การเรียนรู้ในระบบเปิดสำหรับมหาชน (itinlife567)

thai mooc
thai mooc

มีโอกาสฟังบรรยายเรื่อง ไทยมุก หรือ โครงการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ ระบบเปิดสำหรับมหาชน (Thai MOOC = Massive Open Online Course) ที่ รศ.ดร.ฐาปนีย์ ธรรมเมธา ผอ.มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย และสอนแบบ Live ไปยังผู้เรียนวิชาไอทีเพื่อการศึกษาผ่านระบบไทยมุกที่สอนโดย รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง ซึ่งระบบนี้สามารถสอนนักเรียนได้จำนวนมากนับพันพร้อมกัน และการพัฒนาการศึกษาด้วยไทยมุกปรากฎในแผนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีนิยามว่า ไทยมุก คือ บริการการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ที่ผู้เรียนจำนวนมาก สามารถเรียนได้แบบทุกที่ ทุกเวลา (และส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่าย) โดยมีทั้งสื่อวิดิโอ หนังสือ แบบฝึกหัด พื้นที่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถือเป็นการปฏิวัติการศึกษาของโลก โดยต่อยอดจากระบบอีเลินนิ่งที่มักเป็นการเรียนแบบกลุ่มจำกัด ไปสู่การเรียนรู้ของมหาชนไม่จำกัด อายุ หรือขอบเขตทางกายภาพ หลักสูตรของ MOOC นี้ อาจเน้นการเรียนในระบบ หรือนอกระบบ หรือตามความสนใจของผู้เรียนได้ทั้งสิ้น

เมื่อค้นคำว่า mooc list ใน google จะพบหลักสูตรมากมายที่เปิดให้เข้าไปเรียนได้ฟรี หรือจะมีค่าใช้จ่ายก็ขึ้นกับนโยบายของแต่ละวิชาที่มาจากแหล่ง MOOC อาทิ edx, coursera, novoEd, Kadenze, Futurelearn จุดเด่นของ MOOC คือ ผู้เรียนเข้าไปเรียนผ่านคลิ๊ปวีดีโอมากกว่า 90% ทำให้แต่ละวิชาสามารถรองรับจำนวนนักเรียนได้มาก สอดรับกับกระแสการใช้โซเชียลมีเดียในไทยที่มียอดเข้า youtube.com เป็นอันดับหนึ่ง การเรียนแบบ MOOC ต่างกับ Blended Learning ที่เป็นการเรียนแบบผสมผสานระหว่างในชั้นเรียนกับเรียนด้วยตนเอง แต่แบบ MOOC นักเรียนเข้าเรียนด้วยตนเองได้นับหมื่นคนพร้อมกัน

มีแนวโน้มว่าประเทศไทยกำลังพัฒนาคลังข้อสอบ ควบคู่ไปกับธนาคารเครดิต ที่รองรับการเรียนผ่าน MOOC ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หากนักเรียนนักศึกษาลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ การวิจัย เศรษฐศาสตร์ สังคม ภาษาไทย เทคโนโลยีสารสนเทศ กฎหมาย จริยธรรม บัญชี ธุรกิจ การปฐมพยาบาล การเกษตร ดนตรี แล้วเข้าระบบวัดและประเมินที่น่าเชื่อถือจากคลังข้อสอบ แล้วเก็บหน่วยกิตเพื่อการเทียบโอนไปเรียนต่อในแต่ละสถาบัน ก็จะทำให้เยาวชนไทยลดเวลาที่ต้องใช้ชีวิตในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แต่มีเวลาเรียนรู้ชีวิตนอกห้องเรียนมากขึ้น แนวทางการพัฒนาจะเป็นอย่างไรต้องติดตามนโยบายทางการศึกษาของภาครัฐต่อไป

https://www.facebook.com/ajburin/media_set?set=a.10154391011453895.1073741907.814248894&type=3

ยังไม่ได้เช็คชื่อ ไปขี้มา

child
child

+ http://www.gotoknow.org/posts/328479
+ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=560780

4 กันยายน 2556 เป็นวันที่ได้รับข้อมูลเรื่องจัดอันดับด้านการศึกษา ก็นึกถึงพฤติกรรม “เล่นเกมใน smart phone ขณะครูสอน” หรือ “พูดโทรศัพท์กับแฟนขณะเรียน” หรือคำพูดของเด็กที่คิดเป็นว่า “ยังไม่ได้เช็คชื่อ ไปขี้มา” ที่อาจเป็นเหตุการณ์ ช่วงปิดชั้นเรียนวิชาหนึ่ง แล้วมีนักเรียนเดินเข้ามาบอกคุณครูว่าขอเช็คชื่อ เพราะยังไม่ได้เช็คชื่อเลย เหตุการณ์แบบนี้แสดงถึงเสรีภาพในการใช้ภาษาอย่างสุดโต่งของนักเรียน เป็นเสรีภาพที่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเด็กสมัยกล้าคิด กล้าทำ อย่างที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในสังคมไทยยุคการศึกษารั้งบ้วย

นึกย้อนไปในอดีตว่าสมัยก่อน ที่โรงเรียนเอกชนประจำจังหวัด ใครสอบตกก็จะถูกเรียกไปบนเวที แล้วโบยด้วยไม้ท่อนใหญ่ ๆ เพื่อให้สัญญาณนี่คือโทษของความไม่ตั้งใจเรียน และโปรดจำไว้ด้วยว่าความไม่ตั้งใจเรียนจะมีผลเป็นอย่างไร ผมว่าหลาย ๆ คนได้ดิบได้ดีมาทุกวันนี้ก็ เพราะเกรงว่าไม่ตั้งใจเรียนจะถูกจับโบยอีก แต่นั้นก็หลายสิบปีแล้ว จะเดินสวนคุณครูก็ต้องให้เกียรติ และยกมือไหว้อย่างไทยเป็นความเคยชินเลยหละ ไม่ทำก็จะเป็นแกะดำของโรงเรียน

วันนี้ จากข่าวช่อง 3 โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้อ้างอิงว่านายภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลการประชุมของ World Economic Forum (WEF) – The Global Competitiveness Report 2012-2013 ซึ่งเป็นการประชุม “เวทีเศรษฐกิจโลก” ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้มีการจัดอันดับคุณภาพการศึกษาของประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งปรากฏว่า ประเทศไทย อยู่ในอันดับรั้งท้าย ซึ่งไม่รวมประเทศลาวกับประเทศพม่า

ranking
ranking

http://www3.weforum.org/docs/WEF_GlobalCompetitivenessReport_2012-13.pdf

มีผลการจัดอันดับ ดังนี้
อันดับ 1 ประเทศสิงคโปร์
อันดับ 2 ประเทศมาเลเซีย
อันดับ 3 ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม
อันดับ 4 ประเทศฟิลิปปินส์
อันดับ 5 ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับ 6 ประเทศกัมพูชา
อันดับ 7 ประเทศเวียดนาม
อันดับ 8 ประเทศไทย

แต่ผู้นำด้านการศึกษา ให้ข้อสังเกตว่าเราน่าจะอยู่ราวอันดับ 5 เพราะระดับโลกเราก็อยู่ระดับกลาง ไม่น่ารั้งท้าย คงต้องดูวิธีการจัดว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09ESTNNRGd4TVE9PQ==

แล้ว นายภาวิช กล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อมูลนี้ถือว่าน่าตกใจ เพราะอันดับของเราต่ำมาก แต่เมื่อเทียบในอันดับโลกเรายังอยู่ในระดับกลาง ๆ ดังนั้นจึงต้องไปวิเคราะห์ให้ชัดเจนอีกทีว่า เกิดจากสาเหตุใด แต่คงต้องมีการปรับการศึกษาไทยขนานใหญ่ทั้งระบบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ที่สำคัญ คือ ต้องดูการจัดการศึกษาไทยในภาพรวมว่า ได้มาตรฐานโลกหรือไม่ และถ้าดูจากผลการวิเคราะห์คะแนน PISA ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า เด็กไทยคิดไม่เป็น หากเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ การปฏิรูปวิธีการเรียนการสอน และปฏิรูปครู ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการศึกษา

http://www.nationchannel.com/main/news/social/20130904/378383282/

http://www.youtube.com/watch?v=Ql0AO5UbA6o

http://www.komchadluek.net/detail/20130903/167328/%E0%B8%AD%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87!%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99.html

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=33978&Key=hotnews