นักศึกษาด้านไอทีอย่างน้อยต้องทำ responsive เป็น

นักศึกษาด้านไอทีอย่างน้อยต้องทำ responsive เป็น

เว็บมาสเตอร์
เว็บมาสเตอร์

ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น
ที่นักศึกษาต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใคร
Who am i?
เพราะไม่ใช่นักเรียนที่จะไปเข้า #ค่ายค้นหาตัวตน
แล้วหาว่า ตนเหมาะกับอาชีพใด
ถ้าเป็นนักศึกษาก็แสดงว่าเลือกแล้ว
ไม่ใช่กำลังจะเลือก
ตอนนี้มาได้ครึ่งทางแล้วที่จะไปสู่อาชีพที่คาดหวัง
ทุกหลักสูตรมีวิชามากมายต้องเรียนเชื่อมต่อกันเป็น jigsaw
กว่าจะได้ภาพสวยผืนใหญ่ ใส่กรอบ โชว์
ก็ใช้เวลาหลายปี ระหว่างทางต้องทบทวนเป็นระยะ
ว่าทำอะไร เรียนอะไร รู้อะไรไปแล้วบ้าง
หัวข้อต้องรู้มีมากมาย
แต่อย่างน้อยต้องรู้ว่าเรา ทำอะไรเป็นบ้าง
ในสายไอทีก็มีเรื่องเว็บเพจ (webpage)
โดยสิ่งที่ควรรู้ คือ Responsive web design
เพราะแนวโน้มชาวโลกจะขยับไปหา mobile device
ดังนั้นหัวข้ออบรมความรู้เบื้องต้น
เสนอว่าให้นักศึกษาเขียนเว็บเพจด้วย html
จำนวน 3 หน้า ตัวตน ผลงาน และตนเอง
คือ index.html project.htm aboutme.htm
แต่แสดงผลได้ในอุปกรณ์ขนาดต่าง ๆ ได้เหมาะสม

 

ฝากไว้กับ firebase.com หรือ wordpress หรือ facebook ก็ได้

เกี่ยวกับเรา
เกี่ยวกับเรา

http://www.thaiall.com/webmaster/responsive

โครงการ (project)
โครงการ (project)
หน้าแรก (index) เป็นสารบัญ ดัชนี หรือบทนำ
ที่ฉายภาพรวมความเป็นตัวเรา
แต่ไม่ลึกเท่าโปรเจค หรือเกี่ยวกับเรา
หน้าแรกของนักศึกษาน่าจะมีเนื้อหา
ที่มุ่งขายตัวเรา ตัวอย่างหัวข้อดังนี้
- คนต้นแบบมืออาชีพที่ประทับใจ
- กลุ่มที่สนใจที่เราติดตามประจำ
- บทความ ประเด็น หรือข่าวสำคัญ
- เว็บไซต์ที่แนะนำ
- รายการผลงานเด่นที่สะท้อน skill
- ข้อมูลการติดต่อ หรือ อวตารของเรา

 

หน้าโครงการ หรือโปรเจค (Project)
เป็นการขายตัวเรา (ถ้ามี linkin จะดีมาก)
ที่ผ่านมาสวมบท "นักศึกษา" แล้วทำอะไรไปบ้าง
มีงานอะไรที่เราทำส่งอาจารย์แล้วประทับใจ
เทอมหนึ่งเรียน 6 วิชา ๆ ละ 1 งานก็ปีละ 12 งาน
เลือกนำมาแบ่งปัน เพราะนั่นสะท้อนให้เห็น skill 
เว็บเพจหน้านี้จะบ่งบอกอัตลักษณ์ของเรา
ผลงานต้องเป็นที่ประจักษ์ อยู่ในความทรงจำไม่ได้
แนะนำว่าผลงานทุกชิ้นให้เขียนเป็นบล็อก
จะทำเอง ร่วมกัน หรือฟังเขามาก็เขียนบล็อกได้
แต่ถ้านักศึกษาไอทีจะต้องมีโฮมเพจเป็นของตนเอง
แล้วเชื่อมทุกอย่างเข้ากับ social media + blog
เนื้อหาในหน้านี้ มีรายละเอียดผลงานที่ครบถ้วน
มีที่มา เนื้อหา สรุป และลิงค์ดาวน์โหลดจะดีมาก
ทั้งหมดในหน้านี้ก็จะสะท้อน skill เพื่อขายตัวเรา

 

หน้าเกี่ยวกับเรา (About me)
ความเป็นส่วนตัวสำคัญมาก 
แต่การอยู่ในสังคมก็ต้องลดความเป็นส่วนตัวลงบ้าง 
และไม่เปิดเผยอะไรที่ไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน 
เราต้องเป็นนักประชาสัมพันธ์ตนเองอย่างมีเป้าหมาย
นักศึกษาต้องบอกว่าตนเอง
มี skill อะไร
มี project อะไรผ่านมือมาบ้าง
มี avatar ให้ว่าที่นายจ้างไปติดตามที่ไหน
มี experience กับอะไรที่เป็นงานอดิเรก 
มี interested กับอะไรที่เป็นแผนในอนาคต
แต่ถ้าทำงานในองค์กรเมื่อใด ระดับความเป็นส่วนตัว
จะแปรผันตามนโยบายขององค์กรทันที

แจกลิงค์สไลด์หนังสือด้านคอมพิวเตอร์ 13 บท แบบ PPS

รวมสไลด์ประกอบหนังสือ โดย วิโรจน์ ชัยมูล และสุพรรษา ยวงทอง
บริษัท โปรวิชั่น จำกัด, กรุงเทพฯ, 2558.
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ISBN: 978-616-204-532-5

computer and it book
computer and it book

1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
http://goo.gl/KptNHX
2. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
http://goo.gl/WWl2bf
3. ซอฟต์แวร์
http://goo.gl/fA9qz2
4. ฮาร์ดแวร์
http://goo.gl/eBGs3m
5. ระบบปฏิบัติการและหลักการทำงาน
http://goo.gl/3LoYfR
6. ข้อมูลและการจัดการข้อมูล
http://goo.gl/y5bXBT
7. การวิเคราะห์และการพัฒนาระบบ
http://goo.gl/g7JNTL
8. การเขียนผังงาน
http://goo.gl/IYxSb8
9. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
http://goo.gl/FgaQN6
10. อินเทอร์เน็ต
http://goo.gl/IgBokw
11. ข้อมูลและสารสนเทศ
http://goo.gl/IQ9e5V
12. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
http://goo.gl/guQDfm
13. จริยธรรมและความปลอดภัย
http://goo.gl/lGwat3

Official site
http://www.provision.co.th/index.php?page=shop.product_details&product_id=555&flypage=flypage.tpl&pop=0&option=com_virtuemart&Itemid=31

ภาพปกที่ผมมี 1 เล่ม
https://www.facebook.com/thaiall/photos/a.10152593764617272.1073741865.350024507271/10153653486702272/

Google.com บริการหลายอย่าง บริการหนึ่งคือ URL Shortener
คือ การย่อ URL (Uniform Resource Locator) ให้สั้นลง
จะได้ใช้วางในสื่อสังคมได้ประหยัดพื้นที่
+ https://goo.gl
http://www.thaiall.com/google

คำแนะนำเรื่องการค้นข้อมูลใน fb จากน้องชาย

น้องชาย
น้องชาย

8 มี.ค.54 มีน้องชายเคยถามผมว่าไปหาข้อมูลใน fb จะพบได้อย่างไร (ก็ผมเคยเก็บข้อมูลในรูปของ note ใน fb นี่ครับ) .. ตั้งแต่นั้นผมก็เริ่มสังเกตเพื่อน และทำให้ผมรู้ว่า การเขียน note ใน facebook.com ไม่มีความหมาย มีปัญหา 2 ประการ คือ ตัวเองสืบค้น note ของตัวเองยังหาได้ยาก และ google.com ไม่สามารถเข้าถึง note ของเราได้เหมือนบทความที่อยู่ในเว็บไซต์หรือบล็อก .. ถ้าจะทำอะไรที่มีความหมาย ก็ต้องเลิกให้ความสำคัญกับ fb เพราะ ผู้คนที่เข้า fb มักใช้เวลางานเพื่อผ่อนคลายมากกว่าจะใช้ fb เพื่อทำงาน .. เป็นความเชื่อว่า fb เป็นเพียงแฟชั่นคล้าย hi5 เพราะมีเครื่องมืออีกมายมายที่ไปถึงเป้าหมายได้เร็ว และตรงกว่าการใช้ fb แต่ fb เป็นทางอ้อม ซึ่งบางครั้งอ้อมซะจนไปไม่ถึงเป้าหมายก็มี .. แต่ความชอบผ่อนคลายของมนุษย์ ทำให้พยายามให้เห็นผลดี ๆ กับ fb ที่จะนำมาใช้ในการทำงาน ทำให้หลายคนคิดว่า fb คือ ทางออกทั้งเรื่องงาน และการผ่อนคลายที่มีประสิทธิภาพทั้ง 2 เรื่อง