วิจัยร่วม พื้นที่ ต.นิคมใหม่พัฒนา

ยกร่างโครงการวิจัย
ยกร่างโครงการวิจัย

9 พ.ย.53 คุณภัทรา มาน้อย ชักชวนให้เครือข่ายสถาบันการศึกษาร่วมกันพัฒนาโจทย์วิจัย จนได้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “แนวทางการทำงานร่วมกันของเครือข่ายสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยลำปาง เพื่อเรียนรู้และเสริมศักยภาพชุมชน” ใช้พื้นที่ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นพื้นที่ในการสร้างการเรียนรู้ของเครือข่ายสถาบันการศึกษา ประกอบไปด้วย มทร. มรภ. มยน. มจร. และกศน. ซึ่งมีเป้าหมาย 2 ประการ คือ 1) เพื่อสร้างแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายการศึกษาลำปาง 2) เพื่อสร้างแนวการทำงานของเครือข่ายสถาบันการศึกษากับชุมชน โดยเน้นการใช้กระบวนการทางการศึกษาแก้ไขปัญหาชุมชน เบื้องต้นมีการบ้านให้เครือข่ายช่วยเพิ่มเติมข้อมูล 1.ประเด็นคือ แนวทาง/ความคาดหวังของสถาบันการศึกษา(หรือชุมชนในพื้นที่)ต่อรูปแบบของการทำงานร่วมกัน ซึ่งทางศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดลำปางจะยกร่างข้อเสนอโครงการ และส่งให้เครือข่ายพิจารณาเพื่อนำเข้าสู่วงพิจารณากลไกภาคเหนือต่อไป ทั้งนี้รูปธรรมที่เกิดขึ้นเป็นแนวทางของการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันคลังสมองของชาติและสกว.ฝ่ายวิจัยท้องถิ่น โครงการนี้มีตัวแทนจากมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา ตัวแทนละ 3-5 คน รวมทั้งนักวิจัยในพื้นที่เป็นทีมวิจัย มีหัวหน้าโครงการที่ได้รับการเสนอชื่อ คือ ผศ.ดร.ดวงจันทร์ เดี่ยววิไล จาก มรภ.ลำปาง เป็นหัวหน้าโครงการ

เตือนผู้หญิงที่กำความลับ

7 พ.ย.53 เรื่อง เตือนผู้หญิงที่กำความลับ มีรายละเอียดดังนี้
(1) หลักการและเหตุผล ปัจจุบัน เทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการ เปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่งด้วยความระมัดระวัง จำเป็นต้องตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ และเข้าใจวัฒนธรรมของความปลอดภัย (Culture of Security)ในสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ไม่ประสงค์ดีพัฒนารูปแบบการคุก คามผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา การรวมกลุ่ม แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาวิธีป้องกัน ดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท แบ่งปันประสบการณ์เทคนิควิธีเพื่อสร้างรูปแบบพฤติกรรมแห่งความปลอดภัย ให้เข้าใจ และปฏิบัติกันโดยทั่วไป จึงเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการเชิงบูรณาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อ เนื่อง

(2) กลุ่มเป้าหมายสำหรับสื่อที่จัดทำ นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป

(3) เนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ การ ทำลายสิ่งที่ไม่ต้องการเผยแพร่ 2 รูปแบบ คือ เอกสารกระดาษ (Hardcopy) และแฟ้มดิจิทอล (Softfile) ซึ่งการวางใจแล้วทำลายเอกสารด้วยวิธีง่าย ๆ  มีบทเรียนให้เห็นทางทีวีอยู่บ่อยครั้ง ว่าผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถนำข้อมูลที่ผู้ใช้คิดว่าทำลายไปแล้วกลับมาใช้ใหม่ จนทำให้ผู้ใช้เสียหาย ผู้ใช้จึงควรมีความตระหนักถึงการทำลายเอกสารทั้งสองรูปแบบอย่างจริงจัง

(4) เทคโนโลยี เทคนิค วิธีการและเครื่องมือ ใช้โปรกรม Proshow producer ในการจัดทำ และเขียนออกมาเป็น DVD format 16:9 ได้แฟ้มสกุล .mpg และใช้ Camstudio จับการทำงานบนจอภาพได้แฟ้มสกุล .avi โดยใช้ภาพนิ่ง วีดีโอคลิ๊ป แฟ้มเสียง และแฟ้มเพลงบรรเลง ประกอบการจัดทำวีดีโอคลิ๊ป

การสั่งเปิด image เป็น layer ใหม่ในเว็บพจเดิม

alumni
alumni

7 ต.ค.53 lightbox เป็นชุดสคริ๊ปสำหรับเปิดภาพเป็น layer ใหม่ในเว็บเพจเดิม พัฒนาโดย huddletogether.com จากการทดสอบใน gallery ของ joom พบว่าแต่ละภาพมีขนาดไม่สม่ำเสมอ ถ้าไม่ปรับ code ก็จะควบคุมการแสดงผลไม่ได้ แต่ทดสอบกับ gallery ของ ynalumni พบว่าใช้งานได้ดี เพราะภาพทั้งหมดได้มาจาก facebook ซึ่งมีการปรับความกว้างของทุกภาพให้เท่ากัน และไม่กว้างเกินขนาดของ windows จึงสะดวกในการใช้ previous หรือ next พบว่ามีการใช้งานในหลายเว็บไซต์ เช่น toptenthailand.com หรือ sopitthaspa.com

การกำหนดความสูง ของ lightbox : ทำได้โดยกำหนดใน lightbox.css โดยเติม top:0!important; เข้าไปใน #lightbox{ }

การติดตั้ง lightbox ในแฟ้ม .htm : ทำได้โดยส่ง 6 แฟ้ม คือ lightbox.css builder.js effects.js lightbox.js prototype.js scriptaculous.js เข้าไปในห้องที่เก็บแฟ้ม .htm แล้วเพิ่ม 4 บรรทัดนี้เข้าไปในส่วนหัวของ .htm แล้ว link ของภาพ ก็เติม rel=”lightbox[roadtrip]” หรือ rel=”lightbox” เข้าไป เช่น <a href=”burin.jpg” rel=”lightbox[roadtrip]”><img src=”burin.jpg”></a>

code 4 บรรทัดสำหรับ .htm
<link rel=”stylesheet” href=”lightbox.css” type=”text/css” media=”screen” />
<script src=”prototype.js” type=”text/javascript”></script>
<script src=”scriptaculous.js?load=effects,builder” type=”text/javascript”></script>
<script src=”lightbox.js” type=”text/javascript”></script>

แนะนำเว็บไซต์
http://www.huddletogether.com/projects/lightbox2/releases/lightbox2.04.zip
http://www.thaiall.com/java/lightbox/lightbox204a.zip
http://www.thaiall.com/java/lightbox/lightbox.htm
http://www.thaiall.com/actress/joom.htm
http://www.thaiabc.com/ynalumni/photo.asp

หอยนางรมหัวละ 99 ที่ลำปาง

หอยนางรม
หอยนางรม

5 พ.ย.53 เคยเห็นหอยนางรมที่ BigC หรือ Makro ขายกระป๋องละประมาณ 40 บาท ก็ไม่มีโอกาสซื้อมาลิ้มลองสักครั้ง (คนในครอบครัวห้ามทุกครั้งที่เสนอ) เห็นว่าทานสดพร้อมยอดกฐินจะอร่อยนัก สรรพคุณก็ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ชาย แต่ก็ไม่ค่อยได้ซื้อ เพราะเคยชินกับการทาน หมู เห็ด เป็ด ไก่ เป็นอาหารหลัก

ตะลึงครับ .. เห็นหอยนางรมตัวใหญ่กว่า BigC อีก เต็มถาด (แบบไม่มีเปลือก) ในร้าน Buffet หมูกระทะ ชื่อร้านแล่นใบที่ลำปาง ราคาหัวละ 99 บาท ตั้งแต่เข้า Buffet ประมาณ 3 เดือนครั้ง ก็เห็นครั้งแรกในชีวิตที่มีหอยนางรม และราคาหัวละเท่านี้ ผมก็ตักมา 2 ถ้วยกาไก่ ทานกัน 2 คนกับคุณตา ทานสดไป 3 ตัวได้ (นี่ถ้าไม่กลัวเรื่องพยาธิ คงทานสดไปทั้งถ้วย) ที่เหลือก็ต้มสุกบ้าง ลวกบ้าง .. ลูก ๆ เขาไม่แตะเลยบอกว่าของแปลก  ส่วนเนื้อปลาสดสีส้มกลิ่นปลาทู เด็ก ๆ ก็ไม่ทาน คงเพราะผมฝึกลูกมาน้อย ไม่ค่อยชอบกินของแปลก .. ในอนาคตเมื่อถึงยุคทุกข์เข็ญ พวกเขาจะอดมือกินมือ กินดิบ กินมนุษย์กันได้อย่างไร .. น่าสงสารนะครับ .. คงต้องกอดคอกันอดตายกับผมในช่วงแรกของยุคนั้นอย่างแน่นอน .. แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

http://www.infovisual.info/02/009_en.html
http://www.toptenthailand.com/display.php?id=476

เคล็ดลับแห่งความสุข หรือ วิธีทำชีวิตให้มีความสุข

ความสุข
ความสุข

สรุปอย่างสั้น 7 ข้อ คือ 1) ต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ 2) กัลยาณมิตร 3) รู้จักความเพียงพอ 4) อย่าหวังมากเกินไป 5) ละความโกรธเกลียดลงบ้าง 6) รักและพอใจงานที่ทำ 7) ทำตนใฝ่รู้อยู่เสมอ

มนุษย์เราทุกคนล้วนอยากมีชีวิตที่ดี และมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็น่าแปลกว่า ในขณะที่เราต้องการ “ ความสุข ” หรือ “ ความสบายกายสบายใจ ” นั้น มนุษย์เรากลับดำเนินชีวิตที่พาตัวเราเองไปสู่หนทางแห่งความทุกข์เสียเป็น ส่วนใหญ่ เช่น มีเงินเดือนพออยู่พอกินอยู่แล้ว แต่อยากจะเป็นเจ้าของพวกเครื่องอำนวยความสะดวกหรือความทันสมัยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถ มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนมจนต้องตั้งหน้าตั้งตาหาเงินตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เพื่อให้ได้ของเหล่านี้มา ทำให้ตัวเองต้องลำบากหรือเป็นหนี้เป็นสิน และมีทุกข์ไม่จบสิ้น ดังนี้เป็นต้น ถ้าในทางพุทธศาสนา เขาก็ว่ากิเลส ตัณหา ความอยากมี อยากเป็น อยากได้ หรือไม่อยากมี ไม่อยากเป็น และไม่อยากได้นั่นเอง ที่ทำให้คนเราเป็นทุกข์ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงมีแนวทางให้พุทธศาสนิกชนได้เลือกปฏิบัติเพื่อความหลุด พ้นความทุกข์ในระดับต่างๆกัน แต่ในที่นี้ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอนำ “ เคล็ดลับแห่งความสุข ” ที่แม้มิใช่ธรรมะโดยตรง แต่ก็เป็นกลวิธีที่เราทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิด “ ความสุขในเบื้องต้น ” ได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
๑. เขาบอกว่า เคล็ดลับของความสุขข้อแรก คือ ต้องรู้จักการ เป็น “ ผู้ให้ ” การ “ ให้ ” ในที่นี้ จะเป็นสิ่งของ ความรู้ น้ำใจ ข้อแนะนำ หรือสิ่งอื่นใดก็ได้ที่เป็นประโยชน์ และไม่เป็นโทษต่อผู้รับ พระพุทธเจ้าบอกว่า “ ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้ ” นั่นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่เป็น “ ผู้ให้ ” ย่อมสร้างไมตรีให้เกิดขึ้นในใจของผู้รับ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี และเป็นมิตรต่อกัน ถ้าใครเคย “ ให้ ” จะรู้ว่าใบหน้าที่เบิกบาน ยินดีของผู้รับ จะทำให้เราผู้ให้เกิดความสุข และปลื้มปีติเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในยุทธภพเขาว่า “ ความสุขเป็นสิ่งประหลาดยิ่ง มันหาได้ลดน้อยงเพราะท่านแบ่งปันแก่ผู้อื่นไม่ ท่านยิ่งแบ่งปันกับผู้อื่นมากขึ้น ความสุขที่ท่านมียิ่งเพิ่มพูน ”
๒. หากัลยาณมิตร การมีเพื่อนที่ดี ย่อมทำให้ชีวิตของเรามีความสุขและมีความหมายยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยเมื่อเราประสบความสำเร็จ ก็มีเพื่อนร่วมแสดงความยินดีด้วยอย่างจริงใจ หรือหากผิดหวัง พลาดพลั้งในชีวิตกัลยาณมิตรก็จะช่วยปลุกปลอบให้กำลังใจ หรือคอยแนะนำช่วยเหลือทำให้เราไม่รู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยวในโลกกว้างใบนี้ ในยุทธจักรเขาว่า “ ท่ามกลางลมหนาวและพายุร้าย หากที่นั่นมีสหาย ทั้งหมดจะกลายเป็นลมหายใจอันอบอุ่น ที่ซึ่งมีมิตรแท้ จักอบอุ่นและเจิดจ้าตลอดกาล ”
๓. ใช้ชีวิตเรียบง่าย ถ้าพูดแบบสมัยนี้ก็คือ ให้ดำรงชีวิตแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ รู้จักความเพียงพอ โดยเฉพาะในเรื่องปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค บางคนอาจจะสงสัยว่าเพียงพอในเรื่องยารักษาโรคนี่เป็นอย่างไร ก็คงต้องบอกว่าในปัจจุบัน หลายคนกินยาสารพัดทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น เพราะมีให้เลือกมากมาย ดังนั้น จึงต้องรู้จักประมาณตนในทุกเรื่อง อย่าตกเป็นทาสของลัทธิบริโภคนิยม ที่ต้องวิ่งตามโลกไม่ได้หยุดได้หย่อน เพราะจะทำให้เราเหนื่อยเกินไป และสร้างความท้อแท้ให้แก่ชีวิตได้ง่าย ยุทธจักรเขาบอกว่า “ ในโลกนี้ก็มีแต่คนที่รู้จักพอ จึงสามารถได้ลิ้มรสความเบิกบานที่แท้จริง ”
๔. คาดหวังให้น้อยลง ชีวิตคนเราที่เป็นทุกข์สารพัดทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการ “ คาดหวัง ” เช่น หวังว่าจะสอบได้ที่ ๑ หวังว่าจะได้ตำแหน่ง หวังว่าเขาจะรักเรา หวังว่าจะได้มรดก หวังว่าเจ้านายจะขึ้นเงินเดือน หวังว่าพ่อจะซื้อรถให้ ฯลฯ ความคาดหวังเหล่านี้ทำให้เราต้องพบกับ “ ความผิดหวัง ” อยู่เสมอ และทำให้เราหดหู่ ห่อเหี่ยวใจเมื่อไม่สมปรารถนา ดังนั้น หวังได้ แต่หวังให้น้อยลง และจงตั้ง “ ความหวัง ” ในสิ่งที่เป็นไปได้ และไม่ยากจนเกินความสามารถของเรา หากไม่ได้ดังหวังก็ต้องหัด “ ปลง ” เสียบ้าง ในยุทธภพจึงสอนว่า “ คนผู้หนึ่งขอเพียงปลงได้ตก ในโลกก็ไม่มีเรื่องใดควรคู่ให้ปวดร้าวกลัดกลุ้มอีก ”
๕. จงล ะ “ ความโกรธ เกลียด ” ลงบ้าง หลาย ๆ ครั้งในชีวิตเราอาจจะต้องเจอะเจอกับบุคคล เหตุการณ์หรือสถานที่ที่เราไม่พึงใจ ทำให้เราเกิดความรู้สึกโกรธ เกลียดในสิ่งที่พบ อยากจะหลีกลี้หนีห่าง แต่บางครั้งก็ไม่อาจจะหลบไปได้ ต้องทนอยู่กับคนหรือสิ่งที่เราเกลียดอยู่เสมอ ทำให้เกิดความเครียด และทุกข์ใจ ดังนั้น วิธีแก้ตรงจุดที่สุด คือ ต้องลดความโกรธหรือความเกลียดที่เป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์ให้น้อยลง ด้วยการอย่ามัวแต่เพ่งจับผิด แต่ให้ใช้หลักเมตตา และให้อภัย โดยเฉพาะกับคน หรือสัตว์ หรือหากยังทำใจเมตตาไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้ “ วางเฉย ” คิดเสมอว่าอย่าให้สิ่งเหล่านี้มามีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา ซึ่งคนในยุทธภพเขาว่า “ ความเปลี่ยนแปลงและการประสบกับสิ่งที่ไม่พอใจ คือชีวิตของคน หากท่านเข้าใจชีวิตคนอย่างถ่องแท้ ความเศร้าเสียใจของท่านจะลดน้อยลง และความสุขในใจจะเกิดขึ้น ”
๖. จง “ รักและพอใจงานที่ทำ ” เพราะมันเป็นส่วนสำคัญ และกินเวลาเกือบครึ่งค่อนของชีวิตของเรา หากเราไม่ “ รักงาน ” ของเราแล้ว ชีวิตที่เหลือคงเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น และเราก็ต้องจมปลักไปกับความเบื่อที่ยาวนาน การที่เราจะรักงานที่เราทำได้ เราจะต้องพยายามศึกษาหาความรู้ในงานของเรา เพื่อให้รู้จักงานของเราอย่างถ่องแท้ จนพัฒนางานให้ก้าวหน้า อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจให้แก่ตัวเราเองได้ ยุทธจักรเขาว่า “ โชคของคน ย่อมไม่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเอง ”
๗. ทำตน “ ใฝ่รู้ ” อยู่เสมอ เช่น อ่านหนังสือทุกชนิด เรียนคอมพิวเตอร์ อบรมภาษา ฯลฯ เพราะจะทำให้เราไม่ล้าสมัย หรือตกยุค แต่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา ไม่เป็นคนอมทุกข์ เหงาหงอย เพราะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เข้ากับใครก็ได้ แวดวงยุทธจักรเขาว่า “ คมดาบ ยิ่งฝนยิ่งแหลมคม คน ไยมิเป็นเช่นเดียวกัน ”
เคล็ดลับแห่งความสุขข้างต้น เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยาก แต่เคล็ดลับของเคล็ดลับก็คือ ความตั้งใจที่จะเริ่มปฏิบัติตามกฎที่ว่า มิฉะนั้นแล้ว ความสุขที่เราปรารถนาก็ยังจะเป็นทุกข์ที่เราเรียกหามันอยู่ทุกวันเพราะความ สำเร็จทั้งปวงก็ล้วนเริ่มต้นมาจากหยดน้ำเล็กๆ หาใช่เริ่มจากมหาสมุทรไม่

อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม. http://www.culture.go.th
เขียนเมื่อ กุมภาพันธ์ ๕๐
http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=501
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=217e80042ed64db5
http://women.kapook.com/view2276.html

ฟอนต์แห่งชาติเป็นมาตรฐานราชการไทย

ฟอนต์แห่งชาติ
ฟอนต์แห่งชาติ

6 พ.ย. 53 รูปแบบตัวอักษรที่นิยมใช้ในหนังสือราชการไทย แต่เดิมใช้ Angsana New หรือ AngsanaUPC แต่รูปแบบทั้งสองใช้งานได้ในระบบปฏิบัติการ Windows ถ้าใช้ในระบบปฏิบัติการ Linux หรือ Macintosh ก็จะไม่มีให้ใช้ รวมถึงการใช้งานกับซอฟท์แวร์ด้านกราฟฟิกก็มักมีปัญหาเกี่ยวกับฟอนต์ภาษาไทยที่ยังไม่มีมาตรฐานที่ยอมรับกันโดยทั่วไป มีนักพัฒนาจำนวนไม่น้อยออกแบบตัวอักษรภาษาไทยเพื่อจำหน่าย หรือแจกฟรี แต่เกิดความชัดเจนขึ้นในประเทศไทยเกี่ยวกับฟอนต์แห่งชาติ หรือฟอนต์มาตรฐานราชการไทยเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐติดตั้งฟอนต์สารบรรณและฟอนต์อื่นทั้งหมดจำนวน 13 ฟอนต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สอซช.) (SIPA)
ต่อจากนี้ไปคนไทยก็จะมีฟอนต์สำหรับจัดทำเอกสารราชการ เอกสารทางธุรกิจ เอกสารวิชาการที่ถูกยอมรับว่าเป็นฟอนต์แห่งชาติ คือฟอนต์ TH Salabun PSK ที่ใช้งานทั้งในระบบปฏิบัติการ Windows, Linux และ Macintosh ซึ่งเผยแพร่ให้ใช้ได้ฟรี ไม่ต้องพะวงว่าใครจะอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ เพราะผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญามาเรียบร้อยแล้ว และเชื่อได้ว่าผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ในไทยจะมีการติดตั้งให้ฟอนต์เหล่านี้ให้เป็นมาตรฐานต่อไป ซึ่งผู้ใช้ที่ชอบฟอนต์ที่มีหัวมีหางยาวกว่าปกติก็มีฟอนต์ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ TH Charmonman, TH Charm of AU และ TH Srisakdi ซึ่งชื่อฟอนต์ดังกล่าวแสดงถึงการให้เกียรติ ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ผู้เป็น บิดาแห่งอีเลิร์นนิ่งไทย
ผลการทดสอบใช้ฟอนต์ทั้ง 13 ฟอนต์ พบว่า ใช้งานได้ทั้งในโปรแกรม Word, Powerpoint, Excel, Access และ Gimp สามารถใช้ได้เช่นเดียวกับฟอนต์ภาษาไทยรูปแบบอื่น เมื่อนำแฟ้มเอกสาร แฟ้มกราฟฟิก หรือแฟ้มนำเสนองานที่ใช้ฟอนต์แห่งชาติไปใช้ในเครื่องที่ไม่มีฟอนต์นั้นติดตั้งอยู่ ก็พบว่าตัวอักษรยังเป็นภาษาไทยให้สามารถอ่านได้ปกติ เมื่อนำกลับมาใช้ในเครื่องเดิมก็แสดงผลได้สวยงามเช่นเดิม เมื่อค้นคำว่า “ฟอนต์แห่งชาติ” จาก google.com ก็พบคำอธิบาย และแฟ้มให้สามารถ ดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ฟรี เมื่อค้นคำว่า “ฟอนต์ไทย” จาก youtube.com ก็พบวิดีโอสาธิตการติดตั้งฟอนต์ ซึ่งเชื่อได้ว่าการยอมรับไปใช้งาน การติดตั้งในซอฟท์แวร์ของหน่วยพัฒนาระบบ การเผยแพร่มติของ ครม. ได้มีการดำเนินการอยู่ในทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ผู้เขียนทราบก็เพราะมีเพื่อนในส่วนราชการเล่าให้ฟังว่าวันที่คนไทยมีฟอนต์มาตรฐานราชการไทยได้มาถึงแล้ว

http://www.youtube.com/watch?v=ZFvwNtgTPyE
http://www.thaiabc.com/download/13thaifonts.zip
https://www.f0nt.com/release/13-free-fonts-from-sipa/

24 ก.ค.60 ได้เครื่องมาใหม่ แล้วเปิดแฟ้ม พบว่า ตัวอักษรเพี้ยนหมด ต้องจัดหน้าใหม่ มาคิดอีกทีแฟ้มนี้ใช้ฟอนต์ราชการไทย พอดาวน์โหลดฟอนต์มา กด Ctrl-A แล้ว Right click ใน Win 10 เลือก Install จากนั้นก็เปิดแฟ้มได้หน้าตาแบบเดิม แม้อยู่บน Office 365

ฟอนต์ราชการไทย
ฟอนต์ราชการไทย

ครม. ประกาศให้ฟอนต์สารบรรณเป็นฟอนต์แห่งชาติ

ฟอนต์ Sarabun PSK
ฟอนต์ Sarabun PSK

วันที่ 7 กันยายน 2553 ครม.เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วย ดำเนินการติดตั้งฟอนต์สารบรรณและฟอนต์อื่นทั้งหมด จำนวน 13 ฟอนต์ ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สอซช.) หรือ “Software Industry Promotion Agency” เรียกโดยย่อว่า “SIPA” และ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Thai OS (Thai Operating System) ให้เป็นฟอนต์มาตรฐานราชการไทย และใช้ฟอนท์ดังกล่าวแทนฟอนต์เดิม ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ

ฟอนต์แห่งชาติ ประกอบด้วย 1) TH Sarabun PSK 2) TH Chamornman 3) TH Krub 4) TH Srisakdi 5) TH Niramit AS 6) TH Charm of AU 7) TH Kodchasal 8) TH K2D July8 9) TH Mali Grade 6 10) TH Chakra Petch 11) TH Baijam 12) TH KoHo 13) TH Fah Kwang

เป็นฟอนต์ฟรีแวร์แจกฟรี สำหรับใช้งานเอกสาร และงานด้านกราฟิก โดยท่านสามารถดาวน์โหลดใช้งานทั้งบนระบบ Windows และ ระบบ Open source THAI OS Ubuntu และ mac OS สามารถดาวน์โหลดใช้งานด้านล่างนี้
http://www.thaiabc.com/download/13thaifonts.zip
http://www.youtube.com/watch?v=ZFvwNtgTPyE

http://www.moe.go.th/moe/upload/news20/FileUpload/20883-6266.zip
http://www.moe.go.th/moe/upload/news20/FileUpload/20883-9927.exe
http://www.moe.go.th/moe/upload/news20/FileUpload/20883-5035.pdf
http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=20883&Key=news20
http://www.royalthaipolice.go.th/font.html

ฟอนต์มาตรฐานราชการไทย
ฟอนต์มาตรฐานราชการไทย

สอนพระนิสิตที่มจร.วิทยาเขตแพร่ ห้องเรียนบุญวาทย์วิหาร

พระนิสิต
พระนิสิต

2 พ.ย.53 ดร.ศรีศุกร์ นิลกรรณ์ ดร.วันชาติ นภาศรี อ.ธวัชชัย แสนชมพู อ.คนึงสุข นันทชมพู และผม เป็นอาจารย์พิเศษที่ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ ห้องเรียนวัดบุญวาทย์วิหาร ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับมจร. ในห้องที่ผมสอนมีพระนิสิตอายุตั้งแต่ 17 ถึง 70 ปี ประมาณนั้น โดยเฉพาะสอนด้านเทคโนโลยี มีช่องว่างเรื่องวัยค่อนข้างมากครับ แต่พระนิสิตทุกรูปมีความพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจเป็นทุน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ข้ามข้อจำกัดทุกข้อไปได้ .. ชื่นชมครับ

สรุปขั้นดำเนินโครงการของงานสัมมนา

จากส่วนหนึ่งของรายงานสรุปผล

ขั้นดำเนินโครงการ การสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การวิจัยในชั้นเรียน มีผู้ส่งผลงานวิจัยในชั้นเรียนเพื่อใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งหมด 4 ผลงาน ในรูปของบทคัดย่อ ประกอบด้วย เรื่องแรก คือ “ศึกษาการมอบหมายงานกลุ่มในการจัดทำสื่อวีดีทัศน์ประกอบการสอนการใช้โปรแกรม Powerpoint ในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสืบค้นข้อมูลเบื้องต้น” โดย ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ และ อ.อัศนีย์ ณ น่าน เรื่องที่สอง คือ “การสร้างสื่อการสอนการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา วิชาการภาษีอากร สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยโยนก” โดย อ.สุรพงษ์  วงศ์เหลือง   เรื่องที่สาม คือ “การศึกษาประสิทธิภาพวิธีการสอนโดยระบบ E-Learning วิชาการประเมินผลการปฏิบัติงาน HRMT 411 ปีการศึกษาที่ 1/2553 มหาวิทยาลัยโยนก” โดย อาจารย์วีระพันธ์ แก้วรัตน์ เรื่องที่สี่ คือ “A Developmental Practice of Teaching the Thai Language in a Multicultural Context : Study of Thai 302 : Reading and Writing Thai 1” โดย อ.สุจิรา หาผล

1. การดำเนินการมีวาระสำคัญ จำนวน 7 วาระ ประกอบด้วย 1) อ.ทันฉลอง รุ่งวิทู รักษาการอธิการกล่าวเปิดงานสัมมนา 2) อ.ชินพันธ์ โรจนไพบูลย์ บรรยายให้ความรู้เรื่องการวิจัยในชั้นเรียน 3) นักวิจัยนำเสนอผลการวิจัย 2 คน ได้แก่ ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ และ อ.วีระพันธ์  แก้วรัตน์ 4) คุณภัทรา  มาน้อย ศูนย์ประสานงานจังหวัดลำปาง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และ คุณกฤษฎา  เขียวสนุก  สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวไทย 5) เปิดเวทีให้อาจารย์ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6) อ.ทันฉลอง รุ่งวิทู วิพากษ์การเขียนบทคัดย่อของงานวิจัยในชั้นเรียนแต่ละเรื่อง 7) สรุปผลที่นำไปสู่การพัฒนาการวิจัยในสถาบันต่อไป

2. สาระในเอกสารประกอบการประชุมที่ได้จากคู่มืองานวิจัย ปี 2552 ซึ่งเผยแพร่โดยสำนักวิชาการ ประกอบด้วย 1) ความหมายของการวิจัย 2) เงื่อนไขในการให้ทุนอุดหนุนงานวิจัย 3) ขั้นตอนการเสนอโครงร่างเพื่อขอรับทุนอุดหนุนงานวิจัย และ 4) ขั้นตอนการดำเนินงานหลังได้รับทุนอุดหนุนงานวิจัย

3. หัวข้อบรรยายโดย อ.ชินพันธ์ โรจนไพบูลย์ มีดังนี้ 1) อะไรคือการวิจัย 2) วงจรการทำวิจัยในชั้นเรียน 3) โครงร่างงานวิจัยในชั้นเรียน 4) การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน และ 5) ความแตกต่างของการวิจัยในชั้นเรียน กับการวิจัยการเรียนการสอน

4. ประเด็นที่มีการแลกเปลี่ยนในเวที อาทิ ความคับข้องใจ ความสุข และปัญหาจากการทำวิจัยในชั้นเรียน รูปแบบการทำวิจัยในชั้นเรียน คุณภาพของงานวิจัยในชั้นเรียน เทคนิคการเขียนบทคัดย่อและรายงานการวิจัยที่ควรได้รับการพัฒนา การให้นโยบายจากผู้บริหารในการส่งเสริมการทำวิจัยเพื่อนำไปสู่การขอตำแหน่งทางวิชาการ

พิธีกรคือต้นแบบของเยาวชน

พิธีกร
พิธีกร

31 ต.ค.53 นั่งหาข้อมูลเรื่องการแต่งตัวของพิธีกรหญิงบนเวที (พิธีกรคือต้นแบบของเยาวชน)  แล้วก็ไปพบภาพนี้เข้า .. มนุษย์เขาก็อย่างนี้ พอจะคาดได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เพราะเรามี species เดียวกัน .. (ไม่เขียนต่อล่ะ เพราะผมแรงเกินกว่าที่มนุษย์ด้วยกันจะรับได้ และต่างคนก็ต่างความคิด) .. สรุปว่าเธอคนนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ในมุมของสายตาผม