ปรับค่า config ของเครื่องในห้องปฏิบัติการ

7 มิ.ย.53 เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการทำงานช้ามาก จึงดำเนินการลดจำนวน software ที่ประมวลผลโดยไม่จำเป็น เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์มี response กับผู้ใช้ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะบูทเครื่องและปิดเครื่องได้เร็วขึ้น ซึ่ง software พิเศษที่ปิดบริการไปมีดังนี้
– ยกเลิกแสดง volume icon in the taskbar
– ยกเลิก MSN ใน msconfig
– System, Remote ยกเลิก Allow Remote Assistance
– ยกเลิก Lotus note realtime ใน symantec
– ยกเลิก Microsoft Exchange realtime ใน symantec
– ยกเลิก System Restore
– ยกเลิก Power Options, Hibernate

ส่วนใน services.msc ได้ยกเลิกรายการดังนี้
– Automatic Updates
– Error Reporting
– Event Log
– Help & Support
– Task Schedule
– Themes
– Widows Audio
– Windows Firewall/ICS
– Wireless Zero Configuration
ในเบื้องต้นปรับไปเพียงเท่านี้แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ทำงานเร็วขึ้น
+ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.thaiall.com/security/indexo.html

คำถามว่า มนุษย์เราทำไมไม่รักตัวเอง

6 มิ.ย.53 ความคิดเห็นที่มาจากหลายองค์ประกอบ สำหรับพิจารณาเหตุที่มนุษย์บางคนไม่รักตัวเอง นั้นมีเหตุปัจจัยอะไรบ้าง
     1) มนุษย์เราวิวัฒนาการจากสัตว์เดรัจฉานมาไม่นานนี้เอง คาดหวังมากจะเป็นทุกข์ นั่นคือเราเป็นอย่างที่เราเป็น มนุษย์ในหลายประเทศก็ยังมีวิวัฒนาการไม่สูง ยังใช้เหตุใช้ผลไม่ชำนาญ และคนไทยมีเงินทองใช้แลกเปลี่ยนไม่ถึง 100 ปีนี้เอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นพัฒนาอย่างชัดเจน เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ กว่าจะแพร่หลายในชนบทก็หลายสิบปีแล้ว
     2) มนุษย์ขาดความสามารถในการใช้สารสนเทศ 2.1) เรารู้ว่าดื่มสุราแล้วเมาเกิดอุบัติเหตุ เสียสุขภาพแต่ก็ยังทำ 2.2) เรารู้ว่าการนอกใจเพื่อความสุขชั่วคราว แต่ก็ยังทำกันอยู่จนปัญหากลายเป็นเรื่องชินตา 2.3) เรารู้ว่าการทำผิดกฎหมาย เกิดภัยเข้าตัวอย่างร้ายแรง แต่ก็ยังฝืนกฎ ขาดวินัยในการใช้ชีวิต 2.4) เรารู้ว่าวันเวลาเกิดจากการหมุนของโลกรอบตัวเอง และโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังเชื่อเรื่องดูดวงกันเป็นตุเป็นตะ
     3) การไม่ยึดมั่นในวินัยต่อสังคม หรือไม่รักษาคำมั่นระหว่างบุคคล เพราะมนุษย์ขาดความสามารถในการวางแผนอย่างเป็นระบบ ไม่มองไปถึงผลของเหตุ ไม่มองไปที่วิสัยทัศน์ขององค์กร สังคม ครอบครัว และตนเอง จนขาดฐานคิดที่มั่นคงสำหรับปฏิบัติตน เป็นเหตุให้พบว่าผลของความประพฤติออกมาในแนวแสดงความไม่รักตนเองในภายหลัง เนื่องจากขาดการวางแผนที่รัดกุมต่อปฏิบัติการของตน ผลที่ได้จึงไม่อาจคาดการณ์

ส่งข่าวเรื่องการไปปฏิบัติงานประชุมวิชาการที่กทม

nccit 2010

6 มิ.ย.53 มหาวิทยาลัยโยนกร่วมเป็นเจ้าภาพกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดการประชุมวิชาการระดับชาติ ในชื่องาน The 6th National Conference on Computing and Information Technology and The 10 th International Conference on Innovative Internet Community Systems ณ โรงแรมอิสติน กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 3 – 5 มิถุนายน 2553 โดยมีบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมนำเสนอผลงานวิชาการ เกี่ยวกับการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการประเมินตนเองเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษา 
     โดยมี ดร.มนชัย เทียนทอง คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มจพ. ให้การต้อนรับใกล้ชิด ซึ่งบุคลากรที่ไปร่วมงานครั้งนี้ประกอบด้วย อ.วิเชพ ใจบุญ อ.อติชาต หาญชาญชัย อ.เกศริน อินเพลา อ.ทนงศักดิ์ เมืองฝั้น และ ผศ.บุรินทร์  รุจจนพันธุ์ ส่วนพี่ตี๋ทำหน้าที่ควบคุมการเดินทางให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
+ http://www.nccit.net

เตรียมเอกสารอบรมส่งข้อมูลระดับบุคคลเพื่องานประกันคุณภาพ

5 มิ.ย.53 เตรียมเอกสารการอบรมการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลประเมินตนเองระดับบุคคล ปีนี้เป็นปีแรกที่มี อ.อัศนีย์ ณ น่าน มารับงานประกันคุณภาพ และท่านอธิการให้การสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากระดับบุคคล เกิดกระบวนการส่งเสริมการทำงานร่วมกัน สร้างความเข้าใจในการประกันคุณภาพอย่างมีส่วนร่วม และพัฒนาทรัพยากรบุคคลเชิงบูรณาการ กิจกรรมในการอบรมภายใน 1 ชั่วโมงประกอบด้วยการชี้แจงโดยตัวแทนฝ่ายประกัน และอบรมการส่งข้อมูลเข้าตามเกณฑ์มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และองค์ประกอบ และประเมินผล ซึ่งการติดตามจะมีกลไกของงานวิจัยมาขับเคลื่อน
     ซึ่งรายการเอกสารหลักฐานเป็นสิ่งที่บุคลากรต้องไปพูดคุยแลกเปลี่ยนในหน่วยงานของตน หรือเป็นที่ต้องการของคณะวิชา หรือมหาวิทยาลัย ว่ามีอะไรที่ต้องใช้ในเกณฑ์ใด เพราะมหาวิทยาลัยดำเนินการตามเกณฑ์นี้มาแล้วสามปี ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่จะใช้เกณฑ์ชุดนี้ ก่อนใช้เกณฑ์ใหม่ ส่วนคณะวิชาจะถูกเชิญมารับการอบรมในการดึงข้อมูลที่แต่ละบุคคลส่งเข้าไป มาใช้อ้างอิง หรือประสานกลับไปสำหรับรายละเอียดของเนื้อหา ความสมบูรณ์ และรูปเล่มเป็นลำดับต่อไป วันนี้จัดทำแบบสอบถามการอบรมครั้งนี้ และใบเซ็นชื่อ ส่วนแบบสอบถามที่ใช้วิพากษ์ข้อมูลพื้นฐานอยู่ที่มหาวิทยาลัยและจะประมวลผลเป็นลำดับต่อไป
+ http://www.thaiall.com/research/sar52/52_sar_person.doc
+ http://www.thaiall.com/research/sar52/ques_sar52_530601.doc
+ http://www.thaiall.com/research/sar52/ques_sar52_53060708.doc

การเดินทางในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวาย

แผนที่ผิด กับผู้ชี้ตำแหน่งใหม่

4 มิ.ย.53 เรื่องราวในวันที่ 2 และ 3 มิ.ย.53 เริ่มต้นจากทีมอาจารย์ของมหาวิทยาลัย เดินทางไปกรุงเทพฯ ร่วมประชุมวิชาการ nccit ในเวลากลางวันด้วยรถตู้ของมหาวิทยาลัย และเข้าพักค้างแรมในโรงแรม eastin (2300=1500) สุดหรูหนึ่งคืน โดยมีผมเป็นผู้กำแผนที่ในมือ จากแผนที่เราก็ไปถูกที่ถูกทาง แต่พบว่าแผนที่ระบุตำแหน่งผิด เมื่อสอบถามจากน้องเป็ก (คุณกาญจนา วิริยะพันธ์) และน้องแคทแว่น (คุณวัชรีวรรณ จิตตสกุล) ซึ่งเป็นกรรมการจัดงานและช่วยจองโรงแรม จึงไปถูกโรงแรมในเวลาเย็นแต่ฝนตกทำให้ไปไหนได้ไม่ไกล แล้วเราก็ลุยฝนไปทานอาหารเย็นร่วมกัน รวมค่าอาหาร 550 บาท สำหรับ 6 คน (ถูกเหลือเชื่อเพราะสั่งกว่า 10 รายการ)
     การค้างแรมเรามี 6 คน จึงเช่า 3 ห้อง แต่มีอาจารย์ผู้หญิงโสดหนึ่งท่าน ที่พักกับใครก็ไม่ได้ ถือเป็นจุดอ่อนของทีม ทำให้ผู้ชาย 3 คนพักห้องเดียวกัน แล้วบังเอิญผมพกเสื่อจากที่บ้านไป 1 ผืน จึงสรุปกันว่าใครเอาเสื่อมาคนนั้นก็นอนเสื่อ วันรุ่งขึ้นเริ่มทำงานในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยมาร่วมจัดงาน ช่วงเช้าฟังบรรยายจาก Prof.Dr.Wolfgang A. Halang และ Prof. Dr.Jesse Jin พักเที่ยงผมให้คูปองอาหารกับพี่ตี๋ แล้วผมก็เดินเท้าพร้อมเป้คอมพิวเตอร์จากโรงแรมหลงไปถึง Zen พอรู้ตัวก็ถ่ายภาพไว้ และเดินกลับโรงแรม
     เดินกลับมาเข้าฟังการนำเสนอช้าไปสิบนาที พอ break เพื่อนร่วมทีมก็ขอตัวกลับลำปาง เพราะเกรงว่าอยู่ฟังการนำเสนอผลงานวิชาการอีก 1.5 ชั่วโมง จะพบกับรถติด ทำให้กลับถึงลำปางดึกยิ่งขึ้นไป ตกเย็นผมเดินไป pantip ได้ภาพยนต์ csi ny+mi กับ dvd karaoke สำหรับครอบครัว แล้วมาร่วมงานเลี้ยง 19.00น. ตกดึกไปเล่นเน็ตในห้องนอน แต่มีปัญหาต้องเรียกช่างมาเปลี่ยน settopbox ที่นำเข้าจากมาเลเซีย เล่นได้สักพัก settopbox ก็ hang อีก ทำให้ผม video conference กับครอบครัวที่บ้านไม่สำเร็จ .. และแล้วก็เข้านอน ดึกมาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ในโรงแรมสุดหรู ในใจก็คิดว่าคงเป็นคนข้างห้อง และทำใจนอนต่อ
+ http://www.nccit.net
+ http://www.thaiall.com/project/nccit07.htm
     เพิ่มเติม : ผมจำได้ว่าในทีมของเรา อาจารย์ผู้หญิงเพียงคนเดียวของทีม เดินเข้าไปถามผู้นำเสนออย่างสนใจ ฟังอย่างตั้งใจในประเด็นที่ผู้นำเสนอได้ศึกษาวิจัยมา .. มิเสียแรงที่เขาศึกษามา แล้วมานำเสนอครับ และมิเสียแรงที่อาจารย์ผู้หญิงในทีมไปร่วมเข้าประชุมวิชาการในครั้งนี้ ..

ปัญหาความผิดปกติจากเสียงข้างมาก

ศีลข้อหนึ่งของชาวพุทธ คือ ไม่ดื่มสุรา

31 พ.ค.53 วันนี้นึกย้อนเรื่อง เพื่อนในวงเหล้า เพื่อนสาว และ เพื่อนเก่า โดยเพื่อนเก่าทักว่าผมควรไปหาจิตแพทย์ อันที่จริงผมเคยไปแล้วนะครับ ผมเคยไปปรึกษาเรื่องความนิ่งของคนในชุมชน แต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะจิตแพทย์คงช่วยผมแก้ปัญหาของคนในชุมชนไม่ได้ สำหรับวันนี้ผมพบปัญหาที่จะเล่าเชิงเปรียบเทียบให้ฟัง เป็นความผิดปกติที่ผมรู้สึกว่าตนเองแตกต่างจากคนในชุมชนที่ผมอาศัยอยู่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างทำงาน คือทุกคนนิ่งกันไปหมด ส่วนเพื่อนสาว รับผลโดยตรงจากการนิ่งของคนในชุมชน ผมแค่เข้าไปช่วยเป็นกลไกอีกชิ้น ก็ยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนนิ่งกันไปหมด มนุษย์ทั่วไปไม่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะไม่สมเหตุสมผล ถ้าความปกติคือ ความเหมือนกันของคนหมู่มาก ก็ต้องบอกว่า เพื่อนสาวคนนี้ผิดปกติแล้ว เพราะผมพยายามมองจากภายนอก แล้วเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น การนิ่งแบบนี้ของคนในชุมชนเป็นมาหลายปีแล้ว และลุ้นว่าเพื่อนสาวจะทำให้การนิ่งนี้คลี่คลายได้หรือไม่ .. พยายามกันอยู่
     มาเรื่องเพื่อนในวงเหล้า ที่ผมมีโอกาสไปล่องแพกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ทุกคนดื่มสุราตั้งแต่เช้าจรดเย็นบนแพกลางแม่น้ำ ที่ผมไปร่วมกิจกรรมก็เพราะเป็นกิจกรรมของครอบครัว แต่เสียงข้างมากมองว่าผมผิดปกติที่ไม่ดื่มสุรา ไม่ทานข้าวเที่ยง ไม่ทานลาบดิบ ไม่ร้องเพลงเต้นรำ (ไปจีนต้องกินซุปสุนัข .. อะไรทำนองนี้) ซึ่งผมก็เข้าใจว่าทุกคนมีวิถีปฏิบัติและความเชื่อแตกต่างกัน มีเพื่อนรุ่นพี่เข้ามาคุยว่า เวลาสนุกก็ควรสนุกให้เต็มที่อย่าไปเครียด ต้องปล่อยวาง แล้วส่งแก้วให้ผมดื่ม .. ทายสิว่าเสียงข้างมากจะทำให้ผมเปลี่ยนพฤติกรรม และผิดศีลสุราหรือไม่ .. ก็คงไม่ครับ เพราะผมกลัวสุรามากกว่ากลัวการปฏิเสธ

ปัญหาส่งแฟ้มเข้าเครื่องบริการไม่สำเร็จ

31 พ.ค.53 เล่าปัญหาการส่งแฟ้มกับเครื่องบริการตัวหนึ่ง เหตุเกิดเพราะมีแฟ้มขนาด 15 MB แบบ .mdb ที่ต้องส่งเข้าเครื่องบริการตัวที่หนึ่ง เป็นระบบฐานข้อมูล จึง download ออกมาแก้ไข แต่เมื่อ upload กลับเข้าไป พบว่าเข้าไปเพียง 15 KB ถึง 30 KB ไม่ว่าจะ Upload กี่ครั้งก็ตาม โดยใช้เทคนิค Upload จากที่บ้าน 2 วิธี คือ 1. ftp 2. web upload แต่ทั้ง 2 วิธีล้มเหลว เพราะข้อมูลถูกวางสำเร็จได้ไม่เกิน 40 KB จึงใช้วิธีที่ 3 คือ zip file แล้ว upload ด้วยวิธีที่ 1 และ 2 แต่ผลที่ได้คือไม่สำเร็จเหมือนเดิม
      มาสำเร็จด้วยวิธีที่ 4 คือ upload แฟ้ม .zip ไปยังเครื่องบริการตัวที่สอง แล้วใช้ remote desktop เข้าไปที่เครื่องบริการตัวที่หนึ่ง แล้วใช้ ftp download แฟ้มจากเครื่องบริการตัวที่สองมาวางในเครื่องบริการตัวที่หนึ่ง เมื่อคลาย .zip ก็ทำให้ web server ติดต่อระบบฐานข้อมูลได้ปกติ .. บันทึกไว้ครับ โอกาสหน้าจะได้ใช้เป็นบทเรียน

รูปลักษณ์ภายนอกที่เสื่อมไปตามกาลเวลา

บันทึกไว้ดูยามอายุ 60 ตอนเป็นผู้เฒ่า

30 พ.ค.53 ผู้คนมากมายมีปัญหากับความไม่พึงพอใจต่อรูปลักษณ์ภายนอกของตนเอง ผมเองก็ทำใจไม่ได้ที่ร่างกายเสื่อมสภาพไปตามสังขารและเวลา พอคิดว่าทำใจไม่ได้ ก็ไม่นิ่งดูดาย จึงหยิบกล้องขึ้นมาตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน มาถ่ายภาพของตนตอนที่ยังหนุ่มแน่นด้วยการตั้งถ่ายอัตโนมัติ ในอนาคตถ้าผมอยู่ถึงอายุ 60 หรือ 70 หรือ 80 จะได้นั่งดูภาพคนเดียว คงนั่งหัวเราะคนเดียวนึกถึงอดีตสมัยยังหนุ่ม
     เพราะถึงเวลานั้นทุกคนในครอบครัวคงไม่มีใครมานั่งคุยด้วยเหมือนทุกวันนี้ ลูกหลานก็คงแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตน ผมอาจต้องอยู่คนเดียวในบ้านพักคนชราที่ไหนสักแห่ง อยู่อย่างสงบในชุมชนที่สงบ .. ขอโยน 3 คำถามกลับไปยังผู้อ่านว่า คุณมีมุมสวยของตนเองหรือยัง ถ้ายังจะสายเกินไปหรือเปล่า และความสวยความหล่อของคุณมีค่าควรแก่การบันทึกไว้อย่างเป็นระบบหรือไม่
+ http://www.thaiall.com/bus

ชวนลดมื้อเที่ยงจะได้ผอมในตาคนอื่น

29 พ.ค.53 ศิษย์ที่ชื่อยุ้ย เข้ามาทักทายใน facebook.com ว่าร่างกายของผมผ่ายผอมไปหรือเปล่า ต้องทานข้าวเพิ่มแล้วนะ ผมจึงตอบไปว่า มนุษย์เรากินเพื่ออยู่ การงดอาหารมื้อเที่ยงหนึ่งมือ ทำให้จากที่เคยมีวัฒนธรรมการทาน 3 มื้อเหลือเพียง 2 มื้อ ยังมิใช่ปลายทางของผมแน่ เพราะพระสงฆ์ท่านยังอยู่ได้ด้วยอาหารมื้อเดียวเลย มนุษย์เมื่อร้อยปีก่อนไม่ได้กินดีอยู่ดีอย่างเรา เขายังอยู่ได้จนมีลูกหลานเต็มเมือง แต่ยุคนั้นโชคดีที่ไม่มีสารปนเปื้อนมากมายเท่ายุคนี้ .. อัตราการเผาผลาญในร่างกายของคนเราแตกต่างกัน ร่างกายของผมอาจคงที่ที่เท่านี้ก็ได้ การผอมหรืออ้วนจึงต้องวัดจากความต้องการของร่างกาย มิใช่สายตาของคนรอบข้าง .. ผมอยากจะชวนทุกคนมาผอมในสายตาของคนอื่นด้วยกันดีไหม (ถ้ารู้สึกว่าสายตาของคนอื่นสำคัญมากมาย) .. ขอเชิญชวน จะได้ลดการบริโภค ลดโลกร้อน ลดอัตราการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตลง 1 ใน 3 ของที่ทำอยู่

เข้าอบรมทักษะการคิดแบบวิจัย

นักวิจัยส่วนหนึ่งที่ร่วมกิจกรรม

29 พ.ค.53 สถาบันนวัตกรรมกระบวนการเรียนรู้ชุมชนจัดอบรมทักษะการคิดแบบวิจัย ที่ สำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาค 2 ลำปาง วันเสาร์ที่ 29 พ.ค.53 นำโดยคุณอัญมณี แสงแก้ว (โบว์) คุณภัทรา มาน้อย (จิ๋ม) และคุณรัตติกร บุญมี (จิ๊บ) เป็นกิจกรรมที่ 3 ใน 7 กิจกรรมตามแผนของปี 2553 คือ 1) เทคนิคการวิเคราะห์ชุมชนอย่างมีส่วนร่วม 2) วิทยากรกระบวนการ 3) ทักษะการคิดแบบวิจัย 4) การวาดเพื่อการสื่อสาร 5) การเขียนโครงการเพื่อขอรับทุน 6) การทำแผนที่ทางสังคม 7) สุนทรียสนทนา
     นอกจากกิจกรรมวิชาการที่ให้แนวการวิเคราะห์งานไว้ 4 ประเด็นคือ ปรากฎการณ์ รูปแบบ โครงสร้าง และแบบจำลองความคิด และองค์ประกอบของบ้านแล้ว ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการคิดแบบวิจัย อาทิ วาดจักรยาน เดินเท้าชิด และแม่น้ำพิษ ส่วนโครงการใหม่ที่เข้ามาร่วมเรียนรู้คือ กลุ่มนักวิจัยวัดปงสนุก และกลุ่มนักวิจัยน้ำห้วยปุ๊
     มีโอกาสแลกเปลี่ยน กับนายกอบต. ท่านสนใจจัดทำสื่อมัลติมีเดียของตำบล ผมจึงแนะนำ กรกับปราง ที่ทำงานวิจัยจัดทำสื่อวีดีทัศน์บ้านไหล่หิน ได้ติดต่อกับท่านนายก และในเวทีนี้ คุณภัทรา ได้ฉายวีดีโอที่กรกับปรางจัดทำ ให้เพื่อนในทีมวิจัยได้เรียนรู้กระบวนการทำงานวิจัยของบ้านไหล่หิน .. ก็หวังว่า กรกับปราง จะเข้าไปขยายงานในชุมชนนี้ได้สำเร็จ