ตามหา list ใน facebook

facebook list
facebook list
วันนี้ (20 ม.ค.58) นั่งหาวิธีเข้าจัดการ List อยู่พักใหญ่
สุดท้ายคุณเปรม เฉลยว่า อยู่ใน Friends ของ home นั้นหละ
ที่อยู่ทางด้านซ้ายล่างลงไป
พอเข้าไปดูพบว่าแตกต่างกับ Friends ใน timeline ที่บริหารคนได้
แต่ Friends ใน home ใช้บริหารรายการชื่อ (List)
นี่ถ้ามีแบบสอบถามมาว่า facebook เป็นอย่างไร
ช่องที่ว่า “ใช้คำได้เหมาะสม เข้าใจง่าย” ผมไม่ให้เต็มแน่
เพราะการออกแบบปฏิสัมพันธ์คนกับคอมพิวเตอร์ของ facebook
ทำให้คนเข้าใจคอมพิวเตอร์ผิดไป
ด้วยคำที่เหมือนกัน แต่เป็นคำไม่เหมือนกัน
ที่สนใจเรื่องนี้ เพราะหัวหน้าท่านหนึ่งบอกว่า
อยากโพสต์ให้คนในกลุ่มหนึ่งเห็นเท่านั้น คนอื่นไม่เห็น
แต่ไม่อยากใช้กลุ่ม เพราะกลุ่มดูจะเทอะทะไป
ผมก็แนะนำว่า list คือ คำตอบสุดท้าย
จึงเป็นที่มาของการตามหา list ใน facebook

ไม่เป็นธรรมถ้าถูกไล่ออกเพราะใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่

https://www.freepik.com/premium-photo/young-asian-business-woman-working-with-internet-using-laptop-computer-sit-apartment_9849109.htm

เรื่อง คุณผู้หญิงถูกไล่ออกจากงานเพราะใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่
Woman Fired for Using Capital Letters

ท่านจะโกรธไหม ถ้าได้รับอีเมลที่ใช้อักษรพิมพ์ใหญ่

WOULD YOU GET ANGRY IF YOU GOT E-MAILS WITH LOTS OF CAPITAL LETTERS?

หัวหน้าเห็นตัวอักษรสีแดงและพิมพ์ใหญ่ดูเป็นก้อนในอีเมลที่ลูกน้องคนหนึ่งเขียนถึงเพื่อนร่วมงาน

A New Zealand boss saw red after one of his employees used block capitals in e-mails to colleagues.

วิกกี้ เป็นนักบัญชีที่ถูกไล่ออก หลังเพื่อนร่วมงานฟ้องเจ้านายเรื่องที่เธอใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่

Vicki Walker, an accountant in Auckland, was fired after her co-workers complained about her use of caps.

ในทีมงานหลายคนไม่พอใจกับอีเมลที่ได้รับประจำ ที่เป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ตัวหนา และสีแดง

Members of staff at ProCare Health were angry with Ms.Walker for constantly filling her mails with sentences in capital letters, bold and red text.

พบเขาพูดว่า พวกเขาพบกับอีเมลที่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากัน

They said they found the e-mails “confrontational”.

หัวหน้าไล่วอร์คเกอร์สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิด “ความไม่สามัคคี” ในที่ทำงาน

Bosses at ProCare dismissed Ms.Walker for causing “disharmony” in the workplace.

วอร์คเกอร์เอาเรื่องไปฟ้องศาลว่าถูกไล่ออกอย่างไม่ยุติธรรม

Walker took the company to court and sued for unfair dismissal.

เธอชนะ และได้รับเงินหมี่นกว่าเหรียญชดเชยที่ทำให้เธอเสียหายและเสียรายได้

She won the case and ProCare had to pay her US$11,500 in damages and lost pay.

ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือพิมพ์ ว่า คุณวอร์คเกอร์ยังไม่ค่อยมีความสุขนัก

According to the New Zealand Herald newspaper, Ms.Walker is still not happy.

เธอจะอุทธรณ์ของค่าชดเชยเพิ่ม

She plans to appeal for further compensation.

เธอยังเรียกร้องการปกป้องสิทธิแรงงานให้ดีกว่าเดิม เมื่อพนักงานมีข้อพิพาทกับบริษัทขนาดใหญ่

She also wants to speak out for greater protection for office workers when they are in disputes with big companies.

วอร์คเกอร์กล่าวว่าพนักงานจำนวนมากที่ทำงานในออฟฟิศได้รับการช่วยเหลือน้อย เมื่อต้องถูกไล่ออกจากงาน

Walker said too many white-collar workers feel helpless when large employers fire them.

เธอบอกว่าผู้คนมากมายไม่ได้เตรียมสู้กับหัวหน้าของพวกเขา เพราะถูกกดดันทางการเงินและความเครียด

She says many people are not prepared to fight their bosses because of the financial and mental stresses involved.

เธอใช้ประสบการณ์ของตัวเองเป็นตัวอย่าง แล้วพูดว่า

ฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่มีภาระติดจำนอง ต้องจำนองบ้านซ้ำ และไปหายืมเงินมาทำให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไป

พวกเขาเกือบทำลายชีวิตฉัน

She used her own experience as an example, saying: “I am a single woman with a mortgage, and I had to re-mortgage my home and borrow money…to make it through. They nearly ruined my life.“

กรณีของวอร์คเกอร์ถูกหยิบยกมาพูดในวงกว้างเกี่ยวกับ มารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ต และอีเมล

Walker’s case highlights a widespread uncertainty regarding “netiquette” and e-mails.


http://www.breakingnewsenglish.com/0909/090904-capital_letters.mp3
http://www.breakingnewsenglish.com/0909/090904-capital_letters.html

capital letters
capital letters

อีกประเด็นที่น่าสนใจ .. มีความเชื่อว่า ..
มนุษย์เราต้องเกรงใจคนอื่น
เพื่อหลีกเลี่ยงจากผลกระทบที่เราไม่เกรงใจ
แต่ปัจจุบันคนเรามักไปหาเหตุผลมาหนุน ว่าทำถูกแล้ว
เน้นที่ชอบ เน้นถูกต่อตัวเอง เน้นตนเองพอใจ
ทำให้ความเกรงใจต่อผู้อื่นถูกลดลง
เช่น การสบถในที่สาธารณะ
หากทำกันบ่อยครั้ง ก็จะกลายเป็นความเคยชิน
แล้วจะสบถกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจผล
เป็นตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อยใน facebook

: 1 : 2 : 3 : 4 : 5 : 6 : 7 : 8 : 9 : 10 : 11 : 12 : 13 : 14 : 15 : 16 :
http://www.thaiall.com/quiz/terms.php

โฆษณาในเฟสบุ๊ค (itinlife454)

เหตุที่โฆษณาใน facebook ล้มเหลว
เหตุที่โฆษณาใน facebook ล้มเหลว

อ่านหนังสือเรื่องการประชาสัมพันธ์ ที่เขียนโดย รศ.วิรัช ลภิรัตนกุล สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่พิมพ์ครั้งที่ 12 แล้ว ท่านชี้ให้เห็นคำสำคัญในความหมายของการประชาสัมพันธ์ว่าต้องมีการวางแผน การจูงใจ การสื่อสารและกลุ่มเป้าหมาย เมื่อมองออกไปในชีวิตจริงก็พบการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมากมาย และสื่อที่ชาวไทยกล่าวถึงมากที่สุดสื่อหนึ่งก็คงหนีไม่พ้นเฟสบุ๊ค รวมถึงเหล่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคม สำหรับเรื่องของน้องฝ้าย เวฬุรีย์  หรือน้องหมาก กับน้องมิ้นต์ ต่างก็มีประเด็นในเครือข่ายสังคมในทำนองโพสต์ก่อนคิด จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อมองเข้าไปในเครือข่ายสังคมที่ประกอบด้วยเพื่อน และข้อความที่เพื่อนโพสต์ทิ้ง ก็ทำให้เห็นถึงคำว่าการวางแผน การจูงใจ การสื่อสาร และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป บางคนมาพร้อมโลโก้ที่เสมือนติดไว้ที่หน้าผากว่าเขาคือคนขององค์กร มาอย่างมีแผนที่จะชี้ประเด็น ประชาสัมพันธ์พร้อมกับการสื่อสารที่ผ่านการกลั่นกรอง โดยมองเราท่านเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมาย แต่ก็มีอีกมากที่มาแบบนิรนามคือดูไม่ออกว่าเป็นใคร ไม่รู้เพศ ไม่รู้ชื่อ ไม่โพสต์อะไรที่แสดงความเป็นตัวตนเลย รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีอะไรจะบอกเกี่ยวกับตัวเอง สามารถจัดอยู่ในกลุ่มคนไร้อัตตาได้

พบบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเครือข่ายสังคมพยายามประชาสัมพันธ์ว่าเฟสบุ๊คสามารถใช้เป็นแหล่งโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทำการตลาด หรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ด้วยต้นทุนต่ำ แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่าบริการอื่น อาทิ adsense ของกูเกิ้ล หรือป้ายโฆษณาตามเว็บไซต์ ก็คงต้องยอมรับว่าทุกสื่อมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันไป ทั้งสาร สื่อ และกลุ่มเป้าหมายก็มีลักษณะเฉพาะที่ต้องผ่านการวิเคราะห์และเลือกใช้ เหมือนตัวอย่างที่ว่าถ้าจะโฆษณาขายขนมให้กับเด็กควรเลือกทีวีการ์ตูน มากกว่าไปลงโฆษณาในวารสาร หรือเว็บไซต์ทั่วไป เพราะเด็กไทยอาจไม่นิยมอ่านหนังสือ และอายุน้อยก็อ่านได้ไม่แตกฉาน ทำให้การเลือกสื่อสำหรับโฆษณาต้องพิจารณาให้มาก โดยเฉพาะเฟสบุ๊คที่ไม่ได้เหมาะสำหรับเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ผู้รับผิดชอบงานด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงต้องหาข้อมูลให้รอบด้านมาประกอบการพิจารณาก่อนตัดสินใจ เพราะผู้รับสารคือเป้าหมายที่แท้จริง

http://www.websitemagazine.com/content/blogs/posts/archive/2013/07/12/6-reasons-facebook-ad-campaigns-fail.aspx

ไทยรัฐ ทำสกู๊ปออนไลน์ได้ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่อง โชว์เซ็กซ์

ไทยรัฐทำสกู๊ปออนไลน์ เรื่อง ถอดรหัส FB หล่อ สวย โชว์ เซ็กซ์ ทำไมฟีเวอร์
ไทยรัฐทำสกู๊ปออนไลน์ เรื่อง ถอดรหัส FB หล่อ สวย โชว์ เซ็กซ์ ทำไมฟีเวอร์

พบว่า ไทยรัฐทำสกู๊ปออนไลน์ เรื่อง ถอดรหัส FB หล่อ สวย โชว์ เซ็กซ์ ทำไมฟีเวอร์
คำว่า ฟีเวอร์ (Fever) ในที่นี้น่าจะหมายถึงชื่นชอบมาก หรือคลั่งไคล้
การเรียบเรียงสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าผู้ทรงศีลมาอ่านเข้าอาจจะบอกว่าไม่จริงนะ ไม่ใช่มนุษย์ทุกคน
เพราะบางคนหลุดพ้นไปแล้ว

มีระบบแสดงความคิดเห็นว่าชอบเรื่องนี้มากกว่า 50%
ลองกดดู เห็นว่าระบบรับการคลิ๊กของผมหลาย ๆ ครั้งติดต่อกันได้
ทำให้ % เปลี่ยนทุกครั้งต่อคลิ๊ก แสดงว่าคนหนึ่งสามารถทำรัวคลิ๊กได้ด้วย

http://www.thairath.co.th/content/427293

ข้อความข้างล่างนี้จากเว็บไซต์ thairath.co.th ทั้งหมด

“เชื่อมั้ยว่าในปัจจุบันเราเปิดเข้าดูเว็บไซต์เพื่อดูภาพโป๊ ภาพอนาจารน้อยลง ดูหนังโป๊น้อยลง มีผลการวิจัยออกมาว่าการเข้าถึงของเว็บไซต์เพื่อดูรูปโป๊น้อยลง แต่จริงๆ แล้วความต้องการเหล่านั้นมันไม่ได้หายไปเลย” นั่นเป็นเพราะอะไร…” ไทยรัฐออนไลน์” จะพาไปถอดรหัสกับเรื่องราวของความฟีเวอร์ของกระแสแฟนเพจในเฟซบุ๊ก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ยิ่งในสังคมเฟซบุ๊กด้วยแล้ว ช่างยิ่งใหญ่กว้างขวางซะเหลือเกิน ถ้าถามว่าวันนึงไม่มีเฟซบุ๊กขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ได้คำตอบกันไปแล้วในวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ชาวโซเชียลทั้งหลายแทบจะชักดิ้นชักงอที่ “เฟซบุ๊ก” ในประเทศไทย ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานถึง 40 นาที และนอกจากนี้ไม่ว่าประเทศไทยจะอยู่ในภาวะไหน สังคมเฟซบุ๊กก็จะมีอะไรมาเป็นสีสันให้ได้ฟีเวอร์กันอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะอะไร เราไปหาคำตอบกันเลย

เฟซบุ๊ก เซลฟ์โปรโมต…?

ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการด้านสื่อ วิเคราะห์ผ่านไทยรัฐออนไลน์ ถึงเหตุผลที่ทำไมเพจต่างๆ โดยเฉพาะจำพวกขายหน้าตา หนุ่มหล่อ สาวสวย เซ็กซี่ ถึงได้รับความนิยมในเฟซบุ๊ก มีคนไลค์เป็นหมื่นเป็นแสน เหตุผลของมันจริงๆ คือ ปัจจุบันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมขึ้น เชื่อมั้ยว่าในปัจจุบันเราเปิดเข้าดูเว็บไซต์เพื่อดูภาพโป๊ อนาจารน้อยลง ดูหนังโป๊น้อยลง มีผลการวิจัยออกมาว่าการเข้าถึงของเว็บไซต์เพื่อดูรูปโป๊น้อยลง แต่จริงๆ แล้วความต้องการเหล่านั้นมันไม่ได้หายไปเลย แต่เมื่อเกิดโซเชียลมีเดียขึ้น ยกตัวอย่างให้ได้เห็นกันชัดๆ อย่างเช่นเมื่อเกิดเฟซบุ๊กขึ้น ได้ทำให้ใครๆ ก็มีช่องทางโพสต์รูป ระบายเรื่องของตัวเอง แล้วเมื่อคนเปลี่ยนจากการดูภาพลามกในเว็บไซต์ต่างๆ จึงหันมาให้ความสนใจจากคนด้วยกันเอง

ถ้าเราสังเกตคนที่มีจำนวนฟอลโลเวอร์เป็นหมื่นเป็นแสน ส่วนมากจะเป็นพวกผู้หญิงสวย น่ารักๆ และผู้ชายหล่อๆ หุ่นดี มีซิกซ์แพ็ก มันบ่งบอกถึงพฤติกรรมว่าคนเราเริ่มที่จะขายตัวเอง เรียกว่า เซลฟ์โปรโมต คือการทำยังไงให้เราเป็นที่รู้จัก วิธีการที่ง่ายที่สุดในการโปรโมตตัวเองก็คือการโพสต์รูปในลักษณะเย้ายวนทางเพศ วาบหวิว น่ารัก คิขุ อาโนเนะ เพราะว่ามันง่ายที่จำทำให้คนจะรู้จักมากขึ้น ซึ่งต้องบอกไว้เลยว่าการเสพเรื่องเพศในอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องธรรมชาติ พอเราไม่เสพรูปโป๊แบบฉบับเก่าในอินเทอร์เน็ตแล้ว เราจึงต้องมาเสพความสัมพันธ์ของบุคคลที่เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายโดยตรง

เปลี่ยนช่องทาง…เสพเรื่องเพศ !

การเห็นรูปคนสวย คนหล่อ หน้าตาน่ารัก เซ็กซี่ วาบหวิว มันก็เป็นการสื่อสาร หรือการเสพในเรื่องเพศตามเดิม เพียงแต่มันไม่ได้อยู่ในลักษะเก่า มันแค่เปลี่ยนรูปแบบไป และรูปแบบที่มันเปลี่ยนไปคือ เราเสพหน้าตาของเขาด้วย แต่เราไม่ได้ดูแค่ภาพ เรายังได้ติดตามชีวิตส่วนตัวของคนคนนั้นด้วย และสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคนล้วนมีการอยากดู อยากรู้ อยากเห็นเรื่องของคนอื่น ยิ่งหน้าเพจเฟซบุ๊กคุณจะสามารถดูเรื่องราวของเขาได้ตลอดเลย ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็สามารถเข้าถึงเขาได้ และมีสิทธิอย่างเต็มที่

ถ้าย้อนไปแต่ก่อน คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันยิ่งบ่งบอกว่า ในสังคมปัจจุบันมีคนแบบนี้เยอะ มีคนที่ขายตัวเองและตามคนอื่น ด้วยเหตุนี้ก็อาจจะบอกได้ว่าในปัจจุบันการเข้าถึงเรื่องเพศเป็นในลักษณะที่เป็นการติดตามซึ่งกันและกัน คนที่โพสต์ก็จะรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าฉันมีคนที่แอบดูตั้งเยอะแหน่ะ ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นก็จะเป็นจำพวกเพจผู้หญิงที่มีคนติดตามเยอะ เพราะในเชิงจิตวิทยา เรื่องเพศหญิงจะมีความรู้สึกที่พึงพอใจเมื่อได้ถูกมอง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องแต่งตัวสวย

ในเชิงจิตวิทยาบอกไว้ว่า ผู้หญิงจะรูุ้สึกมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อเป็นที่หมายปองในลักษณะทางเพศ ส่วนผู้ชายมีความสุขเมื่อได้จ้องมอง นี่เป็นแนวคิดเรื่องสื่อลามก เป็นการตอบสนองเชิงจิตวิทยาในเรื่องเพศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องลามกสัปดนอะไร เพราะว่ามันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นตอนนี้ บุคคลที่เป็นคนธรรมดาก็สามารถมีเสน่ห์ดึงดูดและมีคนที่ติดตามเราได้ง่ายขึ้น เป็นเรียลลิตี้ขึ้น แล้วก็ลึกมากขึ้น

“เมื่อเทียบกับแต่ก่อน พวกรูปโป๊เป็นเพียงแค่การจินตนาการจากการเห็นในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะเราเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นจากเฟซบุ๊ก เราสามารถเห็นได้ว่า อ๋อ! นี่รูปกินข้าว ว่ายน้ำ ไปเที่ยวทะเล เซ็กซี่ วาบหวิว ดังนั้นการจินตนาการของเราเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเพราะว่าผู้ใช้งานเฟซบุ๊กปัจจุบันได้เผยแพร่ตัวเอง เล่าเรื่องตัวเองแถมรูปอีกด้วย มันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับคนนั้นๆ โดยที่เราไม่ต้องไปจินตนาการแบบแต่ก่อน”

วัฒนธรรม ‘เน็ตไอดอล’ จากไฮไฟว์ สู่เฟซบุ๊ก

นักวิชาการด้านสื่อ ยังบอกอีกว่า กระแสแฟนเพจสวย หล่อ จริงๆ น่าจะเกิดขึ้นประมาณปี 2008 แต่วัฒนธรรมการเป็นเน็ตไอดอลหรือเรื่องที่คนพูดถึงเรื่องตัวเองมันมีมาตั้งแต่ในยุคของไฮไฟว์ ในยุคนั้นผู้คนสนใจในเรื่องของการปรุงประดิษฐ์เว็บไซต์ของตัวเองในการแต่งรูปโปรไฟล์ แบล็กกราวน์ แต่เมื่อเกิดเฟซบุ๊ก มันมีลูกเล่นมากกว่านั้น ไฮไฟว์เป็นแค่หน้าร้าน แต่เฟซบุ๊กมันเป็นเหมือนสมุดไดอารี่ประจำตัว ที่สามารถอัพเดตเรื่องราวแบบเรียลไทม์ได้

เพราะฉะนั้นคนจึงรู้สึกว่ามันง่ายที่ฉันจะปรุงแต่ง ง่ายต่อการเชื่อมโยงกับคนอื่น และมีสถานะทางสังคม (social status) ได้ดี เพราะฉะนั้นการบูมของเรื่องนี้อาจจะบอกได้ว่าการที่เราโพสต์รูปตัวเอง เรื่องตัวเอง มีการเซลฟี่เกิดขึ้น (Selfie คือการถ่ายรูปตัวเองจากกล้องที่ติดกับกล้องถ่ายรูปมือถือ โทรศัพท์มือถือ หรือกล้องจากคอมพิวเตอร์) เพราะเราอยู่ในยุคการสื่อสารที่ทุกคนพูดเรื่องของตัวเอง (you communication) หรือยุคที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นผู้ผลิตเนื้อหาสารเอง ดังนั้นเนื้อหาสารที่เรารู้ดีที่สุดก็คือเรื่องของเรา

คนปัจจุบันจะพูดเรื่องตัวเองบนเฟซบุ๊ก เพราะว่าเขารู้สึกว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วเขากำลังใช้พื้นที่ส่วนตัวบนพื้นที่สาธารณะอีกทีหนึ่ง นั่นก็เหมือนการขายตัวเองบนพื้นที่สาธารณะ และเรื่องที่ดีที่สุดที่จะขายก็คือภาพ ทำให้ทุกวันนี้ได้เกิดแฟนเพจหนุ่มหล่อ สาวสวย เซ็กซี่มากมาย

เฟซบุ๊ก ช่องทางอันตราย ขาดความมั่นใจ ขี้เหงา หลงตัวเอง

ธาม เชื้อสถาปนศิริ บอกต่อว่า นอกจากจะมีคนติดตามเราเยอะแล้ว เฟซบุ๊กก็เป็นเหมือนดาบสองคม อาจจะทำให้เกิดผลเสียกับเราได้ เพราะเราจะไม่รู้ตัวว่ามีใครมาหมายปอง ติดตามชีวิตของเรา ในแต่ละวันมีใครเข้ามาบ้าง เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่เปิดเผยเรื่องราวชีวิตของตัวเองมากเกินไป เช่น เปิดเผยเรื่องเพศ กิจวัตรประจำวันมากเกินไป คุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าคุณเปิดเผยช่องทางอันตรายเหมือนเป็นการเปิดประตูบ้านไว้ตลอดเวลา ยิ่งผู้คนในยุคปัจจุบันมีความกังวลใจน้อยลง เมื่อพูดถึงเรื่องข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่ ที่ทำงาน ชีวิตส่วนตัว เพราะว่าทุกคนต้องการเปิดเผยเพื่อให้เป็นที่รู้จัก

จริงๆ มนุษย์ทุกคนต้องการเป็น somebody ในสังคม แต่คุณหารู้ไม่ว่าคุณจะต้องเสี่ยงที่จะสูญเสียตัวเองพอสมควร เพราะว่าการสร้างสถานะถูกสร้างมาจากแรงกดดัน ของคนที่อยู่ในโซเชียลมีเดีย คุณอาจจะมีคนฟอลโลว์เป็นหมื่น แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณเป็นคนขี้เหงา ขาดความมั่นใจ และอาจจะเป็นคนหลงตัวเองมากขึ้น เพราะการเล่าเรื่องตัวเองบ่อยๆ เซลฟี่บ่อยๆ ก็จะทำให้คุณเป็นคนที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของการสื่อสาร นำมาสู่เรื่องของภาวะซึมเศร้า โรคติดเฟซบุ๊ก เริ่มกระวนกระวายใจเมื่อไม่มีคนมากดไลค์ คอมเมนต์ หรือมีคนมาคอมเมนต์ในทางที่ไม่ดี ความคิดเห็นต่างๆ เหล่านั้นในโซเชียลมีเดียมาคิดปนกับชีวิตจริง เพราะฉะนั้นสถานการณ์ปัจจุบันอยากจะดังมากขึ้น จนต้องยอมที่จะสูญเสียอัตลักษณ์ แต่บางคนก็บอกว่าวิธีการสร้างสถานะให้สังคมยอมรับคือ ต้องสร้างสถานะทางเฟซบุ๊กให้ดีแล้วจะมีคนติดตาม บางครั้งมันก็จะนำมาสู่การสูญเสียความสัมพันธ์ และความสามารถในการที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือคนในครอบครัว

บางรายมีถึงขั้นโดนหลอกลวงด้วย เนื่องจากมันง่ายมาก เพราะช่องทางในโซเชียลมีเดียเหมือนการคุยกับคนแปลกหน้า อย่าลืมว่าถ้าเราคุยกับคนในชีวิตจริง เราจะเห็นหน้า แต่ในเฟซบุ๊กทุกคนแต่งและประดิษฐ์ได้ คนส่วนมากมักจะโพสต์แต่เรื่องที่ดี ไม่มีใครบอกเรื่องแย่ๆ ของตัวเองมีอะไรบ้าง ทุกคนจะประดิษฐ์ตกแต่งชีวิตตัวเองให้มันดูสวยงาม เพราะเมื่อสวยงามก็ดูเย้ายวนให้น่าติดตาม พอน่าติดตามก็นำไปสู่การที่จะถูกล่อลวง เพราะบางคนเปิดเผยเรื่องตัวเองมากเกินไป มันเป็นช่องทาง 24 ชม. ของอาชญากรที่มุ่งจะจ้องชีวิตเราอยู่ ยิ่งเปิดเผยมากก็อันตรายมาก เพราะฉะนั้นหลายๆ ครั้งสำหรับเด็กที่มีวุฒิภาวะต่ำในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เพราะมันนำไปสู่อาชญากรรมทางออนไลน์ คดีที่เกิดขึ้นก็เป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางเพศ

นักวิชาการด้านสื่อ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้ได้คิดอีกว่า มีงานวิจัยออกมาว่า ต่อให้มีเพื่อนประมาณห้าพันคนแต่โดยเฉลี่ยแล้วเพื่อนที่คุณรู้จักจริงๆ เคยเห็นหน้าต่ำกว่า 200 คน แล้วสิ่งที่คุณต้องคิดมากขึ้น หน้าฟีดหรือไทม์ไลน์ข่าวสารของคุณ ระบบทำความสะอาดของเฟซบุ๊กมันจะคำนวณให้ว่าคุณเคยมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง โดยรวมๆ จะอยู่แค่ 20-30 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของผู้คนจริงๆ ในโลกออนไลน์มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ในชีวิตจริง มันคนละเรื่องกัน ต้องแยกให้ออก เพราะโลกออนไลน์คือโลกเสมือนจริง อีกอย่างก็คือเฟซบุ๊กทำให้ระยะห่างของความเป็นคนแปลกหน้ามันสั้นลง และที่สำคัญคือความไว้วางใจ เราก็รู้สึกที่จะวางใจเพื่อนในเฟซบุ๊กมากขึ้น มีระยะห่างของคนแปลกหน้าน้อยลงและวางใจอะไรได้ง่าย

นักวิชาการด้านสื่อได้วิเคราะห์ถึงเรื่องความฟีเวอร์ในเฟซบุ๊กไปแล้ว ต่อไป “ไทยรัฐออนไลน์” จะเจาะหาสาเหตุ ที่มาที่ไป และกระบวนการขั้นตอนของแฟนเพจพวกนี้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง และทำไมถึงได้ฮอตขนาดนี้!!

แฟนเพจสุดฮอต ยอดไลค์พุ่งกระฉูด !

แอดมินเพจสมาคมนิยมสาวสวยแห่งประเทศไทย (สสสท.) บอกว่า จุดเด่นของเพจนี้อย่างแรกคือชื่อ “สมาคมนิยมสาวสวยแห่งประเทศไทย (สสสท.)” อ่านง่ายจำได้ ติดตาดีด้วย ในส่วนเรื่องรูปผู้หญิงโป๊นั้น ไม่จำเป็นต้องโป๊แต่เซ็กซี่ต้องมีแน่ๆ เพจเรามีหลายแนว มีทั้งแบบ น่ารัก สวย หมวย อึ๋ม สาวมหาลัย มัธยม วัยทำงาน เราสร้างแฟนเพจนี้ขึ้นมาเพราะเห็นคนอื่นทำก็เลยอยากลองทำดูบ้าง ช่วงนั้นว่างๆ อยู่ด้วย ทำไปทำมารู้ตัวอีกทีก็ทำมาเรื่อยๆ แล้ว ยอดไลค์พุ่งกระฉูดสองล้านกว่า ตอนนั้นก็รู้สึกเกินคาดมาก ไม่คิดว่าจะถึงสองล้านเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง

ในส่วนของกระบวนการในการอัพรูปนั้นคือ ในสมัยก่อนจะเว้นเวลาระหว่างรูปละสิบนาทีก็อัพได้เลย แต่สมัยนี้ปรับเปลี่ยนมาเป็น สามสิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมงแทน เนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนกฎของเฟซบุ๊ก และกลัวว่าสมาชิกจะเบื่อที่รูปจะเยอะเกินไปในหน้า news feed ของแต่ละบุคคล ซึ่งจะทำให้เกิดการ unlike เพจที่มากเกินไป ส่วนแอดมินมีหลายคน ระบุจำนวนแน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวมีเข้ามีออก มีทั้งหญิงชาย แต่จะมีคนดูแลเพจที่ใหญ่ที่สุดอยู่คนนึง ที่จะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องที่คนอื่นตัดสินใจกันไม่ได้

หนึ่งในแอดมินแฟนเพจ สสสท.
แอดมินเพจ สสสท. เล่าต่ออีกว่า ส่วนเรื่องของการนำรูปมาอัพเราได้มีการขออนุญาตเจ้าตัวด้วย และบางคนก็เสนอตัวขอให้ลงรูปให้ นอกเหนือจากสองอย่างนี้คือหารูปจากที่ต่างๆ ที่หาได้ตามได้อินเทอร์เน็ต บางครั้งก็มีเหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้นบ้าง เป็นเรื่องปกติที่จะมีดราม่าเกิดขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวปลอมมาฝากอัพรูปจนตัวจริงเห็นและตามมาต่อว่าหรือไม่พอใจที่ไม่ยอมอัพรูปให้ซักที

“เราก็คิดว่าจะทำเพจไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้มีการคุยเรื่องอนาคตของเพจกันบ้าง ว่าจะต่อยอดไปทางไหนดี สมควรเพิ่มเติมอะไรเข้าไปดีนอกจากรูปสาวๆ ไหม หรือจะไปเปิดเป็นบริษัทแมวมอง จัดหาคู่ ฯลฯ เป็นต้น ก็คิดกันไปเรื่อยๆ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ยังไงเราก็ต้องทำวันนี้ให้ดีก่อน เราต้องขอบคุณทุกคนที่กดติดตามและเข้ามาดูรูปของเพจเรา ถ้าไม่มีพวกคุณเพจนี้ก็จะไม่มีใครรู้จัก และเพจเราอาจไม่มีสาระอะไรเลย เพราะมีแค่รูปสาวสวยที่เอาไว้ดูเพลิดเพลินเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ทำให้จิตใจที่เหนื่อยล้านั้น กลับมากระชุ่มกระชวยได้ ว่าโลกนี้สาวสวยยังมีอีกเยอะ (หัวเราะ)” แอดมินเพจ สสสท. เล่าอย่างสนุกสนาน

แอดมินแฟนเพจ BTS cuteguys เพจใหม่มาแรง บอกผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า จุดเด่นของเพจนี้ที่ไม่เหมือนใคร คือ มัน Real และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ มันเป็น Insight ของผู้หญิงและเกย์หลายๆ คน เวลาเจอผู้ชายน่าสนใจ ถ้ามีโอกาสจะถ่ายรูปให้เพื่อนสาวช่วยพิจารณา/กรี๊ดกร๊าดกันในกรุ๊ปไลน์ เกิดเป็นบทสนทนาฮาๆ ตามมาในกลุ่มเพื่อน เช่น “เค้าคือของฉัน” “ฉันรักเค้า” “เจอแล้วสามีในอนาคต” “ฟินนนนนน” “สิบ สิบ สิบ” etc. ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างเพจ โดยเรามีความเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่กลุ่มเราแน่ๆ ที่ทำกัน น่าจะมีผู้หญิงหรือเกย์อีกเยอะที่ทำแบบนี้ในกลุ่มเพื่อน ไหนๆ ก็ไหนๆ สร้างที่ให้มาร่วมกันฟินกันไปเลย ซึ่งตัวแอดมินทั้ง 3 คนเอง ตอนแรกก็แอบถ่ายส่งให้ดูกันในกรุ๊ปไลน์เล่นๆ ขำๆ มีวันนึงแอดมินคนนึงพูดขึ้นมาว่า พี่เปิดเพจเถอะ ก็เลยลองดู ทำเอาฮา
ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนติดตามเราเยอะ ยอดไลค์พุ่งกระฉูด ภายในเวลาไม่นาน เราก็รู้สึกตกใจเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเพจจะ Viral ได้ขนาดนี้ เพราะว่าตอนเริ่มทำก็เริ่มทำกันเอาฮา คิดว่าคงมีลูกเพจจำนวนนึง แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ ซึ่งทุกวันนี้เราก็ได้รับผลตอบรับจากลูกเพจในหลายๆ รูปแบบที่ส่งเข้ามาใน inbox หลากอารมณ์มาก แต่ส่วนใหญ่จะดีใจที่มีเพจแบบนี้ เราก็มีแอดมินเป็นกลุ่มเพื่อนร่วมงาน 3 คน จริงๆ ก็ไม่ได้แบ่งหน้าที่อะไรกันชัดเจน แรกๆ ก็พยายามช่วยกันถ่ายรูป หลังๆ แทบไม่ต้องเลย เพราะมีส่งมาทาง Inbox เยอะมาก ก็มีพี่ใหญ่หนึ่งคนที่เป็นคนคอยคัดเลือกรูปจาก inbox มาลง
“เราก็อยากจะทำเพจนี้ไปนานๆ จนกว่าจะไม่มีคนส่งภาพมา แต่เราก็อยากให้มองว่าเพจนี้เป็นที่พักสายตา สนุกๆ ขำๆ อย่าซีเรียส อย่าจริงจัง และก็อยากให้มองว่ามันเป็นชุมชนหนึ่งของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน อยากแบ่งปันความฟินให้กับคนอีกหลายๆ คน แล้วก็ที่สำคัญฝากถึงคุณผู้ชายทุกคนที่รูปปรากฏขึ้นในเพจของเรา ว่าจงภูมิใจเถิด เพราะคุณหล่อ คุณถึงโดนถ่าย แล้วเราก็ไม่ใช่โรคจิตนะค้าาา” แอดมินเพจ BTS cuteguys บอกทิ้งท้าย

นอกจาก 2 เพจนี้ก็ยังมีอีกหลาย ๆ เพจที่เป็นที่นิยม

เช่น
สมาคมนิยมสาวมหาลัยแห่งประเทศไทย (สสมท)
สมาคมนิยมนิสิต นักศึกษาแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (สนพท.)
สมาคมหนุ่มหล่อแห่งประเทศไทย
หนุ่มไฉไล by นายร้อยครับผม
ทหารหล่อบอกด้วย
สมาคมนิยมผู้ชายมีหนวด

การใช้ like box ใน webpage มีหลายแบบ

likebox plugin for webpage
likebox plugin for webpage

เล่าสู่กันฟัง
วันนี้ปรับ option ของ facebook plugin
ตามที่เพื่อนร้องขอมาว่า อยากเพิ่มช่อง streaming อีกหน่อย
ก็พบว่าตัวแปร height กับ show friends’ faces
ขัดกันอยู่ อยู่รวมกันดี ๆ ไม่ได้
ถ้าแสดงหน้าเพื่อนก็จะกำหนดความสูงได้ไม่เกิน 556 px
สรุปว่าในเว็บไซต์หนึ่งขยายความสูงอีกหน่อย แลกกับเอาหน้าเพื่อนออก
ผมว่า work อยู่นะ

การใช้ like box ใน webpage มีหลายแบบ
การใช้ like box แบบไม่แสดงภาพหน้าเพื่อน จะกำหนด height ได้มากกว่า 556 px เป็นค่าที่อธิบายประกอบตัวแปร height ค่า default ใช้ plugin แบบ HTML 5 : div โดยเรียกใช้ script ที่ส่วนหัวก่อน แล้วค่อยใช้ div อีกส่วนสำหรับกำหนดตำแหน่งที่แสดงผล
การใช้ like box แบบแสดงหน้าเพื่อน จะจำกัดความสูงของ post ที่ถูก streaming เข้ามา โดยกำหนดความสูงได้ไม่เกิน 556 px ส่วนความกว้างสามารถกำหนดได้ไม่น้อยกว่า 292 ซึ่งมากกว่านี้ได้

http://www.thaiall.com/facebook

communities and pages ใน google+

communities and pages
communities and pages

23 ส.ค.56 วันนี้กดกระดิ่ง มุมบนขวา ใน gmail.com
ซึ่ง google+ ใช้ภาพนี้แทน notifications
ซึ่งผมพบใน email ขององค์กร จึงลองตามคลิ๊กเข้าไปพบอะไรมากมาย
แล้วเข้าไปสำรวจ google+ เพิ่มเติมวันนี้
พบตัวเลือก communities กับ pages
เห็นงานโผ่ขึ้นมาเต็มหน้าตักเลยครับ
เพราะ communities = FB group
และ pages = FB Fan page
สรุปได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีชีวิตเสมือน หรือตัวตนใหม่ในโลกของ google+ เพิ่มอีกที่แล้ว
เพราะการมาทีหลังของ google+ ย่อมอุดจุดบ่กพร่องต่าง ๆ ที่พบใน FB
พบอะไรที่แตกต่างจะนำมาแชร์ครับ ..

โบราณ ว่าชีวิตนี้เลือกได้
แต่ถ้าอยู่ที่เดิม และไม่คิดเปลี่ยนแปลง ก็คงต้องมีเหตุผลมาอธิบายกันหน่อย

ชัย ราชวัตรถูกแจ้ง 3 ข้อหาหนัก โพสต์หมิ่นนายกฯปู

แจ้ง 3 ข้อหาหนัก “ชัย ราชวัตร” โพสต์หมิ่นนายกฯปู
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์

ชัย ราชวัตร
ชัย ราชวัตร

จาก ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์ อ้างอิงว่า ได้ข้อความจาก twitter ของ ชัย ราชวัตร ซึ่งสงสัยว่าจะเป็น Fan page หรือ Time line แต่ละสื่อก็จะแตกต่างกันไป เพราะระดับการเข้าถึง social media แต่ละบริการ มีความแตกต่างกัน

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000053468

ทนายความ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” หอบหลักฐานขึ้น สน.ดุสิต แจ้งความดำเนินคดี “ชัย ราชวัตร” ข้อหาดูหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์ข้อความฉาวในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถือเป็นการติชมโดยไม่สุจริต ไม่มีมูลความจริง ให้ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง


เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 3 พ.ค.2556
ที่ สน.ดุสิต นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง จากสำนักงานอาภาวิชญ์ทนายความธุรกิจและการบัญชี ในฐานะทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเเจ้งความดำเนินคดีนายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ “ชัย ราชวัตร” การ์ตูนนิสต์ล้อการเมืองชื่อดัง กรณีนายสมชัยได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างรุนแรงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเขียนข้อความเปรียบเรื่องผู้หญิงขายบริการ เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปปาฐกถาเรื่องประชาธิปไตยเวทีประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย โดยมี พ.ต.อ.ภัทรภณ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.ดุสิต มารับมอบหนังสือ

นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้มาเเจ้งความดำเนินคดีกับนายสมชัยในข้อหา

1. ดูหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฎิบัติหน้าที่
2. หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
3. ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เนื่องจากนายสมชัยได้โพสข้อความทำนองหมิ่นประมาทในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งถือเป็นการติชมโดยไม่สุจริต ไม่มีมูลความจริง และเป็นการให้ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งตนได้นำเอกสารและหลักฐาน อาทิ ภาพการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กของ ชัย ราชวัตร และข่าวจากสื่อออนไลน์ มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เบื้องต้นยังไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้เพื่อดำเนินการต่อไป

http://mufbkzw.udon-city.com/show_newudon.php?id_prd=3888
http://www.go6tv.com/2013/05/3.html
http://www.manager.co.th/crime/viewnews.aspx?NewsID=9560000076273
http://director.sakonarea1.go.th/index.php/login/93-3
http://www.dailynews.co.th/crime/201922

เท่าที่อ่านข่าวน่าจะเข้า มาตรา ๑๔ .. (๒) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
ตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ชัย ราชวัตร โพสต์เฟซบุ๊กระบุ
เตรียมเข้ารายงานตัวคดีถูกนายกฯฟ้องหมิ่น ลั่นไม่ใช่คนตาขาวคิดหนีคดี

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2556 นายสมชัย กตัญญตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร การ์ตูนนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว “Chai Rachawat” ว่า ว่างเว้นจากการสื่อสารกับเพื่อนพ้องบนเฟซบุ๊คในระยะนี้ ด้วยเหตุคดีที่ถูกน.ส.ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร นายกรัฐมนตรี)ฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทกำลังเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมาย การโพสต์ข้อความอะไรออกไปต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เป็นภาระเพิ่มแก่ทีมกฏหมาย จึงต้องสงบปากสงบคำไปก่อน และใคร่ขอชี้แจงทำความเข้าใจ 2 เรื่องดังนี้

1. ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหมายแจ้งมาให้ไปรายงานตัววันที่ 5 มิ.ย.นี้ กำลังขอคำปรึกษาจากทนายเพื่อกำหนดวันไปรายงานตัวเอง จะเป็นวันไหนยังไม่แน่นอนครับ แต่การข่มขู่คุกคามกันว่าจะออกหมายจับนั้นอย่าหวังว่าจะมีวันนั้น คน ๆ นี้ไม่ใช่คนตาขาวจนคิดหนีคดี

2. ตามที่หลายท่านได้ quote นสพ.โพสต์ทูเดย์ว่าผมกำลังจะวางมือ เป็นความจริงที่ผมให้สัมภาษณ์คุณชัยฤทธิ์ไปเช่นนั้น ภารกิจสุดท้ายคือการวางมือจริง ๆ แต่ผมยังไม่วางอาวุธของผมแล้วเดินหันหลังกลับในขณะที่เพื่อนร่วมทางยังติดพันอยู่กับการสู้รบ แม้จะถูกพันธนาการด้วยขื่อคาของกฏหมายหรือเหตุใดก็ตาม ถ้ายังส่งเสียงให้กำลังใจเพื่อนได้ด้วยเสียงร้องเท่านั้นก็จะแหกปากร้องครับ

หากมีอะไรคืบหน้านอกเหนือจากนี้จะรายงานให้ทราบเป็นระยะ ๆ ครับ

http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/226129/%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF

ส่วนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของกรุงเทพธุรกิจ

bangkokbiznews comment
bangkokbiznews comment

http://bit.ly/17oaJI9

มองระบบการแสดงความคิดเห็นของเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ bangkokbiznews.com
ซึ่งปกติผมเข้าไปอ่านทัศนะวิจารณ์ของ blogger หลาย ๆ ท่านอยู่เป็นประจำ
แล้วเคยแสดงความคิดเห็นต่อท้ายบทความเหล่านั้น โดยใช้ account ของ facebook.com
ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้

แต่ครั้งนี้ต่างออกไป
เพราะระบบนี้เปิดรับสมาชิกของกรุงเทพธุรกิจ แบบไม่ต้องใช้บัญชีเฟซบุ๊ค
แล้วการจะแสดงความคิดเห็นก็แยกกันเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนสมาชิกเว็บไซต์ กับ สมาชิกเฟซบุ๊ค
หากแบ่งเป็นส่วนหลักก็จะเป็นดังนี้

1. เนื้อหา หรือบันทึกที่เขียนโดย blogger
2. ส่วนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยใช้บัญชีของกรุงเทพธุรกิจ
3. ส่วนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยใช้บัญชีของเฟซบุ๊ค

ซึ่งส่วนที่ 2 และ 3 แยกกันชัดเจน หากจะร่วมแลกเปลี่ยนให้สัมพันธ์กันก็ต้องเข้าไปให้ตรงส่วน

สรุปว่า .. วันนี้ก็ต้องสมัครสมาชิก เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกับกรุงเทพธุรกิจ
ให้ครบทั้ง 2 ส่วน .. เล่าสู่กันฟัง

การใส่ follow button ใน webpage

การใส่ follow button ใน webpage
การใส่ follow button ใน webpage

23 ก.พ.56 code ของ fb สำหรับใส่ปุ่มกด follow ใน blog
ผู้พัฒนาเว็บไซต์สามารถเลือกใส่
ใน single.php หรือ sidebar.php หรือ footer.php ก็ได้
จาก left menu ของ admin page, appearance, editor
ซึ่ง single.php มีจำนวนการเข้าถึงมากกว่าหน้าแรก
ส่วน sidebar จะปรากฎทุกหน้า หรือบางหน้าก็แล้วแต่ theme
2. ตัวอย่างการใช้งานเบื้องต้น

ลดการบ้าน ศธ. ให้โอกาสเด็กไทยได้ใช้อย่างที่ฝันไว้

selection : homework, game, facebook, read book
selection : homework, game, facebook, read book

30 ม.ค.56 คุณตุ้ยให้ดู คลิ๊ปหัตถ์พระเจ้า
ซึ่งเป็นแชมป์โลกยิงหนังสติ๊ก ระหว่างรอประชุมครั้งหนึ่ง
แล้วทำให้นึกถึงโอกาสที่คุณบุญมาได้รับจากพระเจ้า
ว่าเขาจะพิจารณาใช้โอกาสของเขาอย่างไรต่อไป
.. ผมว่าเขาเลือกได้นะครับ

แล้วนึกถึงเรื่องการเลือกใช้โอกาสของเด็กตจว. กับเด็กกทม.
เมื่อศธ.ประกาศลดการบ้านให้ทุกคน
เพื่อให้มีเวลา มีโอกาสได้คิดใหม่ทำใหม่ แล้วก้าวกระโดดต่อไป

นักวิชาการในคลิ๊ป
1. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
2. นพ.ประเสริฐ  ผลิตผลการพิมพ์

ผมว่ามีคำอธิบายที่ดีในคลิ๊ปด้านล่างนี้

ไปถามนักศึกษาเรื่องภาพประกอบมาแล้ว
พวกเขารู้จัก HON ด้วยครับ (สงสัยมีเน็ตใช้)
จากภาพ พบว่า คุณครูสมัยนี้ นัดนักเรียนตี HON
แถมมีแผน Q นักเรียนทุกคน
พอรู้ความหมายชัดเจน
.. ผมก็ต้องตกอก ตกใจ เป็นธรรมดา