้นในลูกตาเสื่อมง่าย
3.อย่านอนในที่สว่าง เพราะแม้ร่างกายจะหลับ แต่ลูกตาเมื่อได้รับแสงก็ยังทำงานอยู่ เมื่อลูกตาทำงานหนัก วุ้นก็จะเสื่อมได้ง่าย
4.ถ้าคุณอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรจะไปพบจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะหากมีอาการแพทย์จะดูแลคุณในระยะแรกได้เลยค่ะ

การดูแลตนเอง
เมื่อเกิดอาการนี้ขึ้นก็ควรพักสายตา พยายามอย่าเครียด นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าออกแรงหนัก อย่าหักโหมงานพยายามอย่าหันหน้าเร็วๆ ให้ทำอะไรช้าๆ ลงบ้างและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าให้ขาดวิตามินและเกลือแร่นะคะ สำหรับคนที่ยังไม่มีอาการนี้ก็ขอแนะนำว่าอย่าใช้สายตา โดยเฉพาะกับจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรเว้นช่วงพักสายตาเป็นพักๆ อาจใช้วิธีหลับตาสักครู่ หรือจะใช้มือคลึงเบาๆด้วยก็ได้ หรือให้พักสายตาโดยมองออกไปไกลๆ เกินกว่า6 เมตรขึ้นไป โดยเลือกมองบริเวณที่มีต้นไม้สีเขียวหรือวัตถุสีเขียวธรรมชาติ จะทำให้สายตาได้รับการพักผ่อนได้มากยิ่งขึ้น

http://www.ladytip.com/main/content/view/3213/
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/16368
http://dr.yutthana.com/retina.html