เส้นทางชีวิต หรือ เส้นทางแห่งความสุข

happiness
happiness

มนุษย์ทุกคนเกิดมาเลือกได้ และเลือกได้เส้นทางเดียว
มีขึ้น มีลง มีซ้าย มีขวา แต่เดินหน้า ถอยหลังไม่ได้ เพราะเวลาเดินไปเรื่อย ๆ
ผมว่านะ ‎เส้นทางชีวิต‬ หรือ #‎เส้นทางสู่ความสุข‬ เลือกยากที่สุดแล้ว
เมื่อเลือกเส้นทางหนึ่ง ก็ย่อมได้ผลอย่างหนึ่ง
มักเห็นผู้คนสงสัยว่าทำไมไม่สอนให้เด็กมีความสุข
ถ้าสอนให้เด็กมีความสุข ผมว่าเค้าก็จะมีความสุข .. ไม่เถียงเลย

แต่นิยามของความสุขของครูแต่ละคน .. แตกต่างกัน
แต่นิยามของความสุขของนักเรียนแต่ละคน .. แตกต่างกัน
แต่นิยามของความสุขของผู้ปกครองแต่ละคน .. แตกต่างกัน
แต่นิยามของความสุขของกระทรวงศึกษาธิการ .. แตกต่างกัน

เวลาเลือกก็อย่าหลงเส้นล่ะกัน
เพราะเลือกแบบหนึ่ง อยากได้ผลอีกแบบ ก็จะงง ๆ กันไปทั้งกระบวนเลยหละ
ในชีวิตจริง ส่วนใหญ่เลือกทางไหนก็จะได้ทางนั้น
ถ้าคิดอย่าง ทำอย่าง อยากได้ผลอีกอย่าง .. แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร

แนะนำให้อ่านเรื่อง “4 ความจริงที่คนเรียนไม่จบมหา’ลัย ไม่กลับมาเล่าให้คุณฟัง !
1. Jobs & Gates ไม่ได้รวยเพราะเรียนไม่จบ
2. ผมเคยถูกปฏิเสธงาน เพราะไม่มีวุฒิ / ใบปริญญา
3. ผมก็เคยคัดคนมาสัมภาษณ์, แน่นอนว่าผมดูใบปริญญาก่อน
4. ความขี้เกียจเป็นอภิสิทธิ์ของ Genius
http://www.cookiecoffee.com/diary/71297/4-fact-truth-gates-jobs-never-tell-university-dump

ถ้าไม่แชร์เรื่องนี้ให้ลูกศิษย์ได้เรียนรู้
รู้สึกเหมือนสอนไม่เสร็จยังไงชอบกล
เหมือนไม่ได้สะเด็ดน้ำ อะไรทำนองนั้น

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153995304628895&set=a.380382613894.159443.814248894

เคล็ดลับแห่งความสุข หรือ วิธีทำชีวิตให้มีความสุข

ความสุข
ความสุข

สรุปอย่างสั้น 7 ข้อ คือ 1) ต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ 2) กัลยาณมิตร 3) รู้จักความเพียงพอ 4) อย่าหวังมากเกินไป 5) ละความโกรธเกลียดลงบ้าง 6) รักและพอใจงานที่ทำ 7) ทำตนใฝ่รู้อยู่เสมอ

มนุษย์เราทุกคนล้วนอยากมีชีวิตที่ดี และมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็น่าแปลกว่า ในขณะที่เราต้องการ “ ความสุข ” หรือ “ ความสบายกายสบายใจ ” นั้น มนุษย์เรากลับดำเนินชีวิตที่พาตัวเราเองไปสู่หนทางแห่งความทุกข์เสียเป็น ส่วนใหญ่ เช่น มีเงินเดือนพออยู่พอกินอยู่แล้ว แต่อยากจะเป็นเจ้าของพวกเครื่องอำนวยความสะดวกหรือความทันสมัยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถ มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนมจนต้องตั้งหน้าตั้งตาหาเงินตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เพื่อให้ได้ของเหล่านี้มา ทำให้ตัวเองต้องลำบากหรือเป็นหนี้เป็นสิน และมีทุกข์ไม่จบสิ้น ดังนี้เป็นต้น ถ้าในทางพุทธศาสนา เขาก็ว่ากิเลส ตัณหา ความอยากมี อยากเป็น อยากได้ หรือไม่อยากมี ไม่อยากเป็น และไม่อยากได้นั่นเอง ที่ทำให้คนเราเป็นทุกข์ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงมีแนวทางให้พุทธศาสนิกชนได้เลือกปฏิบัติเพื่อความหลุด พ้นความทุกข์ในระดับต่างๆกัน แต่ในที่นี้ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอนำ “ เคล็ดลับแห่งความสุข ” ที่แม้มิใช่ธรรมะโดยตรง แต่ก็เป็นกลวิธีที่เราทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิด “ ความสุขในเบื้องต้น ” ได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
๑. เขาบอกว่า เคล็ดลับของความสุขข้อแรก คือ ต้องรู้จักการ เป็น “ ผู้ให้ ” การ “ ให้ ” ในที่นี้ จะเป็นสิ่งของ ความรู้ น้ำใจ ข้อแนะนำ หรือสิ่งอื่นใดก็ได้ที่เป็นประโยชน์ และไม่เป็นโทษต่อผู้รับ พระพุทธเจ้าบอกว่า “ ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้ ” นั่นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่เป็น “ ผู้ให้ ” ย่อมสร้างไมตรีให้เกิดขึ้นในใจของผู้รับ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี และเป็นมิตรต่อกัน ถ้าใครเคย “ ให้ ” จะรู้ว่าใบหน้าที่เบิกบาน ยินดีของผู้รับ จะทำให้เราผู้ให้เกิดความสุข และปลื้มปีติเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในยุทธภพเขาว่า “ ความสุขเป็นสิ่งประหลาดยิ่ง มันหาได้ลดน้อยงเพราะท่านแบ่งปันแก่ผู้อื่นไม่ ท่านยิ่งแบ่งปันกับผู้อื่นมากขึ้น ความสุขที่ท่านมียิ่งเพิ่มพูน ”
๒. หากัลยาณมิตร การมีเพื่อนที่ดี ย่อมทำให้ชีวิตของเรามีความสุขและมีความหมายยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยเมื่อเราประสบความสำเร็จ ก็มีเพื่อนร่วมแสดงความยินดีด้วยอย่างจริงใจ หรือหากผิดหวัง พลาดพลั้งในชีวิตกัลยาณมิตรก็จะช่วยปลุกปลอบให้กำลังใจ หรือคอยแนะนำช่วยเหลือทำให้เราไม่รู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยวในโลกกว้างใบนี้ ในยุทธจักรเขาว่า “ ท่ามกลางลมหนาวและพายุร้าย หากที่นั่นมีสหาย ทั้งหมดจะกลายเป็นลมหายใจอันอบอุ่น ที่ซึ่งมีมิตรแท้ จักอบอุ่นและเจิดจ้าตลอดกาล ”
๓. ใช้ชีวิตเรียบง่าย ถ้าพูดแบบสมัยนี้ก็คือ ให้ดำรงชีวิตแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ รู้จักความเพียงพอ โดยเฉพาะในเรื่องปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค บางคนอาจจะสงสัยว่าเพียงพอในเรื่องยารักษาโรคนี่เป็นอย่างไร ก็คงต้องบอกว่าในปัจจุบัน หลายคนกินยาสารพัดทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น เพราะมีให้เลือกมากมาย ดังนั้น จึงต้องรู้จักประมาณตนในทุกเรื่อง อย่าตกเป็นทาสของลัทธิบริโภคนิยม ที่ต้องวิ่งตามโลกไม่ได้หยุดได้หย่อน เพราะจะทำให้เราเหนื่อยเกินไป และสร้างความท้อแท้ให้แก่ชีวิตได้ง่าย ยุทธจักรเขาบอกว่า “ ในโลกนี้ก็มีแต่คนที่รู้จักพอ จึงสามารถได้ลิ้มรสความเบิกบานที่แท้จริง ”
๔. คาดหวังให้น้อยลง ชีวิตคนเราที่เป็นทุกข์สารพัดทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการ “ คาดหวัง ” เช่น หวังว่าจะสอบได้ที่ ๑ หวังว่าจะได้ตำแหน่ง หวังว่าเขาจะรักเรา หวังว่าจะได้มรดก หวังว่าเจ้านายจะขึ้นเงินเดือน หวังว่าพ่อจะซื้อรถให้ ฯลฯ ความคาดหวังเหล่านี้ทำให้เราต้องพบกับ “ ความผิดหวัง ” อยู่เสมอ และทำให้เราหดหู่ ห่อเหี่ยวใจเมื่อไม่สมปรารถนา ดังนั้น หวังได้ แต่หวังให้น้อยลง และจงตั้ง “ ความหวัง ” ในสิ่งที่เป็นไปได้ และไม่ยากจนเกินความสามารถของเรา หากไม่ได้ดังหวังก็ต้องหัด “ ปลง ” เสียบ้าง ในยุทธภพจึงสอนว่า “ คนผู้หนึ่งขอเพียงปลงได้ตก ในโลกก็ไม่มีเรื่องใดควรคู่ให้ปวดร้าวกลัดกลุ้มอีก ”
๕. จงล ะ “ ความโกรธ เกลียด ” ลงบ้าง หลาย ๆ ครั้งในชีวิตเราอาจจะต้องเจอะเจอกับบุคคล เหตุการณ์หรือสถานที่ที่เราไม่พึงใจ ทำให้เราเกิดความรู้สึกโกรธ เกลียดในสิ่งที่พบ อยากจะหลีกลี้หนีห่าง แต่บางครั้งก็ไม่อาจจะหลบไปได้ ต้องทนอยู่กับคนหรือสิ่งที่เราเกลียดอยู่เสมอ ทำให้เกิดความเครียด และทุกข์ใจ ดังนั้น วิธีแก้ตรงจุดที่สุด คือ ต้องลดความโกรธหรือความเกลียดที่เป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์ให้น้อยลง ด้วยการอย่ามัวแต่เพ่งจับผิด แต่ให้ใช้หลักเมตตา และให้อภัย โดยเฉพาะกับคน หรือสัตว์ หรือหากยังทำใจเมตตาไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้ “ วางเฉย ” คิดเสมอว่าอย่าให้สิ่งเหล่านี้มามีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา ซึ่งคนในยุทธภพเขาว่า “ ความเปลี่ยนแปลงและการประสบกับสิ่งที่ไม่พอใจ คือชีวิตของคน หากท่านเข้าใจชีวิตคนอย่างถ่องแท้ ความเศร้าเสียใจของท่านจะลดน้อยลง และความสุขในใจจะเกิดขึ้น ”
๖. จง “ รักและพอใจงานที่ทำ ” เพราะมันเป็นส่วนสำคัญ และกินเวลาเกือบครึ่งค่อนของชีวิตของเรา หากเราไม่ “ รักงาน ” ของเราแล้ว ชีวิตที่เหลือคงเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น และเราก็ต้องจมปลักไปกับความเบื่อที่ยาวนาน การที่เราจะรักงานที่เราทำได้ เราจะต้องพยายามศึกษาหาความรู้ในงานของเรา เพื่อให้รู้จักงานของเราอย่างถ่องแท้ จนพัฒนางานให้ก้าวหน้า อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจให้แก่ตัวเราเองได้ ยุทธจักรเขาว่า “ โชคของคน ย่อมไม่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเอง ”
๗. ทำตน “ ใฝ่รู้ ” อยู่เสมอ เช่น อ่านหนังสือทุกชนิด เรียนคอมพิวเตอร์ อบรมภาษา ฯลฯ เพราะจะทำให้เราไม่ล้าสมัย หรือตกยุค แต่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา ไม่เป็นคนอมทุกข์ เหงาหงอย เพราะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เข้ากับใครก็ได้ แวดวงยุทธจักรเขาว่า “ คมดาบ ยิ่งฝนยิ่งแหลมคม คน ไยมิเป็นเช่นเดียวกัน ”
เคล็ดลับแห่งความสุขข้างต้น เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยาก แต่เคล็ดลับของเคล็ดลับก็คือ ความตั้งใจที่จะเริ่มปฏิบัติตามกฎที่ว่า มิฉะนั้นแล้ว ความสุขที่เราปรารถนาก็ยังจะเป็นทุกข์ที่เราเรียกหามันอยู่ทุกวันเพราะความ สำเร็จทั้งปวงก็ล้วนเริ่มต้นมาจากหยดน้ำเล็กๆ หาใช่เริ่มจากมหาสมุทรไม่

อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม. http://www.culture.go.th
เขียนเมื่อ กุมภาพันธ์ ๕๐
http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=501
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=217e80042ed64db5
http://women.kapook.com/view2276.html